ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป‘เย่เฟิง’เงยหน้าขึ้นมองกลุ่มชายสามคนที่กำลังรุมทำร้ายชายหนุ่มเสื้อแขนสั้นคนนั้นอย่างสาหัส เลือดสดๆกระจายไปทั่วซึ่งแสดงให้เห็นว่าหากเป็นแบบนี้ต่อไปเขาคงไม่รอดแน่ๆ แน่นอนว่า’ซูเหมิงหาน’ไม่อาจทนกับภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้าได้ เธอกระตุกแขนเสื้อ’เย่เฟิง’ครั้งแล้วครั้งเล่าพลางขอร้องให้เขาเข้าไปช่วย
“พอได้แล้วหน่า”
สุดท้าย’เย่เฟิง’ก็ทนกับการรบเร้าของเธอไม่ไหว เขาเดินตรงเข้าไปขวางระหว่างนักเลงในกลุ่มนั้นกับชายคนที่ถูกทำร้าย
“ไอ้หนู แกเป็นใคร?”
หนึ่งในนักเลงกลุ่มนั้นมอง’เย่เฟิง’ด้วยสีหน้าเหี้ยมเกรียมแล้วกล่าว
“อย่าเข้ามายุ่ง นี่มันไม่ใช่เรื่องของแก!”
“ฉันก็แค่ไม่ชอบความอยุติธรรมแค่นั้น”
‘เย่เฟิง’ตอบเสียงเรียบ ในสถานการณ์เช่นนี้เขารู้ดีว่าเขาไม่ควรให้โอกาสใดๆแก่อีกฝ่ายเพราะพวกนั้นคงไม่ยอมล้มเลิกแล้วกลับไปง่ายๆแน่ เพียงแค่ต้องการเงินคืน พวกเขาถึงกับรุมทำร้ายชายหนุ่มคนนี้เสียปางตาย ซึ่งเขาไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องทำกันขนาดนี้
ป้าของ’ซูเหมิงหาน’รู้สึกตกใจที่เห็น’เย่เฟิง’ออกมาช่วยลูกชายของเธอ ปกติแล้วในสถานการณ์เช่นนี้หากเป็นคนอื่นก็คงจะรีบวิ่งหนีออกไปให้ไกล ไม่มีใครที่จะกล้าสอดมือเข้าไปช่วยคนแปลกหน้าแบบนี้หรอก และทันใดนั้นเอง’เย่เฟิง’เริ่มลงมือทันที
เขาหมุนตัวและฉวยโอกาสโดยการรวบรวมเจินฉีลงไปในหมัดของเขา
“เปรี้ยง”
เพียงแค่ชั่วพริบตาหนึ่งหมัดเข้าจู่โจมใส่นักเลงคนหนึ่งทันที เนื่องจากทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วนักเลงคนนั้นไม่ได้เตรียมตัวพร้อมรับหมัดที่พุ่งเข้ามาอย่างกะทันหัน ร่างกายของเขาปลิวไปกระแทกผนังอย่างรุนแรงแล้วทรุดตัวลงอย่างหมดสภาพ
ในขณะที่อีกสองคนเมื่อเห็นการจู่โจมที่รุนแรงของ’เย่เฟิง’ พวกนั้นตั้งใจจะถอยหนี แต่นั่นยังช้าไป ‘เย่เฟิง’ซัดอีกสองหมัดติดๆกันเข้าใส่พวกเขาทันที ความรุนแรงของทั้งสองหมัดนี้ แน่นอนว่าไม่อาจดูแคลนได้ และเป็นอีกครั้งที่หมัดของ’เย่เฟิง’ซึ่งดูธรรมดาๆ ส่งร่างของชายทั้งสองลอยปลิวหลายเมตร พวกเขาตกกระแทกพื้นอย่างรุนแรงส่งฝุ่นคลุ้งไปทั่ว
จากนั้นจึงตามมาด้วยเสียงร้องโอดโอยที่ดังไปทั่วบริเวณ แน่นอนว่านี่ไม่ใช่แค่เสียงร้องของนักเลงเหล่านั้นอย่างเดียวแต่ยังมีญาติงี่เง่าของ’ซูเหมิงหาน’ที่ช่วยกันแผดร้องผสานเสียงด้วยเช่นกัน
“เอาล่ะ รีบพาเขาไปโรงพยาบาลได้แล้ว”
‘เย่เฟิง’หันกลับไปมองญาติของ’ซูเหมิงหาน’ที่กำลังนอนร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดอยู่บนพื้น เขาบอกกับป้าของ’ซูเหมิงหาน’ต่อ
“แล้วก็ไม่จำเป็นต้องขอบคุณผม แค่ไปพูด‘ขอบคุณ’กับเธอคนนั้นก็พอ”
เมื่อกล่าวจบ ‘เย่เฟิง’จึงเดินกลับไปหา’ซูเหมิงหาน’ด้วยรอยยิ้ม ไม่จำเป็นต้องบอกเลยว่า’ซูเหมิงหาน’ในตอนนี้รู้สึกมีความสุขขนาดไหน เพราะมันฟ้องออกมาบนสีหน้าของเธอหมดแล้ว รอยยิ้มของเธอนั้นเหมือนดั่งดอกไม้ที่บานสะพรั่ง
ขณะที่เธอแอบคิดว่า’เย่เฟิง’ก่อนหน้านี้ดูน่ากลัวจริงๆ เขาสามารถจัดการกับนักเลงเหล่านั้นได้อย่างง่ายดาย การอยู่กับเขาก็ไม่ใช่ความคิดที่แย่เท่าไหร่แฮะ แต่ใครจะคิดว่าป้าของ’ซูเหมิงหาน’ไม่เพียงจะไม่กล่าวขอบคุณเท่านั้น เธอยังด่ากลับมาด้วยเสียงอันดัง
“ขอบคุณงั้นเหรอ? รู้รึเปล่าว่าพวกเธอน่ะกำลังนำปัญหาใหญ่มาให้ฉันแล้ว สามคนนี้เป็นคนของแก๊งอสรพิษสวรรค์ พวกเธอไม่รู้หรอกว่ามันน่ากลัวขนาดไหน… ต้าเกินไปกันเถอะ รีบไปโรงพยาบาลเถอะนะ พวกเขาทำร้ายลูกหนักเสียขนาดนี้…..”
ขณะที่ด่าว่า’ซูเหมิงหาน’ เธอก็รีบหยิบมือถือขึ้นมากดโทรออกทันที ‘ ซูเหมิงหาน’และ’เย่เฟิง’ถึงกับเงียบสนิทเมื่อได้ยินดังนั้น ใครจะคิดว่าความช่วยเหลือของเขาจะถูกตอบแทนกลับมาแบบนี้ ว่าแต่ว่าแก๊งอสรพิษสวรรค์อย่างงั้นเหรอ?
ไม่น่าเชื่อว่าอิทธิพลของอสรพิษสวรรค์จะแผ่ขยายมาถึงที่นี่ด้วย เขาประเมินแก๊งนี้ต่ำไปจริงๆ แต่เพราะว่าเป็นแก๊งอสรพิษสวรรค์นั่นแหละ ‘เย่เฟิง’จึงไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวอะไรทั้งสิ้น
“ไอ้หนุ่ม….ในเมื่อแกกล้าทำร้ายคนของแก๊งอสรพิษสวรรค์…..แค่กๆ แกก็เหมือนตายไปแล้ว ฮ่าๆๆ…..แค่กๆ”
นักเลงในกลุ่มนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นพูดกับ’เย่เฟิง’พลางหยิบมือถือขึ้นมากดโทรออกขอความช่วยเหลือ ‘เย่เฟิง’รู้สึกขี้เกียจเกินกว่าจะต่อปากต่อคำ เขาหยิบมือถือขึ้นมาเช่นกันแล้วจึงต่อสายหาชายหน้าบาก
“หน้าบาก นี่คนของคุณมีอยู่กระทั่งในเมืองหลางฝางด้วยงั้นหรือ?”
โทรศัพท์จาก’เย่เฟิง’ทำให้ชายหน้าบากตกใจเล็กน้อย เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่แต่รีบสงบใจแล้วจึงตอบกลับไป
“พี่เย่ คุณไปเจอกับพวกเขาหรือครับ? แต่เป็นอย่างที่พี่เย่พูดมีคนของเราทำงานอยู่ที่นั่นจริงๆ เพียงแต่ไม่มาก……”
ขณะกำลังพูด ชายหน้าบากเริ่มลังเลขึ้นมาว่าเขาควรจะพูดต่อไปดีหรือไม่
“ว่าต่อไปสิ”
‘เย่เฟิง’บอกให้เขาเล่าต่อ
“เออครับ จริงๆแล้วพวกเขากำลังทดสอบยาตัวใหม่เพื่อหาทางเอาเงินเข้าแก๊งให้ได้มากๆอย่างสบายๆน่ะครับ”
แม้ชายหน้าบากไม่อยากจะตอบคำถามของ’เย่เฟิง’นัก แต่เขาก็ยังคงพูดมันออกมา
“ยาตัวใหม่งั้นเหรอ?”
‘เย่เฟิง’ขมวดคิ้วหลังจากที่ได้ยิน
“เราจะคุยเรื่องนี้กันหลังจากผมกลับไป ตอนนี้ให้ถอนคนของคุณกลับไปก่อน อีกเรื่องคือตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป แก๊งอสรพิษสวรรค์จะไม่มีการค้ายาเสพติดอีกไม่ว่าจะประเภทใดหรือที่ไหนก็ห้ามขายทั้งสิ้น”
“อะไรนะครับ? แต่ว่าเรื่องนี้…”
คำสั่งของ’เย่เฟิง’ทำให้ชายหน้าบากตกใจเป็นอย่างยิ่ง ไม่ให้ทำธุรกิจค้ายาอีก! คำสั่งของ’เย่เฟิง’จะทำให้แก๊งต้องสูญเสียรายได้มากมายซึ่งรายได้ที่ได้จากธุรกิจค้ายานี้ถือเป็นครึ่งหนึ่งของรายรับทั้งหมดของแก๊งอสรพิษสวรรค์เลยก็ว่าได้ และสิ่งสำคัญที่สุดก็คือผู้ผลิตยาตัวใหม่นี้ ไม่ใช่คนที่จะด้วยคุยง่ายๆ
หากแก๊งอสรพิษสวรรค์หยุดขายยา มันจะต้องเป็นเรื่องยุ่งยากแน่ๆถ้าพวกนั้นสืบรู้เข้า ถึงแม้’เย่เฟิง’จะเป็นผู้ฝึกวรยุทธ์ก็อาจจะไม่สามารถรับมือกับพวกนั้นไหวก็เป็นได้…..
“เอาเป็นว่าตามนี้ แล้วถ้าผมรู้เข้าทีหลังว่าคุณยังทำธุรกิจนี้ต่อไป ก็เตรียมรับผลที่ตามมาได้เลย”
‘เย่เฟิง’ไม่ได้พูดอะไรมากกว่านี้ เขาแค่ย้ำเตือนจากนั้นจึงวางสายไป ‘ซูเหมิงหาน’ที่ได้ยินทุกอย่างรู้สึกหวาดกลัวอยู่ในใจ เธอกำลังคิดว่าตัวตนที่แท้จริงของ’เย่เฟิง’เป็นใครกันแน่ ถึงสามารถโทรสั่งแก๊งอสรพิษสวรรค์ให้หยุดขายยาได้? ต่อให้เขาจะเป็นหัวหน้าแก๊งก็เถอะ แต่นี่มันเป็นเรื่องใหญ่เกินกว่าที่คนๆหนึ่งจะสามารถสั่งได้ดังใจแบบนี้
ถึงอย่างนั้นน้ำเสียงและคำพูดของ’เย่เฟิง’กลับแสดงถึงความมั่นใจได้ขนาดนั้น…….
อย่างไรก็ตามความรู้สึกต่อ’เย่เฟิง’ในสายตาของ’ซูเหมิงหาน’ก็เริ่มเปลี่ยนไป เธอรู้สึกเหมือนกับได้เห็นเขาคนใหม่ อันตรายของยาเสพติดนั้นทุกคนล้วนรู้ดี และตอนนี้’เย่เฟิง’ได้สั่งให้แก๊งอสรพิษสวรรค์หยุดขายยาไปแล้ว แม้ว่าเธอจะคิดว่ามันเป็นไปได้ยากแต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องดี
“เธอได้ยินแล้วสินะ”
‘เย่เฟิง’หันกลับมามอง
“ฟังให้ดี ถ้าเธอกล้าเอาเรื่องที่ฉันข้องเกี่ยวกับแก๊งอสรพิษสวรรค์ไปบอกใครละก็ ถึงตอนนั้น….”
ทันทีที่ได้ยินคำพูดของเขา ‘ซูเหมิงหาน’จ้องมองมายัง’เย่เฟิง’ซึ่งสายตาของเธอนั่นทำให้เขาหยุดพูดต่อไป ความรู้สึกมากมายที่ผุดขึ้นมาในใจทำให้เธอรู้สึกอึดอัดและร้อนใจ เพราะเธอไม่รู้ความสัมพันธ์ระหว่าง’เย่เฟิง’กับแก๊งอสรพิษสวรรค์เลยแม้แต่น้อย
“ทำไมยังไม่ไปอีก? ไปสิ อย่ามาทำร้ายพวกเราอีกเลย”
ป้าของ’ซูเหมิงหาน’โบกมือไล่พลางรีบวิ่งเข้าไปหาลูกชายและพยายามพยุงตัวเขาขึ้นมา ดูเหมือนว่าชายหนุ่มคนนี้ตกอยู่ในสภาพปางตายเสียแล้ว ตัวเขาหมดสติพร้อมกับแขนขาที่ห้อยลงมาตามแรงโน้มถ่วงของโลก
“ไปกันเถอะ”
‘เย่เฟิง’ดึงแขน’ซูเหมิงหาน’กลับไป ในเมื่อฝ่ายนั้นไม่ต้อนรับ พวกเขาก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องอยู่ที่นี่ต่อไปอีก
“แต่ว่า…”
‘ซูเหมิงหาน’ลังเลเล็กน้อย เธอมองไปยังญาติของเธอที่ยังคงหมดสติแล้วแสดงความกังวลออกมา ทันใดนั้นเองเสียงมอเตอร์ไซค์ดังขึ้นจากระยะไกลและกำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เสียงของชายคนหนึ่งที่หยาบกร้านดังขึ้น
“เกิดอะไรขึ้น เกิดอะไรขึ้นกับต้าเกินกัน?”
ป้าของ’ซูเหมิงหาน’ที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าประตูหันกลับไปมองชายคนนั้นขณะที่คอยพยุงลูกชายของเธอไว้ แล้วเริ่มพูดตัดพ้อทั้งน้ำตา
“เขาถูกทำร้ายจนสาหัส เร็วเข้า รีบพาเขาไปโรงพยาบาลเร็ว ไม่อย่างนั้น…”
“มันเกิดขึ้นได้ยังไงกัน ใครเป็นคนทำเขา?”
ชายที่ขับมอเตอร์ไซค์มีอายุราวสี่สิบปี เขารีบมองไปรอบๆด้วยความหวาดกลัวกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“ตอนนี้เราไม่มีเงินเหลือพอจะจ่ายค่ารักษาแล้ว ฉันพึ่งไปกู้เงินซื้อรถมา…”
เมื่อมอเตอร์ไซค์มาหยุดตรงหน้าประตู ชายคนนั้นหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดต่อสายโดยไม่หันมามอง’ซูเหมิงหาน’และ’เย่เฟิง’เลยแม้แต่น้อย เขาพึ่งยืมเงินมาเพื่อซื้อรถให้กับลูกชายของเขาที่กำลังจะแต่งงาน เขาโทรไปหาพี่ชายอีกสองคนทันที
“ครับพี่ อะไรนะเอาเงินไปทำบ้านใหม่หมดแล้วงั้นเหรอ โอเคครับๆ…”
“ครับพี่ อะไรนะเอาเงินไปลงทุนหมดแล้วงั้นเหรอ”
ชายคนนั้นวางโทรศัพท์ลงอย่างเศร้าสลด เขาไม่คิดเลยว่าจะถูกปฏิเสธการให้ยืมเงินในสถานการณ์ที่ฉุกเฉินเช่นนี้ แม้กระทั่งพี่ชายร่วมสายเลือดก็กลับมาทอดทิ้งกัน โลกกลับกลายเป็นสถานที่ๆโหดร้ายสำหรับเขาไปเสียแล้ว
“ไม่ว่าจะยังไงก็ตามเรารีบพาลูกไปโรงพยาบาลกันก่อนเถอะ เรื่องเงินไว้ค่อยว่ากันทีหลัง”
สุดท้าย ชายคนนั้นจึงตัดสินใจติดเครื่องมอเตอร์ไซค์เตรียมตัวพาต้าเกิน ลูกชายของเขาไปที่โรงพยาบาล
“เย่เฟิง…”
‘ซูเหมิงหาน’มองมายัง’เย่เฟิง’ที่ยืนอยู่ด้านข้างพร้อมกับดึงแขนเสื้อของเขา สายตาของเธอที่มองมาช่างดูน่าสงสารจนแม้กระทั่งคนที่ไร้หัวใจก็ยังอดเวทนาไม่ได้
“……..”
‘เย่เฟิง’รู้ว่าเธอกำลังคิดถึงเงินสองแสนที่เขามีอยู่แน่ๆ
…………………….
ผู้แปล : Teepo_V
ปรับสำนวน : Solar Spark
ขอแก้ชื่อจากไต้เจินเป็นต้าเกินนะครับเพราะตรงกับของ Raw จีนมากกว่า แล้วก็ตอนต้นของบทที่ 25 ที่เย่เฟิงได้บัตรเงินสดมาสองใบ ใบหนึ่งมีเงินอยู่สามล้านซึ่งเอาให้อู๋บีไปแล้ว ส่วนอีกใบที่มีอยู่ตอนนี้มีเงินอยู่สองแสนไม่ใช่สองล้าน พอดีมาอ่านตอนนี้แล้วมันขัดกันเลยไปลาก Raw จีนในอากู๋ดู สรุปว่าของ ENG แปลผิดไปหน่อย สงสัยตอนนี้น้องซูเหมิงหานโดนถล่มหนักกว่าเดิมแน่นอนเลย ยังไงกองอวย(ที่เหลืออันน้อยนิด)ก็เข้มแข็งกันไว้นะครับ อิอิ
ที่มา: