ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป‘ซูเหมิงหาน’มองไปที่เย่เฟิงด้วยความรู้สึกเป็นห่วง และถามเขาว่า
“ไม่เป็นอะไรใช่ไหม”
“แน่นอน ฉันโอเค สบายใจเถอะ”
‘เย่เฟิง’ยิ้มอย่างอ่อนโยนและพยักหน้าให้ก่อนที่จะนั่งลง เขาเงยหน้ามองไปที่’ซูซินฉาง’ที่อยู่ตรงข้ามและพูดว่า
“อืม คงจะถึงเวลาพูดคุยกันดีดีสักทีน่ะครับ คุณต้องการอะไรกันแน่?”
เมื่อ’ซูซินฉาง’เห็น’เย่เฟิง’ถามอย่างตรงไปตรงมา เขาก็รู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ชายวัยกลางคนคิดว่าเด็กคนนี้ไม่รู้จักมารยาททางสังคมบ้างหรือยังไง? ว่าบนโต๊ะที่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แบบนี้ไม่ควรจะเร่งรีบพูดอะไรกันตรงๆ
แต่ตอนนี้ก็ถือเป็นเวลาดีในการหาประโยชน์จากความสัมพัทธ์ของใครสักคน ‘ซูซินฉาง’ไม่เชื่อว่า’เย่เฟิง’จะไม่สนใจเชื่อมความสัมพันธ์กับซูเชิงกรุ๊ปของเขา เด็กคนนี้คิดหรือว่าการแต่งงานกับลูกสาวของเขาจะทำให้ได้ส่วนแบ่งจากซูเฉิงกรุ๊ปได้โดยอัตโนมัติน่ะ?
คิดง่ายไปแล้ว!
‘ซูซินฉาง’คิดกับตัวเขา แต่อย่างไรก็ตามเขาคิดว่าเด็กคนนี้น่าจะรับมือได้ง่าย ชายวัยกลางคนยิ้มเล็กน้อย
“เฟิงน้อย ยังมีเวลาเหลืออีกตั้งเยอะ พวกเธอไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอก เรามาฉลองกับการที่มาเจอกันครั้งแรกดีกว่า ด้วยการไวน์แก้วนี้”
‘เย่เฟิง’แค่นเสียง
“คุณไม่ต้องมาทำท่าเหมือนต้องการที่จะเชื่อมความสัมพันธ์ มันใช้กับผมไม่ได้หรอก ถ้ามีอะไรจะพูดก็รีบพูดมา ถ้าหากเอาแต่พูดไม่ตรงประเด็นแบบนี้ พวกเราจะกลับทันที”
สีหน้าของ’ซูซินฉาง’แข็งค้างอย่างฉับพลัน เขาคิดว่าเด็กคนนี้มันไม่รู้จักอะไรดีอะไรร้ายเลยหรือยังไง? อย่างไรก็ตาม เขาจัดการเกี่ยวกับความคิดที่วิ่งเวียนอยู่ในหัวของเขาอย่างรวดเร็ว และรู้สึกเสียดายนิดหน่อยที่’เย่เฟิง’ไม่ยอมดื่มคุยกัน
‘ซูซินฉาง’พลาดโอกาสในการทำให้บรรยากาศดีขึ้น แต่ถึงอย่างนั้น ตอนนี้เขาก็ไม่ได้สนใจในพฤติกรรมของ’เย่เฟิง’อีกต่อไป เขามองไปที่’เย่เฟิง’และพูดตรงประเด็น
“ถ้างั้นฉันก็จะไม่พูดอ้อมค้อม ฉันได้ยินว่าเธอเป็นญาติของชายหน้าบาก เป็นความจริงงั้นหรอ?”
“แล้วไงครับ?”
‘เย่เฟิง’มองไปที่ท่าทางของอีกฝ่าย และรู้สึกเบื่อหน่ายในใจ เขาเหมือนจะไม่อยากตอบอะไรกลับไปให้มากความ ‘ซูเหมิงหาน’ที่มองอยู่อย่างเงียบๆ ก็รู้สึกผิดหวังในตัวพ่อของเธอเป็นอย่างมาก เธอคิดว่าการเรียกเธอมากินข้าวในครั้งนี้ พ่อของเธอต้องการที่จะสร้างความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูก
แต่สุดท้ายก็เพื่อที่จะแสวงหาประโยชน์จาก’เย่เฟิง’
“เธอไม่คิดหรือไงว่า เราควรมาร่วมมือกันน่ะ”
‘ซูซินฉาง’ดูมีความมั่นใจมากขณะที่กำลังพูดออกไป
“ไหนๆ เธอกับเหมิงหานก็อยู่ด้วยกันแล้ว น่าจะถึงเวลาที่พวกเธอสองคนจะได้หมั้นหมายกันซักทีเพื่อรักษาความสัมพันธ์ไว้ ด้วย และในอนาคตเธอก็จะเป็นส่วนหนึ่งของซูเชิงกรุ๊ป”
‘เย่เฟิง’ยิ้ม
“หึ เมื่อซูเชิงกรุ๊ปไม่สามารถแก้ปัญหาอะไรได้ คุณก็จะใช้แก๊งอสรพิษสวรรค์ช่วยพวกคุณงั้นหรอ? เป็นความคิดที่ดีนี่ แต่คุณจะไม่ถามความคิดของลูกสาวคุณหน่อยหรือยังไง?”
อยู่ๆเขาก็จับ’ซูเหมิงหาน’ไปหมั้นหมายกับ’เย่เฟิง’โดยพลการ เมื่อเป็นแบบนี้ ไม่ใช่ว่า’ซูเหมิงหาน’เป็นเพียงแค่ของแลกเปลี่ยนเพื่อให้ธุรกิจของเขารุ่งเรืองหรือไงกัน?
เมื่อ’ซูซินฉาง’ได้ฟังดังนั้นจึงหันไปมองที่ดวงตาของ’ซูเหมิงหาน’ นัยน์ตาของเธอดูเหมือนว่าจะไม่ได้สนใจอะไร ชายวัยกลางคนพูดเสียงเบา
“จากที่ดูแล้ว เหมิงหานคงไม่ปฏิเสธ เพราะดูเหมือนว่าเธอก็ชอบนายเหมือนกัน”
“หนูขอปฏิเสธ!”
‘ซูเหมิงหาน’รู้สึกผิดหวังในตัวพ่อของเธอมาก เด็กสาวยืนขึ้นด้วยสายตาที่เหมือนจะร้องไห้
“จริงอยู่ที่หนูชอบเย่เฟิงเค้า แต่การชอบใครสักคนมันเท่ากับต้องหมั้นกันเลยหรอคะ พ่อคะ หนูไม่ได้ง่ายอย่างนั้นนะ”
คำพูดของ’ซูเหมิงหาน’ทำให้ทั้งสองคนตะลึงไปสักพัก ร่างของ’ซูเหมิงหาน’สั่นเทาไปด้วยความโกรธเคือง เด็กสาวยืนขึ้นและพูดคำเหล่านั้นออกมา ถึงแม้ว่าเธอจะรู้สึกเป็นกังวลว่า’เย่เฟิง’อาจจะโกรธเธอก็ตาม
การชอบใครสักคนนึงไม่ได้แปลว่าจะต้องหมั้นหมายกัน หรือในอีกความหมายนึง เธอแค่มีความรู้สึกดีดีให้กับ’เย่เฟิง’และอยากที่จะอยู่ใกล้ๆเขาแค่นั้น แต่ความรู้สึกดีดีที่ว่านี้ยังห่างไกลจากคำว่ารักอยู่มาก
ยิ่งในตอนนี้ ไม่ต้องแม้แต่จะพูดถึงเรื่องแต่งงานเลย แค่การหมั้นยังถือว่าเร็วเกินไปสำหรับเธอเลยด้วยซ้ำ แค่มีความรู้สึกดีดีด้วยไม่ได้แปลว่าใจง่าย แค่มีความรู้สึกชอบแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นคนโง่ การเดินทางไปหลางฝางสร้างความรู้สึกดีดีให้กับเธอแค่นั้น แต่มันยังห่างไกลเกินกว่าจะมั่นใจอะไรได้
อย่างไรก็ตาม สิ่งเธอพูดบางทีอาจทำให้’เย่เฟิง’รู้สึกไม่พอใจ และแม้คำพูดของเธอจะเป็นการผลักความโชคดีออกไปจากตัว แต่เด็กสาวไม่อาจทนพ่อของเธอต่อไปได้อีกแล้ว
‘เย่เฟิง’เดาสิ่งต่างๆที่อยู่ในใจของเด็กสาว และบอกกับเธอยังอ่อนโยนว่า
“สบายใจเถอะ ฉันไม่โกรธเธอหรอก”
จากนั้นจึงกุมมือเธอไว้ คำพูดของเขาทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นใจ เด็กสาวนั่งลงขณะยังคงมีความโกรธเคืองในใจ เธอไม่ได้ปล่อยมือ’เย่เฟิง’ ตรงกันข้ามกลับยิ่งจับแน่ขึ้นไปอีก ภายใต้ความอบอุ่นของ’เย่เฟิง’ ‘ซูเหมิงหาน’ค่อยๆใจเย็นลงและพูดต่อว่า
“เรื่องที่คุณยายเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ พ่อไม่มีอะไรจะพูดบ้างเลยหรอคะ?”
หลังจากพูดจบเด็กสาวมองไปที่’ซูซินฉาง’อย่างเย็นชา เหมือนเธอกำลังมองศัตรูคู่อาฆาตมากกว่าจะเป็นพ่อของเธอ ‘ซูเหมิงหาน’หยิบบัตรธนาคารออกมาจากกระเป๋าและโยนไปให้’ซูซินฉาง’ เหมือนจะสื่อว่า เธอไม่ต้องการเงิน 1 ล้านจากเขา
คำพูดของเด็กสาวทำให้’เย่เฟิง’นึกถึงหญิงวัยกลางคนที่ชื่อ’เซี่ยหมิน’ ดูเหมือนว่าเธอคนนั้นจะเป็นพวกเล่ห์เหลี่ยมสูง วิธีการที่เธอพูดกับพวก’เย่เฟิง’ดูเหมือนจะเป็นคำพูดของพวกทัศนคติคับแคบ แต่ยิ่งกว่านั้น เธอยังแต่งงานกับ’ซูซินฉาง’ และพยายามจะบังคับชีวิตของเขาด้วยการแต่งงานงั้นหรอ?
‘ซูเหมิงหาน’ที่กำลังโกรธพูดในสิ่งที่ทำให้พ่อของเธอพูดอะไรไม่ออก ก่อนที่เขาจะนัดเจอกับทั้งสองคนเขาก็ได้คิดถึงเหตุการณ์ต่างๆมากมายที่น่าจะเป็นไปได้ แต่เขาไม่คิดเลยว่า’ซูเหมิงหาน’จะกล้าโยนเงินหนึ่งล้านที่เขาให้เธอไปอย่างหน้าตาเฉย ทำให้ภาพที่เขาเคยคิดไว้ในหัวนั้นต่างพังทลายลงมาหมด
สำหรับคนที่ประสบความสำเร็จและมีประสบการณ์เกี่ยวกับสิ่งต่างๆมามากมาย ถึงแม้บ้างครั้งเขาจะไม่ได้ตั้งหลักแต่เขาก็จะต้องรู้วิธีที่จะดึงสถานการ์ตลอดเวลา
“นี่เธอ เอาเหล้าขาวมาให้ชั้นหลายๆขวดหน่อย”
มันดูเหมือนว่า’ซูซินฉาง’จะสูญเสียพลังไปทั้งร่างกาย เขาตะโกนไปที่ประตู ดูเหมือนว่าเขาตั้งใจจะกินเหล้าขาวต่อหน้า’เย่เฟิง’และ’ซูเหมิงหาน’ ท่าทางของชายวัยกลางคนทำให้เขาดูเหมือนแก่ลงไปหลายสิบปี
‘เย่เฟิง’คิดว่าสถานการณ์ตอนนี้เริ่มที่จะไม่ดี เพราะดูเหมือนอีกฝ่ายต้องการที่จะเล่นบทซึ้งกินใจโดยการทำตัวให้หน้าสงสาร เขากำลังต้องการที่จะเล่นกับความบริสุทธิ์และความใจดีของซูเหมิงหาน เผื่อเด็กสาวจะถูกเขาโน้มน้าวใจได้อีกครั้ง
แต่พระเจ้ามีตา แผนของ’ซูซินฉาง’ไม่สำเร็จ เมื่อสาวเสริฟที่ยืนอยู่ด้านหน้าประตูเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับ เหล่าขาวสามขวด คนที่ผ่านมานั้นมองเห็น’ซูซินฉาง’เข้าพอดี พร้อมกับ’เย่เฟิง’ เขาหยุดอยู่ตรงนั้นและอดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกใจ
“โอ้ นั่นไม่ใช่พี่ซูงั้นหรอ พึ่งรู้ว่าคุณมีเวลามาทานข้าวเย็นกับเขาด้วย”
จากข้างนอกห้องชายคนนั้นพูดพร้อมกับยิ้ม และเดินเข้ามาในห้อง ‘เย่เฟิง’หันไปมองทันทีและจำเขาได้ ไม่ใช่ว่าชายคนนี้คือผู้กำกับหลิวที่เจอกันล่าสุดตอนอยู่โรงพักงั้นหรอ?
ดูเหมือนว่าเขาจะเคยทำงานสนับสนุนแก๊งอสรพิษสวรรค์มาก่อน ผู้กำกับหลิวจากสถานีตำรวจสาขาย่อยทางตะวันตกเฉียงเหนือ เย่เฟิงไม่คิดเลยว่าเขาจะมาเจอกับเขาที่นี่ ‘ซูเหมิงหาน’มองไปที่อีกฝ่าย เด็กสาวคิดว่าเขาก็เป็นพวกไม่ดีที่คอยร่วมมือกับพ่อของเธอทำเรื่องต่างๆ ทำให้เธอมองเขาด้วยสายตาที่ขยะแขยง
“อะ…..ผู้กำกับลิ่ว มีอะไรงั้นหรอ หรือว่าคุณก็มาทานข้าวเหมือนกัน?”
‘ซูซินฉาง’ที่ตั้งใจจะเล่นบทละครน้ำเน่า กลับไม่คิดเลยว่าอยู่ๆจะมีคนเข้ามาแทรกได้ ‘ผู้กำกับหลิว’คนนี้จู่ๆก็โผล่มาจากที่ไหนก็ไม่รู้
“ฮ่าๆ พึ่งออกมาจากห้องน้ำน่ะ ผมไม่คิดเลยเหมือนกันว่าจะมาเจอพี่ซูที่นี่”
‘หลิวลี่ฮุย’ยิ้มและนั่งลง เขานั่งในตำแหน่งที่ดีมาก คือนั่งอยู่ระหว่าง’เย่เฟิง’และ’ซูซินฉาง’ แต่ดูเหมือนจะใกล้กับ’เย่เฟิง’มากกว่า เพราะห่างกันแค่สองเก้าอี้
‘ซูซินฉาง’รู้สึกแปลกเหมือนมีอะไรผิดปกติ หรือว่า’หลิวลี่ฮุย’พยายามจะประจบประแจง’เย่เฟิง’กัน?
“สวัสดีคุณเย่ อ่อ ดูเหมือนว่าคุณจะมากับแฟนสาวของคุณสินะครับ”
หลังจาก’หลิวลี่ฮุย’นั่งลง เขาไม่ได้สนใจ’ซูซินฉาง’อีก และยิ้มไปที่’เย่เฟิง’ด้วยท่าทีสุภาพ เมื่อเห็นเช่นนี้’ซูซินฉาง’และ’ซูเหมิงหาน’ต่างรู้สึกแปลกใจ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
……………………………..
แปลโดยทีมงาน GSI
ที่มา: