I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Genius Sword Immortal ตอนที่ 89 จุดจบของชีวิต

| Genius Sword Immortal | 2538 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

เมื่อ’ซูเหมิงหาน’สิ้นสุดการโคจรพลังตามแนวทางสุสานดารา ‘เย่เฟิง’ก็รู้สึกโล่งใจ เพราะต่อจากนี้ไป แนวทางสุสานดาราจะโคจรเองแบบอัตโนมัติโดยไม่จำเป็นต้องทำอะไรอีก ยิ่งไปกว่านั้นมันจะช่วยเพิ่มระดับวรยุทธ์ให้สูงขึ้น

‘เย่เฟิง’เงยหน้าขึ้นมองเวลา ‘ซูเหมิงหาน’ใช้เวลาในการโคจรทั้งสิ้นชั่วโมงครึ่ง ซึ่งตอนนี้ ก็เป็นเวลาเกือบสามชั่วโมงแล้วตั้งแต่เขาพาเธอขึ้นมาชั้นบนนี้

“ถึงแม้ว่าความสามารถของเธอจะด้อยกว่าเรา แต่ก็ถือว่าพอใช้ได้”

(ทักษะชมตัวเอง)

‘เย่เฟิง’กล่าวออกมาอย่างมีความสุข ในความเป็นจริง พรสวรรค์โดยธรรมชาติของเธอถือว่าอยู่ในระดับต้นๆของโลกเทวะแล้ว ที่นั่นมีเหล่าผู้ฝึกยุทธ์มากมายที่ใช้เวลาทั้งวันในการโคจรพลังครั้งแรก และต่อแต่นี้ไป หาก’ซูเหมิงหาน’ต้องการฝึกทักษะเซียนใดๆ เธอจะสามารถสำเร็จได้เร็วกว่าคนทั่วไปมาก

เด็กสาวค่อยๆลืมตาขึ้นช้า และรู้สึกว่าร่างกายของเธอแตกต่างไปจากก่อนหน้านี้เล็กน้อย ยิ่งกว่านั้น ใบหน้าที่ซีดเซียวก็หายไปแล้ว เหลือเพิ่งใบหน้าอันขาวเนียนและอมชมพูจากเลือดฝาด

“เย่เฟิง”

เธอเรียกชื่อเขาเบา ๆ

“มีอะไรหรอ?”

‘เย่เฟิง’คลายกอดร่างกายที่อ่อนนุ่มของเธอเบาๆ พร้อมกับส่งยิ้มให้ขณะมองใบหน้าที่น่ารักของเด็กสาว

“ขอบคุณนะ ขอบคุณที่ไว้ใจฉัน….”

ในเวลานี้ หัวใจของเธอได้รับเอ้อล้นไปด้วยอารมณ์

“นี่ต้องเป็นความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของนายใช่ไหม? ฉันจะไม่บอกเรื่องนี้ให้ใครรู้แน่นอน”

“ถ้างั้นรีบอาบน้ำเถอะ ฉันจะลงไปรอข้างล่าง”

‘เย่เฟิง’ยิ้มบางๆแล้วไม่พูดอะไรอีก เขาตบที่ไหล่ของเธอเบาๆ จากนั้นจึงเดินออกจากห้องไป ในเมื่อ’ซูเหมิงหาน’สามารถโคจรพลังครั้งแรกได้สำเร็จแล้ว สิ่งสกปรกต่างๆรวมทั้งสารเสพติดที่อยู่ในร่างของเธอจะถูกขับออกมา ดังนั้น ตอนนี้ผิวของเด็กสาวจึงมันเยิ้ม ซึ่งหากไม่ไปอาบน้ำ เธอคงไปเจอใครในสภาพนี้ไม่ได้แน่

และถึงแม้’เย่เฟิง’จะไม่บอกให้เธออาบน้ำ แต่เมื่อ’ซูเหมิงหาน’มองเห็นสภาพของเธอตอนนี้ เด็กสาวก็พลันช๊อคกับสิ่งที่เห็น แล้วรีบกระโดดลงจากเตียงเพื่อเข้าห้องน้ำ แต่ทันใดนั้น เธอก็พลันคิดว่า บ้านหลังนี้มีห้องน้ำชั้นบนด้วยหรอ?

“เธอไปใช้ห้องน้ำชั้นล่างแล้วกันนะ”

หลังจากพูดจบ ชายหนุ่มก็ก้าวเท้าลงไปชั้นล่าง ที่ชั้นล่างของบ้าน ชายร่างสูงสองคนยังคงยืนนิ่งคอยคุมตัว’ซูซินฉาง’ไว้อยู่โดยไม่ขยับแม้แต่ครึ่งก้าว เมื่อ’เย่เฟิง’เห็นดังนั้น เขาก็รู้สึกชื่นชมแก๊งอสรพิษสวรรค์ เพราะนี่มันเป็นเวลาถึงสามชั่วโมงเต็ม

“ไปข้างนอกเถอะ ไปคุยกันที่นั่น”

‘เย่เฟิง’โบกมือเมื่อเห็น’ซูซินฉาง’ที่อยู่ในสภาพเหงื่อแตก แล้วเดินนำออกไปข้างนอก เท้าของ’ซูซินฉาง’รู้สึกชาเมื่อต้องยืนอยู่ตลอดสามชั่วโมง แต่เมื่อเขาเห็น’เย่เฟิง’เดินลงมาจากชั้นบน เขาก็พลัน ใจของ’ซูซินฉาง’ก็พลันเต้นรัว เขารู้ว่าเมื่อ’เย่เฟิง’ลงมา ช่วงเวลาที่เลวร้ายของเขาก็กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว

“พวกเขาทั้งสองคนขึ้นไปทำอะไรตั้งนานข้างบน?”

‘ซูซินฉาง’อดไม่ได้ที่จะคิดถึงเรื่องนี้ ความจริง เขาคิดถึงเรื่องนี้ตลอดสามชั่วโมงและสุดท้าย เขาก็สรุปว่ามันมีเพียงอย่างเดียวเท่านั้นนั่นคือ…… ลูกสาวของเขากลายเป็นผู้หญิงของ’เย่เฟิง’แล้วงั้นหรือ? เมื่อคนทั้งสี่ออกมาอยู่หน้าลานนอกบ้าน ภายใต้แสงของดวงจันทร์และหมู่ดาว

‘เย่เฟิง’ยืนผิงกับผนังอย่างเฉื่อยชาพร้อมกับพูดเบาๆ

“บอกผมมา เกิดอะไรขึ้นเมื่อไม่กี่วันก่อน แล้วทำไมคุณถึงไปร่วมมือกับซ่งเทียนยิง……”

ตอนนี้ ‘เย่เฟิง’รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น ทั้งหมดนั้น ไม่เพียงเพราะ’ซูเหมิงหาน’ปลอดภัยแล้ว เขายังพบความมหัศจรรย์ของแหวนกระบี่มังกรโบราณ และด้วยเหตุนี้เอง ชายหนุ่มสามารถทำให้’หลงหวางเอ๋อ’กลายเป็นเซียนได้แล้ว ซึ่งนี่เป็นเรื่องที่เยี่ยมมากสำหรับเขา

แต่กรณีของ’หลงหวางเอ๋อ’ ชายหนุ่มยังไม่จำเป็นต้องรีบ เพราะความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลยัง…..

เมื่อเห็นใบหน้าที่ดูผ่อนคลายของ’เย่เฟิง’ ‘ซูซินฉาง’จึงค่อยสงบใจลง และเหล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในหลายวันนี้ออกมา เริ่มตั้งแต่คืนก่อนที่ภัตตาคารจิงเชิง ตระกูลเซี่ยเริ่มสร้างปัญหามากมายให้เขา แต่หลังจากพบผู้เฒ่าหลินที่ภัตตาคาร หุ้นของ’ซูซินฉาง’ในซูเฉิงกรุ๊ปก็พลันกลายเป็นศูนย์

หุ้นส่วนใหญ่ถูกขายให้บริษัทในเครือตระกูลหลินในราคาที่ต่ำมาก ส่วนหุ้นที่เหลืออันน้อยนิดก็ถูกคนของตระกูลเซี่ยริบไป ในเมื่อหุ้นของซูเฉิงกรุ๊ปถูกขายในราคาต่ำมาก บริษัทในเครือตระกูลหลินซึ่งเป็นบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่จะไม่ยินดีรับซื้อเอาไว้ได้อย่างไร?

ดังนั้น จากเดิมที่เป็นถึงนักธุรกิจพันล้าน ‘ซูซินฉาง’พลันกลายเป็นบุคคลล้มละลายที่ไม่มีสิ่งใดเหลืออยู่เลยในโลกใบนี้ ยิ่งไปกว่านั้น ‘เซี่ยหมิน’ขอหย่ากับเขาด้วยสองเหตุผล อย่างแรกเพราะเรื่องของ’ซูเหมิงหาน’ลูกสาวของเขา อย่างที่สองคือการถูกตระกูลหลินเทคโอเวอร์ซูเฉิงกรุ๊ปไป

ไม่เท่ากับถูกตระกูลหลินหมายหัวเอาไว้แล้วหรือไง? คนตระกูลเซี่ยมั่นใจว่า’ซูซินฉาง’และลูกสาวของเขาต้องมีจุดจบที่ไม่สวยอย่างแน่นอน ตระกูลเซี่ยเกรงกลัวตระกูลหลินรวมทั้ง’เย่เฟิง’ ดังนั้น พวกเขาจึงเลือกทำแบบนี้ และแม้แต่เลขาของเขา ‘หู่เหมยเหม่ย’ก็จากเขาไป

‘ซูซินฉาง’ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว นี่เป็นเหมือนจุดจบของชีวิตเขา แต่ตอนนั้นเอง เขาก็มีโอกาสได้เข้าร่วมกับองค์กรลึกลับแห่งหนึ่ง องค์กรลึกลับนี้ให้เขารวมทั้ง’ซ่งหู่’วางแผนจัดการเย่เฟิงเป็นอย่างแรก จากนั้นจึงลงมือยึดแก๊งอสรพิษสวรรค์ ซึ่งจากมุมมองของ’ซูซินฉาง’แล้ว

เงื่อนไขนี้ดึงดูดความสนใจของเขาอย่างมาก ดังนั้น แผนการจึงถูกกำหนดขึ้น โดยอย่างแรก พวกเขาเริ่มจากการกำจัดคนเชื่อใจของชายหน้าบากในแก๊งอสรพิษสวรรค์ ต่อมา ก็จ้างวานผู้เชี่ยวชาญเพื่อทำให้ทรัพย์สินของแก๊งอสรพิษสวรรค์ตกอยู่ในการควบคุมของพวกเขา

ซึ่งผู้เชี่ยวชาญคนนี้ สามารถหามาได้ด้วยความช่วยเหลือของ’ซูซินฉาง’ สุดท้าย พวกเขาจึงแต่งตั้งลูกน้องที่เชื่อใจได้ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว และสำหรับแผนวันนี้คือการสังหารเย่เฟิงเมื่อเขาออกไปจากเมืองเหยียนจิง

เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่เกิดขึ้นจากตระกูลหลิน หลังจากจัดการ’เย่เฟิง’เสร็จ แผนต่อไปของวันนี้คือสังหารชายหน้าบาก และด้วยเหตุนี้เอง แก๊งอสรพิษสวรรค์ก็จะตกอยู่ในกำมือพวกเขาอย่างสมบูรณ์

โชคไม่ดี ที่แผนซึ่งถูกวางไว้เป็นทอดๆ เกิดปัญหาขึ้นตรงที่พวกเขาไม่สามารถจัดการ’เย่เฟิง’ได้ ส่วนเรื่องที่’ซูซินฉาง’ล่อลวง’ซูเหมิงหาน’ให้ออกมาจากหมู่บ้าน จนต้องตกอยู่ในกำมือของ’ซ่งเทียนยิง’นั้น เป็นความต้องการของ’ซ่งเทียนยิง’เอง ซึ่งไม่เกี่ยวอะไรกับแผนยึดแก๊งอสรพิษสวรรค์

‘ซูซินฉาง’คิดว่าเดิมที หาก’ซูเหมิงหาน’ตกเป็นของ’ซ่งเทียนยิง’ ในอนาคต ด้วยการช่วยเหลือขององค์กรลึกลับ เขาจะสามารถมีตำแหน่งใหญ่โตในแก๊งอสรพิษสวรรค์ แต่เขาไม่คิดเลยว่า ‘ซ่งเทียนยิง’จะฉีดสารเสพติดใส่เด็กสาว

“องค์กรลึกลับติดต่อคุณงั้นหรือ? ใช่ ‘ไซ่เชา’หรือเปล่าที่ติดต่อคุณ?”

‘เย่เฟิง’ครุ่นคิดพักนึงก่อนจะถามออกไป เหมือนว่าตอนนี้ เขาจะมีศัตรูหลักๆอยู่สองรายคือ หนึ่งคือองค์กรลึกลับที่อยู่ภายใต้การควบคุมของ’ไซ่เชา’ ส่วนรายที่สอง แน่นอนว่าต้องเป็นตระกูลหลงแห่งโลกยุทธภพ แต่หากเขาไม่เปิดเผยเรื่องตัวตนของชายสวมหน้ากากออกไป

ตระกูลหลงก็ไม่ถือว่าเป็นภัยคุกคามอันใดสำหรับเขา

“ไซ่เชา?”

หลังจากได้ยินชื่อ ‘ซูซินฉาง’ก็รู้สึกมึนงงเล็กน้อย ชัดเจนว่าเขาไม่เคยได้ยินชื่อนี้

“ช่างมันเถอะ”

‘เย่เฟิง’ส่ายหัว ดูเหมือนว่าฝ่ายนั้นไม่ได้เห็นว่า’ซูซินฉาง’สำคัญอันใด ดังนั้น ไซ่เชาจะเลือกติดต่อเขาได้อย่างไร

“เอาละ งั้นตอนนี้บอกผมมา คุณจะจัดการกับสิ่งที่เกิดขึ้นยังไง?”

‘เย่เฟิง’มองไปยัง’ซูซินฉาง’ ขณะรอคำตอบจากเขาอย่างใจเย็น ‘ซูซินฉาง’ขบคิด ก่อนจะถอนหายใจแล้วพูดขึ้นมาว่า

“ขอฉันเจอซูเหมิงหานได้ไหม?”

“ย่อมได้ ตอนนี้เธออาบน้ำอยู่ ช่วยรอไปก่อน”

‘เย่เฟิง’พูดขณะจ้อง’ซูซินฉาง’ด้วยสายตาที่เย็นเฉียบ

“แต่ถ้าคุณยังคิดจะหลอกลวงเธออีก อย่าหาว่าผมใจร้ายก็แล้วกัน”

‘ซูซินฉาง’ยิ้ม

“ไม้ต้องห่วง เธอกลายเป็นคนติดยาก็เพราะฉัน ในฐานะที่เป็นพ่อ ฉันทำสิ่งที่เลวร้ายกับเหมิงหานลงไป ต่อให้เธอยอมยกโทษให้ฉัน มันก็ไม่มีความหมายอะไรอีกแล้ว………”

คำตอบของซูซินฉางทำให้เย่เฟิงแปลกใจ เขารู้สึกว่าการแสดงออกชายคนนี้ไม่ได้เกิดจากการแกล้งทำ เขารู้สึกเสียใจและรู้สึกผิดจริงๆงั้นหรอ? ยิ่งไปกว่านั้น ทำไม’ซูซินฉาง’ถึงมั่นใจว่าลูกสาวของเขาจะกลายเป็นคนติดยากัน?

หรือเพราะเขารู้จักผลของยาตัวใหม่ที่ออกสู่ตลาดซึ่งมีผลร้ายแรงมาก ดังนั้น เขาจึงรู้สึกผิดต่อ’ซูเหมิงหาน’อย่างนั้นหรอ? น่าเสียดาย ที่’ซูซินฉาง’ไม่รู้ว่า’ซูเหมิงหาน’ได้ฝึกวรยุทธ์ และได้ขับสารพิษทั้งหมดออกจากร่างกายเธอแล้ว

เพราะสำหรับผู้ฝึกยุทธ์นั้น คำว่ายาเสพติดเป็นเรื่องไร้สาระมากสำหรับพวกเขา

“ติดยา? คุณพูดถึงเรื่องอะไร?”

เวลานั้นเอง หลังจากอาบน้ำเสร็จ ‘ซูเหมิงหาน’ในชุดที่ดูน่ารักเดินออกมา และได้ยินคำพูดของ’ซูซินฉาง’ที่พูดว่าเธอติดยาเสพติด ซึ่งมันทำให้เด็กสาวรู้สึกสงสัยอย่างยิ่ง

……………………………….

แปลโดยทีมงาน GSI

ที่มา:

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments