ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป” บ้าจริง! ! ! มันเกิดขึ้นได้ไง ? “
” สวรรค์ นี่มันเรื่องอะไรกันแน่ ? “
เห็นฉากบนเวทีประลอง ทุกคนต่างตกใจ เพราะก่อนที่ร่างเงาพวกนั้นจะหายไป หลายคนมองไม่เห็น’ชูเฟิง’โจมตี จู่ๆเขาก็เห็นคนจากสำนักวายุเมฆาชะงักแล้วก็ลอยขึ้นไปจากนั้นก็ตกลงบนพื้น ร้องเยี่ยงสุนัข . . . . .
” ช่างเป็นการโจมตีที่รวดเร็วและรุนแรงยิ่งนัก!!! “
แต่ เมื่อเปรียบเทียบกับใบหน้าของผู้คนที่กำลัง งงงวย เจ้าเมือง วิหคเพลิง ‘ซู เฮิน’ ถึงกับตาสว่าง เขาใช้สายตาจ้องมองบนเวทีฯอย่างไม่ละสายตา ขณะนั้นเขาได้เห็นตอนที่ ‘ชูเฟิง’ โจมตี
” ท่านพ่อ ก็อย่างที่หนูบอก ชูเฟิงนั่นมีอำนาจพลังวิญญาณ ด้วยทักษะที่หลอกสายตาของเขาจึงไร้ประโยชน์ “
ขณะนั้น ‘ซูรู่’ ยืนอยู่ข้างหลัง ‘ซู เฮิน’ ในนั้นนางเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ใบหน้าของนางก็แสนจะงดงาม
” ไม่เพียงแต่จะมีเฉพาะอำนาจพลังวิญญาณเท่านั้น เขายังพลังวิญญาณที่ลึกลับอีกด้วย เขาสามารถเอาชนะคนที่อยู่อาณาจักรกำเนิดวิญญาณระดับ 1 ได้ไม่ยาก ด้วยพลังวิญญาณที่อยู่แค่ระดับ 8 ห้วงวิญญาณ ความสามารถด้านการต่อสู้จึงนับว่าแข็งแกร่งที่เดียว “
” ทั่วทั้งอาณาจักร มังกรฟ้า เขานับเป็นบุคคลที่พัฒนาได้อย่างรวดเร็วจึงได้ชื่อว่า อัจฉริยะ แต่ในความเป็นจริงเขาสมควรที่จะถูกเรียกว่า อัจฉริยะที่แท้จริงซะมากกว่า เขาสามารถทำในสิ่งที่คนอื่นๆทำไม่ได้ “
‘ซูเฮิน’ จ้อง ‘ชูเฟิง’ ด้วยความขื่นชมอยู่เต็มใบหน้าของเขา แล้วพูดกับ’ซูรู่’ว่า
” รู่เอ๋อ น้องสาวของเจ้า สนิทกับ ชูเฟิง มากเลยใช่มั๊ย พวกเราต้องให้ความสำคัญกับเขา เพื่อตะกูล ซู ของเราจะได้พึ่งเขาในอนาคต “
” เฉิน หว่านชิง แข็งแกร่งจริงๆ สมแล้วที่เป็นศิษย์หลักของสำนัก หลิง – หยุน โจมตีเพียงครั้งเดียว ฝ่ายตรงข้ามของนางถึงกับพ่ายแพ้ “
ในตอนนั้น จู่ๆก็มีเสียงคนตะโกนด้วยความแปลกใจ เพราะบนเวทีถัดไป ‘เฉิน หว่านชิง’ ทำให้ฝ่ายตรงข้ามพ่ายแพ้อย่างรวดเร็วด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวเหมือนกับ ‘ชูเฟิง’แต่การโจมตีของนางไม่ได้ประหลาดเหมือนกับ ‘ชูเฟืง’ ทุกคนเห็นที่นางโจมตีได้อย่างชัดเจน
” ศิษย์พี่ หว่านชิง แข็งแกร่งจริงๆ ดูเหมือนว่านครทอง – ม่วงของพวกเราจะมีความหวังแล้วสินะ “
ไม่เพียงแต่ความหวังเท่านั้น แน่นอนว่าเรากำชัยชนะไว้ในมือ
“ตอนนี้ ในงานประลอง มีแค่ 2 คน เท่านั้น ที่อยู่อาณาจักรกำเนิดวิญญาณระดับ 2 นางสามารถเอาชนะฝ่ายตรงข้ามได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว ที่แต่น่าประหลาดใจคือฝ่ายตรงข้ามของนางก็อยู่ในอาณาจักรกำเนิดวิญญาณระดับ 1 แล้วคนที่พลังวิญญาณต่ำกว่าจะเหลืออะไร !!! “
” นั้นก็จริง แม้ว่าคนอื่นๆจะแข็งแกร่งมากแค่ไหน ก็ไม่อาจเทียบกับ หว่านชิง ที่อยู่ในอาณาจักรกำเนิดวิญญาณระดับ 2 ได้หรอก มีคนหนึ่งที่มีผลลัพธ์ในการล่าเขา – วิญญาณมาตั้งมากมายขนาดนั้น จนได้ อันดับ 1 “
” หืม บางทีอาจจะใช้ลูกไม้แบบ ชูเฟิง ก็ได้ “
ทุกคนที่มาจากนครทอง – ม่วง ต่างมองศิษย์หลักจากสำนัก หลิง – หยุน และคนอื่นๆ ขณะที่คิดว่าไม่มีใครสามารถเทียบกับนางได้เพราะผลลัพธ์ของในการล่า เขา – วิญญาณก่อนหน้านี้ พวกเขาจึงใช้สายตาจับจ้องไปที่เวที แต่การต่อสู้ด้านหน้าของพวกเขาต่างทำให้ต้องผิดหวัง
ที่พวกเขาคิดดูถูกคนอื่นคนที่เป็นตัวแทนจากเมือง วายุเมฆา เมืองที่ชนะเลิศในทุกปีอยู่ในอาณาจักรกำเนิดวิญญาณระดับ 1 กับ ศิษย์หลักของสำนักหลิง – หยุน ที่เป็นผู้เชี่ยวอาณาจักรกำเนิดวิญญาณระดับ 2 แต่เขากับดูไม่ด้อยไปกว่านางไม่ว่าจะเป็น ความเร็ว หรือ พลัง เขาต่างไม่ด้อยไปกว่านาง แม้แต่ทักษะของเขาก็ไม่ธรรมดาบางทีอาจเรียกว่า วิเศษด้วยซ้ำ
” ย๊ากกก ! “
ทันใดชายหนุ่มที่อยู่ระดับ 1 กำเนิดวิญญาณก็แสดงพลังของเขาออกมา เขาใช้หมัดจำนวนมากระดมโจมตีใส่นางจนทำให้เวทีฯทั้งหมดต่างสั่นสะเทือน มันคือทักษะ ระดับ 4 เห็นได้ชัดว่าทักษะที่เขาใช้โจมตี นั้นมันไม่ธรรมดา
* พรึบบบ *
เมื่อนางเผชิญหน้ากับการโจมตีของชายหนุ่มจากเมืองวายุฯ นางไม่ตื่นตระหนก รีบร้อนหรือตกใจ แต่อย่างใด นอกจากนั้นนางยังออกหมัดโดยใช้ทักษะระดับ 4 สวนกลับไปโดยปกติแล้วด้วยพลังวิญญาณของนางหากใช้ทักษะระดับ 4 เท่ากัน นางน่าจะอยู่เหนือกว่าคู่ต่อสู่
แต่นี้มันกับเป็นการปะทะกันที่สูสี โดยทำให้ทกคนต่างรู้สึกว่านางยังมีฝีมือไม่พอ
* ปั้ง *
ในที่สุด ทั้งสองคนก็เข้าปะทะกันอย่างเต็มรูปแบบ ทั้งสองหมัดปะทะกันความรุนแรงของมันกระจายออกไป จนทำให้พื้นบนเวทีฯเกิดรอยแตก
ชายคนนั้นคือคนที่ชนะเลิศในทุกๆปี ตัวแทนจากเมืองวายุเมฆา หากเปรียบเทียบกับ ‘เฉิน หว่านชิง’ ที่เอาชนะฝ่ายตรงข้ามในการโจมตีเพียงครั้งเดียว นางกลับใช้ความพยายามที่มากกว่า แต่ไม่ว่าจะดูยังไงเขาก็ไม่ได้ด้อยไปกว่า ‘เฉิน หว่านชิง’” ซ่อนความแข็งแกร่งงั้นหรอ น่าสนใจดีหนิ!!! “
ตอนนั้น ‘ชูเฟิง’ ที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้แล้ว กำลังรอคู่ต่อสู้คนถัดไปอยู่ เขาจึงใช้เวลาดูการต่อสู้ของคู่อื่นๆ แต่ก็ไปสะดุดกับคู่ต่อสู้ของพวกเขา ชายหนุ่มจากเมืองวายุเมฆา เขาสามารถมองออกได้ในทันทีว่าชายคนนั้นพยายามปิดบังความแข็งแกร่งอีกไม่นาน คนๆนั้นก็คงจะปิดม่านเอาชนะ ‘เฉิน หว่านชิง’ ได้แน่ๆ
ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นยังไง ก็ต้องมาเจอเจอกับ ‘ชูเฟิง’ อยู่ดี’ชูเฟิง’ เดินขึ้นไปบนเวทีอีกครั้ง ในตอนนั้น เขาก็ได้พบกับคู่ต่อสู้ที่ท่าทางแข็งแกร่งกว่าคนที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ เพราะเขาเป็นถึง ศิษย์หลัก จากสำนัก หลิง – หยุน ถึงแม้ว่าเขาทั้งคู่จะอยู่ในอาณาจักรกำเนิดวิญญาณระดับ 1 แต่คนๆนี้กับดูเก่งกว่า
” ข้าจำเจ้าได้ เจ้ามากับเจ้าเมืองอ้วนๆคนนั้นสินะ!!! “
‘ชูเฟิง’ยิ้มเบาๆและกล่าว
” ปากดีนักนะ เด๋วข้าจะตีปากของเจ้า!!! “
คนๆนั้น แสนจะเย็นชา
” คนที่แล้วก็พูดคล้ายๆกับเจ้าที่แหละ แต่สุดท้ายก็ไปนอนกองกับพื้น “
‘ชูเฟิง’ ไม่ได้เห็นคู่ต่อสู้อยู่ในสายตาของเขาแม้แต่น้อย เมื่อตอนที่เขายังอยู่ระดับ 7 ห้วงวิญญาณ ‘ชูเฟิง’ ก็สามารถเอาชนะ ระดับ 1 กำเนิดวิญญาณได้แล้ว ตอนนี้ เขาอยู่ในระดับ 8 ห้วงวิญญาณ แม้แต่ระดับ 2 กำเนิดวิญญาณยังยากที่จะเอาชนะเขาได้ ไม่ว่าคู่ต่อสู้จะแข็งแกร่งมากแค่ไหน เขาก็จะล้มคู่ต่อสู้ให้ได้ภายในครั้งเดียว
” หืมมม เจ้าคิดว่าข้าจะเป็นแบบเขางั้นหรอ เจ้าจะดูถูกศิษย์จากสำนัก หลิง – หยุน ของข้าเกินไปแล้ว “
จู่ๆ เขาก็ย้ายมือของเขา และใช้ทักษะลับ ทั้งมือทั้งร่างของเขาทั้งหมดกลายเป็นแสงสีทอง มันส่องประกายออกมาราวกับดวงอาทิตย์
มันดูไม่เหมือนกับร่างกายอีกต่อไป เหมือนเหมือนมนุษย์เหล็กสีทองซะมากกว่า เขาสามารถสับอาวุธและเกราะที่ทำด้วยแร่เหล็กนิลได้อย่างงายดาย มันเป็นทักษะลับ เสริมร่างกาย โดยที่ทำให้ร่างกายของของเขาเป็นเกราะและอาวุธในคราวเดียวกัน หากมองแสงที่เขาปล่อยออกมา ทุกคนไม่อาจสังเกตเห็นการต่อสู้ของพวกเขาได้
” ชูเฟิง คงจบแล้วล่ะ การโจมตีของคนๆนั้นข้าได้ยินว่าเขาแข็งแกร่งกว่าคนจากสำนักวายุฯหลายๆคนซะอีก สมน้ำหน้ามันวางท่าดีนัก มันคงไม่มีทางลุกขึ้นได้อีกเป็นครั้งที่สองแน่ๆ “
” ถูกต้องเลย ถึงแม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นข้างใน แต่ข้าได้ยินคนจากสำนักวายุฯพูดกันว่าวิชานั้น ทำให้เอ็น และ กระดูกเป็นโลหะ โอกาสที่ชูเฟิงจะเอาชนะคงหมดหวัง “
บนเวที จู่ๆ ‘ชูเฟิง’ ก็ปล่อยสายฟ้า กระจายออกไปทุกทิศทาง ด้วยวิศัยทัศน์ที่คนๆนั้นสร้างขึ้น พวกเขาจึงไม่มีทางเห็นสองคนนั้นได้อย่างชัดเจนแต่พวกเขากับคิดว่าแสงพวกนั้นถูกปล่อยออกมาจากศิษย์สำนัก หลิง – หยุน
พวกเขาคิดว่าหากเป็น’ชูเฟิง’ คงไม่มีทางทำได้ถึงขนาดนั้น เพราะเขานั้นมีพลังวิญญาณเพียงน้อยนิดแล้วจะใช้ทักษะที่แข็งแกร่งขนาดนั้นได้ยังไง
” โห ~~~~~~ “
ในตอนนั้น ทุกคนต่างร้องดังออกมา เมื่อแสงสีทองบนเวทีค่อยๆหายไป จากนั้นทุกคนต่างทุกกับตาค้างปากค้าง พวกเขาตกใจกันอย่างมากพวกเขาพบว่า ‘ชูเฟิง’ ยังคงยืนอยู่ตรงนั้น โดยที่ไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน
แต่ศิษย์จากสำนักหลิง – หยุน กับกองลงบนพื้น พร้อมกับปล่อยฟองสีขาวออกมาจากปาก ดวงตาของเขาเหลือบขึ้นด้านบน หากดูดีๆแล้วจะพบว่าเขานั้นหมดสติ
โปรดติดตามตอนต่อไป . . . . . . .
ที่มา: