I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Genius Sword Immortal ตอนที่ 296 สาวสวยชวนกินข้าว

| Genius Sword Immortal | 2538 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

บทที่ 296 สาวสวยชวนกินข้าว

 

หลังจากการจากไปของหลินเหรินเทียน ผู้คนตระกูลเสี่ยวทั้งหมดต่างโล่งอก

 

การกระทำของเย่เฟิงทำให้พวกเขาทั้งหมดรู้สึกตกใจ แต่เรื่องนี้สำหรับพวกเขามันเป็นเรื่องที่ดี นอกจากนี้ความสนใจของหลินเหรินเทียนก็จะตกไปอยู่ที่เย่เฟิงแทน ไม่งั้นตระกูลเสี่ยวของพวกเขาในสถานการณ์เช่นนี้พวกเขาของจะตกที่นั่งลำบากอย่างที่สุด

 

ใบหน้าของหลินเหรินเทียนถูกกรีดเป็นแผลโดยมีดบินของเย่เฟิงและมันยังอาบยาพิษที่รุนแรงเอาไว้อีกด้วย เมื่อดูจากท่าทางของหลินเหรินเทียนแล้ว ความเกลียดชังทั้งหมดถูกย้ายไปอยู่ที่เย่เฟิงอย่างสิ้นเชิง

 

เสี่ยวเต๋อเฉิงมองไปที่เย่เฟิงและเห็นหลินชื่อฉิง เสี่ยวเยวี่ยและเสี่ยวฉีทั้งสามสาวต่างห้อมล้อมอยู่รอบตัวเย่เฟิง บนใบหน้าทั้งสามสาวต่างปรากฏรอยยิ้มต่างพูดคุยกันถึงเรื่องบางอย่าง

 

เสี่ยวเยวี่ยและเสี่ยวฉีต่างเป็นลูกสาวของเขา ทั้งสองต่างมีรูปร่างสะโอดสะอง ในเวลานี้เมื่อมองไปก็เกิดความคิดว่าเย่เฟิงช่างเป็นคนที่มีโชคในเรื่องความรักนัก เขาถูกห้อมล้อมไว้ด้วยสาวสวยมากมาย พูดได้เลยว่าหากเปลี่ยนเป็นผู้ชายคนอื่นคงจะยิ้มแก้มแทบปริ

 

ช่างโชคร้ายสำหรับเย่เฟิง เรื่องนี้ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนัก

 

สาวสวยยังไงก็คือสาวสวย ไม่สามารถแตะต้องได้สุ่มสี่สุ่มห้า!

 

ไม่จำเป็นต้องพูดถึงหลินชื่อฉิงเพียงแค่เสี่ยวฉี ถ้าเย่เฟิงกล้าที่จะแตะต้องเธอรับรองเลยว่าหลินชื่อฉิงจะต้องโกรธเขาเป็นฟืนเป็นไฟ

 

ถ้าหากเป็นเสี่ยวเยวี่ยล่ะ

 

เย่เฟิงลอบแอบมองไปยังหน้าอกสาวสวยชุดแดง มองเพียงครั้งเดียวบอกได้เลยว่าขนาดของมันหายากมากที่ผู้หญิงคนอื่นจะมาประชันได้ แม้กระทั่งหลินชื่อฉิงเมื่อเทียบกับเธอแล้วยังคงห่างชั้นเล็กน้อย

 

รวมกับความสูงของเสี่ยวเยวี่ยรูปร่างของเธอช่างน่าต้องตาต้องใจเช่นเดียวกับหลงหวางเอ๋อ ซึ่งผู้หญิงคนอื่นไม่สามารถแสดงออกได้ซึ่งเสน่ห์เช่นนี้ได้อย่างชัดเจน มันเป็นธรรมดาที่ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็จะเป็นจุดสนใจของทุกคนในทันที

 

“เย่เฟิง ชื่อฉิง อยู่ต่อกินข้าวด้วยกันสักแปปเถอะนะ อย่าปฏิเสธล่ะ”

 

เสี่ยวฉีมองเย่เฟิงอย่างคาดหวัง เธอรู้ว่าตราบเท่าที่เย่เฟิงตกลงหลินชื่อฉิงจะต้องตกลงเช่นเดียวกัน

 

“ต้องขอโทษด้วย ผมมีเรื่องที่ต้องจัดการ”

 

เย่เฟิงส่ายหน้า หลังจากที่เขาได้จัดการเรื่องของหลินเหรินเทียน เรื่องของที่นี้ก็จบลงแล้ว ส่วนเรื่องงานแสดงสินค้าเป็นเรื่องรอง พวกหน้าบากและหนานฟางสามารถดูแลมันได้

 

หลังจากที่จัดการคนขององค์กรไวเปอร์และเผ่ยเขิงกรุ๊ปไปแล้ว เย่เฟิงก็ไม่จำเป็นที่จะต้องออกคำสั่งอะไรเป็นการส่วนตัวอีก เขาเชื่อว่าด้วยความสามารถของลูกน้องหน้าบากสามารถจะดูแลงานนี้ได้อย่างสบาย

 

ต่อไปก็เป็นเวลาที่เขาจะต้องกลับไปฝึกบ่มเพาะแล้ว!

 

ในตอนนี้หลงหวางเอ๋อมีวรยุทธ์ 25 ปี แต่เย่เฟิงกลับมีวรยุทธอยู่เพียงแค่ 15 ปัเท่านั้น ในตอนนี้เขาจะต้องใช้เวลาให้ดีที่สุดเพื่อขยายเส้นชีพจรของเขาเพื่อให้สามารถบ่มเพาะสมบัติสวรรค์ในแหวนมิติได้

 

ในกรณีนี้เขาสามารถที่จะเพิ่มวรยุทธได้ 20 ปี เพียงแค่บ่มเพาะสองเดือนเท่านั้น และสามารถใช้โล่ดาราได้

 

เมื่อถึงเวลานั้นเขาก็จะเดินทางไปยังทะเลทรายเพื่อหาหลักประกันภัยให้มันมีมากยิ่งขึ้น

 

ช่างน่าเสียดายที่เขาจะต้องจากสาวทั้งสามนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องจากสามสาวสวยที่ห้อมล้อมเขาอยู่ในตอนนี้ สำหรับเย่เฟิงแล้วมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

 

เมื่อได้ยินเย่เฟิงปฏิเสธ เสี่ยวเยวี่ยออกตัวในทันทีพลางยิ้มหวานให้ “มีอะไรสำคัญไปกว่าไปกินอาหารกับคู่หมั้นกัน?”

 

ขณะที่พูดอยู่เธอก็เหลือบมองไปยังหลินชื่อฉิงพลางกระพริบตา เธอต้องการให้หลินชื่อฉิงเล่นตามน้ำด้วย

 

น่าเสียดายหลินชื่อฉิงยังคงนิ่งไม่ทำอะไร แต่กลับมองอย่างขบขันไปยังเสี่ยวเยวี่ย ภายในสายตาบ่งบอกประมาณว่า อย่าได้ลากเธอเข้าไปยุ่งเกี่ยว ไม่คิดจะใช้ความสามารถของเธอเองหรือ?

 

เสี่ยวเยวี่ยเหลือบมองไปยังหลินชื่อฉิง ภายในสายตาเห็นถึงสายตาที่มีท่าทางยั่วยุ

 

ทันใดนั้นหลินชื่อฉิงที่อยู่ด้านข้างก็ยิ้มให้เย่เฟิง “เสี่ยวเย่ ถ้าเรามีเรื่องต้องไปทำ พี่ก็ขอขอบคุณเราในเรื่องนี้ด้วย”

 

“ไม่เห็นต้องรีบเลย”

 

เสี่ยวเยวี่ยยื่นมืออกไปในทันทีและยิ้มหวานให้ จากนั้นดึงรั้งแขนของเย่เฟิงเอาไว้ “วันนี้นายช่วยเหลือตระกูลเสี่ยวของพวกเราเอาไว้ พวกเราจะต้องเลี้ยงข้าวตอบแทนนายเป็นเรื่องธรรมดา หากไม่เช่นนั้นจะรู้สึกเสียน้ำใจ นายไม่ค่อยชอบคนมาก อ้า…ถ้าอย่างนั้นมีเพียงแค่ฉันกับเสี่ยวฉีล่ะ?”

 

ขณะที่พูด เสี่ยวเยวี่ยก็แอบสะกิดไปยังเอวของเสี่ยวฉีเพื่อให้เธอร่วมมือรีบเร่งพูดออกไปด้วย

 

การกระทำที่น่ารักนี้ ตกอยู่ภายใต้สายตาของเย่เฟิงอยู่แล้ว เขาค่อนข้างรู้สึกว่าไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะดี นี่เขาตกอยู่ในสถานการณ์อะไรกัน?

 

โดยไม่ได้รอให้เขาตอบแขนอีกข้างก็ถูกดึงรั้งโดยเสี่ยวฉี “เย่เฟิง พวกเราต้องการตอบแทนนาย อย่าปฏิเสธเลยนะ”

 

เมื่อต้องพูดเช่นนี้ แก้มของเสี่ยวฉีผู้น่ารักก็ผุดแดงขึ้น เธอเพิ่งจะนึกได้ว่าการที่จะต้องมารั้งแขนเย่เฟิงเอาไว้มันจำเป็นต้องการความกล้าอย่างมาก

 

สำหรับเสี่ยวฉีมันเป็นครั้งแรกที่เธอใกล้ชิดกับผู้ชายเช่นนี้!

 

แน่นอนว่าภายในใจของเสี่ยวฉีไม่ได้มีความคิดอะไรอื่น นอกจากนี้เย่เฟิงและหลินชื่อฉิงยังเป็นคู่หมั้นกัน เธอนึกถึงเย่เฟิงได้ช่วยเธอไว้หลายครั้งและยังช่วยเหลือตระกูลเสี่ยวของเธอจากปัญหาใหญ่ เพียงแค่ชวนกินข้าวมันคงไม่ใช่เรื่องที่เกินเลยไปหรอก

 

“มันจะดีเหรอ?”

 

เย่เฟิงรู้สึกหวาดกลัวต่อการกระทำของพี่น้องสองสาวตระกูลเสี่ยวนี้ เขามีท่าทางที่ค่อนข้างอึดอัดใจ เงยหน้ามองไปยังหลินชื่อฉิงเพื่อต้องการให้เธอช่วย

 

ช่างโชคร้ายหลินชื่อฉิงเมื่อพบเจอสถานการณ์เช่นนี้ก็รู้สึกรับมือลำบากเล็กน้อย นอกจากนี้เสี่ยวเยวี่ยและเสี่ยวฉีเพียงมีเจตนาที่ดี ถ้าเธอออกตัวช่วยเหลือไป มันจะไม่สมเหตุสมผลไปหน่อยหรือ?

 

มองไปที่สองสาวที่เกาะแขนเย่เฟิงเอาไว้ มันทำให้ภายในใจหลินชื่อฉิงรู้สึกไม่ค่อยดีนัก

 

“มันไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย เราไปเถอะ”

 

หลินชื่อฉิงพูดเบาๆ “พี่ก็มีเรื่องที่จะต้องจัดการคงต้องไปก่อนแล้ว หวังว่าเราคงจะสนุกนะ”

 

เมื่อพูดเสร็จก็หันหลังจากไป ทิ้งไว้เพียงด้านหลังอันสะโอดสะองสวยงาม รูปร่างอันหมดจดที่มันทำให้ผู้ชายหลายคนแทบบ้าคลั่งและทำให้ผู้หญิงทั้งหมดต้องอิจฉา

 

เธอโกรธอะไรกัน?

 

เย่เฟิงรู้สึกไม่สามารถอธิบายได้ นี่มันไม่สมเหตุสมผลเลย! คุณหนูหลินไม่ได้บอกหรือว่าไม่ต้องการแต่งกับเขา แต่ตอนนี้เหมือนจะแสดงอาการหึงหวงออกมา ท่าทางเมื่อกี้มันอะไรกัน?

 

เขาเพียงครุ่นคิดว่าความคิดของหญิงสาวในตอนนี้มันช่างเป็นเรื่องยากเกินไปที่จะเข้าใจและยากที่จะรับมือไหว จากนี้ไปเขาจะต้องปวดหัวจนสมองต้องระเบิดแน่นอน

 

“พี่ ชื่อฉิงเธอโกรธจริงหรือเปล่า?”

 

เสี่ยวฉีไปเกาะอยู่ด้านข้างพี่สาวของเธอเสี่ยวเยวี่ยและกระซิบถามเธอ

 

“ถ้ามีใครบางคนมากอดแขนคู่หมั้นเธอ เธอจะโกรธไหมเล่า?”

 

เสี่ยวเยวี่ยถามกลับ

 

“…”

 

เสี่ยวฉีไม่พูดอะไรอีก เธอก็ครุ่นคิด ถ้าหากมีใครบางคนที่มากอดแขนคู่หมั้นของเธอ เธอควรจะโกรธไหมงั้นหรือ? ชื่อฉิงไม่เห็นได้บอกเลยว่าเธอมีความรู้สึกอะไรกับเย่เฟิง จนกระทั่งวันนี้ หรือว่าจะเป็นเพราะวันเวลาที่ผ่านไป*?

 

[คั่นหนังสือ : *日久生情/วันเวลาที่ผ่านไป = หลังจากที่คบกันไปนานๆหรือรู้จักกันไปนานๆ จนเกิดเป็นความรัก ]

 

เสี่ยวฉีไม่ได้คิดอะไรมากเนื่องจากเธอได้ยินเสียงของเย่เฟิง “ถ้างั้นไปกันเถอะ แต่ผมต้องขอตัวกลับเร็วหน่อยนะ”

 

“นั่นไม่ใช่ปัญหาเลย”

 

เสี่ยวเยวี่ยยิ้มให้ แต่สำหรับเย่เฟิงมันดูน่ากลัวอย่างอธิบายไม่ถูก เธอมีเรื่องราวที่อยากรู้มากมาย ในตอนนี้มันเป็นโอกาสของเธอแล้วที่ชวนให้เขามากินข้าวด้วยกัน จากนั้นเธอจะต้องมอมเหล้าเขาและล้วงความลับเขาให้หมด!

 

“ป๊า พวกเราไปก่อนนะ”

 

เสี่ยวเยวี่ยโบกมือไปยังทางเข้าคฤหาสน์ที่มีกลุ่มคนอยู่ จากนั้นก็เกี่ยวแขนเย่เฟิงจากนั้น ส่วนเสี่ยวฉีก็ตามมาติดๆ

 

เสี่ยวเต๋อเฉิงและเสี่ยวเต๋อเจิงและพวกที่เหลือต่างมองไปที่ทั้งสามคนที่เพิ่งจากไป ภายในใจรู้สึกแตกต่างกันไป

 

เสี่ยวเต๋อเฉิงค่อนข้างเป็นห่วงลูกสาวของตนเองทั้งสองที่จะต้องไปกินข้าวข้างนอกกับเย่เฟิง มันคงจะไม่เกิดเรื่องอะไรหรอกนะ? แต่เสี่ยวเต๋อเจิงกลับคิดว่ามันเป็นเรื่องดี ให้พวกเธอทั้งสองคนจับเย่เฟิงให้อยู่เพื่อเป็นดั่งหลักประกันที่มีศักยภาพ

 

เขาพลันนึกอะไรได้อย่างกะทันหัน และส่งข้อความออกไปในทันที เขาต้องเตรียมการอะไรสักอย่างแล้ว

 

……………………………..

 

แปลโดย คั่นหนังสือ

 

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments