ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปแน่นอนว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาสำหรับ’หลงยี่’ที่จะสืบเรื่องเกี่ยวกับชีวิตของเขา ‘ลิ่วหมิงซวน’จากตระกูลลิ่วกำลังมองหน้ามันและพูดอย่างโกรธเกี้ยวว่า
“ไอขยะ แกจะต้องชดใช้กับคำที่แกเคยพ่นเอาไว้”
“แน่นอนมันเป็นเรื่องธรรมชาติ ที่ทุกคนจะต้องรับผิดชอบในคำพูดของตัวเอง และเจ้าเองก็ควรเช่นกัน ไอหมาจรจัด”
‘หลงยี่’พูดพร้อมกับร้อยยิ้มบนใบหน้า หลังจากที่’ลิ่วหมิงซวน’ได้ยินดังนั้น ใบหน้าของมันก็บิดเบี้ยวไปด้วยความโกรธ
“แกกล้าที่จะก้าวออกมาและต่อสู้กับข้าตอนนี้หรือไม่!”
‘ลิ่วหมิงซวน’ดูอารมณ์เสียมาก และชี้นิ้วของมันไปยัง’หลงยี่’และต้องการที่จะหาเรื่องมัน
“ทำไมข้าจะไม่กล้า!”
‘หลงยี่’พูดเสียงดัง และก้าวเท้าออกมา เหมือนกับมันไม่ได้สนใจในท่าทางของ’ลิ่วหมิงซวน’ที่กำลังหาทางยั่วโมโหมัน ทั้ง’ลิ่วหมิงซวน’และ’เฟิงเหยา’ต่างมีพลังทัดเทียมกัน และมีพลังวู่เต้าขั้นที่ 7 เมื่อเทียบกับ’ฉินเทียนขู’นั้นพวกมันก็ไม่ได้ต่างอะไรกันมากมาย ‘หลงยี่’จึงมิได้สนใจอันใด
ตอนนี้’หลงยี่’ มิได้มีเพียงร่างมารทรราชย์ระดับต้าเฉิงเท่านั้น แต่มันยังมีศาตราวุธรองเท้าวายุเหมันต์ ยิ่งกว่านั้น เวลานี้มันยังมีพลังมากยิ่งกว่ายามที่มันได้สังหารฉินเทียนขูเสียด้วยซ้ำไป แต่เหนือสิ่งอื่นใดที่คนอื่นๆไม่รู้ คือเรื่องที่’หลงยี่’นั้นได้ฆ่า’ฉินเทียนขู’
และพวกมันก็มิอาจทราบว่า’หลงยี่’แข็งแกร่งขึ้นจากเดิมมากเพียงใด เมื่อยาม’หลิงหาน’ได้ยินสิ่งที่’หลงยี่’พูด มันรู้สึกตกใจนิดหน่อย พร้อมกับใช้มือจับ’หลงยี่’เพื่อที่จะยับยั้งมันเอาไว้
“น้องหลงยี่ อย่าใจร้อนไป ลิ่วหมิงซวนนั้นมีพลังวู่เต้าขั้นที่ 7 เจ้ายังไม่ใช่คู่มือของมันหรอก”
ถ้าพูดตามหลักแล้วสิ่งที่’หลิงหาน’พูดนั้นไม่ได้ผิดจากความจริงเลยแม้แต่น้อย แต่ยามถึงเวลาที่ต้องต่อสู้ ‘หลิงหาน’ไม่คิดว่า’หลงยี่’จะสามารถเป็นคู่ต่อสู้กับ’ลิ่วหมิงซวน’ได้
“ฮึ่ม หลิงหาน ข้าไม่ได้อยากให้เจ้าสร้างศัตรู เจ้าควรจะอยู่ให้ห่างเอาไว้”
‘ลิ่วหมิงซวน’ยิ้มก่อนที่จะพูด
“ให้ไอขยะนี่มันก้าวออกมา หรือว่ามันไม่กล้าที่จะสู้กับข้า ข้าล่ะอยากรู้จริงๆว่าทั้งร่างของมันมีดีแค่ที่ปากหรืออย่างไร!”
ด้านข้างสายตาอันดูถูก ของ’เฟิงเหยา’จ้องไปที่’หลงยี่’ นางคิดกับตนเองว่ายามนี้ ‘หลงยี่’น่าจะอยู่ในวู่เต้าขั้นที่ 6 แม้หญิงสาวจะไม่รู้ว่า’หลงยี่’นั้นเข้าสู่โลกแห่งวู่เต้าได้อย่างไร
แต่ดูจากพลังของมันในยามนี้ ย่อมไม่แม้แต่จะเป็นคู่ต่อสู้ของ’ลิ่วหมิงซวน’ ดูจากที่’หลงยี่’สามารถเพิ่มพูนพลังของมันได้รวดเร็วปานนี้ นางเดาว่าอาจจะเป็นพ่อของนางได้ให้ยากับ’หลงยี่’จนทำให้มันสามารถเพิ่มวรยุทธของมันได้เร็วเช่นนี้
“พี่หลิงหาน ได้โปรดให้ข้าได้จัดการกับมัน”
‘หลงยี่’พูด
“ข้ามิอาจ”
‘หลิงหาน’ก็ยังคงยืนกรานไม่ยอมเหมือนดั่งป้อมปราการสุดแข็งแกร่ง มันยืนอยู่ด้านหน้าของหลงยี่และพูดว่า
“อีกไม่นานงานอุทยานโสมโบราณก็จะเริ่มขึ้นแล้ว แม้พวกเจ้าจะอยากต่อสู้กัน แต่ก็ไม่สมควรจะมาสู้กันในยามนี้ จะดีกว่าไหมหากพวกเจ้าไปสู้กันหลังจากที่เข้าไปยังอุทยานเรียบร้อยแล้ว”
“หึ ข้าไม่มีปัญหากับการที่จะไม่สู้กับมันในเวลานี้”
‘ลิ่วหมิงซวน’พูดด้วยน้ำเสียงที่ดูถูก
“แค่ให้ไอขยะนี้มันก้มหัวขอร้องข้า และให้มันยอมรับความผิดพร้อมกับกล่าวให้เสียงดังว่า ใครกันแน่ที่เป็นหมาดีแต่เห่า!”
“ท่าน อย่าให้มันมากเกินไป มันเป็นศิษย์ของนิกายเจิ้นเทียน ข้าไม่ยอมให้มันได้รับความอับอายเช่นนั้นแน่!”
‘หลิงหาน’มองด้วยสายตาที่เยียบเย็น มันพร้อมจะต่อสู้แทน’หลงยี่’เสมอ และไม่อาจทนรับคำขู่ใดๆที่พูดใส่มันอีก เมื่อ’หลงยี่’เห็นเช่นนั้น ทำให้มันรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ
‘หลิงหาน’เป็นคนที่ตั้งมั่นในฐานะของตัวเองว่าเป็นศิษย์พี่ และในนิกาย ศิษย์พี่ย่อมต้องปฏิบัติต่อศิษย์น้องอย่างดี พวกศิษย์อีกสี่คนที่ยืนอยู่ด้านหลังตั้งแต่แรก พวกมันไม่ต้องการที่จะมีส่วนเกี่ยวข้องอันใดกับเรื่องนี้ เพราะสำหรับพลังของพวกมันแล้ว เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเข้าไปยุ่งด้วย
“ก้มหัวขอร้องและยอมรับผิด?? เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นผู้ใดกัน”
‘หลงยี่’พูดพร้อมหันหัวไปทาง’หลิงหาน’และบอกกับมัน
“พี่หลิงหาน เชื่อมั่นในตัวข้า มันไม่มีทางทำอันใดข้าได้หรอก”
‘หลิงหาน’ขมวดคิ้ว เพราะมันคิดว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่ไม่ควรจะมีอะไรเกิดขึ้นตั้งแต่แรก ถึงแม้ว่า’หลงยี่’จะแข็งแกร่ง แต่ศิษย์จากหาญปิงคนนี้นั้นอยู่ในวู่เต้าขั้นที่ 7 และหาก’หลงยี่’ต้องการจะต่อสู้กับมันจริงๆ มันคงจะยากมากหากหลงยี่ต้องการที่จะจัดการ’ลิ่วหมิงซวน’
ความห่างชั้นระหว่างขั้นวู่เต้า6 กับ 7 นั้นยิ่งใหญ่มากนัก ผู้ฝึกวรยุทธวู่เต้า 7 ยังสามารถสร้างซวนฉีภายนอกร่างกายอีกด้วย ทำให้มีความได้เปรียบในการต่อสู้กับฝ่ายตรงข้าม
ถึง’หลงยี่’จะเป็นวู่เต้าขั้น 6 แต่มันก็ยังไม่มีประสบการณ์กับการต่อสู้กับคนที่มีวู่เต้าขั้นที่ 7 และมันจะไปสู้กับ’ลิ่วหมิงซวน’อย่างไร
“น้องหลงยี่ ฟังข้าเถิด เจ้าอย่าได้ใจร้อนไปเลย”
‘หลิงหาน’พูดเพื่อต้องการที่จะปกป้อง’หลงยี่’ ศิษย์ที่เหลืออีก 4 คนจากนิกายเจิ้นเทียนเช่นเดียวกับ’เฟิงเหยา’และศิษย์หญิงจากหาญปิงต่างคิดว่า’หลงยี่’กำลังทำท่าทีที่ยโสโดยใช้’หลิงหาน’เป็นโล่
“ช่างน่าอับอายขายหน้ายิ่งนัก มันกำลังดึงศิษย์พี่หลิงหานไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของมัน”
“ไม่แปลกใจทำไมหลงยี่ถึงเป็นคนเช่นนี้ มันได้ล่วงเกิดพี่ถานเจียนและศิษย์พี่หญิงเฟิงเชียนเชียน”
ศิษย์ทั้งสี่จากนิกายเจิ้นเทียนกำลังกระซิบกันอยู่ทำให้’หลงยี่’สงสัย ในตอนนี้ ‘หลงยี่’ต้องการที่จะต่อสู้กับ’ลิ่วหมิงซวน’เพื่อจะให้รู้กันไปเลยว่าใครกันแน่ที่แข็งแกร่งกว่า แต่’หลิงหาน’ก็ไม่ต้องการให้การต่อสู้นี้เกิดขึ้น มันจึงต้องหาทางทำอะไรสักอย่าง
“หึ ที่ไหนได้แกไม่ใช่แค่ขยะ แต่เป็นไข่นิ่มๆ ที่กำลังพยายามหลบอยู่ด้านหลังคนอื่นเพื่อที่จะไม่ถูกทำร้ายนี่เอง!”
‘ลิ่วหมิงซวน’ยิ้มและพูดว่า
“แกมันก็ได้แค่นี้ล่ะ แกมันไม่มีค่าพอสำหรับเฟิงเหยาหรอก ไม่แปลกใจทำไมนางถึงด่าแกว่าเป็นเพียงขยะไร้ค่า!”
หลังจากได้ยินเช่นนั้นคนที่ยืนอยู่แถวนั้น เกิดความรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย แต่’เฟิงเหยา’ไม่ได้รู้สึกอะไรเป็นพิเศษ นางคิดว่ามันก็เป็นแค่ความคิดเห็นทั่วไปเท่านั้น
เวลานี้ คนอื่นกำลังตกใจกับสิ่งที่’ลิ่วหมิงซวน’พูดถึง’หลงยี่’ มันไม่เหมาะสมกับ’เฟิงเหยา’งั้นรึ? หมายความว่าสองคนนี้มีความสัมพันธ์อะไรบางอย่างหรืออย่างไร?
แต่เมื่อมองไปที่อารมณ์บนหน้าของ’เฟิงเหยา’แล้ว ดูเหมือนว่าจะมีเพียงสายตาดูถูที่จ้องไปยัง’หลงยี่’ ทุกคนจึงคิดว่า ต้องมีใครสักคนที่พยายามจะจับให้ทั้งสองคนนี้แต่งงานกันเป็นแน่
‘หลิงหาน’รู้สึกตกใจเองเช่นเดียวกัน มันไม่คาดคิดเลยว่า’หลงยี่’นั้นจะมีความสัมพันธ์อะไรกับ’เฟิงเหยา’
“พี่หลิงหาน มันท้าทายข้า หากข้าไม่ตอบรับคำท้านี้ จะไม่เป็นความอับอายของนิกายเราหรอกรึ?”
สายตาของ’หลงยี่’นั้นแฝงไปด้วยพลัง ในที่สุดมันก็หาเหตุผลที่กล่อม’หลิงหาน’ได้แล้ว
“ถ้าเรื่องมาถึงขนาดนี้ ข้าก็จะไม่หักห้ามเจ้าอีก!”
สายตาของ’หลิงหาน’เปร่งประกายและเต็มไปด้วยกำลังใจ
“เพียงแต่เจ้าต้องจำไว้อย่างหนึ่ง พี่ของเจ้าจะอยู่ด้านหลังนี้ตลอดเวลา เจ้าไม่ต้องกำลังวลอะไรมากนัก หากเจ้าแพ้ ก็แสดงการต่อสู้ที่เยี่ยมยอดให้พวกเราได้เห็นซะ!”
มันคิดว่า’หลงยี่’นั้นเหมือนกับ ‘เฟิงเหยายู่’ ไม่ว่าใคร หากมันต้องการที่จะสู้ด้วย ไม่ว่าเหตุผลของเรื่องความต่างของพลังหรืออะไร มันก็จะเข้าฟาดฟันอย่างกล้าหาญ
“พี่หลิงหานอย่าได้กังวล”
‘หลงยี่’พยักหน้าและก้าวออกไป ‘หลงยี่’ไม่ได้สนใจอะไรหากมันได้ต่อสู้แล้ว มันยิ่งไม่สนใจเรื่องใดอีก
“ดูเหมือนว่าแกจะกล้าออกมาจริงๆสินะ”
‘ลิ่วหมิงซวน’เห็น’หลงยี่’ก้าวเท้าออกมา มันมองไปที่’หลงยี่’ด้วยสายตาที่ดูถูก และพูดว่า
“ไอขยะ! ข้าจะอัดแกจนแกต้องคุกเข่าขอความเมตตาจากข้า และเสียใจในสิ่งที่เจ้าทำลงไป!”
“หยุดเห่าเสียที เข้ามา!”
‘หลงยี่’พูดในขณะที่เริ่มการโคตจรของซวนฉีในร่างกายของมัน ‘หลงยี่’ได้ใช้ทักษาเคลือบวัชระมาร และตอนนี้มันเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ทุกเมื่อ และถึงแม้’ลิ่วหมิงซวน’จะลอบโจมตีด้วยกระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุด มันก็ยังรับประกันความปลอดภัยของมันเองได้
หลังจากนั้น ‘ลิ่วหมิงซวน’ก็เริ่มพุ่งเข้าไปหา
“หมัดทลายภูผา!!”
เพียงการโจมตีครั้งเดียว ‘ลิ่วหมิงซวน’ได้รวบรวมพลังวรยุทธ์ของมันไปยังกำมือและต่อยไปที่’หลงยี่’
‘หลงยี่’รู้สึกถึงพลังที่อยู่ในหมัดนั้นระดับพลังแค่วู่เต้าขั้นที่ 6 ยามต้องเผชิญกับพลังเพียงแค่นี้ ‘หลงยี่’ ไม่อาจเคลื่อนไหวได้เลยแม้แต่น้อย
“หากการโจมตีจากระดับพลังวู่เต้าขั้นที่ 6 ข้าคิดว่าสามารถทานมันได้ด้วยร่างมารทรราชย์”
‘หลงยี่’คิดอยู่ในใจและหลังจากนั้น หมัดทหลายภูผาของฝ่ายตรงข้ามก็พรุ่งเข้ามาตรงไหล่ของมัน สายลมกระโหมไปทั่วทุกทิศจาก พลังหมัดที่ปะทะเข้ากับร่างกาย
ยามที่ทุกคนเห็นเช่นนั้น พวกมันก็คิดว่า’หลงยี่’คงจะถูกหมัดนั่นต่อยจนบินไปไกลแล้ว หรืออย่างน้อยก็ต้องโดนผลักถอยหลังไปบ้างด้วยพลังของหมัดหมัดนี้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นได้สร้างความแปลกใจให้กับทุกคน สายลมที่โหมกระหน่ำเมื่อครู่ก็หายไป
ต่อให้การโจมตีเมื่อกี้เป็นการโจมตีแบบจังๆ แต่ร่างของ’หลงยี่’ก็ยังคงนิ่งเหมือนกับการโจมตีเมื่อกี้ไม่อาจส่งผลอะไรให้มันเลยแม้แต่น้อย
“แกมีพลังแค่นี้หรอกรึ?”
‘หลงยี่’พูดเสียงดัง
“หากแกมีพลังเพียงแค่นี้ หลังจากนี้ไม่นาน ข้าว่าแกจะต้องเป็นฝ่ายที่ก้มหัวร้องขอความเมตตาเสียมากกว่า”
‘ลิ่วหมิงซวน’ ดึงหมัดของมันกลับมาและกระโดดถอยหลังห่างจาก’หลงยี่’ แต่ก็ยังมีสายตาและใบหน้าที่เหยียดหยามหลงเหลืออยู่
“ไอขยะเอ้ย นั้นมันพลังเพียงสามในสิบส่วนของข้าเท่านั้น ดูเหมือนเจ้าเองก็ยังต้านทานมันได้ ซึ่งนั่นผิดไปจากที่ข้าคาดเดาไว้มาก แต่ครั้งต่อไป ข้าจะให้เจ้าได้เห็นพลังที่แท้จริงของข้า!”
‘ลิ่วหมิงซวน’โบกมือของมันขึ้น และทันใดนั้น พลังซวนฉีก็ปรากฏออกมาจากแขนของมันเหมือนมันกำลัง สร้างมังกรสองตัวออกมาจากซวนฉี ซึ่งมังกรทั้งสองก็กำลังพุ่งตรงไปโจมตี’หลงยี่’
คลื่นพลังซวนฉีทั้งสองที่กลายเป็นมังกร นั้นช่างอันตรายยิ่งหนัก ในตาของ’หลงยี่’ประกายไปด้วยหวัง
“ข้าจะได้เห็นสักที ว่าพลังของการเคลือบวัชระมารนั้นแข็งแกร่งเพียงใด”
เมื่อ’หลงยี่’คิดเช่นนั้น มันไม่ได้หลบการโจมตีนี้ และยืนอยู่ตรงนั้น รอการต้อนรับจากมังกรเหมันต์ทั้งสอง เพื่อที่จะทดสอบพลังของการเคลือบวัชระมารของมัน
เมื่อเห็นเช่นนั้น ทำให้ใจของ’หลิงหาน’เหมือนตกลงไปสู่ใต้ทะเล
“อย่า อย่าได้ร้อนลนไป น้องหลงยี่ ข้าว่าเจ้าควรมีอะไรมารับประกันความปลอดภัยของมันก่อนที่เจ้าจะลองอะไรแบบนี้ ไม่งั้นเจ้าจะไม่สามารถหลีกหรือหลบหากเจ้าต้องการได้”
‘หลิงหาน’เกือบตัดสินใจที่จะออกไปเพื่อปกป้อง’หลงยี่’ แต่มันตัดใจในตอนสุดท้ายว่าจะไม่ออกไป มันเลือกที่จะเชื่อในตัวของ’หลงยี่’
แต่ในตอนนี้ เมื่อเจอกับมังกรเหมันต์ถึงสองตัว ‘หลงยี่’สัมผัสได้ถึงพลังระดับ 60000-70000 จิน มันยังคงยืนตั้งมั่นอยู่ตรงนั้น และรวบรวมซวนฉีในร่างเพื่อใช้ในการครอบร่างกายของมัน
“เคลือบวัชระมาร!!”
หลังจากนั้น ร่างกายของ’หลงยี่’ก็เคลือบไปด้วยแสงสีทองบนผิวของมัน เหมือนกับเทพสวรรค์ก็มิปาน เมื่อมังกรเหมันต์ทั้งสองพุ่งเข้ามาจากทางซ้ายตัวทางขวาตัว และได้ปะทะเข้ากับร่างของ’หลงยี่’ ทำให้ร่างกายของมันสั่นคลอนเพียงเล็กน้อย
แต่บนผิวของ’หลงยี่’ ที่มีแสงสีทองของวัชระมารเคลือบอยู่ก็เปร่งแสงออกมาและได้ต้านทานพลังทำลายอย่างรุนแรงได้ ซวนฉีพุ่งออกมาจากร่างกายของหลงยี่อย่างมากมายและมีความแข็งแกร่งมั่นคงเปรียบดั่งภูเขา
เมื่อเห็นร่างทองของ’หลงยี่’ ทุกคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นก็รู้สึกประหลาดใจ ไม่ว่า’หลิงหาน’หรือ’เฟิงเหยา’ หรือคนอื่นๆ จากทั้งสองนิกายก็ไม่คิดว่า’หลงยี่’จะสามารถต้านทานพลังของมังกรเหมันต์ทั้งสองนี้ได้
กระนั้น คนที่ตกใจมากที่สุดคือ ‘ลิ่วหมิงซวน’
“บัดซบ เป็นไปได้อย่างไร… มังกรเหมันต์ทั้งสองเป็นท่าวรยุทธ์ระดับสูงสุด ถึงข้าจะฝึกได้แค่ถึงระดับเซี่ยวเฉิน แต่พลังของมันก็น่าจะถึงระดับ 70000จิน ไอขยะนี่มันต้านพลังของข้าได้อย่างไรกัน”
ยังคงมีสายตาแห่งความตื่นตกใจปรากฏอยู่ในตาของ’ลิ่วหมิงซวน’
ไอขยะหลงยี่มันแค่ระดับวู่เต้าขั้นที่ 6 แต่พลังของมังกรเหมันต์ของมันแม้แต่วู่เต้าขั้นที่ 7 ยังมิอาจที่จะต้านทานได้เลย
“แกพูดว่าอะไรนะ นี่นะหรอพลังที่แท้จริงของแกน่ะ”
‘หลงยี่’พูดเสียงดังและยิ้ม
“ถ้าเป็นเช่นนั้น แกมันก็เป็นแค่หมาที่ไม่เหมาะสมจะมาส่งเสียงเห่าต่อหน้าข้า”
หลังจากพูดเช่นนั้น ‘ลิ่วหมิงซวน’ก็พลันโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก มันอยากที่จะใช้วรยุทธ์ที่แข็งแกร่งกว่านั้นจัดการ’หลงยี่’
แต่ทันใดนั้น ทุกคนที่ได้ยินเสียงขบวนจากที่ไกลๆในถนน ใบหน้าของทุกคนต่างเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ทุกคนที่จ้องมองไปที่เสียงขบวนนั้น และเห็นกลุ่มของนักรบในชุดเกราะอยู่บนหลังม้า
“องค์หญิงเสด็จแล้ว”
ทุกคนบริเวณนั้นได้มองไปพร้อมกับหัวใจที่เต้นระรัว
…………………….
แปลโดยทีมงาน DME
Marionette : ต่อให้ก่อนเลยละกันสองหมัด เปิดตัวตอนหน้ากับองค์หญิงผู้มากับความงาม และ ปมตัวตนของหลงยี่ สุดท้าย ขอโทษเป็นอย่างยิ่งที่้เกิดความล่าช้านะครับ Genius sword immortal & Dragon martial emperor สามารถติชมกันได้ทางเพจนี้เลยครับ ทุกคำติชมเป็นแรงผลักดันให้ทีมเราก้าวเดินต่อครับ
ที่มา: