ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปบทที่ 298 จ้าวเหรินเจี๋ยกับเสี่ยวลี่ลี่
แฟนหนุ่มของเสี่ยวเยวี่ยหรือแฟนหนุ่มเพียงในนามคนนี้ชื่อว่า จ้าวเหรินเจี๋ย
ในขณะนี้ที่หน้าประตูห้องของพวกเขาคือจ้าวเหรินเจี๋ยที่มีท่าทางประหลาดใจ เมื่อมองดูชุดที่เขาสวมใส่ก็ช่างเข้ากันอย่างยิ่ง ดูหล่อเหลาเปล่งประกายจนถึงขนาดที่เดินอยู่ข้างนอกอาจจะสาดส่องเหล่าสาวน้อยจนตาพร่ามัวได้เลย
อย่างน้อยเย่เฟิงเชื่อว่าคำพูดที่เปรียบเปรยถึงหน้าตาของเขา อีกฝ่ายอันที่จริงทิ้งห่างจากเขาเป็นสิบแปดช่วงถนนได้เลย
แน่นอนว่าตอนนี้เย่เฟิงรู้ว่าชายหนุ่มที่หล่อเหลาคนนี้คือชายหนุ่มที่กินดื่มครื้นเครงอย่างสุขสบาย
“เสี่ยวเยวี่ย เป็นเธอจริงๆ กลับมาแล้วทำไมถึงไม่บอกฉันเลย? ฉันคิดถึงเธอมาก”
เมื่อจ้าวเหรินเจี๋ยเห็นเสี่ยวเยวี่ย เขาก็เหลือบมองไปยังหน้าอกที่เต็มไม้เต็มมือของเธออย่างรวดเร็ว ซึ่งเห็นได้อย่างชัดเจนถึงแววตาที่มีความปรารถนา
เธอเป็นแฟนสาวในนามของเขา แต่เขาไม่เคยสัมผัสแม้แต่กระทั่งนิ้วของเธอ เรื่องนี้ทำให้เขารู้สึกอึดอัดใจมาก วันนี้ในที่สุดเขาก็ได้รับโทรศัพท์จากเสี่ยวเต๋อเจิงบอกว่ามันมีเรื่องที่เสี่ยวเยวี่ยต้องการให้เขาช่วย เขาจึงรับคำอย่างยินดี
“จ้าวเหรินเจี๋ย นายรู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่ที่นี้?”
อารมณ์ที่ดีของเสี่ยวเยวี่ยถูกทำลายโดยอีกฝ่ายอย่างกะทันหันพลางหลบหน้าเขา
ข่าวที่ว่าเธอกลับมาเหยียนจิงในเวลาสามวันนี้คงจะแพร่กระจายไปค่อนข้างมากแล้ว แต่เธอไม่เชื่อว่าจ้าวเหรินเจี๋ยจะเพิ่งรู้ในตอนนี้ แต่อีกฝ่ายกลับมาหาเธอในตอนนี้ ซึ่งปรากฏตัวต่อหน้าเธอที่อยู่กับเย่เฟิง
มันแน่นอนว่ามันจะต้องมีเบื้องหลังบางอย่างที่เธอไม่รู้
“เสี่ยวเยวี่ย ฉัน..”
จ้าวเหรินเจี๋ยต้องการก้าวเข้ามาภายในห้อง บนใบหน้าฉาบไปด้วยอาการตื่นเต้นทันที
แต่เขาเพียงพูดได้สามคำเท่านั้น จากนั้นก็มีเท้าลอยมาจากด้านข้าง เตะเข้าที่ท้องเขาอย่างกะทันหัน
เปรี้ยง!
มันไม่มีสัญญาณจากลูกเตะนี้ จากนั้นจ้าวเหรินเจี๋ยก็ถูกเตะในทันที เพียงชั่วพริบตาเขาก็ถูกส่งกระเด็นออกนอกห้องไปยังโถงทางเดินอย่างงุนงง
แน่นอนว่าคนที่เตะเขาคือเย่เฟิง
เขาคร้านที่จะฟังผู้ชายคนนี้พูดอีกจึงจัดการจบปัญหาในทันที
“แมลงวันเกะกะลูกตา เสี่ยวเยวี่ย เธอคงไม่ว่าผมหรอกนะ?”
เย่เฟิงยกยิ้มบางเบา
จากที่ฟังเรื่องราวของเสี่ยวเยวี่ยเมื่อครู่นี้ เขารู้เลยว่าเสี่ยวเยวี่ยเกลียดชังจ้าวเหรินเจี๋ยคนนี้อย่างมาก มีความใฝ่ฝันที่ต้องการจัดการผู้ชายน่ารังเกียจคนนี้ แต่ช่างน่าเสียดายที่ไม่สามารถจัดการได้เสียที
วิธีที่เย่เฟิงจัดการในตอนนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสำหรับเสี่ยวถือว่าเป็นวิธีการที่โหดร้ายมาก
“ไม่แน่นอน”
เสี่ยวเยวี่ยมองไปยังจ้าวเหรินเจี๋ยที่ถูกเย่เฟิงเตะออกไป บนใบหน้าก็ปรากฏสีหน้าพอใจ มากับเย่เฟิงช่างคิดถูกจริงๆ ไม่ว่าใครก็ตามไม่สามารถทำร้ายคนที่อยู่รอบตัวเย่เฟิงได้เลย
ถ้าหากเสี่ยวเยวี่ยไม่ใช่ผู้หญิง จ้าวเหรินเจี๋ยผู้ชายที่น่ารังเกียจคนนี้ เธอคงจะเตะโด่งทะลุดาวอังคารด้วยตัวเองไปแล้ว หากเป็นเช่นนั้นยังต้องถึงตาเย่เฟิงหรือ?
“เยี่ยมเลย”
เย่เฟิงหยักหน้าพร้อมยิ้มให้
เสี่ยวฉีที่อยู่ด้านข้างเมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ก็ค่อนข้างประหลาดใจ เธอรู้ว่าบุคลิกเย่เฟิงก้าวร้าวซึ่งเต็มไปด้วยความรุนแรง เขาชอบที่จะแก้ปัญหาด้วยความรุนแรงเสมอ แต่มิคาดคิดว่าเขาจะตัดสินใจจัดการมันได้อย่างง่ายดายเช่นนี้
จ้าวเหรินเจี๋ยก็พูดได้ว่าเป็น “แฟนหนุ่ม” ของเสี่ยวเยวี่ยเช่นกัน แต่เย่เฟิงกลับไม่ได้พูดถามอะไรก็จัดการในทันที เรื่องนี้มันดูเกินไปหน่อย
เมื่อเสี่ยวฉีมองไปเสี่ยวเยวี่ยและเย่เฟิงทั้งสองคน จากนั้นก็พลันพบว่าใบหน้าทั้งสองปรากฏรอยยิ้มอย่างมีความสุข อดไม่ได้ที่จะใจสั่น เพียงแค่ดื่มเหล้ากันคงไม่ได้ทำให้ชอบพอกันหรอกใช่ไหม?
“…”
จ้าวเหรินเจี๋ยที่ถูกเตะโดยเย่เฟิง นอนสลบอยู่ที่โถงทางเดินและไม่นานก็เป็นที่สนใจของเหล่าเด็กเสิร์ฟไม่นานจากนั้นก็เป็นจุดสนใจของแขกที่มาภายในภัตตาคาร
“ขอโทษนะครับ ผมคิดว่าเขาจะต้องสะดุดล้มแน่เลย รีบโทรเรียกรถพยาบาลเร็วเข้า”
เมื่อด้านนอกมีผู้คนต่างมีสายตาที่สงสัย จากนั้นเย่เฟิงก็พูดออกไปอย่างสบายใจ
ลูกเตะของเขาไม่ใช่เพียงแค่เตะจ้าวเหรินเจี๋ยแบบธรรมดาเท่านั้น เขาได้ใช้เจินฉีสกัดจุดเส้นชีพจรภายในร่างของเขาทำให้ประสาทการได้ยิน การมองเห็น ฯลฯ ทั้งหมดต่างมีความสามารถลดลงเพื่อจะได้ไม่มาเป็นอุปสรรคอีก
“เอ๊ะ นี่มันไม่ใช่จ้าวเหรินเจี๋ยหรอกเหรอ?”
ทันใดนั้นเสียงของผู้หญิงที่ไม่คิดฝันว่าจะได้ยินดังออกมา ทำให้สีหน้าเสี่ยวฉีและเสี่ยวเยวี่ยทั้งสองสาวเปลี่ยนไปทันที
เย่เฟิงสังเกตเห็นถึงสีหน้าของทั้งสองคน ทักษะสัมผัสวิญญาณถูกส่งออกไปอย่างรวดเร็ว ก็เห็นสาวสวยที่มีสีหน้าตกใจถือกระเป๋าแบรนด์เนมเอาไว้อยู่ เธอเพิ่งออกมาจากห้องในภัตตาคารก็เห็นจ้าวเหรินเจี๋ยที่ถูกเตะกระเด็นออกมาโถงทางเดินนอนสลบอยู่จากนั้นเธอก็รู้สึกประหลาดใจ
เธอเป็นใครกัน?
เย่เฟิงใช้ทักษะสัมผัสวิญญาณตรวจสอบที่หญิงสาวพบว่าหญิงสาวสวมใส่สร้อยประคำเส้นหนึ่งและยังสวมใส่ตุ้มหูสีเงินขนาดใหญ่สองอัน เมื่อสำรวจดูแล้วบอกได้เลยว่าเธอจะต้องมีครอบครัวที่ฐานะดีมาก แต่เมื่อสำรวจไปยังหน้าตาของเธอ เหตุใดมันถึงดูคล้ายกับเสี่ยวเยวี่ยและเสี่ยวฉีทั้งสองสาวกัน?
“มันเสียงเสี่ยวลี่ลี่หนิ เธอมาได้ยังไงกัน?”
คิ้วสีดำของเสี่ยวเยวี่ยขมวดมุ่นเล็กน้อย เธอพูดถามออกไปโดยถือเป็นการบอกเย่เฟิงไปในตัวว่าผู้หญิงที่มานั้นเป็นใครมาจากไหน
เสี่ยวลี่ลี่ คือญาติของเสี่ยวเยวี่ยอายุน้อยกว่าแต่อายุมากกว่าเสี่ยวฉี ซึ่งก็คือลูกสาวคนเดียวของเสี่ยวเต๋อเจิง เธอเพิ่งจะเรียนจบจากมหาลัยปีนี้ เธอเหมือนอยู่ในวัยดอกไม้แรกแย้ม
[คั่นหนังสือ : กันงงครับ “เต๋อเฉิง” คือพ่อ “เยวี่ย” กับ “ฉี” “เต๋อเจิง” คือพ่อ “ลี่ลี่” และเป็น “พี่รอง” ของ “เต๋อเฉิง” ซึ่ง “เต๋อ…” พอ…..!!!]
ในเวลาที่เสี่ยวลี่ลี่ยังปรากฏตัวขึ้นมา รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ามันจะต้องไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เนื่องจากภัตตาคารอาหารจีนนี้มันปกติแล้วไม่ค่อยมีใครที่จะมานัก และมันไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ที่จ้าวเหรินเจี๋ยและเสี่ยวลี่ลี่จะมาปรากฏตัวพร้อมกันทั้งสองคน
ถ้าหากมันเป็นเรื่องจงใจ ถ้างั้นเป้าหมายของอีกฝ่ายคืออะไรกัน?
“ปล่อยเอาไว้เดี๋ยวจะสร้างปัญหาได้”
เสี่ยวลี่ลี่ที่สะพายกระเป๋าแบรนด์เนมก็รีบเร่งไปยังห้องโถงทางเดิน จากนั้นก็พบเห็นจ้าวเหรินเจี๋ยนอนน้ำลายฟูมปากอยู่ เธอก็รู้สึกตกใจเล็กน้อย เกิดอะไรขึ้น?
เธอมองไปรอบๆและมองเข้าไปในห้องส่วนตัวก็เห็นเสี่ยวเยวี่ยและเสี่ยวฉีกับผู้ชายเสื้อสีดำอีกคงนั่งอยู่ด้วยกันที่มองออกมาข้างนอกอย่างสนใจอกสนใจ
“พวกคุณลูกค้าสามท่านไม่จำเป็นออกไปก็ได้นะคะ อีกไม่นานตำรวจและรถพยาบาลจะมาแล้ว”
ผู้จัดการหญิงสาวของภัตตาคารพูดเป็นต่อยหอยกับเย่เฟิง แต่คนทั้งสามภายในห้องส่วนตัวนี้ปกติก็ไม่ได้สนใจอะไรอยู่
เสี่ยวลี่ลี่ก็อ้อมผู้จัดการผู้หญิงก้าวเข้ามาด้วยส้นสูงภายในห้องส่วนตัว นั่งลงอย่างเงียบๆท่ามกลางสายตาของเย่เฟิงและจากนั้นก็มีท่าทางหยิ่งยโสมองไปยังเสี่ยวเยวี่ยที่อยู่ใกล้ๆ “ญาติผู้พี่ สามีของพี่ถูกทำร้าย พี่ทำไมถึงมองดูอย่างสบายใจะเล่า?”
ประโยคนี้มันเหมือนกับทิ้งระเบิดลงไปมากองดินปืนทันที
เสี่ยวเยวี่ยพลันยืนขึ้นทันทีและชี้ไปยังเสี่ยวลี่ลี่พลางต่อว่า “ใครเป็นสามีฉัน แกบอกฉันมาให้ชัดเจนที!”
ในชีวิตของเธอจ้าวเหรินเจี๋ยเป็นบุคคลที่เธอรังเกียจมากที่สุด แต่เสี่ยวลี่ลี่กลับมาพูดเช่นนี้ว่าอีกฝ่ายเป็นสามีของเธอ นี่มันต้องการยั่วยุเธอชัดๆ
“จำเป็นต้องพูดอะไรให้ชัดเจนอีกเหรอ?”
เครื่องประดับของเสี่ยวลี่ลี่เปล่งประกายขณะที่เธอกำลังพูด จากนั้นก็มองไปยังเย่เฟิงที่อยู่ใกล้ๆ “รูปหล่อ พ่อของฉันให้มาชวนนายไปกินข้าวด้วยกัน นายจะไปด้วยกันไหม ทำไมถึงมากับญาติผู้พี่ได้กัน? หรือเห็นว่าเธอสวยจนน่าดึงดูด แต่ความจริงแล้วเธอเป็นเพียงดอกไม้ที่เหี่ยวเฉาแล้ว”
เมื่อเย่เฟิงได้ยินก็ไม่ได้รอจนเสี่ยวเยวี่ยจะทำอะไรบ้าๆและหรี่ตามอง
ด้วยคำพูดเหล่านี้ เขาก็เข้าใจเป้าหมายของอีกฝ่ายในทันที
จ้าวเหรินเจี๋ยก่อนหน้านี้ดูเหมือนว่าเสี่ยวเต๋อเจิงตั้งใจจะใช้เป็นเครื่องมือเพื่อให้เสี่ยวลี่ลี่พูดว่าให้เสี่ยวเยวี่ยเสียชื่อเสียง
ส่วนตัวเสี่ยวลี่ลี่ก็จะถือโอกาสชวนเย่เฟิงไปกินข้าวด้วย ซึ่งมีเป้าหมายเป็นอะไรเย่เฟิงไม่รู้เลยและเขาก็ไม่ได้อยากจะรู้
เขารู้เพียงแต่ว่าอีกฝ่ายได้ทำผิดพลาดอย่างร้ายแรงแล้ว!
……………………………..
แปลโดย คั่นหนังสือ