ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปบทที่ 302 ชายหนุ่มผู้ยึดมั่น
หากไม่เห็นอีกฝ่ายที่นี้ เย่เฟิงก็แทบจดจำสหายคนนี้ไม่ได้เลย
จดจำได้ว่าตอนภูเขาฉางไป่ครานั้น เจ้าอ้วนทรงผมเรียบแปล้แว่นไม่มีกรอบคนนี้ไม่มีความสามารถพอจะเผชิญหน้ากับเย่เฟิง หรือเป็นเพราะเย่เฟิงกดดันอีกฝ่ายมากเกินไป ดังนั้นอีกฝ่ายจึงมุมานะบากบั่น ผลสุดท้ายกลับกลายมาแก๊งในเหยียนจิงงั้นหรือ?
แน่นอนว่าแก๊งใหม่นี้สำหรับเย่เฟิงมันไม่ใช่ปัญหาอะไร แต่สาหรับคนทั่วไปแล้วมันถือว่าเก่งกาจอย่างยิ่ง หรือจะบอกได้อีกอย่างคือแก๊งใหม่ได้ช่วยเหลือหลายร้อยคนภายในผู้มีอิทธิพลของเหยียนจิง
จากคำพูดของเหล่าผู้คนภายในห้องส่วนที่หรูหราชั้นบนทำให้รู้ได้ว่าเจ้าอ้วนผมเรียบแปล้คนนี้มันคือลูกพี่แก๊งใหม่ในตอนนี้ เหยาเป่าซาน ผู้มีอิทธิพลในเหยียนจิงที่กำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ
“ไปกันเถอะ พวกเราจะขึ้นไปข้างบนกัน”
เย่เฟิงประคองเสี่ยวเยวี่ยลุกขึ้นจากโซฟา ต้องการขึ้นไปข้างบนเพื่อเจอเหยาเป่าซานเสียหน่อย เพื่อที่จะได้รู้ว่าอีกฝ่ายต้องการพบเขาทำไม หรือว่าต้องการที่จะสะสางความแค้นที่ภูเขาฉางไป่กัน?
มุมปากของเย่เฟิงยกโค้งขึ้น ถ้าหากเป็นเช่นนั้น เขาคงทำให้อีกฝ่ายผิดหวังเท่านั้น
“แกจะไปไหน? อยู่นิ่งๆเชื่อฟังดีๆซะ ลูกพี่จะมาพบแกเอง”
ชายชุดดำสองคนที่เฝ้าอยู่หน้าประตู พวกเขาทั้งสองเอ่ยปากห้ามออกมาในทันที สายตามองไปยังเสี่ยวเยวี่ยอย่างหื่นกระหาย สาวสวยคนนี้ ช่างยั่วยวนใจนัก!
“ไสหัวไป ฉันเคยเหยียบลูกพี่แกไว้ใต้เท้ามาแล้วตั้งแต่แกยังใส่กางเกงตูดขาด*กันอยู่เลย”
[คั่นหนังสือ : *开裆裤/คัยตังคู่ = กางเกงตูดขาด มันเป็นกางเกงที่โหว่หน้าโหว่หลังของเด็กจีนที่หน้าหนาวเวลาจะฉี่จะอึ จะได้ไม่ต้องเสียเวลาถอดครับ ไม่ใช่สำนวนนะครับ คาดว่าผู้แต่งน่าจะสื่อว่า พระเอกเคยกระทืบตัวหัวหน้าไปตั้งนานแล้ว]
เย่เฟิงแค่นเสียง พุ่งตบไปที่หูทั้งสองราวกับพวกเขาเป็นแมลงวัน จากนั้นพวกเขาก็กระเด็นไปที่มุมผนังหรูหราทั้งสองด้าน เลือดกลบปาก สลบเหมือดในทันที
ด้วยฉากนี้เสี่ยวเยวี่ยที่อยู่ด้านข้างโพล่งหัวเราะคิกคักออกมา “นายมันพวกชอบใช้กำลัง ไม่รู้จริงๆเลยว่าไปร่ำเรียนมาจากที่ไหน”
เย่เฟิงกลับคิดว่าถ้าหากเป็นเขาในโลกเทวะแล้วล่ะก็มันไม่ถือว่ารุนแรงอะไรเลย เหมือนกับเหตุการณ์นี้ตามหลักการก็แค่ใส่ก่อนได้เปรียบ ถึงยังไงก็ต้องจัดการอยู่แล้ว มันไม่จำเป็นต้องกลัวคนนินทาอะไรเลย
อย่างน้อยเย่เฟิงก็ไม่ได้ใช้กำลังรังแกคนอ่อนแอเสียหน่อย เขาชื่นชอบจัดการกับคนที่ชั่วร้าย ใครดีมาก็ดีตอบใครร้ายมาก็ร้ายตอบเท่านั้น! ตามคำสั่งสอนของซูเฟยหยิง ศิษย์ของสำนักสุสานดาราจะต้องผดุงความยุติธรรมเป็นสิ่งสำคัญ
หลังจากที่สหายทั้งสองผู้เฝ้าประตูถูกตบราวกับแมลงวัน เย่เฟิงก็พาเสี่ยวเยวี่ยขึ้นไปยังชั้นสอง
“หยุด!”
ชายหลายคนที่ยื่นคุยกันอยู่ที่บันได พอเห็นเย่เฟิงและเสี่ยวเยวี่ยก็เข้ามาขวางในทันที
แต่เย่เฟิงพุ่งเข้าไปหาพวกเขาและเตะพวกเขาทั้งหมดที่ขวางทางกระเด็นไปในทันที ปัจจุบันเย่เฟิงมีวรยุทธ์ 15 ปี เมื่อต้องเผชิญหน้ากับนักเลงธรรมดาพวกนี้ มันไม่อยากอะไรไปกว่ากินอาหารเลย
เย่เฟิงและเสี่ยวเยวี่ยเดินไปที่บันได ทิ้งร่างที่ร้องโอดโอยเอาไว้เบื้องหลัง
แต่ขณะนั้น ลูกน้องของผับชั้นหนึ่งแห่งนี้ก็รู้ตัวในที่สุด ลูกน้องต่างร่วมตัวกันใหม่อย่างรวดเร็ว ถือเอาไว้ด้วยท่อนเหล็ก ฯลฯ หลั่งไหลตรงไปหาเย่เฟิง
แต่ด้วยความเร็วของเย่เฟิงที่พาเสี่ยวเยวี่ยขึ้นไปรวดเร็วนัก พวกเขาทั้งสองก็บรรลุมาถึงนอกห้องที่เจ้าอ้วนทรงผมเรียบแปล้อยู่แล้ว
ที่ทางเข้าห้องส่วนตัว มีลูกน้องอยู่สองคนเฝ้าเอาไว้อยู่ เมื่อเห็นเย่เฟิงและเสี่ยวเยวี่ยปรากฏตัวก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป
“หยุด ลูกพี่เป่าซานกำลังต้อนรับแขกอยู่ ห้ามคนรบกวนเด็ดขาด!”
ชายหนุ่มที่สวมใส่เสื้อสีขาวกล่าวบอกอย่างเสียงดัง จากนั้นก็เหลือบมองไปยังเสี่ยวเยวี่ยที่อยู่เบื้องหน้า สาวสวยคนนี้ช่างสุดยอดนัก!
“มันต้องการเจอฉัน แต่ตอนนี้กลับมาให้ฉันรอ นี่มันเหตุผลอะไรกันแน่?”
มุมปากของเย่เฟิงยกโค้งขึ้น
“เฮอะ ลูกพี่เป่าซานมีฐานะสูงส่งแค่ไหน แกมีโอกาสรอได้พบเขามันเป็นเกียรติแค่ไหน นี่แกกลับกล้าไม่พอใจงั้นหรือ?”
ชายที่อยู่ด้านข้างหนุ่มเสื้อขาวพูดอย่างเหยียดหยามขณะที่ก้าวเดินเข้ามา เหลือบมองไปยังเสี่ยวเยวี่ยไม่หยุด มีท่าทางต้องการที่จะหาโอกาสเอาเปรียบเสี่ยวเยวี่ย เมื่อตกไปอยู่ในเงื้อมมือเขา ยังไงก็ต้องแห้งเหี่ยวอยู่ข้างลูกพี่เป่าซานอยู่แล้วและแน่นอนว่าจะต้องไม่ใช่คนใหญ่คนโตแน่ เขาจะตอดเล็กตอดน้อย มันก็คงไม่ใช่เรื่องอะไร
สาวสวยเช่นนี้หายากนัก และเมื่อพบเจอสักครั้งแล้ว เหตุใดถึงจะไม่เล่นสนุกสักนิดเล่า?
แต่น่าเสียดายเขาเพิ่งจะเข้ามาได้เพียงแค่สามเมตรระหว่างเย่เฟิงและเสี่ยวเยวี่ย เย่เฟิงก็พุ่งออกไปถีบเขาไปที่ยอดอก หนุ่มเสื้อขาวอีกคนก็กระเด็นออกไปกระแทกไปบนพื้นอย่างแรงลื่นไถลออกไปไกล
“หยุด!”
หนุ่มเสื้อขาวเมื่อเห็นว่าเป็นเช่นนี้ก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป ราวกับว่ารู้ว่าพวกเขาไม่ใช่คนธรรมดา จากนั้นหยิบโทรศัพท์ออกมาอย่างรวดเร็ว เพื่อที่จะเรียกคนมาช่วย
เย่เฟิงเห็นเช่นนั้นก็แอบพยักหน้าอย่างเงียบๆ หนุ่มคนนี้ถือว่ายังมีสมองอยู่
เขาเงยหน้าไปมองยังหนุ่มเสื้อขาวพลันรู้สึกคุ้นตาเล็กน้อย ด้วยรูปหน้าเช่นนั้น คิ้วที่คุ้นตาเลือนลาง มันราวกับว่าเคยมีปัญหากับเขามาก่อน
หรือว่าเป็นหนุ่มคนนั้น?
เย่เฟิงพลันคิดออกทันที หนุ่มคนนี้เหมือนจะอยู่ที่ภูเขาฉางไป่ด้วยไม่ใช่หรือ? อย่างไรก็ตามเขาทำเป็นไม่เห็นเรื่องราวตอนที่เขาได้บังคับแฟนสาวของหนุ่มคนหนึ่งกระโดดออกจากโรงแรมโดยคนตระกูลหลงซึ่งคือหนุ่มหน้าขาวหลงเสี่ยน
มันบอกได้เลยว่าหนุ่มคนนั้นน่าสงสารอย่างมาก แฟนสาวของเขาต้องกระโดดตึกตาย โดนตบโดยหลงเสี่ยนและหนีจากตำรวจไป ไม่คิดเลยว่าปัจจุบันจะมาเป็นลูกน้องของเหยาเป่าซานแก๊งใหม่นี้ นอกจากนี้ยังดูเหมือนว่าไม่ได้มีตำแหน่งต่ำเลย
ความแค้นของหนุ่มคนนี้ เย่เฟิงสามารถช่วยเหลือบอกเขาได้ คาดว่าหนุ่มคนนี้ยังคงไม่รู้ว่าหลงเสี่ยนตายไปแล้ว
มองไปยังท่าทางที่ปกปิดเอาไว้อยู่ หรือว่ามันจะมีเรื่องราวที่ซับซ้อนกัน? อีกฝ่ายเข้าร่วมกับแก๊งใหม่ ติดตามเหยาเป่าซาน อาจจะต้องการว่าวันใดวันหนึ่งหนุ่มหล่อในวันนั้นจะได้ล้างแค้นให้แฟนสาว
“ฉันให้นายไปได้ ฉันไม่ต้องการลงมือกับนาย”
เย่เฟิงขบคิดเล็กน้อยจากนั้นก็กล่าวเบาๆ
“ฝันไปเถอะ”
ชายหนุ่มเสื้อขาวจ้องมองไปยังเย่เฟิงอย่างดื้อรั้น เท้าของเขาไม่ขยับเขยื้อนเลยสักนิด แม้กระทั่งเสี่ยวเยวี่ยด้านข้างก็ไม่ได้สนใจ ราวกับว่าเขาไม่เห็นอยู่ในสายตา
“ถ้างั้นก็ขอโทษด้วย”
เย่เฟิงยกเท้าขึ้นและถีบอีกฝ่ายไปที่อกในทันที อีกฝ่ายถูกถีบกระเด็นกระแทกไปยังกำแพงอย่างรุนแรง
แม้ว่าเย่เฟิงจะไม่ต้องการลงมือกับหนุ่มที่น่าสงสารคนนี้ แต่อีกฝ่ายยืนกรานที่จะขวางทางเขา เย่เฟิงก็ไม่มีทางเลือก ไม่ว่าจะเป็นโลกไหนความปราณีถือว่าไร้ประโยชน์ เย่เฟิงไม่จำเป็นต้องมีความปราณีใดๆทั้งนั้น
หลังจากที่ถีบอีกฝ่ายไป เย่เฟิงก็จับมือเสี่ยวเยวี่ยเดินไปข้างหน้าเพื่อเข้าไปหาเหยาเป่าซานภายในประตูไม้สีแดงห้องส่วนตัวที่หรูหรา
แต่ขณะนั้นเย่เฟิงพลันสัมผัสได้ว่าใครบางคนพลันคว้าข้อเท้าของเขาเอาไว้ หยุดรั้งไม่ให้เขาก้าวไปข้างหน้า
มันคือชายหนุ่มเสื้อขาวร่างกำยำคนนั้น!
เย่เฟิงก้มหัวลงมองไปยังชายหนุ่มเห็นเลือดกำเดาไหลออกมาจากจมูก นอนอยู่บนพื้นคว้าจับข้อเท้าเอาไว้อย่างดื้อดึง จ้องมองเขาอย่างดื้อรั้น ไม่ยอมให้เขาเข้าไปภายในห้องส่วนตัว
ช่างเป็นชายหนุ่มที่ดื้อรั้นนัก!
……………………………..
แปลโดย คั่นหนังสือ