ตอนที่แล้วตอนต่อไปบทที่ 339 ซือถูจางเตา
เงินที่เย่เฟิงให้ไปไม่ได้มากมายอะไร แต่มันเป็นโอกาสที่จะช่วยเหลือกลุ่มนักเลงพวกนี้
แน่นอนว่าพวกเขาจะไม่ขอบคุณในความเมตตาในครั้งนี้หรือ แต่อย่างที่เย่เฟิงบอก เรื่องรางวัลภายหลังที่จบเรื่องแล้ว เรื่องนี้มันทำให้พวกเขาทุ่มเทสุดความสามารถ
ที่เย่เฟิงให้เงินพวกเขาตอนนี้ เนื่องจากให้พวกเขาไปรักษาตัว
ขณะที่เย่เฟิงกำลังสั่งการ ทันใดนั้นเอง สัมผัสได้ถึงเสียงบางอย่างห่างไปไม่ไกล อดไม่ได้ที่จะหน้าเปลี่ยนสี เกิดอะไรขึ้น ทำไมจ้าวอี้เปยถึงสร้างร่างขึ้นมากัน?
แสดงว่าต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นแล้ว เรื่องนี้ทำให้เย่เฟิงไม่คิดสุงสิงกับนักเลงอีกต่อไป เพียงออกคำสั่งไม่กี่คำก่อนจะทิ้งแบงค์ร้อยให้สิบใบ จากนั้นก็กระทืบเท้าวิ่งไปยังทิศทางของจ้าวอี้เปย
ถ้าหากมันมีคนแปลกถิ่นเข้ามาภายในเมืองนี้ เจ้าหัวล้านจะต้องไปเช็คประวัติของอีกฝ่าย ถ้าหากเป็นบุคคลที่น่าสงสัย ก็จะโทรรายงานให้เย่เฟิงทันที!
นี่เป็นเพียงเรื่องง่ายๆ เขาเชื่อว่าพวกนักเลงเจ้าถิ่นจะสามารถกระทำได้
เย่เฟิงโยนเรื่องหัวล้านทิ้งไป หยิบเอามือถือออกมาจากแหวนมิติ ก่อนที่จะเสียบเข้ากระเป๋ากางเกงข้างหลัง พุ่งตรงไปยังตำแหน่งจ้าวอี้เปย
“แกคือซือถูจางเตาสินะ!”
เสียงชายหนุ่มดังขึ้นมาจากเบื้องหน้าโรงแรม ซึ่งก็คือเสียงของจ้าวอี้เปย
มีเพียงแค่ตอนสร้างร่างกายเท่านั้น ที่ผู้ฝึกวิญญาณจะสามารถพูดเหมือนคนธรรมดาได้ มิเช่นนั้นทำได้เพียงแค่สื่อสารด้วยพลังวิญญาณเท่านั้น ซึ่งคนธรรมดาไม่สามารถรับรู้ได้ มีเพียงแค่ทักษะสัมผัสวิญญาณของผู้ฝึกเซียนที่จะได้ยิน
แต่ตอนนี้ เสียงของจ้าวอี้เปยดังลั่นไปทั่วโรงแรม
ซือถูจางเตา?
เย่เฟิงพุ่งเข้าไปอย่างรวดเร็ว เมื่อได้ยินชื่อนี้ ภายในใจเย็นเยียบ สหายคนนี้มันคือสาเหตุการตายของภรรยาหน้าบากและพี่สาวจ้าวอี้เปยไม่ใช่หรือ?
ไม่คาดคิดเลยว่าจะมาเจอกันที่นี่!
“ใครกัน?”
น้ำเสียงอันเย้ยยันดังออกมาจากภายในโรงแรม
เมื่อเย่เฟิงมาถึงก็ใช้ออกทักษะสัมผัสวิญญาณทันที ตรวจพบเป็นชายผอมสูงคนหนึ่ง ที่หลังมีห่อผ้าอยู่ ภายในคงซ่อนดาบเอาไว้
มันคือซือถูจางเตางั้นหรือ?
ในเวลานี้ซือถูจางเตามาพร้อมกับศิษย์วังดาบสวรรค์หลายคน อยู่ภายในห้องรับแขกโรงแรม
ส่วนจ้าวอี้เปยเมื่อกำลังสำรวจอยู่และพบเข้ากับซือถูจางเตาก็สร้างร่างกายขึ้นมาในทันที ร่างกลายเป็นเข้มข้นมากขึ้นก่อนที่จะถีบประตูโรงแรมเข้าไป
ภายในห้องรับแขกมีชายสี่คนท่าทางชั่วร้ายและรวมถึงซือถูจางเตาด้วย สีหน้าแต่ละคนมีกลิ่นอายสังหาร ท่าทางราวกับฆาตกรที่สังหารคนมามากมาย
เมื่อจ้าวอี้เปยถีบประตูเข้ามา ทั้งสี่คนก็เหลือบมองไปยังเขา บนใบหน้าแต่ละคนเปิดเผยท่าทางที่โหดเหี้ยม แต่ซือถูจางเตาเพียงแลบลิ้นขึ้นมาเลียริมฝีปาก
ใครบางคนกลับกล้าพุ่งเข้ามาหาเรื่อง แม้กระทั่งยังรู้ชื่อคนของวังดาบสวรรค์?
“ในเมื่อรู้ว่าฉันคือซือถูจางเตา แสดงว่าแกเป็นคนในโลกยุทธภพสินะ”
บนใบหน้าซือถูจางเตาแต้มไว้ด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้าย มือทั้งสองด้านหยาบจากการจับดาบ เหนือขึ้นไปด้านข้างขมับของเขามีไฝสามเม็ดเรียงกัน “เมื่อเป็นเช่นนั้น อย่าบอกนะว่าสหายตัวน้อย ต้องการมาร้องหาความตาย?”
จ้าวอี้เปยที่สร้างร่างกายขึ้นมายืนอยู่หน้าทางเข้า ภายในนัยน์ตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
ชายที่โหดเหี้ยมเบื้องหน้านี้ เมื่อสิบปีที่แล้วเขาเมาเหล้าจากนั้นก็ไปที่สำงานใหญ่แก๊งพวกเขาก่อนที่จะสังหารพี่สาวจ้าวอี้เปย!
ในเวลานั้นเขาจดจำได้อย่างชัดเจน พี่สาวของเขาวิ่งหนีออกมาจากห้องอย่างหวาดกลัว ต้องการวิ่งไปหาหน้าบากที่กำลังหารือธุรกิจกันอยู่ ท้ายที่สุดเพียงวิ่งไปได้ครึ่งทาง ซือถูจางเตาได้พุ่งมาอยู่ด้านข้างก่อนที่จะฟันเธอขาดครึ่ง
แม้ตายจ้าวอี้เปยก็ไม่มีวันลืม ไฝที่เรียงกันด้านข้างขมับทั้งสามของซือถูจางเตา
“ในที่สุดก็เจอแกเสียที”
น้ำเสียงของจ้าวอี้เปยทุ้มลึก เมื่อได้เจอศัตรูที่เฝ้ารอมาสิบปี ภายในใจของเขารู้สึกแตกต่างจากอดีตนัก
ถ้าหากพบเจอในอดีตเขาคงทำได้แค่เพียงโกรธเกรี้ยวพร้อมกับหวาดกลัวเท่านั้น นอกจากนี้ซือถูจางเตายังเป็นฆาตกรชั่วร้าย เพียงแค่เขาตวัดฟันเท่านั้น มันก็เป็นเรื่องง่ายดาย
จำเป็นต้องรู้ว่าจ้าวอี้เปยเป็นเพียงเด็กน้อยในแก๊งอสรพิษสวรรค์เท่านั้น ต่อให้เป็นหน้าบากพบเจอซือถูจางเตา เกรงว่าพวกเขาก็คงทำอะไรอีกฝ่ายไม่ได้
แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว
จ้าวอี้เปยตอนนี้ได้ติดตามเย่เฟิง แม้กระทั่งตายไปหนึ่งครั้ง และกลับกลายมาเป็นผู้ฝึกวิญญาณที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
เมื่อเทียบกับซือถูจางเตาและจอมยุทธคนอื่น ผู้ฝึกวิญญาณแข็งแกร่งกว่ามาก และตอนนี้เขาก็มีวรยุทธถึงสิบปี ความสามารถต่อสู้เทียบเท่าได้กับจอมยุทธวรยุทธยี่สิบถึงสามสิบปีได้เลย และที่สำคัญเขาไม่สามารถตายได้
ไม่ว่าจะเป็นปืน กระบี่และพิษ ไม่สามารถสร้างความเสียหายอะไรได้กับผู้ฝึกวิญญาณ หรือพูดง่ายๆได้ว่าการเผชิญหน้ากับซือถูจางเตาตอนนี้ จ้าวอี้เปยไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวอะไรอีกต่อไป
ผู้ฝึกวิญญาณไม่ได้มีร่างกาย คนธรรมดาเป็นไปได้หรือที่จะทำอะไรเขาได้?
แน่นอนว่าขีดจำกัดของผู้ฝึกวิญญาณก็เป็นเรื่องสำคัญ ถ้าไม่ใช่ความช่วยเหลือของเย่เฟิง จ้าวอี้เปยรู้ว่าเขาคงไม่มีชีวิตอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องพูดถึงสองปีให้หลังนี้
และมันเป็นเพียงแค่โลกใบนี้เท่านั้น ถ้าหากกลับไปยังโลกเทวะ ผู้ฝึกเซียนแทบทุกคนรู้จักวิธีที่จะจัดการกับผู้ฝึกวิญญาณ
“ฮ่าฮ่า เจอฉันแล้วยังไงเล่า?”
ซือถูจางเตาหัวเราะพลางยืนขึ้น ร่างผอมแห้งมีความสูงถึงสองเมตร กระทั่งสูงกว่าเฉินเจี้ยนสงวังไท่จี่เสียอีก!
เขาเป็นศิษย์คนสำคัญของวังดาบสวรรค์ วรยุทธซือถูจางเตาเมื่อสิบปีก่อนมีอยู่สิบปี ตอนนี้สิบปีผ่านไป หลังจากที่วังดาบสวรรค์ดูแลฝึกฝนอย่างดี เขาก็มีวรยุทธถึงสี่สิบปี แถมยังสามารถใช้กำลังภายในออกข้างนอกได้อีกด้วย
ตอนนี้เขามีอายุไม่ถึง 50 ปี ภายในโลกยุทธภพเทียบได้กับระดับสุดยอดฝีมือ และเด็กน้อยเบื้องหน้านี้อายุเพียงแค่ 18-19 ปี มันจะเป็นคู่มือให้เขาได้อย่างไร?
ไม่จำเป็นต้องพูดถึงเรื่องที่เขามีพรรคพวกอีกสามคนที่วรยุทธใกล้เคียงกันเลย
แน่นอนว่าซือถูจางเตาไม่ได้เป็นคนปัญญาอ่น เขาวิตกอยู่ว่าเบื้องหลังของจ้าวอี้เปยคนนี้จะมีคนหนุนหลังอยู่ ดังนั้นสายตาอันโหดเหี้ยมจึงพยายามตรวจสอบด้านนอกอยู่ เตรียมพร้อมที่จะหลบหลีกได้ทุกเมื่อ
เพียงไม่นาน เขาก็เห็นชายหนุ่มเสื้อสีดำตามที่คาดเดาเอาไว้ ขณะที่ก้าวเข้ามาภายในห้องรับแขก ยืนอย่างมั่นคงด้านข้างเด็กน้อยคนนั้น
“เย่เฟิง?”
ซือถูจางเตาโพล่งชื่อเย่เฟิงออกมา เพียงเหลือบมองก็จดจำได้ ก่อนที่สีหน้าของเขาจะเปลี่ยนสี
มันคือเย่เฟิงจริงๆ เขาได้ยินมาว่าขยะมากมายถูกเย่เฟิงจัดการไป แม้กระทั่งตัดแขนหลงโมหรันได้ เป็นไปได้หรือที่จะเก่งกาจเหนือธรรมดา?
แต่ตอนนี้เมื่อมองดู มันคล้ายกับว่าไม่ได้เก่งกาจอะไรนัก เป็นเพียงแค่เด็กหนุ่มอายุ 20 ปีเท่านั้น ด้วยความสามารถอายุเท่านี้ ความแข็งแกร่งจะมีเท่าไหร่กันเชียว?
จากประสบการณ์ ข่าวลือภายในโลกยุทธภพ มันมักจะเกินจริงอยู่เสมอ ความคิดนี้่มันทำให้ซือถูจางเตาโล่งใจในทันที ในใจรู้สึกรุ่มร้อนขึ้นมา
ถ้าหากเขาสามารถเอาชนะเย่เฟิงได้ แสดงว่าตัวเขาแข็งแกร่งกว่าหลงโมหรันไม่ใช่หรือ?
……………………………..
แปลโดย คั่นหนังสือ
เปิดกลุ่มลับแล้วนะครับ ติดตามได้ที่เพจ