I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Genius Sword Immortal ตอนที่ 297 นักวาดการ์ตูนสาวสวย

| Genius Sword Immortal | 2538 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

บทที่ 297 นักวาดการ์ตูนสาวสวย

 

สถานที่ไปกินข้าวตัดสินใจเป็นภัตตาคารอาหารจีนใกล้ๆ เดินทางไปโดยออดี้ทีทีเอสสีแดงของเสี่ยวเยวี่ย

 

รถสปอร์ตเปิดประทุนก็นำพวกเขาจนไปถึงปลายทาง

 

หลังจากที่เข้ามาภายในภัตตาคารอาหารจีน เย่เฟิงและเสี่ยวเยวี่ยกับเสี่ยวฉีทั้งสองสาวต่างเลือกเก้าอี้ที่ตัวเองต้องการจะนั่ง และเป็นไปตามที่คาดไว้เย่เฟิงจะต้องนั่งตรงนั้น ทั้งสองสาวต่างเลือกนั่งประกบคู่ระหว่างเขา ดังนั้นดูเหมือนเขาจะถูกล้อมรอบไปด้วยสาวสวย ทำให้สายตาของเด็กเสิร์ฟปรากฏความหมั่นไส้

 

ช่างเหมือนกันทั้งพี่ทั้งน้อง

 

เป็นประเภทที่ชอบคนที่เงินทอง เป็นเพียงผู้หญิงชอบหลอกเงินผู้ชายหวังรวยทางลัด

 

เด็กเสิร์ฟมองไปยังเสี่ยวเยวี่ยและเสี่ยวฉีทั้งสองสาวอย่างรังเกียจ แต่ฝ่ายตรงข้ามทั้งสามคนเป็นลูกค้าที่เขาต้องให้บริการ เธอจึงไม่ได้แสดงทีท่ารังเกียจอย่างชัดเจนมากเกินไป

 

“เอาเหล้าขาว*มาสองขวด”

 

[คั่นหนังสือ : *白酒/ไวน์ขาว/เหล้าขาว = เป็นเหล้ากลั่นจากข้าวฟ่าง/ข้าวสาลี หลังจากกระบวนการหมักมันจะมีกระบวนการกลั่นให้ได้สีที่ขาวใส มีทั้งแบบแต่งรสและไม่แต่งรส ซึ่งแต่ละแบบมีชื่อเรียกและกระบวนการแตกต่างกันไปแต่เรียกโดยรวมแล้วคือ 白酒/ไป๋จิ่ว]

 

หลังจากที่สั่งมามากมาย เสี่ยวเยวี่ยก็สั่งเหล้าเป็นสิ่งสุดท้าย

 

เย่เฟิงเมื่อได้ยินก็คิดว่ามันแปลกประหลาด เสี่ยวเยวี่ยกลับเป็นคนชอบดื่มเหล้าขาว?

 

เขามองไปยังที่นั่งด้านซ้ายที่สาวสวยกระโปรงแดงเสี่ยวเยวี่ยนั่งอยู่ ก็พบเห็นบุคลิกและท่าทางของเธอเปลี่ยนแปลงเป็นหมื่นๆ ภายในนัยน์ตาปรากฏแววของความยั่วยวน จากนั้นเขาก็พลันเข้าใจได้ในทันที

 

หรือว่าสาวสวยคนนี้ ต้องการจะดวลเหล้ากับเขากัน?

 

เย่เฟิงรู้สึกน่าหัวเราะเล็กน้อย เป้าหมายของฝ่ายตรงข้าม เขาเดาออกได้แทบหมด มันไม่มีอะไรนอกจากต้องการมอมเหล้าเขาและต้องการรู้ข้อมูลของเขาเกี่ยวกับข่าวลือที่ว่ากัน แต่โชคร้ายนัก วิธีนี้มันไม่ได้ผลกับเย่เฟิง แน่ใจได้เลยว่าเมื่อถึงเวลานั้นเย่เฟิงทำเพียงไม่ยอมดื่ม เสี่ยวเยวี่ยคนนี้ก็หมดหนทางแล้ว

 

แต่ก็ไม่เลว ถ้างั้นยอมเล่นไปกับพวกเธอแล้วกัน จะได้สอบถามดูด้วยว่าพวกเธอสนใจเรื่องอะไร

 

ไม่นานเหล้าก็มาถึง เสี่ยวฉีแน่นอนว่าไม่ดื่ม ทำได้แค่เพียงมองเย่เฟิงที่เริ่มดวลกับเสี่ยวเยวี่ย เธอรู้สึกอิจฉาอยู่เล็กน้อย แต่เสี่ยวฉีก็รู้อยู่ว่าผู้หญิงที่ดีไม่ว่าจะอยู่ข้างนอกหรือที่บ้านก็ไม่ควรดื่ม ถ้ามันต้องดื่มกับเย่เฟิง ถ้าหากมันเกิดอะไรขึ้นมามันอาจจะทำให้เสียใจได้และเธอก็ไม่ได้คอแข็งเหมือนกับเสี่ยวเยวี่ยด้วย

 

“เธอทำงานอะไรในชางไห่กัน?”

 

เย่เฟิงที่กำลังดื่มอยู่ถามเสี่ยวเยวี่ย เรื่องนี้เขาค่อนข้างอยากรู้มานานแล้ว แม้ว่ามันจะไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขาก็ตาม แต่ในกรณีนี้มันก็ถือว่าเป็นคำถามที่ดี ใช้มันเป็นคำถามนี้เป็นการเปิดหัวข้อที่ดี

 

“พี่สาวเป็นนักวาดการ์ตูน”

 

เสี่ยวฉีที่อยู่ด้านข้างตอบมาด้วยท่าทางมีความสุข คำตอบนี้ที่บอกมาเชื่อได้เลยว่ามันทำให้ทุกคนต่างมีความคิดหลายอย่างผุดขึ้นมาอย่างไม่ขาดสาย

 

ทันใดนั้นเมื่อเย่เฟิงได้ยินว่าสาวสวยคนนี้เป็นนักวาดการ์ตูน มันดูเหมือนว่าเสี่ยวเยวี่ยคนนี้จะมีพรสวรรค์อยู่อย่างมาก สามารถพึ่งพาตัวเองเพื่อเลี้ยงชีพได้ แต่ก็ต้องใช้เวลาถึงตั้งสองปีกว่าจะซื้อออดี้รถสปอร์ตได้

 

ถ้าใช้อิทธิพลจากตระกูลเสี่ยว เสี่ยวเยวี่ยต้องการแค่รถสปอร์ตคันหนึ่งมันก็เป็นเรื่องง่ายดาย เหมือนอย่างเสี่ยวฉี ซึ่งเธอเปิดร้านชาใหญ่โตเล่นสนุกเท่านั้น

 

มีภูมิหลังตระกูลอันใหญ่โต แต่เสี่ยวเยวี่ยเลือกที่จะจากเหยียนจิงไปต่อสู้เพียงลำพัง มันเหมือนกับว่าเธอไม่มีความพยายามและความมั่นใจ ดังนั้นเธอจึงต้องใฝ่หาความยากลำบากอย่างไม่มีทางเลือก ซึ่งทำให้เธอต้องจากเมืองเหยียนจิงไป

 

ขณะที่กำลังดื่มเหล้าขาวอยู่นั้น เย่เฟิงก็เริ่มที่จะแสดงอาการเล็กน้อย ทำให้ภายในใจของเสี่ยวเยวี่ยเริงร่า เธอครุ่นคิดว่าเย่เฟิงคงจะดื่มเหล้าขาวไม่ค่อยเก่ง ไม่นานเขาจะต้องเมาอย่างแน่นอน

 

พวกเขาพูดคุยกันมากมายขณะที่ดื่มเหล้า เสี่ยวฉีค่อยตอบแทรกเข้ามาจากด้านข้างอยู่ชั่วขณะ ไม่นาน เย่เฟิงก็รู้เรื่องราวเกี่ยวกับเสี่ยวเยวี่ย

 

เสี่ยวเยวี่ยโตกว่าเสี่ยวฉีสี่ปี หญิงสาวทั้งสองคนนี้ต่างเป็นลูกสาวของเสี่ยวเต๋อเฉิง สามารถบอกได้เลยว่าเป็นดั่งแก้วตาดวงใจของตระกูลเสี่ยวเป็นคนที่เฉลียวฉลาดมาตั้งแต่เด็กๆ

 

แต่เสี่ยวเยวี่ยแสดงให้เห็นถึงพรสวรรค์ทางด้านศิลปตั้งแต่แรก เสี่ยวเต๋อเฉิงจึงส่งเธอไปเรียนโรงเรียนลูกผู้ดีทางด้านศิลปโดยเฉพาะ

 

แต่เมื่อตระกูลเสี่ยวก็พบสถานการณ์ที่ยากลำบากต่อธุรกิจของเขา ภายในโรงเรียนลูกผู้ดีปรากฏนักเรียนลูกคนรวยรุ่นที่สอง*ที่ชื่นชอบเสี่ยวเยวี่ย จากนั้นเขาจึงร้องขอตระกูลของเขาให้ช่วยเหลือตระกูลแก้ปัญหาออกมาจากสถานการณ์ที่ยากลำบาก

 

[คั่นหนังสือ : *富二代/ลูกคนรวยรุ่นที่สอง = ทายาทเศรษฐี เป็นคำที่ใช้เรียกเสียดสีพวกลูกคนรวย แปลตรงตัวว่า คนรวยรุ่นที่สอง]

 

แต่มันก็เป็นเรื่องปกติ ตระกูลเสี่ยวและตระกูลอีกฝ่ายก็ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกันมากเกินไป ส่วนลูกคนรวยรุ่นที่สองที่ตามพัวพันเสี่ยวเยวี่ยต้อยๆ แท้จริงเขาก็ประสบกับเหตุการณ์ร้าย ภายในหนึ่งเดือนตระกูลเขาล้มละลาย

 

เสี่ยวเต๋อเฉิงเป็นบุคคลที่มีน้ำใจเสมอมา เมื่อเขาเห็นสถานการณ์เป็นเช่นนี้ เขาก็ทำข้อตกลงกับเสี่ยวเยวี่ยให้พยายามติดต่อกับ “คนรวยรุ่นที่สอง” ถ้าหากในอนาคตทั้งสองได้แต่งงานกัน จากนั้นตระกูลเสี่ยวก็จะถือว่าไม่ได้ติดหนี้อะไรกับอีกฝ่าย

 

จากนั้นเสี่ยวเยวี่ยก็เชื่อฟังอย่างตั้งใจ แม้ว่าจะไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่ท้ายที่สุดก็ยอมรับข้อตกลงของเสี่ยวเต๋อเฉิง หลังจากที่เธอจบมหาลัยก็เริ่มติดต่อคบหากับ “คนรวยรุ่นที่สอง”

 

พูดตามความจริงแล้วคนรวยรุ่นที่สองก็เป็นสุภาพบุรุษมาก เมื่อตอนที่เขาอยู่โรงเรียนลูกผู้ดี เขาเป็นคนที่นิยมมาก ด้วยเหตุนี้เองเสี่ยวเยวี่ยจึงไม่ได้ขับไล่ฝ่ายตรงข้ามอีกต่อไป หลังจากนั้นทั้งสองก็หลงรักอย่างหัวปักหัวปำ

 

ช่างน่าเศร้านัก ในช่วงซัมเมอร์นั้น เสี่ยวเยวี่ยก็ได้เห็นธาตุแท้ของอีกฝ่าย

 

เขาเป็นผู้ชายที่น่ารังเกียจ! หลังจากที่ตระกูลล้มละลาย เขาก็กลายเป็นคุณชายโง่เง่า! วันๆเอาแต่ร้องขอเงินเสี่ยวเยวี่ย! จากนั้นก็นอนอยู่แต่ในบ้านดื่มกินอยู่ทั้งวัน ไม่แม้แต่กระทั่งฟังคำพูดของเสี่ยวเยวี่ย

 

ดังนั้นเมื่อบรรลุข้อตกลงกับมหาลัยเหยียนจิง เสี่ยวเยวี่ยจึงลาออกไปเพื่อไปเพื่อสมัครลงทะเบียนสถาบันศิลปของชางไห่

 

ตั้งแต่นั้นเธอก็แยกตัวออกไปจากเหยียนจิง ตัวเธอเพียงลำพังก็เดินทางไปชางไห่เพื่อไปสถาบันศิลป

 

หลังจากนั้นเธอก็อยู่ชางไห่เป็นเวลาสี่ปี เสี่ยวเยวี่ยเปลี่ยนไปเป็นคนละคน จากแรกเริ่มที่เป็นพี่สาวสวยใส กลายเป็นพี่สาวสวยเซ็กซี่ที่สุดในสถาบันศิลปชางไห่!

 

จนกระทั่งชื่อเสียงของเธอแพร่กระจายไปไกล ทำให้เหล่าสังคมให้ความสนใจในข่าวนี้ จากนั้นมันก็มีแพคเกจราคาสูงมาเสนอให้เพื่อจะเลี้ยงดูเธอ แน่นอนว่าเสี่ยวเยวี่ยแค่นเสียงอย่างรังเกียจ

 

ช่วงเวลาสี่ปีนั้น เสี่ยวเยวี่ยพลันรู้ว่าเสี่ยวเต๋อเฉิงยังคงมีความหวังกับคนรวยรุ่นที่สองนั้นอยู่ ยังคงให้โอกาสมอบชีวิตที่มั่นคงให้กับเขา และคอยโน้มน้าวอีกฝ่ายหวังว่าอีกฝ่ายจะกลับเนื้อกลับตัวได้

 

ช่างน่าเศร้า ผ่านมาสี่ปี เสี่ยวเยวี่ยพบว่าอีกฝ่ายไม่คิดแม้แต่จะเปลี่ยนแปลงแต่กลับหนักยิ่งกว่าเก่า!

 

แม้ว่าเรื่องขอเงินจากเสี่ยวเยวี่ยมันจะเป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่มันก็มีข่าวลือมากมายหลายอย่าง บอกว่าผู้ชายคนนี้ใช้เงินของเสี่ยวเยวี่ยไปเที่ยวผู้หญิงและใช้ชีวิตอยู่อย่างสุขสบาย

 

เสี่ยวหเยวี่ยหมดหวังอย่างสิ้นเชิง แต่เพื่อไม่ให้เสี่ยวเต๋อเฉิงลำบากใจ เธอจึงตัดสินใจหางานทำในชางไห่ ใช้เส้นสายของเธอเมื่อตอนอยู่มหาลัย จากนั้นเธอก็พบกับวงการการ์ตูนอย่างรวดเร็วและกลายเป็นการฝึกฝนส่งเสริมฝีมือ จากนั้นหน้าที่การงานก็โลดแล่นดั่งสายลม

 

เรื่องที่เหยียนเป็นหนามหยอกภายในใจเธอเสมอมา

 

“ไม่คิดเลยว่าเธอจะมีเรื่องราวเช่นนี้”

 

เย่เฟิงที่มึนเมามีสีหน้าที่ค่อนข้างแดง เขาหัวเราะอย่างโง่งม

 

มองไปยังท่าทางของเย่เฟิง เสี่ยวเยวี่ยรู้สึกว่าไม่เลวนัก ในเมื่อเรื่องของเธอจบแล้ว เย่เฟิงก็เริ่มพูดประโยคที่ดูน้ำเน่าและเกี่ยวกับเรื่องของเย่เฟิง เธอต้องการที่จะรู้อย่างมาก

 

“อืม ช่างน่าเสียดายที่ฉันเจอปัญหาที่แถบทะเลจีนตะวันออก หวังเซ่าตงไม่รู้ทำไมถึงโชคร้ายนักถูกฉลามกินอย่างไม่คาดฝัน”

 

เสี่ยวเยวี่ยแสร้งทำเป็นพูดอย่างมึนเมาพลางบ่นอย่างเหนื่อยล้า แต่ต้องการที่จะถามบางอย่างกับเย่เฟิง แต่ช่วงเวลานั้นประตูก็ถูกเปิดขึ้นจากด้านนอก

 

“เสี่ยวเยวี่ย เธอกลับมาแล้วหรอ?”

 

เสียงที่น่ายินดีของชายหนุ่มดังออกมาจากด้านนอกประตู

 

เย่เฟิงไม่จำเป็นที่จะต้องเงยหน้ามอง เขาก็สามารถใช้ทักษะสัมผัสวิญญาณตรวจสอบอีกฝ่ายพบว่าเป็นชายหนุ่มรูปงามคนหนึ่ง จากที่ฟังคำพูดของอีกฝ่ายเมื่อคิดอีกทีมันดูไม่เนียนเลย ซึ่งผู้ชายคนนี้ที่มาจะต้องเป็นแฟนหนุ่มตัวปลอม คนรวยรุ่นที่สองผู้ที่ล้มละลายที่ว่าสินะ?

 

……………………………..

 

แปลโดย คั่นหนังสือ

 

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments