ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปบทที่ 309 เสี่ยวเต๋อเฉิงมาหา
เมื่อเร็วๆนี้ จื้อเจี้ยนหลานได้แลกเปลี่ยนวิชาสำนักเซียนเร้นลับกับหนานฟาง ซึ่งทำให้หนานฟางความเข้าใจของวิชาอาวุธลับของสำนักเซียนเร้นลับยิ่งขึ้น จื้อเจี้ยนหลานก็ร่ำเรียนวิชามีดบินปีศาจคำรามเช่นกัน แต่ตัวเธอไม่ค่อยชื่นชอบที่จะต้องใช้ชีวิตในการสังหารคนอื่นเสียเท่าไหร่
สำหรับเธอ ต้องการใช้ชีวิตที่คอยทำอาหารอยู่กับชูชู และนั่งดูทีวีอย่างสบายใจ
หลังจากที่น้ำแกงไก่ดำวางอยู่บนโต๊ะ จื้อเจี้ยนหลานก็มีท่าทางกังวล เงยหน้าเหลือบมองเย่เฟิงครั้งหนึ่ง
ตอนแรกภายในสายตาของเธอมันปรากฏแววตาที่สดใสและสุขุม แต่จู่ ๆ เธอเหมือนนึกอะไรอกขึ้นมา เอียงตัวเข้ามาใกล้ๆเย่เฟิงและพยายามสูดหายใจเข้าเหมือนสูดดมอะไรบางอย่าง จากนั้นท่าทางของเธอก็กลายเป็นแปลกประหลาดทันที
“มีอะไรงั้นเหรอ?”
เย่เฟิงเห็นเธอมีท่าทางสงสัยก็ก้มลงมองดูตัวเอง มันคงไม่มีอะไรผิดปกติใช่ไหม?
จื้อเจี้ยนหลานไม่ได้อธิบายทันที แต่เธอทำสัญญาณมือว่า “เงียบก่อน” เตือนให้เย่เฟิงอย่าเพิ่งพูดอะไร จากนั้นก็เอียงร่างสวยงามของเธอเข้ามาสูดดมอีกสองครั้ง บนใบหน้าสวยงามของเธอปรากฏสีหน้าที่มั่นใจในบางอย่าง
เธอดึงแขนเสื้อเย่เฟิงเบาๆ พลางวาดมือชี้บอกเขาให้ค่อยๆแอบออกไปนอกบ้าน
เย่เฟิงคาดเดาว่าเธอจะต้องกลัวทักษะสัมผัสวิญญาณของหลงหวางเอ๋อแน่นอน ด้วยท่าทางมีพิรุธเช่นนี้ เขาคิดว่าน้องสาวคนเล็กผู้ไร้เดียงสาคนนี้ต้องการจะบอกอะไรเขาใช่ไหม? หรือว่าเขากลับมาเวลานี้มันมีอะไรผิดปกติงั้นเหรอ?
เมื่อเย่เฟิงคิดเช่นนั้น จากนั้นก็กล่าวออกไป “ผมจะออกไปซื้อกับกับเจี้ยนหลานหน่อยนะ”
“ไปเถอะจ๊ะ”
เสียงเห็นอกเห็นใจอย่างอ่อนหวานที่น้าชูชูบอกออกมาจากห้องครัว มันแทบจะทำให้หัวใจผู้คนที่ได้ฟังรู้สึกอบอุ่น
จากนั้นเย่เฟิงก็เดินตามจื้อเจี้ยนหลานออกมานอกบ้าน และพบเห็นจื้อเจี้ยนหลานที่สวมใส่เดรสสีม่วงรออยู่เขาที่สนามนอกบ้าน ยืนตากลมอยู่อย่างเงียบๆ มันสวยงามอย่างเป็นธรรมชาติและไร้เดียงสา สายตามองมาที่เย่เฟิงด้วยท่าทางมีความสุข
เย่เฟิงก็เดินไปหาเธอ จากนั้นพวกเขาก็เดินออกจากหมู่บ้านชิงเฟิง หลังจากห่างออกมาจากหมู่บ้านชิงเฟิงประมาณ 200 เมตร ก็มีท่าทางผ่อนคลาย
เย่เฟิงคิดว่าเขาจำเป็นต้องรีบบ่มเพาะวรยุทธเขาให้รวดเร็วแล้ว มิเช่นนั้นเขาจะต้องถูกหลงหวางเอ๋อกำราบอยู่อย่างนี้ ความรู้สึกนี้มันอึดอัดนัก ตราบเท่าที่วรยุทธ์ของหลงหวางเอ๋อห่างมากกว่าครึ่งของเขา เขาก็คงไม่สามารถซ่อนสัมผัสจากอีกฝ่ายได้ หรือจะพูดได้อีกอย่างว่าวรยุทธหลงหวางเอ๋อตอนนี้คือ 25 ปี ตราบเท่าที่เย่เฟิงมีวรยุทธ 17 ปี มันก็ไม่ต้องเกรงกลัวที่อีกฝ่ายจะใช้ทักษะสัมผัสวิญญาณกับเขา
“มีอะไรหรือเจี้ยนหลาน ตัวฉันมีอะไรผิดปกติเหรอ?”
หลังจากที่เย่เฟิงผ่อนคลายก็เอ่ยปากถามทันที
“พี่ใหญ่เย่ ที่ตัวมีกลิ่นของผู้หญิงอื่นอยู่ด้วย หรือจะเป็นคนที่พี่ออกไปด้วยกันมา”
เมื่อจื้อเจี้ยนหลานพูดขึ้นใบหน้างดงามของเธอก็พลันแดงขึ้น เห็นได้ชัดว่าเธอเป็นสาวน้อยไร้เดียงสา เรื่องเช่นนี้มันค่อนข้างไม่เหมาะสม
อย่างไรก็ตามเธอเป็นห่วงเย่เฟิงอย่างจริงใจ เธอครุ่นคิดว่าหลงหวางเอ๋อหรือซูเหมิงหานเป็นคนจับได้เรื่องนี้ มันเป็นไปได้ว่าจะทำให้เป็นเรื่องใหญ่อย่างมาก เธอแอบบอกใบ้ให้เย่เฟิงออกมาข้างและอธิบายบอกเขา มันทำให้เขาเตรียมพร้อมได้
เมื่อเย่เฟิงได้ยินภายในใจก็ตื่นตระหนก รู้ได้อย่างชัดเจนแบบนี้เลยเหรอ?
แน่นอนว่าเขาเกิดเรื่องบางอย่างขึ้นกับเสี่ยวเยวี่ย แต่ก็ไม่ได้เจาะลึกลงไปถึงขั้นนั้น ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ใส่ใจในเรื่องนี้เท่าไหร่ ไม่คิดเลยว่าเจี้ยนหลานน้องสาวผู้ไร้เดียงสาคนนี้จะรอบคอบนัก ได้กลิ่นเพียงนิดเดียวก็รู้ได้เลย เย่เฟิงอดกลั้นที่จะร้องตะโกนด้วยความยินดี ถ้าเรื่องนี้เป็นหลงหวางเอ๋อที่จับได้ แน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน
“ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เจี้ยนหลานอย่าคิดไปไกลสิ”
เย่เฟิงหลั่งเหงื่อเย็นเฉียบ “ฉันเพียงแค่ไปกินข้าวกับสองสาวพี่น้องตระกูลเสี่ยวเท่านั้น กินเสร็จแล้วก็กลับ”
“อ้อ..”
จื้อเจี้ยนหลานยิ้มขึ้นอย่างงดงาม ไม่ได้เอ่ยปากถามอะไรอีกเพียงแต่กล่าว “ถ้างั้นไปอาบน้ำก่อนล่ะกัน อาบเสร็จแล้วค่อยกลับมากินน้ำแกงใหม่”
“ตกลง”
เย่เฟิงพยักหน้าให้ ภายในใจรู้สึกการที่มีน้องสาวเช่นนี้มันโชคดีนัก เรื่องอะไรก็คิดแทนเขา คิดแม้กระทั่งวิธีปกปิดให้กับเขา
พวกเขาค่อยๆเดินกลับไปยังหมู่บ้านชิงเฟิงอย่างช้าๆภายใต้แสงจันทร์ มันเป็นดั่งภาพคู่รักหวานแววที่เดินคู่กันอยู่ภายใต้แสงจันทร์ มันให้ความรู้สึกที่รักใคร่กันดี ถ้าใครพบเห็นฉากนี้แน่นอนต้องบอกเลยว่าพวกเขาเป็นคู่รักกัน 100% อย่างไม่ต้องสงสัย
หลังจากที่มาถึงบ้าน เย่เฟิงก็อาบน้ำด้วยความเร็วสูงสุด เสื้อผ้าถูกโยนลงในเครื่องซักทันที จากนั้นก็แต่งเนื้อแต่งตัวใหม่ หลังจากที่กินน้ำแกงเสร็จ เขาก็กลับไปหาหลงหวางเอ๋อและซูเหมิงหานพร้อมกับน้ำแกงส่วนของพวกเธอทั้งสองตามลำดับ
ยามเมื่อเจอหลงหวางเอ๋อ ภายในนัยน์ตาของเธอปรากฏแววมีความสุขแต่ไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้นก่อนที่จะกินน้ำแกงเสร็จแล้วไปนอนต่อ
หลังจากนั้นเย่เฟิงพลันรู้สึกโล่งใจ
รุ่งเช้าต่อมา เย่เฟิงถูกปลุกโดยหลงหวางเอ๋อที่อยู่ใต้ผ้าห่ม
“มีแขกกำลังมา”
หลงหวางเอ๋อปลุกเขาให้ตื่นขึ้น แต่เธอยังคงนอนอยู่บนเตียงมองยิ้มๆไปที่เขา
เย่เฟิงไม่มีทางเลือกจึงใช้ทักษะสัมผัสวิญญาณตรวจสอบดูและค้นพบว่ามีรถสีดำเข้ามาภายในหมู่บ้านชิงเฟิงตรงมายังทางเข้าคฤหาสน์ของพวกเขา ส่วนคนที่นั่งอยู่ในรถคันนั้นมันเป็นคนที่เขารู้จัก ซึ่งก็คือผู้นำตระกูลเสี่ยว พ่อของเสี่ยวฉีและเสี่ยวเยวี่ย เสี่ยวเต๋อเฉิง
เขามาทำอะไรกัน?
เย่เฟิงครุ่นคิด หรือว่าเขาจะรู้เรื่องเมื่อคืนนี้แล้ว? ไม่ถูกต้อง เสี่ยวเยวี่ยคล้ายกับว่าไม่ได้เป็นคนเช่นนั้น?
ไม่นานจากนั้น เขาก็รู้ว่าอีกฝ่ายมาหาเขาไม่ใช่เพราะเรื่องที่เขาคิด แต่มาเพื่อขอบคุณเขา
เรื่องแรกคือเรื่องช่วยเหลือตระกูลเสี่ยวจาการบีบบังคับของหลินเหรินเทียน และยังช่วยเหลือลูกสาวของเขาเสี่ยวฉีและเสี่ยวเยวี่ยหลายครั้ง นอกจากนี้ เสี่ยวเต๋อเฉิงยังเป็นห่วงลูกสาวทั้งสองอย่างมาก เย่เฟิงช่วยลูกสาวทั้งสองของเขาเอาไว้หลายครั้ง เขาจะต้องจดจำไว้ไม่มีวันลืม
ส่วนอีกเรื่องเป็นเรื่องเมื่อตอนเย็นที่ไปกินข้าวกับลูกสาวของเขา และได้สั่งสอนจ้าวเหรือเจี๋ยและเสี่ยวลี่ลี่ ทำให้เสี่ยวเต๋อเฉิงรู้สึกซาบซึ้ง
เมื่อดูจากท่าทางของเสี่ยวเต๋อเฉิงแล้ว แท้จริงเขาก็ไม่ได้เห็นด้วยที่เสี่ยวเยวี่ยจะต้องลงเอยกับจ้าวเหรินเจี๋ย แต่ตระกูลจ้าวได้ช่วยเหลือตระกูลเสี่ยวตอนที่สถานการณ์ยากลำบาก ดังนั้นเขาจำเป็นต้องตอบแทน
เมื่อคืนตอนที่เสี่ยวเยวี่ยกลับมาบ้าน จากนั้นเธอก็มาคัดค้านเรื่องของจ้าวเหรินเจี๋ยอย่างชัดเจนและภายในท่าทางของเธอก็ปรากฏแววที่ชื่นชอบเย่เฟิง สิ่งนี้มันทำให้เสี่ยวเต๋อเฉิงรู้ใจของลูกสาวเธอ
ในเมื่อมันเป็นเช่นนี้ เสี่ยวเต๋อเฉิงจึงต้องเปลี่ยนวิธีการใหม่ ตัดสินใจจ่ายทรัพย์สินคืนแก่ตระกูลจ้าว ทรัพย์สินที่ตระกูลจ้าวได้ให้มาแต่แรก ตระกูลเสี่ยวของเขาคืนให้สามเท่า
ด้วยวิธีนี้ ถือว่าบุญคุณได้ชำระให้แล้ว ถ้าหากตระกูลจ้าวไม่พอใจ เสี่ยวเต๋อเฉิงก็ไม่มีทางเลือกคงทำได้แต่เมินเฉย
“เรื่องที่เธอวางยาพิษหลินเหรินเทียน มันดูไม่ค่อยเหมาะสมสักเท่าไหร่นัก”
ก่อนที่เขาจะจากไป เสี่ยวเต๋อเฉิงรู้สึกลังเลและพยายามแนะนำเย่เฟิงในฐานะผู้อาวุโส “หลินเหรินเทียนเป็นคนสำคัญของประเทศ ยาพิษใดๆก็คงทำอะไรเขาไม่ได้ หากทำเช่นนี้มันของยิ่งทำให้เขาแค้นมากไปยิ่งขึ้น”
“ลุงเสี่ยวสบายใจเถอะครับ ผมทำอะไรรอบคอบเสมอ”
[คั่นหนังสือ : ฮา โดยไม่รู้ตัว ‘ผมทำอะไรรอบคอบเสมอ’ คือแบบว่าถ้าเป็นละคร มันก็เหมือนกับว่าเย่เฟิงกำลังเยาะเย้ยเสี่ยวเต๋อเฉิง ประมาณว่า ‘ลุงเอ้ย ไม่รู้ล่ะสิ เมื่อวานลูกสาวเกือบโดนกินแล้ว’]
เย่เฟิงยกยิ้มอย่างบางเบา
ถ้าเป็นเพียงผงทลายใจธรรมดา เย่เฟิงก็คงจะไม่มั่นใจนัก แต่เขาใช้ผงทลายใจสูตรพิเศษจากโลกเทวะ!
หากไม่ผิดพลาดอะไร หลินเหรินเทียนจะต้องมาหมู่บ้านชิงเฟิงในตอนเที่ยงนี้ เพื่อจะมาคุกเข่าขอโทษเขาไม่ใช่หรอกหรือ?
มุมปากของเย่เฟิงยกขึ้นมีท่าทางกำลังครุ่นคิด
ถ้าอีกฝ่ายไม่ยอมมา หนังสือพิมพ์พรุ่งนี้จะต้องพาดหัวข้อว่าผู้พิพากษาหัวหน้าศาลของเหยียนจิงถูกสังหารด้วยยาพิษอย่างแน่นอน
……………………………..
แปลโดย คั่นหนังสือ