ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป‘หลินหงชวน’ ออกจากที่นั้นพร้อมกับหลานชายของเขา แต่อาการตกตะลึงจากการปรากฎตัวของชายชราผู้นี้ ไม่ได้ลดลงไปแม้แต่น้อย
“คุณเย่ ฉันต้องกราบขอโทษคุณจริงๆ”
ท้ายที่สุด ‘เซี่ยหมิน’ ตัดสินใจที่จะเผชิญหน้ากับ’เย่เฟิง’ เช่นนี้เป็นการเยาะเย้ยและเสียศักดิ์ศรีของผู้หญิง ท้ายที่สุดก็เลือกที่จะยอมจำนน
‘เย่เฟิง’ มองไปยังใบหน้าของ ‘เซี่ยหมิน’ ที่มีการแต่งอย่างจัดเต็ม เขารู้ว่าเรื่องนี้เป็นแสร้งทำของผู้ที่อ่อนแอและแกรงกลัวต่อผู้ที่แข็งแกร่ง ในโลกเทวะ เขาได้พบผู้คนมากหน้าหลายตา จนเขารู้สึกเบื่อ
“ผมไม่ต้องการคำขอโทษของคุณ ถ้าคุณต้องการขอโทษจริง ๆ เอาคำขอโทษของคุณไปบอก เหมิงหานเถอะ”
‘เย่เฟิง’ส่ายหัวแล้วเหลือบมองด้านข้างของ’ซูเหมิงหาน’ เขาคิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะปล่อยเรื่องนี้ให้สาวน้อยได้ระบายความขัดข้องใจ ซึ่งเธอได้รับมาตลอดกว่า 10 ปี
“ไม่จำเป็นต้องขอโทษหรอก อย่างไรซะความสัมพันธ์ของเรานั่น จากนี้ มันจะไม่มีอีกแล้ว”
‘ซูเหมิงหาน’ส่ายหัวของเธอและกล่าวอย่างเย็นชากับ’เซี่ยหมิน’ ขณะที่ยื่นอยู่ด้านข้างของ’เย่เฟิง’ มันเป็นความประสงค์หนักแน่นของเธอ
ตั้งแต่บ่ายวันนี้ ที่’ซูซินฉาง’ตัดสินใจเลือก’เซี่ยหมิน’ มากกว่าเธอ ตั้งแต่นั้นมา’ซูเหมิงหาน’ตัดสินใจเด็ดขาด ว่าจะไม่กลับไปหาครอบครัวเธออีก แม้ว่าพวกฝ่ายตรงข้ามจะเต็มใจขอโทษเธอในตอนนี้ แต่เธอไม่เต็มใจที่จะยอมรับมัน
กว่า 10ปีที่เธอไม่ได้รับความเป็นธรรมและต้องทนอยู่อย่างเจ็บช้ำน้ำใจ มันเป็นไปได้หรือที่คำขอโทษเพียงเท่านี้จะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น?
“เหมิงหาน……”
‘ซูซินฉาง’ อ่านสีหน้าและท่าทางที่แสดงออกมาของเธอและก็เข้าใจว่าตอนนี้มันสายเกินไปสำหรับเขาที่จะพูดขอร้องอะไรเธอ ใบหน้าของเขาถึงกับหมองลงทันที
“ถ้างั้น เล่าเรื่องยายของเธอมา ว่าอะไรเป็นความจริงที่อยู่เบื้องหลังการเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ของยายเธอ ?”
‘เย่เฟิง’ ไม่ได้สนใจเรื่องเล็กน้อยของฝ่ายตรงข้าม เขาถามคำถามที่สำคัญที่สุด อย่างตรงไปตรงมา
ถ้าเขามีเวลาพูดคุยไร้สาระกับพวกนั้น เช่นนี้เขาควรจะกลับไปเริ่มต้นการฝึกฝนพลังวรยุทธ์ของเขา เพื่อเพิ่มระดับความแข็งแกร่งมากกว่า ซึ่งนั้นเป็นไพ่ตายของเขาอย่างแท้จริง มากกว่าจะพึ่งตระกูลหลินหรือ’เย่เวิ่นเทียน’ ไพ่ตายของเขาคือสถานะผู้ฝึกยุทธ์ ตราบใดที่เขาเก็บความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นไว้
อนาคตเขาสามารถจัดการได้อย่างสบาย กับตระกูลหลินและตระกูลมังกร แม้พวกเขาจะร่วมมือกัน ‘เย่เฟิง’ก็สามารถจัดการได้เช่นกัน
สำหรับผู้มีอิทธิพลทั้งหมด ต่อหน้าพลังอันมหาศาลแล้ว พวกเขาก็ไม่ต่างอะไรจากกลุ่มควัน
ในที่สุด เขาได้สอบถามเกี่ยวกกับอุบัติเหตุทางรถยนต์ เพียงเพื่อให้’ซูเหมิงหาน’ได้รับคำสารภาพ แต่น่าเสียดาย ที่เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญมาก เพียงแต่’เซี่ยหมิน’ยังไม่พร้อมที่จะยอมรับ แม้ว่าเธอจะอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายก็ตาม ใครที่ไหนอยากจะใช้ชีวิตที่เหลือในคุก
เพราะการยุยงส่งเสริมของใครบ้างคน
อย่างไรก็ตาม เมื่อ’เย่เฟิง’ถาม หล่อนตกใจและสั่นหัวด้วยความกลัว
“ฉันพูดจริงนะ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับพวกเรา เราไม่ใช่คนอย่างนั้น ฉันไม่ทำเรื่องบ้า ๆ อย่างนั้นหรอก ”
“จริงรึ ?”
‘เย่เฟิง’ถาม แล้วเขาหันไปและมองไปยังทั้ง 4 คน เซี่ยผิงฮุย,เซี่ยหมิน, เซี่ยเฉิงเย่ และซูซินฉาง นอกจาก ‘เซี่ยผิงฮุย’ ที่มีสีหน้าปกติแล้ว ส่วนที่เหลืออีก 3 คน พวกเขามีลักษณะที่แสดงออกถึงความกังวล และความน่าสงสัยที่จะทำผิดต่อหน้า’เย่เฟิง’ เนื่องจากคนเหล่านี้ ปากแข็งปฎิเสธที่จะยอมรับเรื่องนี้
ดังนั้น’เย่เฟิง’มีวิธีการติดตามถึงที่สุด เขาเป็นผู้ฝึกวรยุทธ์ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ แต่เดิมเรื่องนี้ควรถูกจัดการโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่หากกฏหมายของโลกใบนี้ยังคงเป็นแบบนี้ ‘เย่เฟิง’ตั้งใจว่าจะปล่อยให้ซูเหมิงหานสอบสวนเรื่องนี้ด้วยตัวเอง และในการสอบสวนนี้จะมีแก๊งอสรพิษสวรรค์คอยช่วยเหลือเธอ
เป็นไปได้ว่าพวกเขาจะได้รับความจริงในเรื่องดังกล่าว แต่ถ้าพวกเขาทำไม่สำเร็จ ไว้เย่เฟิงสามารถบรรลุวรยุทธ์ระดับ 5 ปี หลังจากนั้นเขาจะสามารถใช้ “วิชาสะกดจิต”ใส่ ‘ซูซินฉาง’และ’เซี่ยหมิน’ เพื่อดึงเอาความจริงออกมา นี่เป็นหนึ่งในวิชาที่โลกเทวะใช้กันทั่วไป
โดยจะใช้กับคนธรรมดา เพื่อให้มั่นใจว่าฝ่ายตรงข้ามพูดความจริง
“ไปกันเถอะ หน้าบาก พวกนายด้วย ”
‘เย่เฟิง’พยักหน้าให้ ‘ซูเหมิงหาน’ จากนั้นเรียกชายหน้าบาก เพราะเขาอยากจะบอกให้แก๊งอสรพิษช่วย’ซูเหมิงหาน’ สอบสวนความจริงที่อยู่เบื้องหลังการเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ของยายเธอ
อย่างไรก็ตาม เมื่อชายหน้าบากเรียกคนของเขามา ในขณะนั้นเสียงโทรศัพท์ของ’เย่เฟิง’ก็ดังขึ้น
กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง
เขาก็เอาโทรศัพท์ขึ้นมาดูและเห็นว่าเป็น’อู๋บี’โทรมา ดังนั้นเขาให้ชายหน้าบากและ’ซูเหมิงหาน’ยืนอยู่ตรงนั้น และรับโทรศัพท์
“ว่าไงพี่อู๋ มีเรื่องอะไรหรือ”
‘เย่เฟิง’ ถามแซวเขา
“เรื่องใหญ่มาก ผึ้งน้อย รีบมาที่ร้านด่วนเลย นักล่าสมบัติ จูไป๋เหนียว อยู่ที่นี้แล้ว…….”
เสียงของ’อู๋บี’ร้อนร้นมาก
“ว่าไงนะ?”
ทันทีที่’เย่เฟิง’ได้ยินเช่นนั้นสีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที ความรู้สึกอื่นๆที่เคยมีในใจหายไปอย่างฉับพลัน ชายหนุ่มหวนนึกถึงรูปภาพเจ็ดรูปอันเรือนลางที่มีแผ่นหลังของอาจารย์ของเขา ก่อนหน้านี้อาจารย์ของเขาเคยปรากฎตัวอยู่ที่สุสานราชวงศ์ชางที่ภูเขาฉางไป่
อาจารย์ นั่นคือท่านจริงๆใช่หรือไม่? ‘เย่เฟิง’รู้สึกว้าวุ่นใจไปหมด เขาตะโกนใส่โทรศัพท์
“ฉันจะไปที่นั่นเดี๋ยวนี้แหละ!”
“รีบๆเลย ได้ยินว่าเขากำลังจะกลับไปที่ภูเขาฉางไป่คืนนี้อีกครั้งด้วยนะ!”
‘อู่บี’เตือนอย่างร้อนรน
“เข้าใจแล้ว ทำยังไงก็ได้รั้งเขาไว้ก่อนนะ!”
กล่าวจบ’เย่เฟิง’รีบวางสายทันที
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
‘ซูเหมิงหาน’เริ่มสงสัยเช่นกัน สีหน้าของ’เย่เฟิง’ตอนนี้ราวกับสีหน้าของชายหนุ่มเมื่อยามบ่ายไม่มีผิด อะไรที่ทำให้เขากังวลได้ถึงขนาดนี้กันนะ?
“มีเรื่องด่วนเข้ามาน่ะ…”
‘เย่เฟิง’ตกอยู่ในห้วงความคิดของเขา หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงบอก’ซูเหมิงหาน’และชายหน้าบาก
“ฉันจะต้องออกจากเมืองเหยียนจิงตอนนี้ไปสักพักนึง ไม่รู้ว่านานแค่ไหนเหมือนกัน หน้าบากแล้วก็เจ้าอี้เปยให้ไปกับฉันด้วย แล้วช่วยหาใครสักคนมาช่วยซูเหมิงหานสืบสวนเรื่องที่เธอต้องการ”
“อะไรนะ?”
คำพูดของ’เย่เฟิง’ทำให้ชายหน้าบากตกใจ เขายังคงทำอะไรไม่ถูก มันเกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย?
“ฉันวางแผนว่าจะไปที่ๆหนึ่งที่ไกลจากที่นี่มาก นายไม่คิดเหรอว่านายจะตายจากยาพิษไปก่อนน่ะ เพราะฉะนั้นตามฉันไปดีกว่านะ”
“เย่เฟิงกระซิบบอกชายหน้าบาก”
“โอเคครับ เข้าใจแล้ว”
ชายหน้าบากหนึ่งในสามผู้ใหญ่แห่งแก๊งมาเฟียของเมืองเหยียนจิงเข้าใจทุกอย่างที่’เย่เฟิง’พูดได้ในทันที เป็นที่แน่ชัดแล้วว่ามีเรื่องด่วนบางอย่างเข้ามาทำให้’เย่เฟิง’ต้องไปจัดการทันทีตอนนี้ แล้วดูเหมือนว่าที่ๆจะไปจะไม่อยู่บริเวณเมืองเหยียนจิงอีกด้วย สถานการณ์เริ่มดูซับซ้อนมากขึ้นไปอีก
“นายต้องไปไกลขนาดนั้นเลยเหรอ แล้วโรงเรียนล่ะ นายก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าการสอบเข้ามหาวิทยาลัยมันใกล้เข้ามาแล้วนะ…”
‘ซูเหมิงหาน’กังวลอย่างบอกไม่ถูก เธอไม่ค่อยพอใจนักกับการตัดสินใจในฉับพลันของ’เย่เฟิง’ นอกจากนี้ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขาก็เริ่มต้นพัฒนาอีกด้วย หญิงสาวยังไม่อยากแยกจาก’เย่เฟิง’ไปเร็วขนาดนี้
“ขอโทษนะ แต่ว่าเรื่องนี้สำคัญกับฉันมากกว่าเรื่องสอบเข้ามหาวิทยาลัยมาก”
‘เย่เฟิง’มองใบหน้าเศร้าหมองของ’ซูเหมิงหาน’ ในเมื่อเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับ’ซูเฟยหยิ่ง’อาจารย์เขา ชายหนุ่มไม่สามารถนิ่งนอนใจอย่างนี้ต่อไปได้หรอก
ชายหนุ่มมั่นใจว่าความรู้สึกของเขาที่มีต่อ’ซูเหมิงหาน’แตกต่างกับความรู้สึกที่เขามีให้กับซูเฟยหยิ่งอาจารย์ของเขาอย่างสิ้นเชิง สำหรับซูเหมิงหานแล้วเขาชอบเธอ อยากอยู่ใกล้เธอ อยากจะปกป้องเธอไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่สำหรับอาจารย์คนสวยของเขาแล้ว ชายหนุ่มชื่นชมเธอและให้ความเคารพเธอ
และในสถานการณ์เช่นนี้เขาก็กังวลเพราะเธออีกด้วย ในโลกเทวะช่องว่างระหว่าง’เย่เฟิง’และ’ซูเฟยหยิ่ง’นั้นมหึมามาก ชายหนุ่มไม่กล้าแม้แต่เปิดเผยความรู้สึกของเขาให้แก่อาจารย์ของเขาเลย ได้แต่ชื่นชมเธออย่างลับๆในใจของเขาเอง
“ซ่งหู่ ฉันต้องไปทำธุระกับญาติผู้น้องของฉันตอนนี้เลย จนกว่าฉันจะกลับมาให้นายอยู่เฝ้ารักษาการณ์ไปก่อน”
ชายหน้าบากกล่าวอย่างหนักแน่นและเฉียบขาด เขารู้ว่า’เย่เฟิง’รีบมากในตอนนี้จึงทำการมอบหมายธุระให้คนที่เขาเลือกในทันที
“ในเมื่อนายอยู่ข้างฉันมาตลอด นายคงรู้อยู่แล้วว่าต้องทำอะไรบ้าง”
“ไม่ต้องห่วงครับพี่ใหญ่”
ชายหน้าเหลี่ยมตอบกลับด้วยเสียงทุ้มลึก
“เราจะดำเนินงานของแก๊งเราไปตามปกติ และเราจะคุ้มครองนายหญิงเย่ให้ปลอดภัยเอง”
ชายหน้าเหลี่ยมคนนี้คือ’ซ่งหู่’ คนที่’เย่เฟิง’เคยพบที่สถานีรถไฟมาก่อน ตอนนั้นเขามาในฐานะลุงของชายหนุ่มเสื้อสูทสไตล์ตะวันตก เขามองมาทาง’เย่เฟิง’และ’ซูเหมิงหาน’อย่างนอบน้อม
“ดีมาก”
ชายหน้าบากกล่าวเช่นนั้นเสร็จแล้วจึงขยับตัวเข้าไปใกล้ๆ’ซ่งหู่’พร้อมกับกระซิบ
“ถ้าสมมติว่าพวกฉันไม่ได้กลับมาก่อนต้นเดือนหน้า ให้นายจัดการเรื่องนั้นต่อไปเลยนะ”
“ได้เลยครับ”
‘ซ่งหู่’เข้าใจว่าชายหน้าบากหมายถึงเรื่องยาเสพติดชนิดใหม่ เขาผงกหัวอย่างไม่ลังเล
“เอาล่ะ ไปกันได้แล้ว”
‘เย่เฟิง’หันหลังเดินออกไป
“เย่เฟิง!”
สีหน้าของ’ซูเหมิงหาน’เต็มไปด้วยความกังวลและตื่นตระหนก เธอรู้สึกว่าครั้งนี้’เย่เฟิง’จะไปต้องเผชิญอะไรบางอย่างที่ยุ่งยากและซับซ้อน แล้วหลังจากที่ชายหนุ่มกลับมา ระหว่างพวกเขาทั้งสองคนจะยังคงมีความสัมพันธ์กันแบบนี้อยู่หรือไม่? .
……………………..
แปลโดยทีมงานGSI
Solar Spark: ไปเลยเย่เฟิง ออกเดินทางสู่แกรนไลน์ เอ้ย ผิดเรื่อง
ที่มา: