ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป” มา มา มา มา!!! ข้าจะแนะนำให้พวกเจ้ารู้จัก นี่คือสมาชิกใหม่ของพันธมิตร ปีกฯ ชื่อ ชูเฟิง เค้าอาจจะดูเหมือนเด็ก แต่เค้าไม่ใช่เด็กธรรมดา “
‘ซูเหม่ย’ยิ้มและแนะนำให้คนอื่นๆรู้จัก’ชูเฟิง’
” ยังมีเด็กกว่าเจ้าอยู่งั้นหรอซูเหม่ย ? “
ชายสวมชุดขาว เดินเข้ามาคารวะด้วยความสุภาพกับ ‘ชูเฟิง’
” ข้าชื่อ ไป๋ ตง ข้าได้ยินชื่อเสียงของเจ้ามานานแล้ว วันนี้ก็มีโอกาสได้พบเจ้าซะที เจ้าดูไม่ธรรมดาจริงๆ”
” ขอบใจ “
‘ชูเฟิง’กล่าวพร้อมกับยกมือคารวะตอบ คนที่ปฏิบัติต่อเค้าด้วยความสุภาพ เค้าต้องแสดงความสุภาพกลับเพื่อเป็นมารยาท ชายหนุ่มชุดชมพูบนหัวมีดอกไม้ ก็เดินเข้ามาทำน่าตาเคร่งครึมและกล่าวว่า
” ข้าชื่อ เย้ เถาจือ เป็นภรรยาในอนาคตของ จาง ถิงจือ”
หมายเหตุกรุงศรี : เถา 桃 > ” ลูกพีช ” ถิง 婷 – > ” อรชร “
‘ชูเฟิง’ยิ้มและยกมือขึ้นคารวะพวกเขาทั้งสอง แต่ในใจเค้าคิด
” เหอะๆ เย้ เถาจือ , จาง ถิงจือพวกเค้าทั้งสองช่างมีชื่อที่เหมาะสมกันจริงๆ”
” ชูเฟิง เราขอต้อนรับสู่ครอบครัวใหญ่ของพันธมิตร ปีกฯ เราหวังว่าเจ้าจะไม่ใส่ใจเรื่องของสองคนนี้ . . . . . . “
สองพี่น้อง หลง – หู่ เดินมาทาง’ซูเหม่ย’ เหมือนจะถามอะไรสักอย่าง
” แค่ม แค่ก “
เมื่อเห็นพวกเค้า’ซูเหม่ย’รีบกระแอมสองทีและจ้องพวกเขาทั้งสองอย่างหฤโหด ทันทีที่พวกเค้ากำลังจะพูด ก็ต้องหยุดเพราะความกลัว
‘ชูเฟิง’นั้นมีสัมผัสที่แข็งแกร่งอยู่แล้วเมื่อเห็นอาการของพวกเขา เค้าเดาได้เลยว่าต้องเป็น ฝีมือ ‘ซูเหม่ย’แน่ๆที่บังคับ’สองพี่น้อง หลง – หู่’ ให้ทำอะไรบางอย่างกับเค้า
” ชูเฟิง เจ้าเนี่ย ท่าทางประสาทจะไม่ค่อยดี พันธมิตรปีกฯ เชิญเจ้าตั้งหลายครั้งแต่เจ้ากลับปฏิเสธ เจ้าคิดว่าเจ้าเก่งกาจมาจากไหน ?”
ในตอนนั้น ชายหนุ่มชุดสีฟ้าก็พูดขึ้นมา
” เจีย หยุนเฟิง หุบปาก!!! “
เมื่อ ‘ซูเหม่ย’ ได้ยิน นางโมโหอย่างมาก
” เอาน่า ซูเหม่ย ปล่อยเค้าไปเถอะ”
‘ชูเฟิง’ ดึงซูเหม่ยไว้หลังเค้าและยิ้ม พร้อมกับจ้อง เจีย หยุนเฟิง และกล่าว
” เจ้าอยากจะพูดอะไร เจ้าก็พูดมันออกมา!!! “
” ข้าว่า เจ้าไม่สมควรที่จะอยู่พันธมิตรปีก ฯ “
‘เจี่ย หยุนเฟิง’ จ้องพร้อมกับตะโกน
* เปรี้ยงงง *
‘ชูเฟิง’ทำหน้าตาเคร้งครึม และย้ายฝ่ามือของเค้าออกไป และปล่อยวิชา ฝ่ามือ ลวงตา ไปที่หน้าอกของ ‘เจีย หยุนเฟิง’ ในตอนนั้นทุกคนต่างตกใจ ไม่มีใครคิดว่า’ชูเฟิง’อยู่ๆก็จะโจมตีออกไปโดยไม่พูดไม่จาใดๆ
” ฝ่ามือ ลวงตา “
เป็นธรรมดาที่ ‘เจีย หยุนเฟิง’ เค้าจะรู้จักวิชาที่ ‘ชูเฟิง’ ใช้ ทันใดนั้นเค้าก็ปล่อยพลังวิญญาณ ระดับ 7 ห้วงวิญญาณออกมารอบๆตัว เขายกหมัดของเค้าขึ้นมาและต่อยออกไป พลังของมันร้ายกาจอย่างมาก วิชาที่เค้าใช้คือ ทักษะระดับ 4 แม้ว่า ‘ชูเฟิง’ จะแปลกใจ แต่เค้าไม่ได้กลัวเลยสักนิด เค้าเปลี่ยนทักษะเป็นวิชา สายฟ้า สามผสาน รูปแบบที่หนึ่ง
ด้วยความเร็วของวิชานี้ ทำให้เค้ามาอยู่ด้านหลังของ ‘เจีย หยุนเฟิง’ ภายในพริบตา
และเค้าก็ปล่อยฝ่ามือลวงตา ไปที่ด้านหลังของ ‘เจีย หยุนเฟิง’
* ปั้งงง *
ฝ่ามือที่โจมตีมาอย่างรวดเร็ว ‘เจีย หยุนเฟิง’ ไม่สามารถป้องกันไว้ได้ทัน
เค้าจึงเอามือปิดใบหน้าเพื่อไม่ให้กระแทกกับพื้น หลังจากนั้นเค้าก็กระเด็นคว่ำหน้าออกไป
สองถึงสามเมตรก่อนที่จะหยุด
” ช่างเป็นวิธีโจมตีที่สุดยอดจริงๆ “
ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ นอกจาก ‘ซูเหม่ย’ ทุกคนต่างตกใจถึงกับตาสว่าง โดยเฉพาะสอง’พี่น้อง หลง – หู่’ พวกเค้าตกใจขนาดอ้าปากค้าง ‘ชูเฟิง’ที่พวกเค้ารู้จักเมื่อก่อนนั้นอ่อนแออย่างมาก อย่างน้อยก็ไม่เก่งเท่ากับพวกเค้าสองคน
แต่ตอนนี้พวกเค้ารู้แล้วว่าพวกเค้าคิดผิด ถ้าไม่เห็น ‘ชูเฟิง’ สู้กับ ‘เจีย หยุนเฟิง’ สองพี่น้องคงจะคิดว่าพวกเค้าเก่งกว่า ‘ชูเฟิง’ นี้หมายความว่า ที่ผ่านมา ‘ชูเฟิง’ ปิดบังความแข็งแกร่งไว้งั้นหรอ สองพี่น้องต่างคิดไปต่างๆนาๆ
ในตอนนั้น พวกเขาทั้งสองรู้แล้วว่าทำไม ‘ซู่รู่’ และ ผู้เฒ่า ‘โอวหยาง’ ถึงอยากได้ตัว ‘ชูเฟิง’ หนักหนา เพราะว่าความสามารถของเค้านั้นเอง
” รู้หรือยังว่าข้าสมควรที่จะอยู่ไม๊ “
‘ชูเฟิง’ พูดพร้อมกับยิ้มอย่างเย็นชาขณะที่มอง ‘เจีย หยุนเฟิง’ ที่กำลังจะลุกจากพื้น
” บัดซบ!!! “
ในตอนนั้น ‘เจีย หยุนเฟิง’ ตะโกนด้วยความโกรธพร้อมกับพุ่งเข้าหา ‘ชูเฟิง’ อีกครั้ง
* พรึบบบ *
ในตอนนั้นร่างของ ‘ไป๋ ตง’ ที่ปกคลุมด้วยแสงสีทองปรากฏขวางอยู่ด้านหน้า ‘เจีย หยุนเฟิง’ และเค้ากล่าวเสียงดังว่า
” ตอนนี้ เจ้าก็เห็นฝีมือเค้าแล้ว เจ้าอย่าทำเรื่องให้มันยุ่งยากอีกเลย “
เห็นได้ชัดว่า ‘เจีย หยุนเฟิง’ นั้นกลัว ‘ไป๋ ตง’ หลังจากที่เค้าหยุดการโจมตีของทั้งคู่
‘ชูเฟิง’ สัมผัสได้ถึงพลังของเค้า
” ระดับ 8 ห้วงวิญญาณ ? ! “
‘ชูเฟิง’ กล่าวพร้อมกับถอนหายใจด้วยความประหลาด
เค้ารู้สึกถึงพลังวิญญาณของ ‘ไป๋ ตง’ ที่เหมือนกับ ‘ซูเหม่ย’ ระดับ 8 ห้วงวิญญาณ
” ไม่มีอะไรแล้ว “
นี้สินะที่เรียกว่า จะไม่รู้จักซึ่งกันและกันหากปราศจากการต่อสู้
” รีบไปกันเถอะ เวลาเหลือน้อยแล้ว”
ตอนนั้น ‘เย้ เถาจือ’ พูด
หลังจากที่พวกเค้าพูดคุยกันเสร็จหลายคนเริ่มเดินออกจาก วิหาร ‘ซูเหม่ย’เดินยิ้มมาข้างๆ’ชูเฟิง’พร้อมกับกล่าวว่า
” เจ้านี้ค่อนข้างยโสทีเดียว พวกเค้าพูดอะไรนิดๆหน่อยๆ ก็พุ่งใส่เขาและ “
” ก็เค้าเป็นคนอยากรู้ฝีมือข้า “
‘ชูเฟิง’ พูดพร้อมเม้มปาก
” ก็ใช่อยู่ จริงๆแล้วข้าก็ชอบนะที่เจ้าเป็นคนแบบนี้ “
‘ซูเหม่ย’ ยิ้มพร้อมกับดึงคัมภีร์ออกจากกระเป๋าข้างเอวให้ยื่นให้ ‘ชูเฟิง’
” นี้คืออะไร ?”
ชูเฟิงหยิบมันขึ้นมาพบว่าม้วนคัมภีร์ค่อนข้างเก่าและโทรมเหมือนพร้อมจะขาดได้ทุกเมื่อ
แต่เมื่อ ‘ชูเฟิง’ เปิดดูเนื้อหาข้างในคัมภีร์ ตาของเค้าก็สว่างขึ้นมาทันที
” วิชาลับ ขั้นแรก วิชา กำหนดลมปราณ “
” มันเป็นวิชาลับใช่ไม๊ . . . . . . . “
” ชูว่วว “
เมื่อได้ยินเค้าพูด ‘ซูเหม่ย’รีบใช้มือของนางปิดปาก ‘ชูเฟิง’ ทันที
นางมีท่าทีลุกลี้ลุกลนมองซ้ายมองขวารอบๆวิหาร นางกลัวว่าจะมีใครได้ยินชูเฟิงพูด
” ซูเหม่ย เจ้า . . . “
” ไม่มีอะไรมาก ข้าเคยสัญญาไว้กับเจ้าไงถ้าหากเจ้าเข้าร่วมกับพันธมิตร ปีกฯ ข้าจะให้ทักษะลับกลับเจ้าไปฝึก ข้าก็แค่ทำตามสัญญา “
‘ซูเหม่ย’กล่าวเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา กับคำพูดพวกนั้น มันทำให้ ‘ชูเฟิง’ รู้สึกอึดอัดอย่างมาก เมื่อวานเค้าพึ่งให้พี่สาวนางมาช่วยก็เป็นหนี้พวกนางมากมายจนชดใช้แทบจะไม่หมด แล้วยังมอบวิชาลับที่เค้าแสนจะโหยหามาให้อีก แล้วเค้าจะตอบแทนพวกนางยังไง ‘ซูเหม่ย’นางไม่ได้คิดมากกับเรื่องเหล่านั้น มันจึงทำให้เค้ารู้สึกซาบซึ้งอย่างมาก ชูเฟิงกล่าวเบาๆว่า
” ขอทีหนึ่ง เฮ้ย ขอบคุน “
” ขอบคุณอะไรกัน รีบๆเก็บมันไปเถอะ อย่าให้พวกเขาเห็น “
” นี้เจ้าอยากให้คนอื่นเอาไปงั้นหรอ รีบๆเก็บไปซะไม่งั้นข้าจะชกเจ้า !!! “
‘ซูเหม่ย’ยกหมัดขึ้นมาด้านหน้า’ชูเฟิง’ และเก็บหมัดลงไป นางรีบวิ่งไปด้านนอก ด้วยความเขิลอาย เห็นความน่ารักของนาง มันทำให้ ‘ชูเฟิง’ รู้สึกประทับใจ ซูเหม่ย มากกว่าเก่า
‘ชูเฟิง’และคนในกลุ่มมุ่งหน้าไปทิศตะวันตก หลังจากผ่านมาสองคืน พวกเขาก็ออกมาจากอาณาเขตของโรงเรียนมังกรฟ้าพวกเค้าไม่ได้มาทำภารกิจของโรงเรียนแต่อย่างใด
” ซูเหม่ย แล้วเรามาทำอะไรที่นี้ เราจะไม่เสียเวลาเปล่างั้นหรอเดินมาตั้งไกล “
‘ชูเฟิง’ถามเบาๆ เขารู้สึกว่าภารกิจมันจะคุ้มค่ากลับที่เดินทางมาตั้งไกลหรือป่าว
” ข้าจะบอกความลับให้เจ้าฟัง พวกเรากำลังจะไป ปล้น สุสาน “
‘ซูเหม่ย’ยิ้มอย่างมีความสุข และกล่าว
” ปล้นสุสาน ? เรื่องจริงหรอ ? มันผิดจริยธรรมนะ!!! “
หน้าของชูเฟิงแสดงความดูถูก
” เจ้ารู้อะไรบ้างหรือป่าว ? นี้เป็นสุสานของผู้มีพลังวิญญาณ ระดับ แก่นแท้วิญญาณ ไม่เพียงแต่ยาระดับธรรมดาทั่วๆไปที่มีอยู่เต็มไปหมด แม้กระทั้งยาที่ระดับ แก่นแท้ เอาไว้ใช้ก็ยังมี”
” นอกจากนั้น ยังมีทักษะลับ วิชาลับ ต่างๆอยู่ในนั้นอีกมากมาย มันเหมือนกับถ้ำที่ไว้เก็บสมบัติดีๆนี้เอง ถ้าเจ้ารู้สึกว่ามันผิดจริยธรรมแล้วล่ะก็ เจ้าจะกลับไปก็ได้นะ “
‘ซูเหม่ย’อธิบายพร้อมพูดกับ’ชูเฟิง’
” สุสานของผู้ใช้พลังวิญญาณระดับ แก่นแท้วิญญาณ ? ยาจำนวนมากมาย ? ยาแก่นแท้ที่หาได้ยาก ? วิชาลับอีกเพียบ? “
‘ชูเฟิง’รู้สึกประหลาดใจ ในระดับพลังวิญญาณช่วงอาณาจักรวิญญาณ คนที่ก้าวสู่ระดับ แก่นแท้วิญญาณหากฝึกจนพัฒนาก็จะเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณ ระดับ วิญญาณสวรรค์
แต่คนที่สามารถไปถึงระดับแก่นแท้วิญญาณได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ จะต้องมีสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวย และต้องเป็นอัจฉริยะตั้งแต่กำเนิดเท่านั้นที่สามารถเข้าสู่ระดับนี้ได้
แต่เท่าที่เค้ารู้ ปัจจุบัน ผู้นำของโรงเรียนมังกรฟ้าก็อยู่ในระดับ แก่นแท้วิญญาณเป็นระดับอาณาจักรวิญญาณที่สูงที่สุดในดินแดน ที่จะเอิ้อมไปถึง
สำหรับอาณาจักร วิญญาณสวรรค์ คนที่ก้าวไปถึงจะสามารถเหาะเหินเดินอากาศได้ สามารถเดินทางหมื่นลี้ได้เพียงวันเดียว สามารถแบ่งนภาแยกปฐพีซึ่งก้าวเกินขีดจำกัดของมนุษย์ และถูกจารึกไว้เป็นตำนาน
ผู้ใช้พลังวิญญาณระดับ วิญญาณสวรรค์ยังไม่เคยมีปรากฏในเขตมังกรฟ้ามาก่อนเลย ยังไงก็ตาม ‘ชูเฟิง’เคยได้ยินว่า
ประมุขของดินแดน ผู้นำของทั้ง 9 เขต ภายในราชวงค์ เจียง เป็นคนที่เข้าสู่ระดับ วิญญาณสวรรค์ได้
โปรดติดตามตอนต่อไป . . . . . .
ที่มา: