I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Genius Sword Immortal ตอนที่ 81 หลงโม่หรันที่ถูกสวมเขา

| Genius Sword Immortal | 2538 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

ตั้งแต่ที่’เย่เฟิง’มีวรยุทธ์อยู่ที่ระดับ 5 ปี เขาสามารถใช้ทักษะ‘อำพราง’เพื่อสร้างภาพลวงตาขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย และในกรณีนี้ ถึงแม้ชายหนุ่มต้องถอดหน้ากากออกต่อหน้า’หลงหวางเอ๋อ’ เธอก็ไม่อาจเห็นหน้าตาที่แท้จริงของเขาได้ แต่ใจเขากลับไม่ต้องการจะทำแบบนั้น

ชายหนุ่มไม่อยากแสดงใบหน้าที่หลอกลวงให้หญิงสาวได้เห็น ถ้าต้องทำแบบนั้น สู้ให้เธอจดจำภาพของชายสวมหน้ากากไว้ในใจเสียจะดีกว่า ในเมื่อเขารู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างตระกูลมังกรและตระกูลเย่ หากเมื่อใดที่เขาสามารถแก้ไขความขัดแย้งระหว่างสองตระกูลได้

เขาจะแสดงตัวตนที่แท้จริงให้เธอได้รู้ สำหรับตอนนี้ ‘เย่เวิ่นเทียน’เตือน’เย่เฟิง’อย่างจริงจังว่าห้ามให้ตระกูลมังกรรู้ว่าเขาฝึกวรยุทธ์แล้วเด็ดขาด…..

แน่นอนว่าชายหนุ่มเชื่อคำพูดของ’เย่เวิ่นเทียน’เพราะชายแก่คนนั้นคือปู่ของเขาในโลกนี้

“หลับไปก่อนเถอะนะ”

‘เย่เฟิง’ได้จ้องเข้าไปในดวงตาคู่งามของหญิงสาว และรีบใช้ทักษะ‘สะกดจิต’แก่เธอ ทันใดนั้น สติของหลงหวางเอ๋อก็พลันดับวูบไป แน่นอนว่าเธอไม่อาจต่อต้านเขาได้ ดวงตาคู่สวยของหญิงสาวปิดลงพร้อมกับร่างของเธอที่ค่อยๆโน้มเอียงมาสู่อ้อมแขนของชายหนุ่ม

“โอ้ย…….”

‘เย่เฟิง’รู้สึกเจ็บจนต้องร้องออกมาด้วยเสียงอันดัง หญิงสาวคนนี้โน้มตัวลงมาทับบาดแผลของเขาจนเกือบได้ไปเฝ้ายมบาลอยู่รอมร่อแล้ว ชายหนุ่มรีบวางเธอนอนลงบนกองใบไม้นิ่ม

อย่างไรก็ตาม จนกว่าพ่อของ’หลงหวางเอ๋อ’จะมาที่นี่ เขาคงต้องขอเอาเปรียบเธอเสียหน่อย ชายหนุ่มถามคำถามบางอย่างกับหญิงสาวขณะที่เธอยังอยู่ในสภาวะสะกดจิต

“หวางเอ๋อ เธอรู้จักตระกูลเย่ไหม?”

‘เย่เฟิง’ถามคำถามแรก

“ฉันรู้จัก”

‘หลงหวางเอ๋อ’ยังคงหลับไหลอยู๋ แต่หญิงสาวก็ตอบคำถามของเขา….

ภายใต้แสงสลัวของหมู่ดาว ชายหญิงคู่หนึ่งยังคงเล่นเกมตอบคำถามกัน และไม่นาน ‘เย่เฟิง’ก็ได้เข้าใจชัดเจนถึงสถานะการณ์ปัจจุบันของทั้งสองตระกูล เพราะเรื่องนี้ไม่ถือว่าเป็นความลับอันใดในโลกยุทธภพ

ยิ่งไปกว่านั้น ‘หลงหวางเอ๋อ’ตอบทุกคำถามที่เขาสงสัยอย่างสมบูรณ์ เดิมทีเมื่อ 18 ปีก่อน ตระกูลเย่เป็นหนึ่งในตระกูลที่ใหญ่ที่สุดในโลกยุทธภพและเพรียบพร้อมไปด้วยอิทธิพลมากมาย สำหรับในแวดวงยุทธภพแล้ว ‘เย่เวิ่นเทียน’คือผู้ที่มีวรยุทธ์ระดับสูงยิ่งพร้อมด้วยชื่อเสียงกระฉ่อนไปทั่ว

ชายแก่คนนี้ถือว่าเป็นผู้ที่ได้รับความเคารพนับถือสูงมากในโลกเบื้องหลังนี้ แต่โชคร้ายที่’เย่หยุนเฟย’พ่อของ’เย่เฟิง’เป็นพวกไม่เอาไหน ไม่เพียงเขาจะไม่สนใจฝึกวรุยทธ์หรือทักษะใดๆแล้ว เขายังเป็นพวกเพลย์บอยที่รับรู้กันไปทั่วในแวดวงยุทธภพ

หลังจาก’เย่เฟิง’เกิดได้ไม่นาน ชายคนนั้นก็ได้ไปเล่นชู้กับภรรยาของ’หลงโม่หรัน’ เมื่อ’หลงโม่หรัน’รู้เรื่องนี้เขา แน่นอนว่าเขาย่อมเกรี้ยวกราด นอกจากนี้ การกระทำของ’เย่หยุนเฟย’มักไปยั่วโทสะของตระกูลที่ทรงอิทธิพลมากมายหลายตระกูล

ดังนั้น ในคืนหนึ่ง จุดแตกหักก็มาถึงเมื่อ’หลงโม่หรัน’พร้อมด้วยผู้ทรงอิทธิพลมากมายของโลกยุทธภพได้เข้ากวาดล้างตระกูลเย่ทั้งตระกูลที่ถ้ำหลัวฝู ทั้ง’เย่หยุนเฟย’และภรรยาของเขาล้วนถูกตัดหัวทั้งหมด! และในขณะที่การกวาดล้างยังนำเนินไปด้วยความวุ่นวาย พร้อมด้วยผู้เสียชีวิตที่มากขึ้นเรื่อยๆ

‘เย่หยุนเฟย’ได้ตายไปพร้อมกับความรู้สึกผิดอันใหญ่หลวงเพราะเขาเป็นต้นเหตุให้ตระกูลเย่ต้องพบกับจุดจบ แต่ถึงอย่างนั้นเขายังสามารถปกป้องเลือดเนื้อเชื้อไขเพียงคนเดียวของเขาไว้ได้

ยิ่งไปกว่านั้น นี่เป็นเรื่องยากสำหรับ’เย่เวิ่นเทียน’ที่จะต่อกรกับผู้ทรงอิทธิพลมากมายในเวลาเดียวกัน อีกอย่างหนึ่งนี่เป็นความผิดที่มีต้นเหตุเป็นลูกชายของเขาเอง สองอย่างนี้บังคับให้ชายแก่ยับยั้งความคิดที่จะแก้แค้น และท้ายที่สุดเขาได้ทำข้อตกลงกับเหล่าผู้ฝึกยุทธ์หลายคนของยุทธภพ

ข้อตกลงนั้นคือ ตราบใดที่’เย่เฟิง’ไม่ได้ฝึกวรยุทธ์ เหล่าจอมยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่เหล่านั้นจะไม่มีวันทำอันตรายแก่เขาและจะไม่อนุญาติให้ผู้อื่นทำเช่นกัน มิฉะนั้นต่อให้’เย่เวิ่นเทียน’ลองเสี่ยงชีวิตสนับสนุน’เย่เฟิง’เต็มที่ เขาก็คงไม่สามารถหยุดยั้งการถูกทำลายตระกูลเขาลงได้!

ในเมื่อเหล่าผู้ฝึกยุทธ์ที่ยิ่งใหญ่กล่าวเช่นนั้น ใครล่ะที่จะไม่กล้าเชื่อฟังพวกเขา? ถ้ำภูเขาหลัวฝูเป็นหนึ่งในสิบที่ๆใหญ่ที่สุดสำหรับฝึกพลังยุทธ์ มันสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการฝึกได้เร็วถึง 30 เปอเซ็นต์หากเทียบกับโลกภายนอก

เมื่อตระกูลเย่ถูกกำจัดไป ‘เย่เวิ่นเทียน’และ’เย่เฟิง’ที่พึ่งเกิดได้ออกจากถ้ำแห่งนั้นย้ายไปอยู่ที่อื่น ที่นั่นจึงตกอยู่ในการครอบครองของตระกูลมังกรไป ตั้งแต่นั้นมา’หลงโม่หลัน’เริ่มได้ใจและไร้เหตุผลมากขึ้น เขาเริ่มเข้ามาจัดการถึงความไปเป็นไปต่างๆบนยุทธภพ และแน่นอนว่าความคิดของเขาต้องเป็นผู้ถูกเสมอ

ยิ่งไปกว่านั้นในช่วงเวลาเด็กของ’หลงหวางเอ๋อ’ก็ถูก’หลงโม่หลัน’สอนมาอย่างเข้มงวด หญิงสาวเติบโตขึ้นมาด้วยความสามารถต่างๆมากมายในแต่ละก้าวของช่วงเวลา เมื่อเธออายุสิบห้าปีการฝึกของหญิงสาวก็เทียบเท่ากับเหล่าผู้นำตระกูลสาขามากมายของโลกภายนอก

เมื่อเวลามาถึง ในที่สุดเธอสามารถเชื่อมต่อเส้นลมปราณของเธอและเปิดจุดตันเถียนได้และเริ่มทำการฝึกเคล็กวิชาเก่าแก่ของตระกูลมังกร เธอมีพลังยุทธ์สามปีตอนที่อายุสิบแปดปี หลังจากนั้นเธอเริ่มออกสู่โลกภายนอกเพื่อเรียนรู้จากประสบการณ์จริง ตอนนี้อายุของหญิงสาวเกือบยี่สิบปีแล้วและมีระดับพลังยุทธ์ถึงสิบปี

หลังจากบากบั่นผ่านช่วงเวลาเรียนรู้ด้วยประสบการณ์จริงตอนนี้เธอได้กลายเป็นรุ่นเยาว์ที่มีความสามารถสูงที่สุดของตระกูลมังกร! สำหรับผู้คนบนโลกนี้ในช่วงเวลาเด็กเส้นลมปราณจะเปราะบางอย่างมากประกอบกับจุดตันเถียนที่ยังยุ่งเหยิง ดังนั้นคนธรรมดาทั่วไปจะไม่สามารถฝึกยุทธ์ได้ในวัยเด็ก

อายุสิบหกปีจึงถือว่าเป็นอายุที่เหมาะสมมากที่สุดแล้ว ความสำเร็จของ’หลงหวางเอ๋อ’ได้สร้างมิติใหม่แห่งวงการผู้ฝึกยุทธ์ทำให้’หลงเสียน หลัวลี่’หรือคนอื่นๆในช่วงอายุของเธอด้อยกว่าเธอไปอย่างมาก

“จะบอกว่าด้วยความสามารถเฉพาะตัวของร่างชีพจรเทวะไม่เสียเปล่าเลยก็ว่าได้ เธอคอยหาพวกสมบัติต่างๆมาเพิ่มระดับพลังของจนเองตลอด สาวน้อยคนนี้ไม่โง่เลยทีเดียว”

‘เย่เฟิง’คิดไปถึงครั้งแรกที่เขาพบเธอและคิดถึงหญ้าใบทองสามใบที่เธอเสี่ยงชีวิตไปขโมยมันมาจากคู่รักวิปริตของวังกระบี่สวรรค์ ด้วยความสามารถของหญิงสาวเองและในฐานะที่เป็นลูกสาวของภรรยาคนแรกแห่งตระกูลมังกร ไม่แปลกใจเลยที่เธอจะมีชื่อเสียงโด่งดังได้มากขนาดนี้

ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย เขาไม่เคยคิดเลยว่าความบาดหมางระหว่างตระกูลเย่และตระกูลมังกรจะลึกซึ้งถึงเพียงนี้ แต่ดูตอนนี้สิ ทายาทรุ่นเยาว์ของทั้งสองตระกูลดันมาอยู่ด้วยกันแบบนี้……

‘เย่เฟิง’อยากจะถามคำถามมากกว่านี้เช่นเรื่องที่เกี่ยวกับแม่ของเธอและอื่นๆ แต่ทันใดนั้นเขาได้ยินเสียงฝีเท้าจำนวนมากมาจากทางเข้าของหุบเขา ‘หลงโม่หลัน’มาพร้อมกับคนของเขาแล้วสินะ

“ที่เหลือเอาไว้เราค่อยคุยกันครั้งหน้าก็แล้วกัน”

ขณะที่ชายหนุ่มคิดเช่นนี้ เขามองไปยังหญิงสาว จากนั้นก้มหัวลงกดริมฝีปากประทับไปที่แก้มของเธออย่างแผ่วเบา ‘เย่เฟิง’ยิ้มเล็กน้อยแล้วใช้ย่างเก้าไร้เงาไปยังแหล่งน้ำที่ออกมาตอนแรกพร้อมหยิบเอาไข่มุกเรืองแสงไปด้วย เขายังเผชิญหน้า’หลงโม่หลัน’ตอนนี้ไม่ได้

ยิ่งกว่านั้นเขาต้องกลับไปดูร่องรอยของ’ซูเฟยหยิ่ง’ด้วย สำหรับ’หลงหวางเอ๋อ’ ไว้ค่อยบอกลาเธอครั้งหน้าก็แล้วกัน!

………..

เมื่อพระอาทิตย์ขึ้นจากทางด้านตะวันตก รถแลนโรเวอร์สีดำเทาวิ่งมาระหว่างภูเขาค่อยๆเข้าใกล้เมืองหลินเจียง ในขณะเดียวกันตามมาด้วยรถ SUV อีกหลายคันจากทางด้านหลัง ในที่นั่งโดยสารของรถ ‘หลงโม่หลัน’ที่ใส่เสื้อคลุมยาวสีขาวอยู่ตรงนั้น ถึงแม้ว่าสภาพภายนอกของเขาจะดูใจเย็นแต่ภายในกลับเต็มไปด้วยเพลิงแห่งความเกรี้ยวกราด

ขณะที่อีกด้านหนึ่ง ‘หลงหวางเอ๋อ’นั่งอยู่เบาะหลังของรถภายใต้การดูแลของพี่สะใภ้เธอ ถ้าข่าวของเหตุการณ์เมื่อคืนที่’หลงโม่หลัน’ถูกแย่งชิงตัวลูกสาวและยังถูกทำลายความบริสุทธ์หลุดรั่วไปละก็ ชื่อเสียงและเกียรติยศที่สั่งสมมาของตระกูลมังกรต้องถูกทำลายลงเป็นแน่

เมื่อเขามาถึงจุดที่ลูกน้องเขาอยู่เมื่อคืน หลังจากไล่ตามควันที่ลอยมาจากทางหุบเขา ‘หลงโม่หลัน’พบว่า’ไห่ถัง’ ‘คู่รักสุขสันต์แห่งวังกระบี่สวรรค์’ ถูกฆ่าตายแล้ว ขณะที่’หลงหวางเอ๋อ’กำลังหลับอย่างสงบอยู่ข้างกองไฟ

“ชายสวมหน้ากากโม่จิ่วเกอคนนั้นช่างกล้านัก”

สายตาของ’หลงโม่หลัน’ฉาบไปด้วยความเย็นชา เขารู้ดีว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ต้องเกี่ยวข้องกับชายสวมหน้ากากอย่างแน่นอน ถึงแม้ว่า’หลงโม่หลัน’จะไม่รู้เกี่ยวกับชายสวมหน้ากากมากนัก แต่ก็รู้ว่าเขาใช้อาวุธกระบี่ กระบี่หมาป่า ‘ไห่ถัง’ตลอดจน’หลงเสี่ยน’ที่ศพของเขาถูกพบบริเวณตีนภูเขา

ทั้งหมดนี้ถูกฆ่าตายด้วยกระบี่ทั้งนั้น ‘หลงเสี่ยน’ผู้ที่มีความหยิ่งยโสแต่กลับไร้ความสามารถ เป็นลูกชายของน้องชาย’หลงโม่หลัน’นั่นคือเหตุผลว่าเมื่อไหร่ที่’หลงโม่หลัน’มองเห็นเขาจะต้องทำให้นึกถึง’เย่หยุนเฟย’อยู่ตลอด

ดังนั้นการตายของเขาไม่ถือว่าเป็นเรื่งอะไรมากนัก แต่ลูกสาวของเขากลับถูกทำให้แปดเปี้ยนโดยเจ้านั่นนี่สิ นี่มันคิดจะทรมาณตระกูลมังกรด้วยวิธีการเช่นนี้งั้นหรือ? ‘หลงโม่หลัน’สั่งให้ปิดข่าวให้เงียบที่สุดเพื่อไม่ให้เรื่องราวนี้ถูกเปิดเผยออกไป แต่ในใจเขารู้ดีว่าเรื่องนี้ไม่สามารถเงียบไม่ได้นานนัก

ไม่ใช่แค่ชายสวมหน้ากากซึ่งยังไม่ได้ถูกจับ แต่ชายวิปริต’หลี่ฮวา’ก็ยังหายไปเช่นกัน…

“หวังเอ๋อ ตื่นแล้วหรือ?”

ตรงเบาะรถด้านหลังมีเสียงของสตรีที่ฟังดูนุ่มนวลประดุจสายน้ำดังออกมา พี่สะใภ้ของ’หลงหวางเอ๋อ’นั่นเอง เธอมีรูปร่างที่สวยงามและน่าดึงดูดเช่นกัน หญิงสาวมอง’หลงหวางเอ๋อ’ด้วยความเป็นห่วง

“ฉันมาอยู่ที่นี่แล้วงั้นเหรอ… แล้วเขาล่ะ?”

ทันทีที่’หลงหวางเอ๋อ’ตื่นขึ้น หญิงสาวลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพลันมองไปรอบๆอย่างกระสับกระส่าย

“ใครงั้นหรือ?”

พี่สะใภ้เธอถามอีกครั้ง

“โม่จิ่วเกอ เขา…”

‘หลงหวางเอ๋อ’จำทุกสิ่งทุกอย่างได้และเริ่มเกิดความกังวลเล็กน้อย ถึงแม้ว่าเธอพยายามอย่างหนักที่จะทรงตัวลุกขึ้นมา แต่กลับถูกขัดขวางโดยพ่อของเธอเสียก่อน

“ไม่ว่ามันจะเป็นใคร พ่อจะไม่ปล่อยมันไปแน่นอน”

‘หลงโม่หลัน’พูดเบา ๆ ต่อว่า

“สำหรับลูก หลังจากกลับไปห้ามออกไปไหนทั้งนั้นตลอดทั้งปีนี้”

“อะไรกัน? มันไม่ใช่อย่างนั้นนะ เขา..”

‘หลงหวางเอ๋อ’รีบขัดพ่อของเธอ

“เงียบได้แล้ว”

สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว เธอสังเกตว่าพ่อของเธอกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ ‘หลงหวางเอ๋อ’ยังคงจับจ้อง’หลงโม่หลัน’อยู่สักพัก โม่จิวเก่ออาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับ’เย่เฟิง’

เพราะว่าพ่อของ’เย่เฟิง’ทำให้’หลงโม่หลัน’ต้องถูกสวมเขา หากเรื่องนี้’เย่เฟิง’มีส่วนเกี่ยวข้องละก็เขาจะได้หาข้ออ้างในการกำจัดชายหนุ่มไปเสียที หลังจากติดขัดกับข้อตกลงจนไม่อาจจะลงมือได้

แต่ตอนนี้’เย่เฟิง’กลับรนหาที่ด้วยตนเองเสียแล้ว ทำอย่างไรดี? ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนแล้ว? เธอจะปล่อยให้พ่อของเธอจับเขาไม่ได้…

ใจ’หลงหวางเอ๋อ’รู้สึกพลุ่งพล่านไปหมด ไม่ว่าเธอจะพูดอะไรก็ตามก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจของพ่อเธอได้อีกแล้ว หญิงสาวได้แต่ภาวนา ภาวนาในใจให้’เย่เฟิง’ปลอดภัย

ก่อนหน้านี้’หลงหวางเอ๋อ’ยังหวังไว้ว่าจะดึงตัวเขาเข้าตระกูลมังกรได้ในฐานะสามีของเธอ แต่ดูเหมือนว่าเธอจะหวังอะไรที่มันเป็นไปไม่ได้เลย ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เธอก็ทำได้แค่เพียง……

………………………..

แปลโดยทีมงาน GSI

ที่มา:

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments