ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป” นี่มัน . . . . . . . “
ณ ตอนนั้น ทุกคนต่างพากันสับสน เพราะฉากบนเวทีฯ พวกเขาไม่รู้ว่าจะพูดยังไง แม้แต่สาวเย็นชาอย่าง ‘เฉิน หว่านชิง’ ที่ต่อสู้อยู่เวทีฯข้างๆยังหันหน้ามามอง พร้อมกับจ้องมอง ‘ชูเฟิง’ อย่างจริงจัง
จริงๆแล้ว ‘ชูเฟิง’ นั้นแข็งแกร่ง อาจจะมากกว่า ‘เฉิน หว่านชิง’ ด้วยซ้ำ ขนาดเขามีพลังวิญญาณแค่ระดับ 8 ห้วงวิญญาณ แต่เขากับเอาชนะ ระดับ 1 กำเนิดวิญญาณได้อย่างง่ายดาย
แม้แต่คนที่มีความสามารถที่โดดเด่นยังไม่สามารถเอาชนะคนที่พลังวิญญาณน้อยกว่าได้ นั้นย่อมเป็นที่รู้จักกันดีว่าคนๆ สมควรถูกเรียกว่า อัจฉริยะ
ความประหลาดใจค่อยๆเพิ่มเข้าไปภายในจิตใจของพวกเขา นี้เป็นความรู้สึกที่ว่าพวกเขานั้นอาจจะ สบประมาท ‘ชูเฟิง’ บางทีตั้งแต่แรก ‘ชูเฟิง’ อาจไม่ได้ใช้กลโกงใดๆ แต่มันมาจากความสามารถของตัวเขาเอง
” ท่านเจ้าเมือง นี่มัน . . . . . . . “
ใบหน้าขององครักษ์ของนครทอง – ม่วง ยังคงตะลึง ก่อนหน้านี้พวกเขาเอาแต่พูดดูถูก ‘ชูเฟิง’ และคิดว่าเขา ใช้ความสัมพันธ์’ซูรู่’จนทำให้นครทอง – ม่วง ต้องขายหน้า
โดยเฉพาะตอนที่ได้ยินคำพูดของ ‘หว่าน เวิ้นเพิง’ ที่ใส่ร้ายชูเฟิง ความเกลียดชังของพวกเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่ในตอนนี้ พวกเขาเริ่มเปลี่ยนความคิดที่มีต่อ ‘ชูเฟิง’ ไปแล้ว ว่ามันถูกต้องแล้วหรอ ที่ไปคิดเอง เออเอง กล่าวโทษต่างๆว่า ‘ชูเฟิง’ นั้นไร้ความสามารถ
” บางทีคุณหนู ซูรู่ อาจพูดได้ถูกต้อง บางที ชูเฟิง อาจจะทำให้พวกเราประหลาดใจอีกก็ได้!!! “
ใบหน้าของ ‘เฉิน ฮุ้ย’ เต็มไปด้วยความตื่นเต้นพร้อมกับยิ้มด้วยความโล่งใจ ในความเป็นจริง เขาก็เคยคิดเหมือนกับพวกองครักษ์และคนอื่นๆ ว่า’ชูเฟิง’นั้นเป็นภาระ เป็นตัวถ่วงความเจริญ แต่ในตอนนี้พวกเขารู้แล้วว่า’ชูเฟิง’ไม่ได้เป็นแบบที่พวกเขาคิด บางทีเขาอาจจะเป็นคนกุมชะตาของนครทอง – ม่วงไว้ก็ได้
” มันเป็นไปได้ยังไง ทำไมเขาถึงแข็งแกร่งขนาดนั้น เขาแทบจะไม่ได้ออกแรงเต็มที่ด้วยซ้ำแต่คู่ต่อสู้กับล้มกองไม่เป็นท่า “
เมื่อเทียบกับใบหน้าของคนจากนครทอง – ม่วง ยังมีบางคนที่ตกรอบดูแย่ไปเลย พวกเขาต่างไม่อยากจะยอมรับว่ามันเป็นเรื่องจริง เพราะภายในหัวใจของพวกเขา นั้นต้องการเห็น ‘ชูเฟิง’ ขายหน้า
ตอนนี้ภายในสายตาของพวกเขา เห็นว่า ไม่ใช่แค่’ชูเฟิง’จะไม่ทำให้ตัวเองต้องขายหน้า แต่เขากลับกลายเป็นที่สนใจของทุกคนไปแล้ว พวกเขาได้แต่หวังว่ารอบต่อๆ ไปคงไม่มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น
หลังจากที่คนอื่นๆที่ไม่ติด 1 ใน 10 พวกเขาต่างจ้องมอง ‘ชูเฟิง’ ที่ยืนอยู่บนเวทีฯ ที่สามารถเอาชนะ ศิษย์หลัก 2 คนจากสำนัก # 1 และ หนึ่งในนั้นยังมีศิษย์หลักจาก สำนัก หลิง – หยุน อีก เขาพบว่า’ชูเฟิง’นั้นแข็งแกร่งเกินไป อย่างน้อยๆ พวกเขาก็รู้ว่า ‘หว่าน เวิ้นเพิง’ ก็คงไม่อาจทำเช่นนั้นได้
ภายใต้ความตกใจของผู้คนนับไม่ถ้วน ‘ชูเฟิง’ ยิ้มเบาๆ พร้อมกับค่อยๆเดินลงจากเวทีประลอง สายตาของพวกเขาหลายคนที่เคยมีแต่ความดูถูกเหยียดหยาม บัดนี้กลายเป็นความชื่มชม
เมื่อ ‘ชูเฟิง’ สามารถจบการต่อสู้ด้วยความเร็วที่เหนือความคาดหมาย พวกเขาทั้งหมดจึงหันไปดูการต่อสู้ของชายหนุ่มตัวแทนจากเมืองวายุเมฆา
ย้อนกลับมาก่อนหน้านี้
หลังจากที่ชายหนุ่มคนนั้นได่รับชัยชนะมาด้วยความยากลำบาก ทำให้ทุกคนต่างไม่เฉลียวใจว่าเขาพยายามปิดบังความแข็งแกร่งของตัวเอง หรือ คู่ต่อสู้เขาร้ายกาจเกินไป” ไม่ต้องลงมา เด๋วข้าจะขึ้นไปและรีบๆจบงานประลองครั้งนี้ซะ!!! “
ขณะที่ชายหนุ่มจากเมืองวายุฯกำลังจะก้าวลงจากเวทีฯ จู่ๆ ‘เฉิน หว่านชิง’ กระโดดขึ้นไปบนเวทีฯ และคิดจะปิดฉากกับชายหนุ่มคนนั้นให้เร็วที่สุด
” ข้าน้อย ติง โฉ่ว ขอคำชี้แนะด้วย !!! “
ชายหนุ่มจากเมืองวายุฯยิ้มเบาๆ ให้กับการกระทำของ ‘เฉิน หว่านชิง’ เขามีท่าทีสุภาพขณะที่คารวะให้ ‘เฉิน หว่านชิง’ เหมือนว่าเขาไม่กลัวนางเลยแม้แต่น้อย
” ฟู่ววว . . . . “
‘เฉิน หว่านชิง’ สูดหายใจเข้าลึกๆ และรวบรวมพลังใช้ทักษะที่รุนแรง โจมตีใส่คู่ต่อสู้ที่อยู่ด้านหน้าของนาง
” โฮ . . . “
ขณะที่ ‘เฉิง หว่านชิง’ โจมตีเข้ามา ‘ติง โฉ่ว’ ไม่ขยับหรือหลบแต่อย่างใด แต่เขาสร้างกำแพงขึ้นมาจากแหล่งกำเนิดวิญญาณแผ่ออกมาจากฝ่ามือของเขา และป้องกันการโจมตีของนางได้อย่างง่ายได้
” เจ้าซ่อนความแข็งแกร่งไว้งั้นหรอ เพื่ออะไรกันแน่ ? “
‘เฉิน หว่านชิง’ ไม่พอใจอย่างมาก ในดวงตาของนางเต็มไปด้วยความโกรธ
” แหม๋ๆ ข้าแค่อยากสนุกกับการต่อสู่ก็เท่านั้น มีอะไรผิดงั้นหรอ ? “
” เราสองคนมีความคิดที่ต่างกัน ท่านหวังผลแพ้-ชนะในการต่อสู้ ส่วนข้าต้องการแค่ความสนุก ผลแพ้-ชนะของมันก็ไม่ได้สำคัญอะไรกับข้ามากนัก เพราะสุดท้ายข้าก็เป็นผู้ชนะอยู่ดี “
ใบน่าของ ‘ติง โฉ่ว’ ยังคงสงบและยิ้มอย่างมั่นใจ
” มั่นใจนักนะ ดูสิว่าจะมีปัญญาเอาชนะข้าเหมือนที่ปากพูดไม๊ “
‘เฉิน หว่านชิง’ เข้าไปโจมตีอีกครั้ง นางใช้ฝ่ามือแตะไปบนอากาศ ทุกครั้งที่นางทำฝ่ามือของนางก็เพิ่มขึ้นมาเลื่อยๆ
ภายใต้ความเร็วของฝ่ามือของนาง บนเวทีการประลองถูกปกคลุมไปด้วย ปราณสีทอง เหมือนกับกลุ่มดาวหางพุ่งเข้าใส่ ‘ติงโฉ่ว’
” โอ้ว ทักษะของท่านหญิง หว่านชิง แข็งแกร่งจริงๆ แม้ว่ามันจะเป็นแค่ทักษะ ระดับ 4 แต่เมื่อนางนำมันมาใช้ ได้อย่างสมบูรณ์ จนเหมือนเป็นทักษะระดับ 5 “
องครักษ์ทอง – ม่วง ต่างร้องออกมาด้วยความชื่นชม
” หว่านชิง สมแล้วที่เป็นอัจฉริยะ ในด้านความสามารถของทักษะการต่อสู้ นางเหนือกว่าข้าด้วยซ้ำ “
บิดาของ’เฉิน หว่านชิง เฉิน ฮุ้ย’ แสนจะภูมิใจ จนไม่อาจปิดบังรอยยิ้มเอาไว้ได้
” ฝ่ามือ ดาวตก!!! งั้นหรอ ก็ไม่เลวหนิ แต่น่าผิดหวังที่มันยังห่างชั้นกับของข้า “
‘ติง โฉ่ว’ หลี่ตาลง พร้อมกับ โคจรพลังวิญญาณ โดยใช้ฝ่ามือแตะไปบนอากาศ เช่นเดียวกับ ‘เฉิน หว่านชิง’ แต่ในเรื่องของพลัง เขาดูแกร่งแข็งกว่าของนาง
* บู้มมม *
เสียงดังกระหึ่ม ปราณสีทองปะทะกันบนเวทีฯอย่างแรง ระเบิดของพลังระดับกำเนิดวิญญาณกระจายออกไปอย่างต่อเนื่อง แม้แต่คนที่อยู่รอบๆยังสัมผัสได้ ถึงพลังของผู้เชี่ยวอาณาจักรกำเนิดวิญญาณ
ในเวลานั้น ทุกคนต่างเข้าใจแล้วว่า ‘ติง โฉ่ว’ ตั้งใจปิดบังความแข็งแกร่ง เมื่อนึกถึงการต่อสู้ในอดีตของเขา เขาก็ดูไม่แข็งแกร่งหรืออ่อนแอจนเกินไป เหมือนกับเขาจงใจทำซะมากกว่า สำหรับฝีมือของเขาในตอนนี้ดูไม่ด้อยไปกว่า ‘เฉิน หว่านชิง’ แม้แต่น้อย
” ฝีมือ ติง โฉ่ว น่าประทับใจจริงๆ สมแล้วที่เป็นตัวแทนของเมืองวายุเมฆา ในด้านความแข็งแกร่งของเขามีมากกว่า เฉิน หว่านชิง ซะอีก ดูเหมือนว่าผู้ชนะเลิศในปีนี้คงจะเป็นเมืองวายุเมฆาอีกแล้วสินะ “
‘ซูเฮิน’ ตัดสินใจและกล่าว
” นี่ท่านพ่อ พูดเช่นนั้นไม่เร็วไปหน่อยหรอ ถึงแม้ว่า เฉิน หว่านชิง จะไม่สามารถเอาชนะ ติง โฉ่ว ได้ แต่สัตว์ประหลาดจากสำนักมังกรฟ้ายังไม่ได้ขึ้นเวทีฯเลยนะ “
‘ซูรู่’พูดพร้อมกับยิ้มขณะที่ยืนอยู่ด้านหลังของ ‘ซูเฮิน’
” ก็ถูกที่ว่าชูเฟิงเป็นอัจฉริยะ อย่างไม่ต้องสงสัย แต่ ติง โฉ่ว ก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน เจ้าไม่เห็นหรอว่าเขายังไม่ได้ใช้พลังเต็มที่จนถึงตอนนี้ เขายังไม่ได้ใช้ทักษะลับใดๆด้วยซ้ำ เขาใช้แค่ทักษะทั่วไปที่เขามี ข้าดูแล้วถ้าหากเขาใช้พลังทั้งหมด อาจจะเทียบได้กับผู้เชี่ยวชาญอาณาจักรกำเนิดวิญญาณระดับ 3 “
” แม้ว่า ชูเฟิง จะแข็งแกร่งแค่ไหนเขายังอยู่แค่ในระดับ 8 ห้วงวิญญาณ หากเขามีพลังวิญญาณอยู่ในระดับ 1 กำเนิดวิญญาณ ก็อาจจะพอมีโอกาสเอาชนะ ติง โฉ่ว ได้บ้าง ถ้าหากเขายังไม่เข้าสู่อาณาจักรกำเนิดวิญญาณ หรือต่อให้อยู่ระดับ 9 ห้วงวิญญาณ เขาก็คงไม่มีทางเอาชนะ ติง โฉ่ว ได้ “
‘ซูเฮิน’ ส่ายหน้า
” ท่านพ่อยังไม่รู้จัก ชูเฟิงดี แม้ว่า ติง โฉ่ว จะยังไม่ได้ใช้พลังเต็มที่ นั้นก็ไม่ได้หมายความว่า ชูเฟิง จะใช้พลังเต็มที่หนิ “
‘ซูรู่’ ไม่เห็นด้วยกับความคิดของ ‘ซูเฮิน’
” เจ้าค่อนข้างมั่นใจว่าชูเฟิงจะชนะใช่ไม๊ เรามาเดิมพันกันเอามั๊ยล่ะ ? “
ซูเฮินยิ้มแบบแปลกๆและกล่าว
โปรดติดตามตอนต่อไป . . . . . . . .
ที่มา: