ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปเมื่อ’เย่เฟิง’เดินออกจากห้อง เขาใช้ลิฟท์ลงไปยังชั้นล่างจากนั้นจึงเดินไปยังห้องลอบบี้ และในเวลานั้นเอง ‘เย่เฟิง’เหลือบไปเห็นคนหลายคนที่เขาไม่คาดคิดว่าจะได้เจอ นอกจาก’เทียนโย่วเหลียง’กับ’พี่เถี่ย’ที่มีผ้าก๊อซปิดจมูกแล้ว ยังมีคนอื่นอีกหลายคนอยู่ในห้องส่วนตัว
ในเวลานี้ พวกเขาต่างพูดคุยหัวเราะเฮฮากันอย่างหรรษา คล้ายกับว่าได้ทำบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่สำเร็จแล้ว ‘เย่เฟิง’ตั้งใจจะแอบฟัง จึงไม่เดินเข้าไปใกล้กว่านี้
“สบายใจได้ ในเมื่อผมรับเงินมาแล้ว พวกคุณต้องพอใจกับผลงานของผมอย่างแน่นอน”
‘พี่เถี่ย’ที่สวมแว่นตากันแดดพร้อมด้วยผ้าก๊อซที่ครอบจมูกอยู่ พูดด้วยใบเหี้ยมเกรียม
“ไว้ถึงพรุ่งนี้เมื่อไหร่ ผมจะทำให้มันต้องร้องอ้อนวอนขอชีวิต!”
กลุ่มของแก๊งอสรพิษสวรรค์ที่นำโดย‘พี่เถี่ย’มีชื่อเสียงเลืองลือไปทั่วแถบนี้ นี่ไม่ใช่เพียงเพราะเขาเป็นพวกชอบลงมืออย่างอำมหิตและมีส่วนพัวพันกับคดีอื้อฉาวสกปรกต่างๆนานาเท่านั้น น้องสาวของเขายังเป็นผู้หญิงที่หัวหน้าใหญ่ถูกใจ เธอจึงเหมือนกับเป็นรองหัวหน้าของแก๊งนี้ไปโดยปริยาย
ชัดเจนว่า’พี่เถี่ย’คนนี้ ความจริงแล้วไม่ใช่คนโง่เหมือนดังที่เห็นภายนอก เขากลายเป็นคนมีอำนาจมาได้เพราะอาศัยน้องสาว และเขายังให้ความสนใจกับฝีมือของลูกน้องในทีมอีกด้วย นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไม เมื่อเขารับรู้ความสามารถของ’เย่เฟิง’ เขาจึงส่งคำเชิญให้เข้าร่วมทีม
แต่โชคไม่ดี ‘เย่เฟิง’ปฏิเสธโดยไม่เก็บไปคิดแม้แต่น้อย
“ถ้ามันโดนอัดจนน่วมแล้วเกิดพิการขึ้นมา เรื่องนี้จะไม่มีปัญหาจริงหรือ?”
ถึงอย่างไร ‘เทียนโย่วเหลียง’ก็ยังเป็นแค่เด็กมัธยมปลาย เรื่องที่พูดคุยกันก่อนหน้านี้ถือว่าน่ากลัวและโหดเหี้ยมสำหรับเขาอย่างมาก เรื่องที่’เย่เฟิง’ไม่สามารถเรียนหนังสือได้นั้นถือว่าเล็กน้อยไปเลยหากเทียบกับการที่มันต้องนั่งวีลแชร์ไปตลอดชีวิต
“หึ! การที่แก๊งของเราจะฆ่าใครสักคน หรือทำให้มันพิการ นี่ถือเป็นเรื่องจิ๊บจ้อยมาก”
‘พี่เถี่ย’ส่งเสียงเยียบเย็น ชัดเจนอยู่แล้วว่าแก๊งอสรพิษสวรรค์มีผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลังที่ไม่ธรรมดา ดังนั้นเรื่องแค่นี้จึงไม่จำเป็นต้องเก็บมาใส่ใจ
“ใช่แล้ว เรื่องนี่มันธรรมดาๆ ฮ่าฮ่า”
เมื่อเห็นสายตาที่ไม่พอใจบนใบหน้า’พี่เถี่ย’ พ่อของ’เทียนโย่วเหลียง’รีบอธิบายแก้ต่างให้กับลูกชายของเขาทันที
“ลูกชายผมแค่แปลกใจที่พี่เถี่ยยื่นมือเข้ามาช่วยเรื่องนี้เท่านั้น พี่เถี่ยโปรดอย่าเก็บมาใส่ใจเลย”
“เดี๋ยวก่อนพ่อ พี่เถี่ย……..”
‘เทียนโย่วเหลียง’ที่เดิมอยู่ในอาการเมามาย ทันใดนั้น เขาชี้นิ้วไปยังชายสองคนด้านนั้นพร้อมกับกล่าวว่า
“นั้นไม่ใช่เย่เฟิงรึไง?”
‘เย่เฟิง’ที่กำลังยืนอยู่ตรงนั้น เมื่อเขาทราบถึงเจตนาของฝั่งตรงข้ามแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาอยู่ตรงนี้อีกต่อไป ส่วนอีกด้าน เมื่อ’พี่เถี่ย’ได้ยินดังนั้น เขาหันหลังกลับและพบกับร่างของ’เย่เฟิง’ คนที่สร้างความประทับใจอย่างลึกซึ้งในจิตใจของเขา ไอ้เด็กเหลือขอนี่คือคนที่ขว้างก้อนอิฐใส่หน้าของเขาจนดั้งหัก แถมยังกล้าปฏิเสธข้อเสนอของเขาอย่างไม่ใยดี เหมือนกับมันไม่เห็นอิทธิพลของเขารวมทั้งแก๊งอสรพิษสวรรค์อยู่ในสายตา!
“ไอ้เด็กเวร แกยังกล้าเสนอหน้ามาหาพี่เถี่ยคนนี้อีกงั้นรึ? แต่ตอนนี้มันสายไปแล้ว!”
‘พี่เถี่ย’หัวเราะ เขาคิดว่า’เย่เฟิง’มาที่นี่เพราะยอมรับในตัวเขา เขาจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกภูมิใจในตัวเองพร้อมกับกล่าวว่า
“ชีวิตมนุษย์เราอาจมีโอกาสผ่านเข้ามามากมาย แต่โอกาสนี้มีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น! ตอนนี้ต่อให้แกคุกเข่าอ้อนวอนฉันก็ไม่รับแกเป็นลูกน้องอีกแล้ว!”
“อ่อ งั้นหรอ?”
‘เย่เฟิง’ยิ้มบางๆขณะทอดสายตาไปยังฝั่งตรงข้าม
“เย่เฟิง แกรู้รึเปล่าว่าที่นี่มันที่ไหน?”
‘เทียนโย่วเหลียง’ดื่มเหล้าจนเมามายจึงพูดด้วยท่าทีไร้กังวล ยังไงเสียเขาก็มีคนหนุนหลังอยู่แล้ว ตอนนี้เขาตื่นเต้นมากกว่าเมื่อคิดถึงสภาพของ’เย่เฟิง’ที่ถูก’พี่เถี่ย’ซ้อมจนน่วม ถึงแม้ว่าพ่อของเขาก็ไม่คาดคิดว่าจะเจอ’เย่เฟิง’ที่นี่ แต่มันก็เป็นเรื่องแปลกใจที่น่ายินดี
ที่ไม่จำเป็นต้องรอจนถึงพรุ่งนี้อีกแล้ว พวกเขาสามารถจับ’เย่เฟิง’มาสั่งสอนบทเรียนให้มันได้เลยตอนนี้เลย
“เอาเลย! ทำให้ไอเด็กเวรนี่มันรู้ซึ้งถึงชะตากรรมของคนที่มันกล้ามาท้าทายแก๊งอสรพิษสวรรค์ของพวกเรา”
เมื่อ’พี่เถี่ย’สั่ง ลูกน้องฝีมือดีสองคนของแก๊งพุ่งเข้าไปจัดการกับ’เย่เฟิง’ทันที ‘เย่เฟิง’ยังคงมีท่าทีเฉยเมยจนกระทั่งอันธพาลสองคนเข้ามาใกล้ ในชั่วอึดใจ มือทั้งสองข้างของเขากรีดกรายเคลื่อนไหว ปลดปล่อยหมัดปากั้วที่รวดเร็วดังสายฟ้าเข้าใส่พวกมันทั้งคู่ สองเสียง
ปัง! ปัง! ดังก้องติดต่อกัน
ส่งร่างของอันธพาลทั้งสองให้กระเด็ดไปชนกำแพงแล้วร่วงลงมานอนหมดสภาพร้องครวญครางโอดโอยด้วยความเจ็บปวด เสียงเหล่านี้ดึงดูความสนใจของทุกคนในบริเวณนั้นทันที คนเหล่านี้จะไม่รู้ได้อย่างไรว่าใครคือผู้ดูแลรับผิดชอบพื้นที่แทบนี้?
แต่วันนี้ พวกเขากลับเห็นใครบางคนกล้ามาท้าทายคนของแก๊งอสรพิษสวรรค์ถึงสำนักงานใหญ่ของแก๊ง เรื่องนี้ทำให้พวกเขามีสีหน้าเหมือนกับเจอเอเลี่ยนอย่างไรอย่างนั้น
ถึงอย่างนั้น สิ่งที่พวกเขาเห็นก่อนหน้านี้เป็นเพียงแค่การตวัดมือธรรมดาของเด็กหนุ่มที่ดูน่าจะเป็นเพียงเด็กนักเรียนมัธยมปลาย แต่กลับส่งร่างของอันธพาลทั้งสองไปกระแทกกับกำแพงอย่างง่ายดาย นี่ทำให้เหล่านี้ถึงกับตื่นตะลึงเป็นอย่างยิ่ง พวกเขาคิดว่าบางทีวันนี้ เด็กหนุ่มคนนี้คงไม่อาจมีชีวิตรอดออกไปจากที่นี่อีกแล้ว
‘พี่เถี่ย’ถึงกับมึนงงเมื่อเห็นลูกน้องของเขาทั้งสองที่นอนแผ่ราบอยู่บนพื้นหลังจากถูกหมัดของ’เย่เฟิง’ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหันนี้ทำให้เขารู้สึกหวั่นเกรงขึ้นมา เขารู้ว่า’เย่เฟิง’มีฝีมือในการต่อสู้ แต่ไม่คิดเลยว่าจะมีฝีมือสูงขนาดนี้ ถึงขนาดจัดการกับมือดีอันดับต้นๆของแก๊งได้ในชั่วพริบตา
‘เย่เฟิง’ถอนกำปั้นกลับมาขณะมองอย่างไร้อารมณ์ไปยัง’พี่เถี่ย’พร้อมกับกล่าวว่า
“ผมขอแนะนำให้คุณหลีกไปให้พ้นทาง แล้วเลิกยุ่งกับผมอีก ไม่อย่างนั้นคุณจะต้องรับผิดชอบกับผลที่ตามมา”
“บัดซบ! ไอ้เด็กอวดดีนี่คิดจะขู่พ่อมันรึไง!”
‘พี่เถี่ย’ไม่อาจยอมรับความจริงได้ว่าเขาถูกคุกคามจากเด็กมัธยมปลายที่ดูแสนธรรมดา เขาโบกมือให้สมาชิกของแก๊งหลายสิบคนจัดการกับ’เย่เฟิง’ เหล่าไทยมุงโดยรอบในบ่อนเทียนหัวพร้อมใจกันหยุดดูสิ่งที่จะเกิดขึ้น พวกเขาคิดว่าในไม่ช้า ‘เย่เฟิง’ต้องถูกฆ่าอย่างแน่นอน
แต่ทันใดนั้น มีเสียงตะโกนดังกึกก้องมาจากด้านหลังของ’เย่เฟิง’
“ฉันที่เป็นหัวหน้า ขอสั่งให้พวกแกทุกคนหยุดมือเดี๋ยวนี้!”
‘เย่เฟิง’หันหลังไปเห็นชายหน้าบากที่อยู่ด้านหลัง ใบหน้าของเขานั้นแสดงถึงความเกรี้ยวกราดอย่างยิ่ง! ก่อนหน้านี้ชายหน้าบากมอบหมายงานให้คนของเขาจัดการกับร่างของศพทั้งสอง จากนั้นจึงรีบวิ่งตามมาเพราะเขามีเรื่องๆหนึ่งอยากจะขอร้องกับ’เย่เฟิง’ แต่เขากลับต้องมาพบเห็นเหตุการณ์แบบนี้
แล้วจะให้เขาไม่รู้สึกโมโหได้อย่างไร? ‘พี่เถี่ย’รีบตะโกนออกมาทันที
“พี่ใหญ่ ไอ้เด็กนี่มันไม่เห็นหัวแก๊งอสรพิษสวรรค์ของพวกเรา ผมเลยจะสั่งสอนมัน…….”
“ฮืม”
ชายหน้าบากส่งเสียงคำรามต่ำออกมาทันทีเพื่อขัดคำพูดของ’พี่เถี่ย’ เขาหันไปมองรอบๆอย่างรวดเร็วพร้อมกับผายมือของเขา
“เย่เฟิงคือญาติผู้น้องห่างๆของฉัน และเมื่อครู่นี้ เขาช่วยชีวิตฉันไว้ แกยังมีหน้ามาบอกว่าจะสั่งสอนเขาอีกรึไง?”
ผู้คนโดยรอบต่างพากันจ้องมองอย่างแปลกใจกับคำพูดของชายหน้าบาก อะไรนะ? เด็กคนนี้เป็นญาติผู้น้องห่างๆของหัวหน้าแก๊งอสรพิษสวรรค์ ยิ่งกว่านั้นมันยังช่วยชีวิตหัวหน้าไว้อีกงั้นหรือ? โกหก! มันต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิดแน่ๆ
‘เทียนโย่วเหลียง’รู้สึกเหมือนไร้ชีวิตไปในทันใด เขาไม่อาจยอมรับได้จริงๆว่า’เย่เฟิง’มีความสัมพันธ์กับหัวหน้าของแก๊ง เพราะอย่างนี้นี่เอง ‘เย่เฟิง’ถึงกล้าล่วงเกินแก๊งอสรพิษสวรรค์ครั้งแล้วครั้งเล่า ถ้างั้นสิ่งที่พวกเขาพูดคุยกันในห้องส่วนตัวก่อนหน้านี้ก็เป็นแค่เรื่องไร้สาระงั้นหรือ?
ตอนนี้ ไม่เพียงไม่สามารถทำอะไรกับ’เย่เฟิง’ได้ พวกเขายังกลายเป็นนำโชคร้ายเข้าสู่ตัวเองอีกต่างหาก
“นี่ เถี่ย แกทำงานให้ฉันมานานแค่ไหนแล้ว?”
ชายหน้าบากถามขณะจ้องมองไปยัง’พี่เถี่ย’
“ป…ประมาณสามปีครับพี่ใหญ่”
‘พี่เถี่ย’ไม่เข้าใจว่าทำไมหัวหน้าถึงถามคำถามเช่นนี้ แล้วต่อไปจะเกิดอะไรขึ้นกับเขากัน? เขาหันไปมอง’เย่เฟิง’ด้วยท่าทีหวาดผวาขณะตอบ
“สามปีงั้นรึ คิดไม่ถึงเลยว่าแกรวมทั้งน้องสาวของแกและอาเฉียงถึงกับกล้ารวมหัวกันวางแผนลอบสังหารฉัน นี่ถ้าไม่ได้น้องเย่ช่วยไว้ละก็ ฉันคงตายไปเมื่อสองสามนาทีที่แล้ว และไม่มายืนอยู่ต่อหน้าแกแบบนี้หรอก!”
ชายหน้าบากพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังและดุร้าย นี่ถือเป็นการตอกย้ำว่าสิ่งที่เขาพูดมาคือความจริง อีกด้านหนึ่ง ‘เย่เฟิง’ประทับใจอย่างมากทีเดียวกับทักษะการแสดงของเขา ชายคนนี้ถือว่าเป็นคนที่มีพรสวรรค์ทีเดียว ไม่ผิดไปจากที่’เย่เฟิง’คาดไว้
คนที่สามารถรักษาตำแหน่งหัวหน้าของแก๊งอสรพิษสวรรค์ไว้ได้ ย่อมไม่ใช่คนธรรมดาสามัญทั่วไปอย่างแน่นอน คำพูดของชายหน้าบาก เพียงพอแล้วที่จะอธิบายถึงการตายของคนทั้งสอง
และในขณะเดียวกัน เขายังสามารถอธิบายถึงสถานะของ’เย่เฟิง’ภายในแก๊งตอนนี้ให้ทุกคนได้รู้อีกด้วย นับว่าเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวก็ไม่ผิดนัก
“พ…พี่ใหญ่ เรื่องนี่จะเป็นไปได้อย่างไร……”
ในทันทีที่’พี่เถี่ย’ได้ยินคำพูดของชายหน้าบาก เขาถึงกับมีอาการขวัญหนีดีฝ่อ มันจบสิ้นแล้ว!
‘เทียนโย่วเหลียง’และพ่อของเขามองฝ่ายตรงข้ามด้วยความหวาดกลัว พวกเขาไม่คาดคิดเลยว่าสุดท้ายผลลัพธ์จะออกมาเป็นแบบนี้ นี่เรียกว่าเมื่อทำกรรมกับใครไว้ กรรมนั้นย่อมคืนสนองงั้นหรือ?
พวกเขาทั้งคู่ต่างมองไปยัง’พี่เถี่ย’ สิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้ ช่างเป็นเรื่องน่าอนาถใจสำหรับเขาคนนั้นอย่างแท้จริง ชายหน้าบากโบกมือออกคำสั่งให้คนของเขาจับตัวคนทั้งสามนี่ไว้ และในไม่ช้า กลุ่มคนของชายหน้าบากก็เข้าไปจับตัวพวกเขาไว้ทันที
…………………..
.ผู้แปล : Mediate
ปรับสำนวน : Solar Spark
ที่มา: