ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปบทที่ 300 แก๊งใหม่ในเหยียนจิง
เสี่ยวเยวี่ยที่เมามายเมื่อเทียบกับยามปกติแล้วเธอมีท่าทางที่พิเศษนัก
เนื่องจากแสงสลัวสีเหลืองภายในผับ ทำให้เย่เฟิงสามารถบอกเห็นเสี่ยวเยวี่ยที่แก้มแดงก่ำ ใบหน้ารูปไข่ของเธอมันคล้ายจะเป็นงานศิลปที่สมบูรณ์แบบ เนื้อหนังนุ่มแน่นและเนียนละเอียดเหมือนกับแผ่นหยก นัยน์ตาคู่งามที่อยู่ภายใต้ฤทธิ์แอลกอฮอล์ดูเย้าหยอก แต่สิ่งที่สะดุดตาที่สุดคือหน้าอกคู่นั้นที่ตั้งชันสวยงามอย่างยิ่ง ขนาดอันน่าทึ่งมันทำให้เย่เฟิงรู้สึกคอแห้งผากเล็กน้อย
“นายจะให้ฉันทำยังไงเล่า?”
เสี่ยวเยวี่ยอยู่ในอาการมึนเมาขณะที่ดื่มเหล้าเข้าไปอีก นัยน์ตาของเธอมองจิกไปยังเย่เฟิง ซึ่งเปิดเผยแววตาที่จนหนทาง
ภายในสายตาของคนนอก เธอเป็นเหมือนกับผู้หญิงแกร่ง ตอนที่อยู่มหาลัยก็ทำงานพาร์ททามเพื่อให้ได้ค่าเทอมและเลี้ยงชีพตัวเอง แต่มันกลับถูกจ้าวเหรินเจี๋ยผลาญเสียหมด ภายในใจของเธอโหยหาไหล่ที่จะให้เธอได้ซบมานมนาน
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เธอไม่เคยพบใครสักคนที่คู่ควรและน่าเชื่อถือที่จะฝากชีวิตเอาไว้ได้ พวกผู้ชายที่เข้ามาหาเธอ พวกเขาไม่ได้เข้ามาเพราะสนใจในตัวเธอแต่มันเป็นตระกูลของเธอ เรื่องนี้มันทำให้เธอรู้สึกหมดศรัทธาในความรัก
อย่างไรก็ตามหลังจากที่ได้พบเจอเย่เฟิง เธอก็รู้ดีว่าผู้ชายที่พบเจอไม่ใช่คนของเธอ
เมื่อตอนอยู่แถบทะเลจีนตะวันออก ตอนที่เย่เฟิงเสี่ยงชีวิตปกป้องหลงหวางเอ๋อ เขาเผชิญหน้ากับอันตราย ซึ่งหลงโมหลันมีความแข็งแกร่งกว่าเขาหลายเท่า ฉากนี้มันอยู่ภายใต้สายตาของเสี่ยวเยวี่ยและมันทำให้เธอรู้สึกประทับใจข้างในลึกๆ
ถ้าหากผู้หญิงที่ถูกปกป้องคนนั้นเปลี่ยนเป็นเธอ มันจะมีความสุขแค่ไหนกัน?
“ในเมื่อไม่ได้ชอบเขา มันก็ควรจะบอกให้ชัดเจนไปเลย”
เย่เฟิงครุ่นคิดและบอกความเห็น “ถ้าหากเป็นฉันแล้วล่ะก็ ฉันเตะมันกระเด็นไปนานแล้ว”
หากพูดถึงผู้ฝึกเซียนที่เป็นอิสระเสรีแล้ว ถ้าหากพวกเขาต้องถูกบีบบังคับ มันจะทำอะไรผู้ฝึกเซียนได้? แน่นอนว่าเสี่ยวเยวี่ยไม่ใช่ผู้ฝึกเซียน แต่ชีวิตสามารถมีอิสระเสรีได้ ในเมื่อมันไม่ได้เป็นไปตามที่เสี่ยวเต๋อเฉิงบอก ตามนิสัยของเสี่ยวเต๋อเฉิงแล้วล่ะก็ เขาจะต้องไม่บีบบังคับให้เสี่ยวเยวี่ยแต่งงานกับหนุ่มหน้าขาวไร้ประโยชน์เช่นนี้แน่
“อืม ฉันจะเชื่อนาย”
เสี่ยวเยวี่ยดื่มเหล้าเข้าไปอีก จากนั้นก็ลุกขึ้นโดยพลัน เขยิบเบียดตัวมาหาเย่เฟิงและนั่งลงพลางเอียงหัวซบไปบนไหล่ของเขา “นายบอกเรื่องของนายได้หรือไม่? นายรู้จักพวกเธอได้ยังไงกัน?”
เสี่ยวเยวี่ยอยากรู้เรื่องนี้ที่สุด เธอต้องการที่จะถามเกี่ยวกับเรื่องเย่เฟิงกับซูเหมิงหานและหลงหวางเอ๋อ
ถ้าหากเรื่องนี้เปลี่ยนเป็นผู้ชายที่ถาม แน่นอนว่าจะสนใจแต่เพียงความเก่งกาจดั่งเทพเซียนของเย่เฟิง และคร้านที่จะใส่ใจเรื่องผู้หญิง แน่นอนว่านอกจากความเก่งกาจแล้วผู้หญิงยังต้องการอะไรอีก?
กลิ่นหอมส่งผ่านมาจากหัวไหล่ รู้สึกถึงอุณหภูมิที่แก้มอันอ่อนนุ่มของเสี่ยวเยวี่ยที่ส่งผ่านมา เย่เฟิงค่อนข้างรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย น้องสาวคนนี้ยังคงดูเป็นธรรมชาตินัก
เขาก้มลงมองสามารถเห็นสิ่งที่อยู่ภายใต้สร้อยคอได้ของฝ่ายตรงข้ามชุดแดงผู้นี้ได้อย่างชัดเจน สองก้อนกลมที่สมบูรณ์แบบที่ขาวราวกับหิมะ ด้วยฉากที่โดดเด่นนี้มันแทบจะทำให้เลือดกำเดาพุ่งได้อย่างง่ายดาย
ด้วยความลังเลใจ เย่เฟิงยื่นมือของเขาออกไปวางบนข้อมืออันเรียวนุ่มของเสี่ยวเยวี่ยพลางยิ้ม “ฉันกับพวกเธอรู้จักเป็นเพียงเรื่องธรรมดาไม่จำเป็นต้องกล่าวถึง แต่กับการพบเธอนี่สิมันช่างเป็นเรื่องที่น่าสนใจกว่า”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ พวกเขาจดจำได้ว่าระหว่างทางไปยังแถบทะเลจีนตะวันออก บีเอ็มสีเงินและออดี้สีแดงเฉี่ยวชนกัน เหตุการณ์นี้ทำให้เสี่ยวเยวี่ยอดไม่ได้ที่จะยิ้มขึ้นมา
แม้ว่ามันเหตุการณ์นี้จะไม่เกิดขึ้นพวกเขาก็ต้องได้พบกันในท้ายที่สุดอยู่ดี แต่เหตุการณ์นี้มันทำให้พวกเขาพบกันดูเหมือนเป็นเรื่องบังเอิญอย่างไม่ได้ตั้งใจ
“ฉันถามถึงเรื่องพวกเธอ ทำไมนายถึงมาพูดถึงเรื่องพวกเราได้?”
เสี่ยวเยวี่ยยิ้มอย่างร่าเริงพลางถูแก้มกับไหล่ของเย่เฟิง ร่างของเธอพลันเขยิบเข้าไปในอ้อมแขนของเขาอย่างตั้งใจ
พวกเขานั่งอยู่ในมุมหนึ่งของผับ สนิทสนมกันอย่างใกล้ชิด ทำให้ผู้ชายรอบๆแทบตะโกนออกมาว่ามันไร้ความยุติธรรม รูปร่างเซ็กซี่โดดเด่นเช่นเสี่ยวเยวี่ยไม่คาดคิดว่าจะมาลงเอยกับผู้ชายคนนี้ มันไม่ถูกหลักเหตุผลเกินไปแล้ว
บางคนแทบจะเข้ามาหาเรื่องในทันที ต้องการที่จะพูดอะไรที่มันลื่นหูออกไป เย่เฟิงในสายตาพวกเขาเป็นเพียงแค่เด็กมัธยม มันไม่มีความเก่งกาจพอจะมาเทียบกันได้แม้แต่นิด! มันมีความเป็นไปได้อยู่สูง ตราบเท่าที่พวกเขาใช้แผนการนิดหน่อย สามารถที่จะพาสาวสวยคนนี้ไปอุ่นเตียงได้
แต่ยามเมื่อพวกเขาตัดสินใจเริ่มแผนการ ทันใดนั้นก็มีกลุ่มชายชุดดำพุ่งเข้ามาจากทางเข้าผับ ด้วยท่าทางอันดุร้ายของพวกเขาทำให้ทุกคนต่างระงับความคิดทั้งหมดของพวกเขา
นี่มันไม่ใช่แก๊งใหม่หรอกหรือ? พวกเขามาที่นี่ทำไมกัน!
ภายในใจผู้คนตอนนี้ต่างปรากฏคำถามนี้
“อยู่นั่น”
กลุ่มคนชุดดำเจ็ดคนเรียงตัวกันเข้ามาเหลือบมองอย่างรวดเร็วครั้งหนึ่งและจับจ้องไปยังเป้าหมายที่มุมหนึ่ง ตำแหน่งนั้นเป็นเย่เฟิงและเสี่ยวเยวี่ยที่พวกเขาทั้งสองอยู่
หัวหน้าของชายชุดดำชี้บอกตำแหน่ง จากนั้นกลุ่มคนก็ล้อมรอบด้วยท่าทางดุร้าย
ทันใดนั้นทั่วทั้งผับต่างเงียบกริบ สายตาทุกคนต่างมองไปยังกลุ่มคนชุดดำ บางคนมีท่าทางพอใจในความทุกข์ของผู้อื่นมองไปยังเย่เฟิงและเสี่ยวเยวี่ยทั้งสองคน
“ไม่คิดเลยว่าจะตกเป็นเป้าหมายของแก๊งใหม่ พวกเขาจบสิ้นแล้ว”
“เมื่อเร็วๆนี้ แก๊งใหม่กระทำเรื่องราวใหญ่โต ฉันคิดว่าใช้เวลาไม่นานแก๊งในเหยียนจิงคงถูกแทนที่ด้วยแก๊งใหม่นี้”
“ได้ยินมาว่าหัวหน้าแก๊งใหม่เก่งกาจอย่างมากเหมือนกับจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์”
เสียงกระซิบกระซาบของกลุ่มคนผ่านเข้าหูของเย่เฟิง ไม่มีเล็ดรอดไปแม้แต่คำเดียว
แก๊งใหม่?
เย่เฟิงไม่ได้มีเวลาสนใจแม้แต่เล็กน้อยเกี่ยวกับแก๊งในเหยียนจิง แม้กระทั่งแก๊งใหม่ที่ปรากฏขึ้นมาอย่างไม่คาดคิดแก๊งนี้ สามแก๊งใหญ่ในเหยียนจิงซึ่งแก๊งอสรพิษสวรรค์และพรรคมังกรทมิฬต่างถูกกำจัดสิ้นซากแล้วและหลงเหลืออยู่เพียงแก๊งเดียว แต่ตอนนี้กับปรากฏแก๊งใหม่ที่หาญกล้าขึ้นมาอีก
มันดูเหมือนว่าจะมีผู้คนคว้าโอกาสในความสับสนวุ่นวายเอาไว้ แต่เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องสำคัญสำหรับเย่เฟิง เขาไม่มีเวลาที่จะมาสนใจเรื่องพวกนี้ ตราบเท่าที่อีกฝ่ายไม่ได้รบกวนเขามันก็ถือว่าดีไป
ด้วยอิทธิพลของเย่เฟิงในตอนนี้ ภายในแวดวงลับๆเขาเป็นใคร สำหรับเย่เฟิงมันไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวแก๊งกระจอกเล็กๆนี้
“ฉันไปสร้างปัญหาอะไรให้แก๊งใหม่นี่อย่างนั้นเหรอ?”
เย่เฟิงใช้ทักษะสัมผัสวิญญาณพบว่ากลุ่มคนฝ่ายตรงข้ามตรงเข้ามาหาเขาก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
หรือว่ามันจะเป็นเพราะเสี่ยวเยวี่ยสาวสวยคนนี้กัน?
เย่เฟิงก้มลงมองเสี่ยวเยวี่ย หลังจากที่กลุ่มคนพวกนี้มาถึง เธอยังคงซบไหล่ของเขาอยู่ ภายในมือเขายังคงถือแก้วเหล้าเอาไว้อยู่ สาวสวยและเหล้าที่ดี มันกล่าวได้ว่าภายในโลกนี้หลายคนต่างแสวงหาสิ่งนี้ น่าเสียดายหากปราศจากความแข็งแกร่ง เมื่อเผชิญกับเหตุการณ์นี้มันคงไม่สามารถปกป้องเอาไว้ได้
อย่างไม่ต้องสงสัยด้วยความสามารถของเย่เฟิง อย่างน้อยก็ภายในโลกนี้มันไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวแก๊งธรรมดาพวกนี้
“พวกคุณต้องการอะไร?”
ไม่จำเป็นต้องรอให้ฝ่ายตรงข้ามเข้ามาใกล้ เย่เฟิงก็เอ่ยปากถามกลับเบาๆ แต่เตรียมพร้อมที่จะจัดการเรื่องราวทุกเมื่อ ถ้าหากอีกฝ่ายกระทำเรื่องราวเกินเลยไป เย่เฟิงสามารถที่จะโยนพวกเขาทั้งเจ็ดคนออกไปได้ภายในชั่วพริบตาเดียว!
หัวหน้าของกลุ่มคนสวมใส่แว่นกันแดดเห็นว่าเย่เฟิงรู้ถึงการมาของพวกเขาแล้วไม่ตกใจก็ค่อนข้างแปลกใจแต่ไม่ได้ใส่ใจนัก
เขาพาคนยืนล้อมรอบเย่เฟิงห่างไปไม่ไกลนัก จากนั้นก็พูดอย่างโอหัง “หัวหน้าพวกเราต้องการเจอนาย ตามพวกเรามาซะ”
……………………………..
แปลโดย คั่นหนังสือ