I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Genius Sword Immortal ตอนที่ 114 ไพ่ตายของไซ่เชาหง

| Genius Sword Immortal | 2538 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

ขณะยืนอยู่ที่เดิม ‘เย่เฟิง’มองชายหน้ากากโครงกระดูกกระโดดออกไป และรีบวิ่งไปอีกทางหนึ่ง จากนั้นไม่นาน เขาก็ยกปืนในมือลั่นไกขึ้นบนฟ้า

ปัง!

เสียงยิงปืนนั้นไม่ได้ดังมาก แต่ด้วยเวลานี้เป็นยามค่ำคืนที่เงียบสงบ ทุกคนในบริเวณนี้จึงได้ยินเสียงชัดเจน มันทำให้กลุ่มทหารในชุดอำพรางตื่นตัวขึ้นทันที

‘เย่เฟิง’ค่อยสังเกตเหล่าทหารหน่วย NSA อย่างระวัง ด้วยที่ทหารกลุ่มนั้นถูกฝึกมาเพื่อรักษาความปลอดภัยภายในประเทศ ไหวพริบและการตอบสนองของพวกเขาย่อมสูงกว่าคนทั่วไป

แม้จะมีเสียงปืนดังขึ้น แต่ก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวรอบๆบ้านหลังนั้นแต่อย่างใด ถึงอย่างนั้น ในสายตาของ’เย่เฟิง’ เขาเห็นทหารหลายคนค่อยๆเคลื่อนที่ไปยังต้นกำเนิดของเสียงปืน

หากก่อนหน้านี้ ‘เย่เฟิง’และชายหน้ากากโครงกระดูกไม่สังเกตโดยรอบอย่างระวังเสียก่อน พวกเขาก็ย่อมไม่รู้ว่ามีกลุ่มทหารแฝงตัวอยู่รอบๆบ้านอย่างแนบเนียน

ในวินาทีที่เสียงปืนดังขึ้น ‘เย่เฟิง’รีบกระโดดออกจากที่ซ่อนไปอย่างไม่ลังเล พร้อมทั้งใช้ทักษะย่างก้าวไร้เงา และทักษะอำพรางร่วมกัน มันจึงไม่ใช่แค่ความเร็วของเขาเท่านั้นที่สูงขึ้น ร่างกายของเขายังโปร่งแสงจนแทบจะกลายเป็นอากาศธาตุ

ความจริงแล้ว ทักษะประเภทอำพรางตัวเองนั้น จะมีผลอย่างดีเยี่ยมเมื่อมีระดับวรยุทธ์อย่างน้อย 10 ปี หากอยู่ในระดับนั้น ร่างกายของผู้ใช้จะกลมกลืนไปกับสภาพแวดล้อมอย่างสมบูรณ์ และจะไม่มีสิ่งใดสามารถสังเกตเห็นได้ ไม่ว่าจะเป็นกล้องทั่วไป กล้องตรวจตรา หรือแม้แต่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ตรวจจับสิ่งต่างๆ

ถึงอย่างนั้นสถานการณ์ปัจจุบันของ’เย่เฟิง’ในตอนนี้ เขาทำได้แค่ให้ร่างกายตัวเองกลายเป็นโปร่งแสง เรื่องนี้ค่อนข้างเสี่ยงอยู่มากที่จะถูกตรวจจับโดยอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ หรือแม้แต่คนทั่วไป หากสังเกตอย่างละเอียดก็สามารถมองเห็นชายหนุ่มในสภาพนี้ได้เช่นกัน

แต่ในความวุ่ยวายเพียงเสี้ยววินาทีนั้น เหล่าทหารล้วนถูกเสียงปืนดึงดูดความสนใจไปแทบทุกคน ‘เย่เฟิง’จึงมีโอกาสทะลุผ่านการปิดล้อมของฝ่ายตรงข้ามไปได้ในชั่วพริบตาโดยไม่มีใครล่วงรู้เลยแม้แต่น้อย!

หลังจากเข้ามาในบ้านได้ ‘เย่เฟิง’ยังคงใช้ทักษะอำพรางคงสภาพโปร่งแสงไว้อยู่ บ้านหลังนี้ค่อนข้างสว่าง แต่’เย่เฟิง’ไม่พบร่องรอบของ’ไซ่เชาหง’อยู่เลย เขาจึงตรงไปยังทางเข้าของห้องใต้ดิน ซึ่งนี้ก็เป็นอีกครั้งที่เขารับรู้ถึงกลิ่นอายแห่งพลังวิญญาณศักดิ์สิทธิ์อันเข้มข้น

เมื่อไม่มีใครคนใดในบริเวณนี้ ‘เย่เฟิง’ไม่ลังเลที่จะก้าวลงบันไดและเมื่อมาหยุดอยู่หน้าประตูห้องใต้ดิน กระบี่เจินชี่สีแสดก็พลันปรากฏขึ้นมาในมือของเขา ชายหนุ่มวาดประบี่ในมือสองครั้งเพื่อผ่าประตูไม้ออกเป็นทางเข้าขนาดใหญ่

ย่างก้าวไร้เงา!

‘เย่เฟิง’ไม่รีรอที่จะพุ่งเข้าไปในห้องทันที

วืด!

ทันใดนั้น กระแสลมที่รุนแรงปะทะเข้าใส่ใบหน้าของ’เย่เฟิง’ และเกือบจะบดขยี้หัวของเขาให้แหลกละเอียด แต่ชายหนุ่มระวังไว้อยู่แล้ว เมื่อรับรู้ถึงสัญญาณอันตรายที่เข้ามาใกล้ ‘เย่เฟิง’สามารถหลบกระโจมตีของฝ่ายตรงข้ามอย่างง่ายดาย และเมื่อเข้ามาในห้องนี้ได้ ชายหนุ่มเงยขึ้นมองไปรอบๆห้องใต้ดินที่อึมครึมแห่งนี้

“แกมาจริงๆด้วย”

น้ำเสียงอันแผ่วเบาดังก้องไปทั่วห้องนี้

‘ไซ่เชาหง’ในชุดสูทสไตล์ตะวันตกปรากฏตัวขึ้นต่อหน้า’เย่เฟิง’ เวลานี้ ชายคนนั้นยืนอยู่จนเกือบสุดทางเดินของห้อง ใบหน้าของเขาแสดงออกถึงความเยาะเย้ยขณะมองมาที่’เย่เฟิง’ ที่เป็นผู้บุกรุกเข้ามายังห้องใต้ดินแห่งนี้

อีกด้านหนึ่ง ‘เสี่ยวฉี’ที่ถูกลักพาตัวมาถูกมันปากเอาไว้แน่น ดวงตาของหญิงสาวมีประกายแห่งความโกรธขณะจ้องเขม็งไปยัง’ไซ่เชาหง’ เธอพยายามดิ้นรนให้ตัวเองมีอิสระ

แต่นอกจากทั้งสองคนแล้ว ยังมีคนอื่นๆอีกหลายคนอยู่ในห้องแห่งนี้ คนพวกนั้นสวมเสื้อโค้ตกันลมตัวใหญ่ ซึ่งชัดเจนว่าคนพวกนั้นคือตัวประหลาดที่’เย่เฟิง’เคยเห็นก่อนหน้านี้ ตัวประหลาดที่ถูกยาชนิดใหม่ทำให้เซลล์เกิดการกลายพันธุ์ พวกมันดักซุ่มโจมตี’เย่เฟิง’อยู่ใกล้ๆกับประตูห้อง

“หึ เป็นอย่างนี้นี่เอง”

เมื่อเห็น’เสี่ยวฉี’ที่นี่ ‘เย่เฟิง’ก็เข้าใจสถานการณ์ก่อนหน้านี้ทันที ดูเหมือนว่าขณะที่เขากำลังเดินทางมาที่นี่ ‘ไซ่เชาหง’ได้เตรียมการทุกสิ่งไว้หมดแล้ว

ยิ่งกว่านั้น ในขณะที่เขาและชายหน้ากากโครงกระดูกกำลังต่อสู้กับชายชราผู้ใช้ความตายอยู่นั้น ‘ไซ่เชาหง’ได้ให้คนของมันไปที่อพาร์ทเม้นท์’เสี่ยวฉี’ และลักพาตัวเธอมาที่นี่

ส่วนเรื่องที่ทหารหน่วย NSA ที่ได้รับหน้าที่ให้มาคุ้มกันที่นี่ ชัดเจนว่า’ไซ่เชาหง’ได้ป้ายสีความผิดทั้งหมดมาที่เขา และแสดงให้ตระกูลหลินเห็นว่าตัวเขาคือผู้ร้าย นั่นหมายความว่าในตอนนี้ ‘เย่เฟิง’ไม่เพียงต้องเผชิญหน้ากับ’ไซ่เชาหง’เท่านั้น เขาต้องเผชิญหน้ากับกองกำลังอันแข็งแกร่งของตระกูลหลินด้วย!

แต่….แค่เพื่อคุ้มกัน’ไซ่เชาหง’ ตระกูลหลินต้องระดมพลมามากขนาดนี้เลยงั้นหรอ?

‘เย่เฟิง’รู้สึกสงสัย แน่นอน ชายหนุ่มไม่รู้ว่าการที่เขาลงมือต่อ’หลินซิวเหวิน’รุนแรงเกินไปหน่อย นั้นทำให้’หลินซิวเหวิน’ในเวลานี้เสียสติจนกลายเป็นคนปัญญาอ่อนไปแล้ว……

“ตาย!”

โดยไม่รีรอ ‘เย่เฟิง’เคลื่อนที่พุ่งเข้าหา’ไซ่เชาหง’ทันที!

เคร้ง!

ในเวลาเดียวกัน ตัวประหลาดเหล่านั้นก็เริ่มเคลื่อนไหว พวกมันไม่เพียงขวางทางของ’เย่เฟิง’ แต่ยังจู่โจมใส่เขาด้วย เมื่อกระบี่ของเขาปะทะกับการโจมตีของตัวประหลาด ‘เย่เฟิง’รู้สึกเหมือนว่าเขากำลังฟันกระบี่เข้าใส่กำแพง แรงปะทะส่งผลให้ชายหนุ่มถอยร่นไปเล็กน้อย

น่าตกใจมาก ความเร็วแบบฉับพลันของเจ้าตัวประหลาดนั้นเร็วยิ่งกว่า’เย่เฟิง’เสียอีก!

“แกคิดว่าฉันคนนี้เป็นพวกโง่เง่าที่รอนั่งเฉยๆรอความตายหรือไง?”

‘ไซ่เชาหง’ไขว้มือไว้ด้านหลังขณะยืนนิ่งอย่างสงบ มุมปากของเขาโค้งขึ้น

“ก่อนหน้านี้ เจ้าพวกนั้นมันประมาทไปหน่อย แต่ตอนนี้ ด้วยเจ้าพวกระดับสูง 5 ตัวนี้ที่ถูกสร้างขึ้นด้วยยาพิเศษรุ่นสอง ถ้าแกคิดว่ามันจะเหมือนกับพวกตัวก่อนหน้านี้ละก็ ฉันขอบอกเลยว่าพวกนี้แข็งแกร่งกว่าเป็น 10 เท่า!”

ตัวประหลาดระดับสูง 5 ตัวนี้คือไพ่ตายของ’ไซ่เชาหง’!

ดังนั้น เขาจึงไม่จำเป็นต้องหลบหนีหรือเกรงกลัวต่อ’เย่เฟิง’ ‘ไซ่เชาหง’เพียงแค่รอเวลาให้’เย่เฟิง’ก้าวเข้ามาในกับดักที่เขาสร้างไว้ ส่วนเรื่องกองกำลังตระกูลหลินนั้น เขาเพียงแค่เตรียมไว้สำหรับสถานการณ์ฉุกเฉิน

ในกรณีที่’เย่เฟิง’เกิดเก่งกาจเกินกว่าที่คาดไว้ เวลานั้น’ไซ่เชาหง’เพียงแจ้งให้คนของ NSA ลงมาคุ้มกันตัวเขา

‘ไซ่เชาหง’มองไปรอบๆห้อง สายตาของเขาไปตกอยู่ที่’เสี่ยวฉี’

ในตอนที่เขาจับตัวเธอมา ‘ไซ่เชาหง’ไม่ได้ตั้งใจจะจับหญิงสาวมาแบบยังมีชีวิตอยู่ แต่จะให้ฆ่าสาวสวยแบบนี้ไปเลยก็ดูน่าเสียดายเกินไป เพราะเจ้าตัวระดับสูง 5 ตัวนี้เป็นพวกที่มีความบ้าคลั่งอย่างมาก เขาเชื่อว่าสาวสวยคนนี้คงพอให้เจ้าพวกนั้นได้เล่นสนุกจนพอใจได้…….

‘ไซ่เชาหง’อยากรู้อย่างยิ่งว่าสาวสวยคนนี้จะโรมรันกับเจ้าพวกนั้นได้นานสักแค่ไหน?

‘เย่เฟิง’กำกระบี่ในมือไว้แน่น เขาพบว่า 5ตัวประหลาดนี้กำลังล้อมรอบตัวเขาเข้ามา

พวกมันนั้นสูงเกินกว่าสองเมตรและดูน่าเกรงข้ามอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความเร็ว ความแข็งแกร่ง หรือปฏิกิริยาตอบสนอง สิ่งเหล่านี้สูงยิ่งกว่าประตัวหลาดที่เขาเคยเจอก่อนหน้านี้หลายเท่า หากต้องการจะกุดหัวพวกมัน อย่าว่าแต่ 5 กระบี่เลย กระทั่ง 15 กระบี่ ‘เย่เฟิง’ก็ยังไม่แน่ใจว่าจะสามารถจัดการพวกมันได้หรือไม่!

‘ถ้าเป็นทักษะกระบี่มังกรโบราณ เราเชื่อว่ามันน่าจะสามารถจัดการเจ้าตัวประหลาดพวกนี้ได้ในครั้งเดียว’

‘เย่เฟิง’ครุ่นคิดในใจอย่างรวดเร็ว ‘แต่ทักษะกระบี่มังกรโบราณกินปริมาณเจินชี่มากเกินไป และเรามีโอกาสใช้มันได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น!’

ชายหนุ่มเงยหน้าและมองไปยัง’ไซ่เชาหง’ที่ยืนห่างออกไป 10 เมตร

‘ไซ่เชาหง’ยังคงยืนนิ่งอย่างไร้กังวลด้วยความมั่นใจ ใบหน้าอันหล่อเหล่าจ้องมองมาที่’เย่เฟิง’ด้วยความเยาะเย้ย

“ฉันละอยากรู้จริงๆว่าใบหน้าที่อยู่ใต้หน้ากากของแกเป็นยังไง แกฆ่าสมุนของฉันไปไม่น้อย เพราะงั้น ฉันจะจบเรื่องราวทั้งหมดในวันนี้!”

“โอเค งั้นฉันยอมแพ้”

‘เย่เฟิง’พูดพร้อมกับทิ้งกระบี่ในมือลงและชูมือขึ้น

การกระทำของชายหนุ่มทำให้’ไซ่เชาหง’จ้องมองอย่างแปลกใจ

อะไรนะ? ยอมแพ้งั้นหรอ?

ตัวประหลาดระดับสูงทั้ง 5 ที่กำลังจะเริ่มจู่โจม หยุดการเคลื่อนไหวลงทันที

ถึงอย่างนั้นในชั่วพริบตา ‘เย่เฟิง’รีบคว้ากระบี่ด้วยมือข้างเดียวพร้อมกับควบแน่นเจินชี่เข้าไปในกระบี่ ทันใดนั้น ผิวของกระบี่ก็พลันปรากฏประกายรังสีเป็นสีฟ้าน้ำแข็ง ชายหนุ่มปลดปล่อยพลังอันมหาศาลที่ควบแน่นไว้ในกระบี่เข้าใส่ตัวประหลาดระดับสูงตัวหนึ่งทันที ในชั่วพริบตานั้น รังสีกระบี่ได้เจาะทะลุผ่านหัวของมันจนแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

แต่อำนาจการทะลุทะลวงของรังสีกระบี่ชี่ ไม่ได้หยุดอยู่แค่นี้ มันยังคงพุ่งต่อไปหา’ไซ่เชาหง’ที่ยืนห่างออกไปประมาณ 10 เมตร เพื่อหมายจะปลิดชีพเขาในทันที!

ความยุติธรรมไม่เคยมีอยู่ในสงคราม แม้’เย่เฟิง’จะเป็นถึงเซียนที่เก่งกาจในโลกเทวะ แต่เขาก็ไม่ลังเลที่จะใช้วิธีสกปรกจัดการกับเป้าหมาย ชายหนุ่มแกล้งทำเป็นยอมแพ้เพื่อรบกวนสมาธิของฝ่ายตรงข้าม ซึ่งแม้จะเป็นเพียงเสี้ยววินาที แต่นั้นก็มากเกินพอสำหรับทักษะที่เขามี

………………….

แปลโดย Solar Spark

Solar Spark: พี่เย่ เดี๋ยวนี้เป็นคนแบบนี้แล้วหลอ

ที่มา : 

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments