ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป‘หลงหวางเอ๋อ’ย้อนกลับมายังงานจัดแสดงสินค้า ในใจของหญิงสาวยังคงเต็มไปด้วยความโกรธและความอับอายในเวลาเดียวกัน เธอเป็นถึงผู้นำบรรดาเหล่าลูกหลานรุ่นเยาว์ของตระกูลมังกร ทำไมเธอถึงต้องมาเจอกับประสบการณ์แบบนี้กันนะ
หญิงสาวไม่คิดเลยว่าในคืนนี้ ชายสวมหน้าคนนั้นจะแกล้งหยอกเย้าเธอเหมือนกับของเล่นชิ้นหนึ่ง นี่มันน่ารังเกียจที่สุด!
‘หลงหวางเอ๋อ’ปักใจเชื่อในการตรวจสอบของเธอว่า’เย่เฟิง’เพียงเป็นคนธรรดาคนหนึ่ง และการตรวจสอบของเธอไม่คิดผิดพลาดมาก่อน ถึงจุดนี้แล้ว เธอมีเหตุผลหนักแน่นที่จะชื่อว่าชายสวมหน้ากากกับ’เย่เฟิง’เป็นคนละคนกัน เพราะในโลกยุทธภพแล้ว ไม่มีทักษะใดที่สามารถปกปิดวรยุทธ์ที่มีได้
“ในเมื่อเป็นการตัดสินใจของชายชราคนนั้นเอง ฉันเดาว่าเขาไม่น่าจะกล้าสอนวรยุทธ์ให้กับหลานชายของเขา”
‘หลงหวางเอ๋อ’คิดในใจ
“ดูเหมือนว่าก่อนหน้านี้ เราจะแค่พบกันโดยบังเอิญ…..หึ ชายสวมหน้ากากคนนั้น ไว้ฉันรู้ว่าแกเป็นใครเมื่อไหร่ ก็เตรียมตัวตายได้เลย”
สุดท้าย หญิงสาวจึงกลับมายังทางเข้าของลานจัดแสดงสินค้า เมื่อก้าวเข้าไปด้านใน เธอก็พลันเห็นชายหนุ่มรูปงามรีบวิ่งเข้ามาทักทายเธออย่างรวดเร็ว แต่เมื่อเขาเห็น’หลงหวางเอ๋อ’ที่อยู่ในสถาพกระเซอะกระเซิง ก็ปรากฏความแปลกใจขึ้นบนใบหน้าของชายหนุ่ม
“หลงหวางเอ๋อ คุณจับชายคนนั้นได้ไหม?”
ชายหนุ่มรีบถาม
“หลงเสี่ยน เมื่อไหร่จะหัดใช้สมองคิดเองบ้างนะ?”
หญิงสาวเปล่งเสียงทางจมูกแล้วพูดว่า
“แค่ดูสภาพของฉันแล้วยังไม่รู้หรือไงว่าฉันจับชายคนนั้นได้หรือไม่ได้?”
“ใช่ๆ จริงด้วยๆ”
‘หลงเสี่ยนเกา’หัวด้วยท่าทางเงอะงะแล้วพูดว่าแล้วพูดว่า
“ผมรู้ชื่อของชายสวมหน้ากากคนนั้นนะ เขาชื่อโม่จิ่ว และเป็นแขกที่ถูกเชิญมาโดยหวงเหล่า”
“โม่จิ่ว?”
‘หลงหวางเอ๋อ’ขมวดคิ้วเมื่อได้ยินชื่อที่แปลกประหลาด เวลานี้มียอดฝีมือปรากฏขึ้นในโลกยุทธภพแล้วจริงหรือนี่?
“หวงเหล่าบอกว่าโม่จิ่วเคยเป็นเพื่อนกับเขานานมาแล้ว แต่ชายคนนั้นกลายเป็นพวกสันโดษและไม่ได้ติดต่อใครมาเป็นเวลานานแล้ว ดังนั้นชื่อเสียงของเขาเลยไม่ค่อยเป็นที่รับรู้กันเท่าไหร่”
‘หลงเสี่ยน’รีบอธิบายให้เธอฟัง
“หวงเหล่างั้นหรอ?”
‘หลงหวางเอ๋อ’ถาม
“เขาเพิ่งจะกลับไปไม่นานนี้เอง”
‘หลงเสี่ยน’พูดอย่างช่วยไม่ได้ จากระดับวรยุทธ์ของ’หวงเหล่า’แล้ว ย่อมไม่มีใครในที่นี้จะหยุดเขาไว้ได้
“อืม เข้าใจแล้ว”
‘หลงหวางเอ๋อ’พยักหน้าเล็กน้อย
“นายจัดการกับศพนั่นรึยัง?”
ชายหนุ่มรูปงามยิ้มอย่างมีความสุขแล้วจึงพูดว่า
“หลงเสี่ยนคนนี้จัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วครับ”
“หึ”
‘หลงหวางเอ๋อ’เปล่งเสียงทางจมูกอีกครั้งแล้วดูให้แน่ใจว่าที่นี่ไม่เหลืออะไรให้เธอจัดการอีก หญิงสาวจึงหันหลังกลับแล้วเดินออกไป เธอต้องเผชิญกับความโมโหมาทั้งวัน ไม่ใช่แค่นั้น เธอยังไปเตะเข้าใส่’เย่เฟิง’คนนั้นอีก เธอเดาว่าเดี๋ยวปู่ของเขาต้องเข้ามาสอบปากคำเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้แน่
เฮ้อ มันช่างน่ารำคาญจริงๆ หญิงสาวคิดว่า ในเมื่อเธอได้ยินคำว่า’เย่เฟิง’จากเสียงโทรศัพท์ของชายสวมหน้ากาก แต่’เย่เฟิง’กับชายสวมหน้ากากไม่ใช่คนๆเดียวกัน ถ้าเช่นนั้นพวกเขาต้องรู้จักกันอย่างแน่นอน ‘เย่เฟิง’อาจจะเอาหญ้าใบทองไปให้’โม่จิ่ว’ก็เป็นได้
เสียงในโทรศัพท์ตอนนั้น ‘หลงหวางเอ๋อ’ได้ยินคำว่าโรงพยาบาลเบาๆ เธอจึงตั้งใจจะไปจับตัวชายสวมหน้ากากที่โรงพยาบาล แต่ใครจะคิดว่าสุดท้ายเธอกลับไปเตะเข้าใส่’เย่เฟิง’เสียอย่างนั้น ไม่เพียงเธอจะล้มเหลวในการจับตัว’โม่จิ่ว’ การที่เธอลงมือต่อ’เย่เฟิง’จะทำให้เธอต้องเจอกับปัญหาใหญ่ที่ตามมาแน่ๆ
ตอนนี้ หญิงสาวรู้สึกเหนื่อยใจเลยอยากหาที่อาบน้ำดีๆสักที่ และเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียใหม่เป็นตัวที่เธอชอบ เพียงแค่คิดถึงชายสวมหน้ากากที่ปั่นหัวเธอเล่น หญิงสาวก็อยากจะอะลาวาดมันเสียตรงนี้เลยจริงๆ
“โม่จิ่ว ไว้เจอกันอีกเมื่อไหร่ แกตายแน่!”
‘หลงหวางเอ๋อ’คิดพร้อมกับปรากฏประกายเยียบเย็นในดวงตา …………
เวลาเที่ยงคืน ในที่สุด’เย่เฟิง’ก็สามารถฟื้นฟูเส้นลมปราณที่เสียหาย และเรียกทุกอย่างกลับคืนให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ดังเดิมได้แล้ว เขาถอนหายใจเบาๆพร้อมกับเปิดเปลือกตาขึ้น ต้องใช้เวลาไม่น้อยเลยทีเดียวในการใช้ยาผสมเพื่อฟื้นฟูเจินฉีและเส้นลมปราณให้กลับมาเป็นดังเดิม
ถึงแม้ว่าเขาจะมีความข้องเกี่ยวกับแก๊งอสรพิษสวรรค์ และทำให้ได้สมุนไพรเหล่านี้มามากมาย แต่ราคาของพวกมันก็ถือว่าไม่น้อยเลยเช่นกัน ชายหน้าบากใช้เวลาเกือบสองสัปดาห์ในการค้นหาสมุกไพรที่หลากหลาย และใช้เงินมากกว่าสองล้านเพื่อซื้อพวกมันมา
ถึงอย่างนั้น ‘เย่เฟิง’กลับต้องใช้ยาผสมเหล่านี้ไปเกือบหมดภายในคืนเดียว แน่นอนว่าเทียบกับราคาของสมุนไพรแล้ว ราคาของยาผสมนั้นสูงยิ่งกว่ามาก ถ้าสามารถมองหาช่องทางในการขายได้ รับประกันว่ายาผสมเหล่านี้จะขายได้ในราคาหลายล้านเลยทีเดียว
หากขาดเงินเมื่อไหร่ ‘เย่เฟิง’ตั้งใจจะมองหาช่องทางในการขายยาผสมเหล่านี้ให้แก่คนในยุทธภพ แต่ก่อนหน้านั้น เขาต้องรอให้ระดับวรยุทธ์ของเขาสูงพอที่จะรับประกันความปลอดภัยของตัวเองเสียก่อน
“ดูเหมือนโลกยุทธภพในโลกใบนี้ จะมียอดฝีมืออยู่เพียงแค่หยิบมือเดียวที่ออกมาสู่โลกภายนอก และมีโอกาสน้อยมากที่จะได้เจอ ดังนั้นการมีวรยุทธ์ระดับ 10 ปี น่าจะถือว่าเพียงพอสำหรับรับประกันความปลอดภัยของเรา”
‘เย่เฟิง’ครุ่นคิดในใจ จากประสบการณ์วันนี้ในงานจัดแสดงสินค้า เขาจึงลองคาดคะเนระดับวรยุทธ์ของผู้ฝึกยุทธ์ของโลกใบนี้ในปัจจุบัน สำหรับโลกเทวะแล้ว หากใครต้องเพิ่มระดับวรยุทธ์อย่างรวดเร็ว พวกเขาเพียงแค่ดูดซับสมุนไพรล้ำค่าบางชนิด หรือดูดซับหลิงฉีจากสิ่งล้ำค่าอื่นๆ ซึ่งนั่นไม่ใช่แนวทางที่ถูกต้อง
ทางที่ดีที่สุดในการเพิ่มระดับวรยุทธ์จริงๆคือการบ่มเพาะวรยุทธ์ ในโลกเทวะ ความเร็วในการบ่มเพาะวรยุทธ์สามารถเพิ่มขึ้นได้เช่นกัน มีผู้คนบางกลุ่มที่สามารถเพิ่มระดับความเร็วของการบ่มเพาะวรยุทธ์ขึ้นเป็นสองเท่า และยิ่งกว่านั้น ผลของมันจัดว่าน่าทึ่งเลยทีเดียว
ที่โลกแห่งนั้นมีผู้ฝึกยุทธ์รุ่นเก่ามากมายที่เสพติดการบ่มเพาะวรยุทธ์ โดยไม่ออกมาสู่โลกภายนอกเลยตลอดทั้งปี และในโลกยุทธภพนี้ก็เช่นเดียวกัน หวงเหล่าที่มาจากเขาเทียนจู่ มณฑลเจ้อเจียง จัดอยู่ในกลุ่มคนประเภทนั้น จนถูกตั้งฉายาว่าไข่มุขเม็ดที่เจ็ดสิบสองแห่งประเทศจีน
เมื่อ’เย่เฟิง’ลืมตาขึ้น ชายหนุ่มขยับเขยื้อนเล็กน้อยแล้วพยายามปลุก’ซูเหมิงหาน’ที่นั่งสัปหงกอยู่ข้างๆเขา
“นายตื่นแล้วหรอ? เป็นไงบ้าง รู้สึกดีขึ้นไหม?”
‘ซูเหมิงหาน’ถามด้วยความกังวลขณะกำลังขยี้ตา
“อืม ไม่เป็นไรแล้วละ”
‘เย่เฟิง’ตอบด้วยรอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าเหมือนกับรู้สึกเสียใจเล็กน้อยที่ทำให้เด็กสาวต้องเป็นห่วง
“จริงนะ?”
‘ซูเหมิงหาน’เงยหน้าขึ้นพร้อมกับอาการง่วงนอนที่หายไปในทันที เธอเริ่มบีบนวดตัวของ’เย่เฟิง’ไปทั่ว เพื่อตรวจสอบอาการบาดเจ็บ แต่เธอก็พบว่าเขาไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดอะไรอีก เด็กสาวจึงรู้สึกโล่งใจที่เห็นอาการของเขาดีขึ้นแล้ว
‘เย่เฟิง’มองการกระทำของเด็กสาวแล้วพูดขึ้นอย่างนึกสนุก
“นี่เหมือนว่าเธอกำลังเอาเปรียบฉันเลยนะ……”
“นาย…นายพูดบ้าอะไรเนี่ย?”
ใบหน้าของ’ซูเหมิงหาน’เปลี่ยนเป็นแดงระเรื่อ เด็กสาวรีบถอนมือกลับมา แต่ทันใดนั้นเอง ความรู้สึกบางอย่างก็เข้ามาในใจเธอทำให้สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปอีกครั้ง เด็กสาวถามออกไปตรงๆ
“นายยังไม่ต้องอธิบายอะไรตอนนี้ก็ได้ แต่ฉันอยากรู้ว่าสาวสวยคนนั้นเป็นใครกัน?”
“อย่าถามถึงเรื่องนี้เลย เรื่องบางเรื่องไม่รู้เสียยังดีกว่า”
‘เย่เฟิง’ส่ายหัวและพูดออกไป ความจริงแล้ว’เย่เฟิง’มีเจตนาดี เขาไม่อยากดึงเด็กสาวที่อยู่ในโลกธรรมดาเข้ามาพัวพันกับเรื่องของโลกยุทธภพ แต่ถึงอย่างนั้น ‘ซูเหมิงหาน’กลับไม่คิดแบบเขา เด็กสาวคิดว่า’เย่เฟิง’กับ’หลงหวางเอ๋อ’ต้องมีความลับอะไรที่เขาซ่อนอยู่แน่ๆ
“จริงหรอ?”
‘ซูเหมิงหาน’รู้สึกผิดหวังกับคำตอบของชายหนุ่ม เธอยืนขึ้นแล้วพูดว่า
“ในเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยดี ฉันก็จะนอนแล้ว นายไปเช่าอีกห้องอยู่เอาละกัน”
เด็กสาวพูดอย่างรีบเร่ง
“เรา…เราอุตส่าห์คิดในแง่ดีตั้งมากมาย แต่สุดท้ายก็เป็นแค่การหลอกตัวเอง……”
เดิมที เด็กสาวคิดว่า’เย่เฟิง’จะอธิบายเหตุผลที่แท้จริงออกมา จากนั้นเธอจะได้เต็มใจยอมรับเขา แต่ตอนนี้ เธอคงทำใจยอมรับเขาไม่ได้หากเขายังคงมีผู้หญิงคนอื่นอยู่ เพื่อป้องกันเหตุสุดวิสัย เธอไม่อยากนอนห้องเดียวกันกับเขาในคืนนี้ เพราะฉะนั้นเด็กสาวจึงขอแยกห้องนอนกับชายหนุ่ม
“เอาละ ถ้างั้นพรุ่งนี้รีบตื่นเช้านะ พวกเราจะได้กลับเหยียนจิงกัน”
‘เย่เฟิง’ค่อนข้างเศร้าใจเมื่อเห็นเด็กสาวมีท่าทางเหมือนกำลังเกลียดเขา เมื่อชายหนุ่มพูดจบ เขาจึงยืนขึ้นและเดินออกจากห้องไป
“อืม”
‘ซูเหมิงหาน’พยักหน้าและมองดู’เย่เฟิง’ที่เดินออกจากห้องไป เธอรู้สึกอึดอัดเมื่อมีความรู้สึกที่ซับซ้อนมากมายแล่นเข้ามาในใจ เธออุตส่าห์ยอมรับความประทับใจที่มีต่อ’เย่เฟิง’ในใจได้แล้ว แต่ตอนนี้ ความรักครั้งของเด็กสาวที่ใสซื่อและบริสุทธิ์จะต้องจบตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มแบบนี้งั้นหรือ?
‘เย่เฟิง’ไม่ได้รับรู้อะไรเลยถึงความคิดของดาวโรงเรียนคนนี้ ไม่เช่นนั้นหากเขารู้ว่าเธอชอบเขา ชายหนุ่มคงอธิบายทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอไปแล้ว ช่างน่าเศร้าที่เกิดความผิดใจขึ้นระหว่างพวกเขาทั้งสอง ซึ่งนี่ยังไม่รวมถึงเรื่องที่’เย่เฟิง’ก็รู้สึกชื่นชอบเด็กสาวจิตใจงดงามคนนี้เอามากๆเช่นเดียวกัน
สมัยยังอยู่ในโลกเทวะ ‘เย่เฟิง’แทบไม่เคยพบปะกับเด็กสาวคนไหนเลย เพราะฉะนั้น เขาย่อมไม่อาจคาดเดาความคิดในใจของ’ซูเหมิงหาน’ได้ ความจริงแล้ว ชายหนุ่มคิดว่าเธอเกลียดเขาด้วยซ้ำไป
‘เย่เฟิง’เดินออกมาจากห้อง และกำลังจะตรงไปยังเคาน์เตอร์ติดต่อของโรงแรมเพื่อขอเปิดห้องอีกห้องสำหรับคืนนี้ แต่เมื่อเขาเงยหน้าขึ้น เขามองเห็นประตูห้องข้ามที่เปิดไว้ และมีแสงสว่างส่องแสงอยู่ภายใน ในห้องนั้นมีชายชราคนหนึ่งนั่งอยู่ที่โซฟา
เขานั่งอิงกับโซฟาด้วยเปลือกตาที่ยังคงปิดอยู่
“หวงเหล่า!? ไม่ดีแล้ว……”
‘เย่เฟิง’รู้สึกตื่นตกใจในทันที
…………………………………..
แปลโดย: Solar Spark , Mediate
Solar Spark : แปลตอนนี้ไปนึกว่าอ่านนิยายรักแจ่มใส55
บทหน้าจะถึงเวลาเผยปมของตระกูลพระเอกละครับท่านผู้อ่าน
ที่มา: