ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป‘เย่เฟิง’เงยหน้าขึ้นมามองไปยังชายชราที่อยู่ตรงหน้า นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบกับคนๆนี้ ‘หลินหงชวน’ ผู้เฒ่าแห่งตระกูลหลิน ผู้อยู่ในบทบาทสำคัญมาตลอดตั้งแต่เขาเริ่มทำธุรกิจ นอกเหนือจากนั้นเขายังมีลูกหลานจำนวนมากอยู่รอบกาย พลังอำนาจที่เขาเคยถือครองเริ่มถ่ายโอนไปสู่ลูกหลานบ้าง
ถึงกระนั้นแม้เขาจะไม่ได้ดำรงอยู่ในตำแหน่งอย่างเป็นทางการแต่ไม่มีใครกล้าเมินเฉยต่ออิทธิพลของผู้เฒ่าผู้นี้ นี่ยังไม่ต้องกล่าวถึงขณะนี้ลูกชายคนโตสุดของเขายังเป็นหนึ่งในศูนย์กลางผู้ที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดอีกด้วย
เขาก้าวออกมาจากลิฟท์ช้าแล้วกวาดสายตามองไปรอบๆทำให้ผู้คนรู้สึกราวกับยืนอยู่ตรงปากหุบเหว ทุกก้าวเดินของผู้เฒ่าทำให้ลมหายใจของผู้คนติดขัดไปหมด ไม่มีใครรู้ว่าทำไมอยู่ๆเขาถึงปรากฎตัวออกมาในสถานที่เช่นนี้ ใครกันในนี้ที่นี้ที่คู่ควรให้ชายแก่ผู้ยิ่งใหญ่ถึงกับเดินมาหาด้วยตนเอง?
“ท่านปู่ ก้าวเดินช้าๆเถอะครับ”
ชายหนุ่มที่อยู่ในเครื่องแต่งกายหรูหรายืนด้านหลังของชายแก่พูดขณะมีรอยยิ้มบนใบหน้า นี่ไม่ใช่’หลินซิวเหวิน’ คนที่’เย่เฟิง’เจอครั้งที่แล้วหรอกหรือ?
ในเวลานี้เขาเดินมาพร้อมกับ’หลินหงชวน’ แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงซานเฉี่ยวแห่งตระกูลหลินแต่ฐานะของเขาก็มากพอที่จะทำให้คนอื่นๆต้องกลัวจนตัวสั่นได้ อย่าว่าแต่ตอนนี้ผู้เฒ่าแห่งตระกูลหลินก็ยืนอยู่กับเขาเช่นกัน มันทำให้พลังอำนาจของ’ซานเฉี่ยว’ทวีคูณมากขึ้นไปอีก
(ซานเฉี่ยว-ลูกชายคนที่สาม)
ลูกค้าจากห้องอื่นๆยืนอย่างสำรวมอยู่ข้างทาง การที่พวกเขามากินข้าวที่ภัตตาคารจินเชิงได้แน่นอว่าฐานะของแต่ละคนต้องไม่ต่ำทราม พวกเขาจึงตระหนักได้ทันทีถึงสถานะของผู้เฒ่าตระกูลหลินคนนั้จากการมองเพียงแค่ปราดเดียว
“โหมว ในเมื่อฉันมาที่นี่แล้ว ธุระของโหมวก็จบแล้วล่ะ”
ผู้เฒ่าแห่งตระกูลหลินเดินมาด้านข้างของ’โหมวเจิ้นเฉียง’และตบบนบ่าของเขาด้วยรอยยิ้ม ‘โหมวเจิ้นเฉียง’มีเครือข่ายกับตระกูลหลงในวงการผู้ฝึกยุทธ์ส่วนผู้เฒ่าแห่งตระกูลหลินความสัมพันธ์ในวงการผู้ฝึกยุทธ์กับตระกูลเย่
อย่างไรก็ตามสถานะของตระกูลเย่ขณะนี้ต่างชั้นกับตระกูลหลงอย่างมาก แต่ถึงจะมีข้อได้เปรียบกังนี้’โหมวเจิ้นเฉียง’ก็ไม่กล้สแม้แต่เอ่ยสักคำต่อหน้าผู้เฒ่าแห่งตระกูลหลิน
“ไปกันได้แล้ว!”
‘โหมวเจิ้นเฉียง’ไม่เสียเวลาพูดอะไรอีก เขาหันไปมอง’เย่เฟิง’ด้วยสายตาเย็นเฉียบและหันหลังเดินจากไป เสือที่ดุร้ายกลับกลายเป็นถูกทำให้เชื่องโดยผู้เฒ่าตระกูลหลิน ที่ไม่น่าเชื่อมากกว่ามันคือเกิดขึ้นอย่างง่ายดายในชั่วพริบตา
‘เย่เฟิง’ที่ยืนอยู่ตรงนั้นยังคงจำได้ว่า’โหมวเจิ้นเฉียง’เมื่อครู่นี้แสดงท่าทีดุร้ายปานใด ชายหนุ่มคิดกับตัวเองว่าในอนาคตมีคนให้เขาต้องจัดการเพิ่มเสียแล้ว
หลังจากนั้นเขาหันกลับไปหาชายแก่จากตระกูลหลินและ’หลินซิวเหวิน’ คิ้วชายหนุ่มขมวดเล็กน้อย เขาไม่เคยคิดจะพึ่งพาตาะกูลหลินเลยแต่ว่าอีกฝ่ายกลับโผล่มาเช่นนี้ มันทำให้ชายหนุ่มรู้สึกสับสนจริงๆ ‘หลิวลี่ฮุ่ย’ผู้ที่ยืนหลัง’เย่เฟิง’ผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก
ชายร่างอ้วนคาดไว้แต่แรกแล้วว่า’เย่เฟิง’ต้องมีความสัมพันธ์สักอย่างกับผู้เฒ่าแห่งตระกูลหลิน แต่เขากลับไม่คิดว่าชายแก่คนนี้จะมาที่นี่ด้วยตนเองเป็นการส่วนตัว นี่ไม่ใช่ว่ามันสุดยอดไปเลยงั้นหรือ?
‘เย่เฟิง’เป็นคนเรียก’หลินหงชวน’มาเพื่อช่วยเหลือเขา นี่คือสิ่งที่อยู่ในใจของผู้กำกับร่างอ้วน สำหรับ’ซูเหมิงหาน’ที่ยืนอยู่ข้าง’เย่เฟิง’ตลอดเวลารู้สึกเกรงกลัวอย่างบอกไม่ถูก
เธอไม่รู้หรอกว่าชายชราคนนี้เป็นใคร แต่หญิงสาวพอจะรู้จัก’หลินซิวเหวิน’ผู้ที่เป็นลูกชายของเศรษฐีที่ร่ำรวยแห่งเมืองเหยียนจิง เขามีชื่อเสียงที่ไม่ดีเลยในด้านความเจ้าชู้ของเขา อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาจากการแสดงออกของผู้คนโดยรอบเธอเริ่มจะคาดเดาถึงสถานะของชายชราตรงหน้านี้ได้
เด็กสาวไม่รู้ว่าอะไรทำให้ผู้เฒ่าตระกูลหลินคนนี้มาที่นี่ ถ้าเขาต้องการที่จะจัดการกับ’เย่เฟิง’ล่ะ ถ้าเป็นแบบนั้น… เธอไม่อยากจะคิดเลยว่าผลมันจะออกมาเป็นอย่างไร
“ไม่ต้องห่วง หลบไปก่อน ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว”
‘เย่เฟิง’โบกมือสั่งงานชายหน้าบากที่ถือมีดอยู่ ชายหนุ่มรู้ดีตั้งแต่คนของตระกูลหลินปรากฎตัวไม่มีใครกล้าจะเอ่ยปากหรือทำอะไรทั้งนั้น แม้ว่าจะลังเลอยู่บ้าง แต่’เย่เฟิง’ก็ยอมรับว่าการมาของตระกูลผลินช่วยแก้ไขปัญหาได้อย่างง่ายดายจริงๆ
‘ซูซินฉาง’ ตระกูลเซี่ย แก๊งอสรพิษสวรรค์ ทั้งหมดนี้ไม่มีใครกล้าทำอะไรทั้งนั้น ในสายตาของชายชราตระกูลหลิน ‘เย่เฟิง’เป็นคนที่จะมาเป็นสามีของหลานสาวสุดที่รักของเขา ไม่ว่า’เย่เฟิง’จะยอมรับหรือไม่ก็ตามมันเป็นอีกเรื่องนึง ชายหน้าบากงงงันและสงสัยกับเหตุการณ์ตรงหน้า แต่เมื่อเห็น’เย่เฟิง’ทำสัญญาณมือว่าไม่เป็นอะไร เขาได้แต่ปฏิบัติตามนั้นและสั่งให้คนของกลุ่มอสรพิษสวรรค์ถอนตัวไปอยู่ข้างหลัง’เย่เฟิง’ในทันที
คนของตระกูลเซี่ยรวมไปถึงทหารลูกน้องของ’เซี่ยเฉิงเย่’ต่างงงเป็นไก่ตาแตก พวกเขากระวนกระวายแทบตายแล้วตอนนี้ แม้แต่’เซี่ยหมิน’ที่ทำตัวเกรี้ยวกราดอยู่ตลอดเวลาก็ยังต้องเงียบกริบไม่กล้าแม้แต่ส่งเสียง
เมื่อชายชราแซ่หลินค่อยๆย่างเท้าเข้ามาใกล้’เย่เฟิง’ ชายหนุ่มเริ่มรู้สึกราวกับตนเองถูกล้อมโดยอาณาเขตบางอย่าง ไม่ใช่เพียงแค่กับบรรยากาศรอบตัวเท่านั้นที่เปลี่ยนไป แม้กระทั่งลมหายใจของเขาก็เหมือนถูกกุมไว้อยู่ในมือของชายชราผู้นี้!
สีหน้า’เย่เฟิง’เริ่มเคร่งเครียด เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะมีคนที่มีพลังอำนาจมากมายขนาดนี้อยู่ ผู้คนรอบๆชายชราแซ่หลินต่างหายใจติดขัด เมื่อเผชิญหน้ากับบุคลิคกภาพอันแข็งแกร่งของเขา
“ไม่ใช่แค่หลินหงชวนเท่านั้นที่อยู่ที่นี่ แต่เขายังล้อมรอบไว้ด้วยคนอื่นๆที่มากมายราวกับชายชราถูกป้องกันจากสิ่งรบกวนภายนอก!”
‘เย่เฟิง’เริ่มรับรู้ถึงบุคคลอื่นๆนอกจาก’หลินหงชวน’และ’หลินซิวเหวิน’ พวกเขากล้าจะมาที่นี่ ที่ซึ่งเต็มไปด้วยกลุ่มอาชญากรรมใต้ดินติดอาวุธในมือโดยไม่เกรงกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นเลยแม้แต่น้อย เวลาเหมือนถูกปรับให้เดินช้าลง แต่ในความเป็นจริงมันแค่ชั่วครู่เท่านั้นที่หลินหงชวนเดินมาหาชายหนุ่ม
“เย่เฟิง นี่เป็นครั้งแรกที่เราได้พบกันสินะ รู้หรือไม่ว่าฉันคนนี้เป็นใคร?”
‘หลินหงชวน’ยืนห่างจาก’เย่เฟิง’ในระยะสามเมตรและจึงเอ่ยถามกับชายหนุ่มอย่างนุ่มนวล
“คุณคือหลินหงชวนใช่ไหมครับ?”
‘เย่เฟิง’มองไปที่ชายชราด้วยอาการมึนงง ในระยะเวลาอันสั้นผู้คนโดยรอบตกใจและหวาดกลัวกับสิ่งที่’เย่เฟิง’ทำ เขากล้าเอ่ยปากเรียกชื่อผู้เฒ่าแซ่หลินตรงๆแบบนี้ ชายหนุ่มผู้นี้ไม่กลัวความตายเลยหรือไง?
ที่น่าตกตะลึงไปกว่านั้นคือชายชราแซ่หลินกับพูดกับชายหนุ่มอย่างสุภาพราวกับว่าพวกเขารู้จักกันดีมาก่อน เรื่องนี้มันออกจะเหลือเชื่อเกินไปหน่อยแล้ว
“นี่! แกเป็นหลานของสหายเก่าของปู่ฉันก็จริง แต่ก็ใช่ว่าจะมาแสดงท่าทีไม่เคารพกันแบบนี้ได้นะ!”
‘หลินซิวเหวิน’มองแต่เฟิงอย่างโกรธเคือง แน่นอนว่าชายหนุ่มรู้ว่า’เย่เฟิง’เป็นใครแต่เขาไม่เคยให้ความสำคัญกับมันมาก่อน ตอนนั้นเองที่’ซานเฉี่ยว’เริ่มรู้สึกอะไรบางอย่าง เจ้าเด็กนี่ไม่ใช่ว่าคุ้นๆหน้างั้นหรือ แสดงว่าเขาต้องเคยพบมันมาก่อนรึเปล่า?
“ต้องขอโทษด้วย แต่ว่าปู่ของผมแนะนำคุณมาแบบนี้”
‘เย่เฟิง’ไม่ได้โต้เถียงกับ’ซานเฉี่ยว’ ไม่แม้แต่จะเหลือบไปมอง เขาอธิบายให้กับผู้เฒ่าแซ่หลินฟัง
“ฮ่าๆๆ ไม่เป็นไรๆ ถูกแล้ว เจ้าแก่สหายข้ามันเป็นคนแบบนี้จริงๆ”
ชายชราแซ่หลินไม่ได้โกรธเคือง’เย่เฟิง’เลยเขากลับเป็นฝ่ายหัวเราะออกมา สายตาชายแก่แสดงถึงความชมเชยต่อ’เย่เฟิ’ง ชายหนุ่มที่มีลักษณะท่าทางแบบนี้เขาไม่เคยพบเห็นมากกว่าสิบปีแล้ว พูดไปคนหนุ่มปัจจุบันเวลาเจอตัวเขาเมื่อไรก็เกรงกลัวเขาราวกับเห็นจักรพรรรดิอยู่ตรงหน้า
ใบหน้าของชายชราแสดงถึงความชื่นชมและนับถือในตัว’เย่เฟิง’ ประโยคของ’หลินซิวเหวิน’ต่างทำให้ผู้คนต้องตาค้างอีกครับกับ’เย่เฟิง’ เด็กหนุ่มคนนี้กลายเป็นว่าเป็นหลานของเพื่อนเก่าแก่ของผู้เฒ่าแซ่หลินไปเสียอย่างนั้น
มากไปกว่านั้นยังดูเหมือนว่าปู่ของ’เย่เฟิง’และชายชราตระกูลหลินคนนี้ดูสนิทกันอย่างแนบแน่นอีกด้วย! เหล่าผู้เฝ้ามองเหตุการณ์รู้สึกราวกับไม่สามารถตกใจไปได้มากกว่านี้อีกแล้ว! ‘ซูเหมิงหาน’ที่กอดแขน’เย่เฟิง’แน่นเริ่มรู้สึกไม่เชื่อสายตาตัวเองขึ้นมา ตกลงว่าคนที่หนุนหลัง’เย่เฟิง’กลับกลายเป็นตระกูลหลินแห่งเมืองเหยียนจิง นี่มันจะน่าทึ่งเกินไปแล้ว!
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไม’เย่เฟิง’ถึงได้ดูมั่นใจในตนเองตลอดเวลาไม่ว่าจะเผชิญหน้ากับอะไรก็ตาม ‘ซูเปมืงหาน’รู้สึกขัดใจอย่างบอกไม่ถูก เธอหยิกเขาเบาๆเป็นการเอาคืน ทำไมชายหนุ่มถึงไม่บอกเธอถึงเรื่องสำคัญเช่นนี้กัน แย่จริงๆเลย
ชายหน้าบากที่ยืนอยู่ด้านหลัง’เย่เฟิง’อย่างนอบน้อมรู้สึกตกใจเช่นกัน เขาไม่เคยคิดเลยว่าผู้ที่เป็นหัวหน้าที่แท้จริงแห่งอสรพิษสวรรค์จะมีความสัมพันธ์อันดีกับตระกูลหลินเป็นการส่วนตัวด้วย นี่มันจะน่ายินดีเกินไปแล้ว!
ชายหน้าบากไม่ได้คิดจะแผ่อิทธิพลของกลุ่มอสรพิษสวรรค์ไปมากกว่านี้ ในหัวใจเขาเต็มไปด้วยความแค้นต่อนักดาบที่เคยทำร้ายเขาจนมีบาดแผลบนใบหน้า ตอนนี้ด้วยบุคคลที่มีอำนาจมากขนาดนี้หนุนหลัง’เย่เฟิง’ยิ่งทำให้โอกาสในการแก้แค้นของชายหน้าบากเข้าใกล้ความเป็นจริงไปมากขึ้นอีก
ผู้กำกับ’หลิวลี่ฮุ่ย’ตื่นเต้นจนแทบจะเก็บอาการไม่อยู่ เขาแทบอยากจะลุกขึ้นมาเต้นกลางวงมันซะเลยเดี๋ยวนี้ เขาเลือกถูกข้างจริงๆ!
อย่างไรก็ตามขณะที่ฝั่งหนึ่งกำลังอยู่ในภาวะสุขใจ อีกฝั่งหนึ่งกลับเคร่งเครียดอย่างเหลือแสน ฝั่งของ’ซูซินฉาง’ ‘เซี่ยปิงฮุ่ย’ ‘เซี่ยเฉิงเย่’ ‘เซี่ยหมิน’และคนอื่นๆที่เห็น’เย่เฟิง’สนทนากับชายชราแห่งตระกูลหลินต่างตกอยู่ในความกดดันมากขึ้นไปทุกที
…………………….
แปลโดยทีมงาน GSI
Solar Spark : ไม่ต้องกลัวค้างครับยังเหลือโคต้าอีกตอน แต่ตอนต่อไปจะค้างอีกไหมนี่ไม่บอก รออ่านกันเองเน้อ โรงงานเรากำลังจะกลายเป็นโรงงานนรกจริงๆละ55
ที่มา: