ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป‘เย่เฟิง’มองไปทางคนรับใช้วัยหนุ่มอย่างเย็นชา เขาไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้นแค่วางแจกันลงพื้นลงอย่างมั่นคง
“มีเรื่องอะไรกัน”
ชายวัยกลางคนเดินกลับเข้ามาถามด้วยน้ำเสียงดุดัน เขาก้มลงไปหยิบหยกที่แตกกับพื้นออกเป็นสองเสี่ยงด้วยสีหน้าบิดเบี้ยว หันไปมองเย่เฟิงพลางกล่าว
“เจ้าหนุ่ม รู้ตัวหรือเปล่าว่าเจ้าก่อเรื่องใหญ่แค่ไหน ไม่รู้หรือไงว่าของชิ้นนี้เป็นสมบัติของบุตรคนที่สามแห่งตระกูลหลินน่ะ”
“เดี๋ยวสิ เห็นกันอยู่ชัดๆว่าคนของพวกคุณนั่นแหละที่ทำมันแตกน่ะ”
‘อู๋บี’รับไม่ได้กันการป้ายสีของอีกฝ่าย เขาโกรธจนเลือดขึ้นหน้าและชี้นิ้วไปที่คนรับใช้วัยหนุ่มคนนั้นขณะที่ด่าไปด้วย ถ้าไม่ใช่’เย่เฟิง’เข้าไปช่วยอีกฝ่าย ไม่ใช่แค่หยกนั่นหรอกที่จะแตกแม้แต่แจกันก็คงจะไม่เหลือซากไปด้วยเช่นกัน
แต่เจ้าคนรับใช้หนุ่มนั่นกลับกลัวความผิดจนใส่ร้ายเพื่อนของเขาไปเสียแบบนั้น
“มันจะไม่มากไปหน่อยเหรอที่ใส่ร้ายคนบริสุทธิ์โดยที่ยังไม่ทันได้สอบสวนอย่างถูกต้องน่ะ”
‘เย่เฟิง’ขมวดคิ้วกล่าว
“ใส่ร้ายคนบริสุทธิ์งั้นเหรอ ดีงั้นห้ามใครไปไหนเด็ดขาดจนกว่าเราจะเคลียร์เรื่องนี้จบ”
คนรับใช้วัยกลางคนพับแขนเสื้อขึ้น สีหน้าแสดงถึงความโกรธเตรียมพร้อมจะมีเรื่องได้ตลอดเวลา เห็นสถานการณ์เป็นเช่นนี้แล้ว’อู๋เอ’รีบวิ่งเข้ามาไกล่เกลี่ยทันที
“เอาเป็นว่าผมจะชดใช้ให้กับสิ้นค้าที่เสียหายนี้แล้วกันนะ ถ้าคุณหลินซิวเหวินต้องการบอกให้เขาเข้ามาเลือกของไปได้เลย ไม่มีการคิดค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น”
ตอนนี้’อู๋เอ’ได้แต่หวังให้อีกฝ่ายตอบตกลง ในเมื่ออีกฝ่ายเป็นซานเฉี่ยวแห่งตระกูลหลินแล้วจะไปมีเหตุผลได้อย่างไร ดังนั้นวิธีแก้ปัญหาในสถานการณ์เช่นนี้ที่ดีที่สุดคือการรีบยื่นข้อเสนอการชดเชยสินค้าให้ ในขณะที่เจ้าคนรับใช้หนุ่มคนนั้นยังคงใส่ร้าย’เย่เฟิง’และจ้องเขาอย่างไม่หยุด
เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นที่ร้านของเขา หากเขาไม่แก้ปัญหาแล้ว’เย่เฟิง’คงต้องถูกโทษตายอย่างลับๆจากซานเฉี่ยวแห่งตระกูลหลินอย่างแน่นอน
“หึ มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก รอฟังคำตอบจากคุณหลินซิวเหวินก็แล้วกัน”
ชายวัยกลางคนแค่นเสียงเย็นชาจากนั้นหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายไปหาหลินซิวเหวินเนื่องจากเขาออกไปจากร้านขายของตั้งแต่เลือกสิ้นค้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ถึงอย่างไรก็ตาม’เย่เฟิง’จะยอมให้เขาโดนเอาเปรียบเช่นนี้ได้อย่างไร เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายทำตัวไร้เหตุผลเช่นนี้แล้ว
‘เย่เฟิง’เคลื่อนตัวไปข้างหน้าเตรียมสั่งสอนคนรับใช้วัยกลางคนทันทีหลังจากเขาฟังคำพูดไร้สาระของคนพวกนี้มามากพอแล้ว วิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุดก็คงเป็นการใช้กำลัง ขณะที่อีกด้าน’อู๋บี’รีบข้ามมาห้ามปราม’เย่เฟิง’ให้สงบสติอารมณ์ลงเมื่อเห็นเขาทำท่าจะเข้าโจมตีอีกฝ่าย เขารั้งตัวของ’เย่เฟิง’ไว้
“ผึ้งน้อย อย่าพึ่งใจร้อนไปเลย เชื่อมือพ่อของฉันเถอะนะ”
‘อู๋เอ’ที่ยืนอยู่ข้างๆตบไหล่’เย่เฟิง’เบาๆให้เขาใจเย็นลง ‘เย่เฟิง’หันกลับไปมอง’อู๋เอ’เห็นสายตาที่ห่วงใยของเขาจึงตัดสินใจที่จะยอมเชื่อฟังไปก่อนไม่ทำตัวหุนหันพลันแล่นไป
“เจ้าเด็กนี่มันยังไงกัน กล้าทำของๆพวกเราแตกแล้วยังทำท่าจะมีเรื่องกับพวกเราด้วยงั้นเหรอ”
ชายวัยกลางคนหัวเราะเย้ยอย่างดูหมิ่น เมื่อต่อสายติดเขารีบคุยกับ’หลินซิวเหวิน’ทันทีถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
“ชดใช้คืนทั้งหมดสามเท่า แล้วจะถือว่าเรื่องนี้ผ่านไป”
ได้ยินเช่นนั้น’อู๋เอ’รู้สึกโล่งใจขึ้นมา ดีแล้วที่’หลินซิวเหวิน’ไม่ได้ลงมายุ่งด้วยตัวเอง
“หึ พวกแกยังโชคดีที่วันนี้คุณหลินซิวเหวินอารมณ์ดี ไม่งั้นเรื่องคงไม่จบลงสวยแบบนี้หรอกนะ”
ชายวัยกลางคนวางสายโทรศัพท์มองไปทาง’เย่เฟิง’อย่างเย็นชา ‘เย่เฟิง’ที่คอยดูสถานการณ์อยู่ด้านข้างรู้สึกอยากจับเจ้าคนรับใช้คนนี้มาสั่งสอนเสียให้เข็ดแต่ก็ได้แค่อดทนไว้ หากเขามีเรื่องกับคนของตระกูลหลินในร้านนี้แล้ว พวก’อู๋บี’ก็คงต้องเดือดร้อนไปกับเขาเช่นกัน
อย่างไรก็ตามความประทับใจของตระกูลหลินที่เขามีตอนนี้ก็ติดลบไปเสียแล้ว คนรับใช้วัยกลางคนนั่นคิดว่า’เย่เฟิง’โชคดีนักที่ถูกช่วยเหลือเอาไว้หารู้ไม่ว่าเป็นตัวเขาเองนั่นแหละที่’เย่เฟิง’ไว้ชีวิตเพราะเห็นแก่หน้าของ’อู๋เอ’
“ชดใช้คืนสามเท่าไม่ใช่ปัญหาอะไร”
‘อู๋เอ’ยังคงมีรอบยิ้มอยู่บนหน้าเหมือนเดิม เขาเข้าไปพูดคุยเพื่อตกลงกันอีกครั้งและยังช่วยแบกวัตถุโบราณอื่นๆขึ้นรถตู้สีขาวที่จอดอยู่ข้างนอกด้วย จากนั้นรถดังกล่าวจึงแล่นออกไป
“ลุงอู๋ไม่ต้องห่วง วันนี้ผมจะทำให้พวกนั้นคลานออกไปจากร้านนี้เอง”
‘เย่เฟิง’มองไปยังคู่กรณีที่กำลังจะเดินออกจากร้านอย่างเย็นชา
“คลานบ้านนายสิ ถ้านายใจร้อนกว่านี้ละก็นายนั่นแหละที่จะเป็นฝ่ายซวยเอง”
‘อู๋บี’บ่นกับเขาต่อ
“ในเมืองเหยียนจิงนี้ใครๆก็รู้ถึงชื่อเสียงแย่ๆของหลินซิวเหวิน ถ้านายยั่วโทสะเขานั่นแปลว่านายได้ตายไปแล้วล่ะ เขาไม่ปล่อยนายไว้แน่!”
‘เย่เฟิง’ได้ยินเช่นนั้นก็ไม่ได้อธิบายอะไร เขาหันไปทำมือคำนับแก่อู๋เอพร้อมกล่าวว่า
“วันนี้ผมทำให้ลุงอู๋ต้องลำบาก เช่นนั้นผู้เยาว์คนนี้คงต้องขอตัวลาก่อนแล้ว”
“ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนขนาดนั้น ทำไมไม่มากินข้าวเย็นด้วยกันก่อนที่จะกลับล่ะ”
‘อู๋เอ’ชวนเขาอยู่ต่ออย่างเมตตา แววตาเขาเปล่งประกายเมื่อได้ยิน’เย่เฟิง’แทนตัวเองว่า‘ผู้เยาว์’ขณะที่กล่าวลา มันเป็นคำที่คนใหม่มักไม่ใช้แล้วในทุกวันนี้
“ไม่ดีกว่าครับลุงอู๋ ค่าชดใช้ที่ลุงอู๋จ่ายไปสามเท่าเมื่อกี้รวมทั้งหมดเป็นราคาเท่าไหร่หรือ?”
‘เย่เฟิง’คิดอยู่ครู่หนึ่งจึงถามออกมา
“ไม่ได้มากมายอะไร แค่สามล้านเท่านั้น”
‘อู๋เอ’โบกมือสบายๆ สามล้านที่ออกมาจากปากเขาดูเหมือนไม่ได้มีค่าอะไรเลย ‘เย่เฟิง’ถึงกับเหงื่อตกเมื่อได้ยินคำว่าสามล้าน ลุงอู๋คนนี้ช่างโหดร้ายยิ่งนัก สามารถเปลี่ยนสินค้าราคาเพียงแสนห้าให้กลายเป็นหนึ่งล้านได้ ‘หลินซิวเหวิน’นั่นก็หน้าโง่มิใช่น้อยหรือไม่ก็เพราะเขามีเงินมากเกินไปจนไม่ได้ใส่ใจ
อย่างไรก็ดีต้องถือว่าลุงอู๋กล้ามาที่กล้าหลอกโก่งราคากับ’หลินซิวเหวิน’
“ลุงอู๋ไม่ต้องห่วง หนี้สามล้านนี้ผมจะนำกลับมาจ่ายให้ในอนาคตอย่างแน่นอน”
‘เย่เฟิง’ผงกหัวกล่าวออกไป เขามั่นใจว่าด้วยความสามารถของเขาในอนาคตสามล้านคงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แน่นอนว่าทั้งพ่อลูกตระกูลอู๋ที่ได้ยินเช่นนี้ก็ไม่ยึดถือในคำพูดของ’เย่เฟิง’นัก
“เอาเป็นว่าไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้อีกแล้วกัน”
‘อู๋เอ’โบกมือ
“อย่างที่คนกล่าวไว้ ช่วยชีวิตคนได้ถือเป็นชัยชนะ ได้กุศลยิ่งกว่าสร้างเจดีย์เจ็ดชั้น วันนี้สามล้านช่วยเหลือชีวิตเธอไว้จัดว่าคุ้มค่าแล้ว อ่อใช่ ลืมถามไปเลยว่าวันนี้เธอซื้ออะไรไปงั้นหรือ”
“หินสีเขียวๆที่เหลือเพียงแค่ครึ่งก้อนน่ะพ่อ”
‘อู๋บี’อธิบายถึงรูปร่างของหินที่’เย่เฟิง’ซื้อไป
“อะไรนะ! แกขายมันไปราคาเท่าไหร่กัน”
‘อู๋เอ’ตกใจแล้วรีบถามทันที
“สองร้อยน่ะ…”
‘อู๋บี’ตอบคำถามในลักษณะเสียวๆอย่างบอกไม่ถูก
“แกนี่มันน่าตายนักเจ้าลูกบ้า!”
ทันใดนั้นเอง’อู๋เอ’กลับแสดงท่าทีโมโหอย่างมาก เขาไม่ได้สนใจที่’เย่เฟิง’แต่กลับจับตัว’อู๋บี’ไว้แล้วดุด่าต่อ
“สองวันก่อนพ่อพึ่งติดต่อเพื่อนเก่าชวนให้เขามาประเมินราคาของชิ้นนี้อยู่ แล้วแกขายมันไปแบบนั้นได้ยังไงกัน”
“อ่าว ก็ไหนพ่อบอกผมเองว่ามันเป็นของไร้ประโยชน์ไม่ใช่เหรอ”
‘อู๋บี’เริ่มรู้สึกว่าเขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบากเสียแล้ว
“เฮ้อ…”
‘อู๋เอ’ไม่ได้โต้เถียงกับลูกชายต่อ เขาหันกลับมา’เย่เฟิง’แล้วกล่าวว่า
“เย่เฟิง เอาเป็นว่าคืนหินก้อนนั้นให้ลุงมาดีไหม แล้วเข้าไปเลือกของข้างในใหม่สักอย่างนึง”
‘เย่เฟิง’มองท่าทีของ’อู๋เอ’รู้สึกแปลกใจใน บางทีลุงอู๋อาจจะรู้ก็ได้ว่าเจ้าหินนี่คือหินจิตวิญญาณ แต่ถึงอย่างไรเขาก็คืนหินจิตวิญญาณครึ่งก้อนนี้ไม่ได้เด็ดขาด สำหรับเขามันมีค่ามากกว่าสามล้านเสียอีก
“ลุงอู๋ ผู้เยาว์คนนี้รับฟังเหตุผลของลุงได้ เพียงแต่ของสิ่งนี้มีประโยชน์กับผมมาก ผมคงคืนให้ลุงไม่ได้หรอก”
‘เย่เฟิง’ส่ายหน้าพูดต่อ
“ในฐานะที่ลุงอู๋เป็นนักธุรกิจรุ่นใหญ่แล้ว การกลับคืนคำคงไม่เป็นเรื่องที่ดีนักใช่หรือไม่”
“อะแฮ่ม”
‘อู๋เอ’รู้สึกเก้อเขินอย่างบอกไม่ถูก เขารีบกลบเกลื่อนสีหน้าคิดอะไรบางอย่าง
“ในเมื่อเรื่องเป็นเช่นนี้แล้ว ลุงอู๋ผู้นี้คงไม่อยากฝืนใจเธอ ใช่แล้ว ครึ่งเดือนจากนี้ไปจะมีการจัดแสดงสินค้าโบราณที่หลางฝาง เธอสนใจไหม?”
……………………….
แปลโดย : Teepo_V
ที่มา: