I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Genius Sword Immortal ตอนที่ 347 หมัดเทพเจ้าดาวเหนือหานจืออู๋

| Genius Sword Immortal | 1111 | 2359 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

บทที่ 347 หมัดเทพเจ้าดาวเหนือหานจืออู๋

 

เมื่อพบเจอซูเสี่ยวอวี่ที่นี่ แน่นอนว่าเย่เฟิงจะต้องสังหารเขา เนื่องจากเขาเป็นต้นตอสำคัญที่คิดจะจับกุมเทพธิดา

 

ขณะที่เย่เฟิงกำลังค่อยๆเข้าไปภายในตำหนักนั้น จู่ๆที่หางตาของเขา เหลือบเห็นชายร่างกำยำสูงใหญ่เดินเข้ามาจากอีกเส้นทางหนึ่ง อายุประมาณ 50 ปี สวมเสื้อแดงเพลิงเช่นเดียวกับซูเสี่ยวอวี่ ซึ่งก็คือคนของหมัดเทพทวาราหมัดเทพเจ้าดาวเหนือ หานจืออู๋

 

ชุดในสำนักหมัดเทพทวาราคือเสื้อสีแดงเพลิง เนื่องจากทางเข้าของพวกเขาอยู่ภายในถ้ำบำเพ็ญเพียรเซียนภูเขาฉือเฉิง ควบคู่กับวิชาหมัดเทพทวาราที่ดุดันแข็งกร้าว สีแดงเพลิงจึงเป็นสีตัวแทนของเหล่าศิษย์

 

กำปั้นของหานจืออู๋ใหญ่อย่างมาก ดูราวกับเป็นปรมาจารย์หมัดมวย ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยหนวดเคราราวกับหมาป่า ดูหนักแน่น เป็นรูปร่างของชายที่แข็งแกร่งดุร้าย

 

เขามีวรยุทธถึงหนึ่งร้อยปี

 

เมื่อพบเห็นเขาเย่เฟิงก็หยุดฝีเท้าทันที ก่อนที่จะซ่อนตัวอยู่ด้านข้าง

 

วรยุทธ 100 ปี และ 95 ปีเมื่อเทียบกันแล้ว ระยะห่างมันไม่ได้น้อยนิดเลย อย่างน้อยภายในโลกเทวะ เมื่อมีวรยุทธร้อยปีมันสามารถที่จะสร้างแกนศักดิ์สิทธิ์ได้ ความสามารถการต่อสู้ยิ่งเพิ่มขึ้นสองเท่า ส่วนขอบเขตวิชาแน่นอนว่ามันมีความห่างกันช่วงใหญ่เลยทีเดียว

 

อย่างน้อยหลี่เสวียนและเฉินเจี้ยนสงที่เย่เฟิงเจอทั้งสอง มันมีความแตกต่างอย่างชัดเจน

 

เมื่อเขาเผชิญหน้ากับหลี่เสวียน มันยังมีความมั่นใจในการเอาชนะ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับเฉินเจี้ยนสง รู้สึกถึงความต่างได้ในทันที การชิงเอากระจกหยางบริสุทธิ์มามันไม่ใช่ปัญหา แต่ถ้าเย่เฟิงต้องการจะสู้กับเฉินเจี้ยนสงตรงๆแล้วล่ะก็ มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเอาชนะอีกฝ่ายได้

 

ตามที่เย่เหวินเทียนบรรลุไปยังวรยุทธหนึ่งร้อยปี ความสามารถและประสาทสัมผัสทั้งห้าจะว่องไวอย่างมาก ร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงมากมาย แม้เย่เฟิงจะสามารถซ่อนกลิ่นอายหลบซ่อนเอาไว้อยู่ แต่เมื่อทำให้เกิดเสียงดังแม้แต่นิดเดียวหรือเข้าใกล้อีกฝ่าย มันจะถูกอีกฝ่ายค้นพบเจอในทันที

 

เย่เฟิงซ่อนตัวอยู่ด้านข้าง สังเกตสถานการณ์ปัจจุบันอย่างเงียบๆ

 

“เหล่าซู ของล็อตสุดท้ายยังมาไม่ถึงอีกหรือ?”

 

ชายร่างกำยำหมัดเทพเจ้าดาวเหนือหานจืออู่เดินเข้ามาพร้อมกับศิษย์หมัดเทพทวารา อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถาม

 

“ยังมาไม่ถึง ได้แต่อดทนรอ…”

 

ซูเสี่ยวอวี่ดูสุขุม ท่าทางเจ้าเล่ห์ รู้สึกขมขื่นกับเหตุการณ์ที่ประสบเช่นเดียวกับหลงโมหรันภายในทะเลตงไห่  พูดได้ว่ามันเป็นเรื่องที่โชคร้าย สถานการณ์ในตอนนี้ เขาไม่อยากให้หมัดเทพจ้าวดาวเหนือทำอะไรบุ่มบ่าม

 

“เฮอะ ขอฉันพูดหน่อยเถอะ เข้าไปจับนางแพศยาตรงๆเลยสิ ทำไมต้องมารออุปกรณ์ไร้สาระพวกนี้ด้วยกัน?”

 

หานจืออู่แค่นเสียงอย่างดื้อรัน จมูกหนาๆของเขาพ่นลมออกมาอย่างแรง ท่าทางไม่ค่อยพอใจนัก

 

“อย่าได้ทำเช่นนั้นเชียว พวกเราต้องรออย่างอดทน ปล่อยให้กลุ่มคนของตระกูลถังเป็นตัวนำ”

 

ซูเสี่ยวอวี่รีบเร่งห้ามปราม

 

“เหล่าซู ท่านก็ออกจะเก่งกาจ แต่ทำไมถึงกลัวหัวหดไปหมดซะทุกอย่าง”

 

หานจืออู๋ยกกำปั้นอันใหญ่โตของเขา ลูบไปที่เคราบนพลางยกยิ้มอย่างมั่นใจตัวเอง “ถ้าเมื่อถึงเวลานั้นตระกูลถังทำสำเร็จ ผลงานจะไม่ตกเป็นของพวกเขาหรือ? ฉันหานจืออู๋ ไม่ใช่คนมากแผนการ เมื่อถึงเวลาสู้ จะต้องอยู่เหนือกว่าที่สุด!”

 

เมื่อได้ยินคำของหานจืออู๋ ซูเสี่ยวอวี่ได้แต่ฝืนยิ้ม

 

สหายคนนี้เป็นพวกหัวโบราณ อารมณ์ร้อน ถ้าหากเขาเชื่อฟังดีๆก็เป็นโชค มิเช่นนั้นเรื่องในวันนี้อาจจะพังเพราะเขาก็เป็นได้

 

“จุ๊ๆ เทพธิดาทะเลตงไห่”

 

หานจืออู๋กำลังจินตนาการอยู่ในหัว บนใบหน้าปรากฏท่าทางตื่นเต้นเล็กน้อย เหลือบมองอย่างดูแคลนไปยังซูเสี่ยวอวี่ที่อยู่ด้านข้าง

 

ซูเสี่ยวอวี่เป็นคนอายุมากแล้ว อารมณ์ทางเพศเรื่องผู้หญิงหมดไปแล้ว ไม่ได้มีความคิดอ่านเช่นนั้น แต่หานจื่ออู๋มันไม่ได้เป็นเช่นนั้น

 

หานจืออู๋เป็นกำพร้าถูกรับมาเลี้ยงโดยหมัดเทพทวาราเมื่อนานมาแล้ว มีพรสวรรค์ในด้านการฝึกวิทยายุทธ ดังนั้นจึงถูกดูแลอย่างดีในเรื่องการฝึก ซึ่งสามารถมีวรยุทธหนึ่งร้อยปีได้เพียงอายุแค่ห้าสิบปีเท่านั้น

 

ด้วยพรสวรรค์เช่นนี้ ภายในโลกยุทธภพต่างหาพบได้ยาก แม้กระทั่งผู้นำตระกูลหลงหลงโมหรัน ยังฝึกฝนวรยุทธรวดเร็วไม่เท่านี้ เนื่องจากหานจื่ออู๋ใช้สมบัติสวรรค์มากมายที่สำนักหมัดเทพทวาราเก็บเอาไว้เป็นร้อยปี

 

หานจืออู๋ที่อายุ 50 ปี ยังคงเป็นดั่งพยัคฆ์ร้าย เมื่อพบเจอสาวสวยเช่นเทพธิดาทะเลตงไห่ เป็นธรรมดาที่จะมีความคิดชั่วร้าย

 

กลุ่มคนที่สวมใส่เสื้อสีแดงเพลิงต่างมารวมตัวกันอยู่ภายใต้ตำหนักแห่งนี้ ดังนั้นเย่เฟิงจึงรู้สึกลังเล จะไปต่อดีหรือรออีกสักพัก? ถ้าหากรอจนพวกเขาได้ปืนยาชามาแล้ว มันอาจจะเริ่มลงมือจับกุมซูเฟยหยิ่ง

 

จ้าวอี้เปยและหลิงเฉินลอยอยู่เบื้องหลังเย่เฟิงอย่างเงียบๆ ไม่ได้เอ่ยปากอะไรทั้งสิ้น

 

เย่เฟิงต้องการให้พวกเขาทำอะไรพวกเขาก็จะทำตามนั้น สำหรับผู้ฝึกวิญญาณ วรยุทธของพวกเขาไม่ใช่เพียงแค่เพื่อความแข็งแกร่ง แต่มันยังเพื่อต่อพลังชีวิตของพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงต้องฝึกฝนอย่างหนักเมื่อเทียบกับคนอื่น

 

เย่เฟิงรั้งรอไม่ได้ไปต่อ การต่อสู้มันเป็นไปไม่ได้ในสถานการณ์นี้ แต่ทันใดนั้นเอง กลิ่นอายอันคุ้นเคยก็ส่งออกมาจากเส้นทางแยกข้างหน้า

 

เสียงอันคุ้นเคยดังเข้ามาภายในหูของเขา “ช่วยเหลืออาจารย์จัดการพวกเขา”

 

อาจารย์?

 

ในใจเย่เฟิงสั่นสะท้านพลางตั้งสติ จ้องมองอย่างใจจดใจ่อ

 

แน่นอนว่าเขาไม่สามารถเห็นซูเฟยหยิ่งว่าอยู่ที่ไหนในตอนนี้ แต่สัมผัสได้ว่าซูเฟยหยิ่งมาแล้ว นอกจากนี้กลุ่มคนหมัดเทพทวาราต่างเป็นพวกคนน่ารังเกียจ ถึงกระทั่งซูเฟยหยิ่งคิดสังหารพวกเขาทั้งหมด แน่นอนว่าอีกฝ่ายจะต้องไม่อาจต้านทานพลังของนางได้

 

ยกตัวอย่างเช่นตระกูลโม่ ซูเฟยหยิ่งไม่อาจที่จะลงมือ แต่ชายร่างกำยำหานจืออู๋ผู้นี้ บอกได้คำเดียวเลยว่ามันอาจจะประสบเรื่องเลวร้ายยิ่งกว่าตระกูลโม่

 

“อาจารย์ต้องการให้ข้าช่วยเหลือ แสดงว่านางจะต้องบาดเจ็บอย่างหนัก มิเช่นนั้นพวกหานจืออู๋และซูเสี่ยวอวี่ มันไม่ใช่คู่มือนางเลย”

 

ภายในใจเย่เฟิงขบคิด ไม่ได้คิดระมัดระวังอะไรอีก ก่อนที่จะปรากฏตัวขึ้นในทันที

 

“ฮ่าฮ่า เหล่าหลานชายมาทำอะไรกันในที่นี่กันห๊ะ?”

 

เขาเอ่ยปากขึ้นขณะที่เดินออกมา ชายหนุ่มเสื้อสีดำปรากฏขึ้นมาเบื้องหน้ากลุ่มคนหมัดเทพทวาราโดยพลัน

 

เป้าหมายของเขาอย่างแรกคือการดึงดูดความสนใจของกลุ่มคนพวกนี้ ก่อนที่จะหาโอกาสให้ซูเฟยหยิ่งได้ลงมือจัดการ ด้วยวรยุทธของซูเฟยหยิ่ง เมื่อเริ่มใช้วิชาเซียนมันก็น่ากลัวกว่าเขาไม่รู้ต่อกี่เท่า ตราบเท่าที่ถ่วงเวลาให้นางได้ แน่นอนว่าจะต้องสังหารหานจืออู๋ผู้นี้ได้ทันที

 

เป็นเวลานานเท่าไหร่แล้วนะที่ไม่ได้ร่วมมือกันสู้กับอาจารย์?

 

ความทรงจำของเย่เฟิงเลือนราง ยามเมื่อก้าวออกมาข้างหน้า เขายืนอย่างมั่นคงอยู่เบื้องหน้าหานจืออู๋และซูเสี่ยวอวี่ ภายในใจรู้สึกเลือดลมสูบฉีด

 

ซูเฟยหยิ่งได้รับเขาเป็นศิษย์ในเวลานั้น ไม่ใช่ว่าเพื่อให้เขาสามารถช่วยเหลือนางได้หรอกหรือ? และช่วยเหลือนางรับมือกับตระกูลโม่ แต่น่าเสียดาย พวกเขาต่างถูกส่งมาบนโลกใบนี้พร้อมกับเจ้าสำนักหั่วอวิ๋นเยาเสียก่อน

 

“เย่เฟิง?”

 

สีหน้าซูเสี่ยวอวี่และหานจืออู่เปลี่ยนสีทันที

 

สีหน้าของซูเสี่ยวอวี่หมองคล้ำ คล้ายจะขบคิดความเป็นไปได้บางอย่าง แต่หานจืออู๋เพียงตกใจก่อนที่จะหัวเราะออกมา

 

“หนุ่มน้อยคนนี้น่ะหรือคือเย่เฟิง? ดูเหมือนกับหนุ่มเจ้าสำอางอย่างไรอย่างนั้น หลงโมหรันถูกหนุ่มน้อยคนนี้เอาชนะจริงๆงั้นหรือ?”

 

หานจืออู๋แสยะยิ้ม กำปั้นอันใหญ่โตของเขากำแน่นราวกับหมัดเหล็กคู่หนึ่ง กระแทกกันเองดัง “เคร้ง” “เคร้ง” ซึ่งบ่งบอกได้ถึงวรยุทธที่ลึกล้ำ

 

……………………………..

 

แปลโดย คั่นหนังสือ

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments