ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปบทที่ 301 พี่ชายเป่าซานในอดีต
*เปลี่ยนคำเรียกหานิดหน่อยครับ
“ลูกพี่พวกเราต้องการเจอแก ตามพวกเรามาซะ”
ชายชุดดำที่สวมใส่แว่นกันแดดจ้องมองไปยังเย่เฟิงมีท่าทางประมาณว่า “หนุ่มน้อยแกมันโชคร้ายแล้ว”
เหลือบมองดูเล็กน้อยเห็นเสี่ยวเยวี่ยที่ซบหัวไหล่เย่เฟิงอยู่ก็ประหลาดใจอยู่ชั่วครู่ ไม่สามารถคิดเลยว่าจะมาเจอสาวสวยเช่นนี้ด้วย แต่ช่างโชคร้ายดูคล้ายสาวสวยคนนี้จะชอบหนุ่มน้อยนี้พอตัวและตอนนี้ยังมามีปัญหากำลังหัวหน้า จุดจบช่างน่าสงสารนัก
“ลูกพี่แกเป็นใคร?”
เย่เฟิงเงยหน้ามองอีกฝ่าย เห็นท่าทางอีกฝ่ายอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
แก๊งใหม่นี้ไม่รู้ว่าใช้วิธีหรือกองกำลังไหนถึงโด่งดังได้ช่วงสั้นๆไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย อีกอย่างไม่รู้เลยว่าใครเป็นหัวหน้าอีกฝ่าย นอกจากนี้ยังอยากที่จะพบเขาอีกด้วย?
“หนุ่มน้อยตามไปอย่างเชื่อฟังดีๆซะ ถึงเวลาแกจะรู้เองทำไมถึงต้องไปพบ!”
ชายชุดดำอีกคนเมื่อเห็นว่าเย่เฟิงกล้าที่จะถามมากความก็แค่นเสียงสบถด่าอย่างเสียงดัง
เพียงสิ้นเสียง เย่เฟิงก็หยิบขวดเหล้าขว้างไปยังหน้าอีกฝ่ายทันที “เปรี้ยง” กระแทกเข้าที่หน้าผากอีกฝ่ายอย่างจังโดยที่คนที่เหลือต่างไม่ทันที่จะตอบสนอง
“…”
ชายชุดดำกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวดและล้มลง ขวดเหล้าก็ร่วงหล่นไปบนพื้นแตกกระจาย เลือดสดๆสาดกระจายออกมาจากหน้าผากของเขา
“แล้วทำไมถึงต้องไปพบกัน?”
เย่เฟิงพลันถามกลับจากนั้นก็ลุกขึ้นโดยที่ยังโอบกอดเสี่ยวเยวี่ยผู้เซ็กซี่ไว้ในอ้อมแขน “ไปสิ พาฉันไปหาลูกพี่พวกแก”
เมื่อสิ้นคำเย่เฟิงก็ใช้ทักษะสัมผัสวิญญาณแผ่กระจายไปรอบๆ 150 เมตรทันที หากมีสัญญาณอันตรายแม้แต่เล็กน้อย เขาสามารถที่จะรู้ได้ในทันที
ในเมื่อลูกพี่แก๊งใหม่นี้ต้องการเจอเขา ถ้างั้นเขาก็ไม่รีรอที่จะไปหามันสักนิด ไปดูสักหน่อยว่าเป็นคนที่รู้จักหรือไม่?
แต่เย่เฟิงมั่นใจจากท่าทางของอีกฝ่ายว่าลูกพี่ของแก๊งใหม่นี้จะต้องไม่ได้เป็นมิตรกับเขาแน่ ถ้างั้นมันจะเป็นใครกัน? ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายแม้กระทั่งชื่อเขาก็ยังไม่รู้จัก
การกระทำของเย่เฟิง มันทำให้อีกฝ่ายทั้งหมดต่างงุนงง
เพียงคำพูดไม่เห็นด้วยไม่กี่คำ ก็เขวี้ยงขวดเหล้าออกมาอย่างไม่คาดทันที! กระแทกถูกพรรคพวกของพวกเขาอย่างแม่นยำและไม่มีใครตอบสนองทันแม้กระทั่งเจ้าตัวที่ถูกเขวี้ยงใส่เอง!
เมื่อเย่เฟิงลุกขึ้นและพูดว่าจะไปเจอลูกพี่พวกเขา มันก็ทำให้พวกเขาฟื้นคืนสติและระงับความคิดที่จะสั่งสอนเย่เฟิง
ลูกพี่ต้องการที่จะพบหนุ่มคนนี้ มันจะต้องมีสาเหตุเป็นแน่? มองไปยังหนุ่มคนนี้ที่ดุร้ายมาก เขาอาจจะเป็นคนรู้จักของลูกพี่ก็ได้ ถ้าทำเสียเรื่องมันจะเสียเรื่องเอาได้
ในใจหลายคนต่างกำลังครุ่นคิด จากนั้นหนึ่งในพวกเขาก็ตัดสินใจทำตาม
หลายคนที่ต่างมองไปยังเย่เฟิงและเสี่ยวเยวี่ยด้วยเจตนาร้ายก็หลีกทางให้พวกเขาเดินออกผับไปอย่างยินดี
ภายในผับหลายตนต่างจ้องมองไปยังกลุ่มคนที่เพิ่งจากไปถึงกับพูดอะไรไม่ออก แต่ภายในใจของพวกเขาคิดว่าหนุ่มคนนั้นได้ล่วงเกินหัวหน้าแก๊งใหม่มันคงจะมีจุดจบไม่สวยแน่ และแม้กระทั่งสาวสวยคนนั้นที่ตามหนุ่มคนนั้นไปไม่รู้เลยหรือว่าควรจะต้องปลีกตัวออกมาแล้ว?
แน่นอนว่าพวกเขาไม่รู้เลยว่าเสี่ยวเยวี่ยเชื่อมั่นในตัวเย่เฟิง
สีหน้าเย่เฟิงยังไม่เปลี่ยนแม้ว่าจะเผชิญหน้ากับหน่วย NSA ไหนจะท่าทางที่กล้าหาญตอนแถบทะเลจีนตะวันออกอีก เขาจะมากลัวเพียงแค่นักเลงหัวไม้หรือ? ต่อให้ฝ่ายตรงข้ามมีปืนมันก็ทำอะไรเย่เฟิงไม่ได้!
รถบูอิคสีดำขับออกจากทางเข้าผับ นำพาเย่เฟิงและเสี่ยวเยวี่ยออกไปไกลเรื่อย
ภายในรถ เย่เฟิงสัมผัสได้ถึงร่างของเสี่ยวเยวี่ยที่ร้อนแรงมากขึ้นเรื่อยๆก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เขาถามเธอออกไปว่าต้องการกลับบ้านก่อนหรือไม่ แต่เสี่ยวเยวี่ยก็คงปฏิเสธมันทันที ตอบเพียงแต่ว่าเธอกินเหล้าไปตั้งมากมายขนาดนี้ จะเดินกลับยังไงไหว?
จะได้มาดื่มเหล้ากับเย่เฟิงทั้งทีไม่ใช่เรื่องง่าย เธอกลัวว่าจากไปตอนนี้มันจะไม่มีโอกาสอีก
นอกจากนี้เย่เฟิงภายในสายตาเสี่ยวเยวี่ยไม่ใช่บุคคลที่ลอยชายไปมา ไม่ได้เห็นว่าเธอเป็นสาวสวยคนหนึ่ง ตอนที่ชวนเขาออกมาข้างนอกก็เห็นได้อยู่ว่าเขาไม่ค่อยมีเวลา
มันไม่ใช่บุคคลประเภทที่นั่งกินนอนกินเหมือนจ้าวเหรินเจี๋ย เมื่อเทียบกับเย่เฟิงเขาเป็นคนที่มีความแตกต่างอย่างยิ่ง
และเรื่องนี้ เย่เฟิงถือเป็นบุคคลที่น่าสนใจสำหรับเสี่ยวเยวี่ยอย่างมาก
เสี่ยวเยวี่ยไม่ต้องการกลับบ้าน เย่เฟิงก็ไม่รู้จะทำเช่นไรได้แต่พาเธอไปด้วย การปล่อยให้เสี่ยวเยวี่ยที่เมามายกลับบ้านไปคนเดียว เย่เฟิงรู้สึกว่ามันดูไม่ปลอดภัยสำหรับเขา
รถบูอิคสีดำจอดที่หน้าทางเข้าผับขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง เย่เฟิงก็ประคองเสี่ยวเยวี่ยที่เมาออกมา จากนั้นก็พบว่านี่มันรอยัลพาเลซไม่ใช่หรือ?
ผับชั้นหนึ่งที่เรียกว่ารอยัลพาเลซ แต่ก่อนเป็นสำนักงานใหญ่ของหัวหน้าพรรคมังกรทมิฬ หัวหน้าพรรมังกรมิฬ ถูปางหลง ถูกสังหารในคืนหนึ่ง ทำให้แก๊งพรรคมังกรทมิฬไร้หัวหน้า ช่วงเวลานั้นทั่วทั้งผับชั้นหนึ่งนี้ต่างสับสนวุ่นวาย
[คั่นหนังสือ : พรรคมังกรทมิฬ และ รอยัลพาเลซ ผมจำไม่ได้ว่า @Solar แปลไว้ว่าอย่างไรนะครับ ขี้เกียจกลับไปหาเลยแปลมันใหม่เลย]
จนกระทั่งวันนี้ มีใครบางคนฉวยโอกาสยึดหยกล้ำค่าเอาไว้และจัดการแก๊งอสรพิษสวรรค์กับพรรคมังกรทมิฬทั้งสองอย่างรวดเร็วและก่อตั้งเป็นแก๊งใหม่!
ความสามารถหัวหน้าใหม่ถือว่าน่ากลัว จัดการได้อย่างโหดเหี้ยม และมันยังทำให้เป็นตัวอย่างได้อย่างยิ่ง ทำให้ผู้คนต่างทำงานกันอย่างเต็มที่แทบถวายชีวิต จากนั้นก็เติบโตเป็นแก๊งใหม่อย่างรวดเร็ว จนกลายเป็นแก๊งใหม่ในเหยียนจิงที่มีอำนาจอยู่คนเดียวในตอนนี้
เพียงแต่ว่าความสัมพันธ์ระหว่างตำรวจมันยังไม่เหนียวแน่นพอนัก แน่นอนว่ามันดูได้จากหัวหน้าใหม่กับห้องส่วนตัวหรูหราภายในรอยัลพาเลซและตำรวจยศสูงที่มาดื่มกินด้วยกัน
ในตอนนี้เย่เฟิงและเสี่ยวเยวี่ยพวกเขาต่างถูกพามายังรอยัลพาเลซแห่งนี้
เมื่อเข้ามาแล้ว เย่เฟิงถอนหายใจเล็กน้อยด้วยความเศร้า ตอนที่เขามีวรยุทธน้อยกว่าสิบปีเขาก็สังหารถูปางหลงและกลุ่มพวกเขาไม่ได้ใช้แรงอะไรมากมายนัก และเขาไม่คาดคิดว่านักเลงมันจะมีอิทธิพลมากมายอะไรนักในเหยียนจิง
แต่ตอนนี้เขามีวรยุทธถึงสิบห้าปี และไม่นานก็คงจะเป็นยี่สิบปีได้กลับมายังรอยัลพาเลซอีกครั้ง ไม่รู้เลยว่าใครหนุนหลังหัวหน้าแก๊งใหม่นี้?
“รออยู่นี่ ลูกพี่จะมาหาแกเอง”
ชายชุดดำหลายคนนำพาพวกเขามายังห้องส่วนธรรมดา จากนั้นก็ไปคุ้มกันอยู่หน้าประตูไม่ยอมให้พวกเขาทั้งสองหลบหนีไปได้
รอให้คนมาหางั้นหรือ?
เห็นได้ชัดว่านี่มันไม่ใช่สไตล์เย่เฟิง!
อีกฝ่าย “เชิญ” เขามา ด้วยท่าทางที่ไม่มีความจริงใจเช่นนี้ ถ้าเช่นนั้นเย่เฟิงจำเป็นจะต้องสุภาพกับอีกฝ่ายด้วยงั้นหรือ?
ทักษะสัมผัสวิญญาณของเขาแผ่ออกไปพบว่าเหนือห้องของเขาเป็นห้องส่วนตัวหรูหรา มีกลุ่มคนกินดื่มกันอย่างเฮอา พูดคุยกันอย่างรื่นเริง และมันมีคนอ้วนพุงปลิ้นคนหนึ่งซึ่งหวีผมเรียบแปล้ขึ้นเป็นประกาย สวมใส่แว่นตาไม่มีกรอบ ซึ่งนั่งอยู่ด้วยท่าทางสูงส่ง
[คั่นหนังสือ : แปลอธิบายทรงผมไม่ถูกเหมือนกันครับ แต่ใช้เรียบแปล้เพราะจินตนาการตามทรงผมพวกมาเฟียที่ชอบหวีเรียบแปล้เสยขึ้นมา หากท่านใดคิดไม่ออก ให้นึกถึงหนังเจ้าพ่อที่ ‘โจวเหวินฟะ’ เล่นแต่ละเรื่องครับ / ส่วนแว่นตาไม่มีกรอบผมก็เรียกไม่ถูกอีกเช่นกันครับให้นึกถึงแว่นตาของ ‘สตีฟ จ็อบ’ ที่มีขาแว่นมาต่อกับเลนส์แว่นแต่ตัวเลนส์ไม่มีกรอบครอบไว้อยู่นะครับ]
รู้สึกคนนี้จะคุ้นตาเล็กน้อย?
เย่เฟิงรู้สึกสงสัยในใจเล็กน้อยกับเจ้าอ้วนคนนั้น เขาเคยเห็นเจ้าอ้วนคนนั้นจากที่ไหนกัน
ทันใดนั้นเขาก็พลันคิดออก โอ้ เจ้าอ้วนที่ภูเขาฉางไป่ไม่ใช่หรอกเหรอ ตอนที่เขาสั่งสอนพี่ชายเป่าซานไปในอดีตไม่ใช่หรือ? ไม่คาดคิดเลยว่าไม่ได้เจอนาน สหายคนนี้กลับมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ คนเราไม่อาจตัดสินกันด้วยที่หน้าตาจริงๆ!*
[คั่นหนังสือ : *海水不可斗量, 人不可貌相 = ลองค้นหาดูสำนวนเต็มมันคือ ‘น้ำทะเลไม่สามารถเอากะละมังมาวัดได้ คนเราดูที่หน้าตาอย่างเดียวไม่ได้’ แต่ผู้แต่งเขียนแค่ส่วนหลังผมก็ขอเขียนแค่ส่วนหลังนะครับ]
……………………………..
แปลโดย คั่นหนังสือ