I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Genius Sword Immortal ตอนที่ 364 ตำหนักหินอันละมุนละไม

| Genius Sword Immortal | 1112 | 2360 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

บทที่ 364 ตำหนักหินอันละมุนละไม

 

ตำแหน่งนี้ของเย่เฟิงอยู่ใกล้กับตำหนักหินอีกอันหนึ่ง มีเพียงประตูหินปิดตายทางออกเดียวที่ไปสู่ด้านนอกได้

 

ทั้งตำหนักหินนี้มีขนาดจุดศูนย์กลางน้อยกว่าสิบเมตร ที่ใจกลางตำหนักมีศิลาจารึกตัวอักษรลึกลับเอาไว้ ศิลาจารึกนี้ไว้ใช้วางศิลาจิตวิญญาณสวรรค์ มันเป็นหินทรงกลม ผิวของมันเรียบรื่นอย่างยิ่ง ทั่วทั้งก้อนดูโปร่งใส คล้ายกับมันกำลังโคจรพลังงานอยู่ คล้ายเป็นสิ่งของของเหล่าเทพเซียน*

 

[คั่นหนังสือ : 仙人/เซียนเหริน/เทพเซียน = ตามความเข้าใจของผม ผู้ฝึกเซียนในโลกเทวะไม่ได้หมายความว่าเป็นเซียนนะครับ ส่วนเทพเซียนน่าจะเป็นพวกผู้ฝึกเซียนบรรลุความเป็นเซียนแล้วมากกว่า]

 

สมบัติที่แหวนกระบี่มังกรโบราณของเย่เฟิงตามหา มันคือศิลาจิตวิญญาณสวรรค์อันนี้เอง

 

เขาค่อยๆวางร่างบองบางของซูเฟยหยิ่งลงอย่างนุ่มนวล ก่อนที่จะหยิบเอากระจกหยางบริสุทธิ์ออกมาจากแหวนมิติ กระตุ้นเจิ้นชี่ จากนั้นก็ใช้กระจกดูดซับพิษภายในร่างของซูเฟยหยิ่ง

 

พูดได้เลยว่าซูเฟยหยิ่งมักโชคร้ายอยู่เสมอ ถูกพิษซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่โชคดีที่มีกระจกหยางบริสุทธิ์อยู่…

 

ท่าไม่ดีแล้ว

 

เย่เฟิงขมวดคิ้วมุ่น เขาค้นพบอย่างรวดเร็วว่ากระจกหยางบริสุทธิ์ไม่สามารถดูดซับพิษภายในร่างของซูเฟยหยิ่งได้อย่างหมดจด และกระจกหยางบริสุทธิ์ก็ยังไม่ขับพิษออกไปได้เช่นกัน

 

พิษของแมงมุมดำยักษ์ตัวนี้ กลายเป็นว่ามันเป็นพิษที่รุนแรงเหนือกว่าอุปกรณ์ขั้นวิญญาณเสียอีก!

 

“หรือว่าพิษนี้มัน….”

 

ซูเฟยหยิ่งตระหนักถึงสถานการณ์นี้ไม่ค่อยพึงประสงค์ คิ้วดกดำขมวดจนเป็นปม ทำให้ผู้คนที่เห็นรู้สึกเห็นใจ

 

ร่างอ่อนนุ่มของนางอิงแอบหัวไหล่เย่เฟิง ทั้งร่างต่างไร้กำลังเรี่ยวแรง เจิ้นชี่เหือดแห้งจนหมดสิ้น และต้องถูกพิษร้ายแรง หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นคงจะหมดสิ้นหนทางตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว เมื่อเทียบกับความหนักแน่นของซูเฟยหยิ่ง และยังทราบถึงสถานการณ์ที่ไม่ค่อยดี แต่ยังฝืนทนกล้ำกลืนตั้งสติเอาไว้อยู่

 

เย่เฟิงกอดนางแน่น รู้สึกร่างบอบบางในอ้อมแขนเริ่มเย็นเยียบขึ้นเรื่อยๆ และรู้ทันทีว่าไม่ใช่เรื่องดี ในเวลานี้ไม่แม้แต่จะใส่ใจกับศิลาจิตวิญญาณสวรรค์ที่อยู่ใจกลางตำหนักหิน ยื่นมือออก ก่อนจะฉีกกระชากกระโปรงขาวหิมะบนร่างซูเฟยหยิ่ง

 

“อืม…”

 

ซูเฟยหยิ่งส่งเสียงพึมพำบางเบา รู้ว่าเย่เฟิงจะทำอะไร ต้องการที่จะห้ามปรามแต่ไร้เรี่ยวแรง ทำได้แต่ใช้แขนอันบอบบางราวกับไร้กระดูกดันไปที่หน้าอกของเขา

 

ผู้คนเก่าแก่ต่างไม่กล้าเข้าใกล้เทพธิดาหานปิง และไม่เคยต้องกลายมาคนเป็นไร้กำลังเช่นเวลานี้ บางทีแค่บุรุษแข็งแกร่งบางคนคงสามารถจัดการนางได้อย่างง่ายดาย และหากเรื่องนี้รู้ถึงใครบางคนในโลกเทวะ แน่นอนว่าจะต้องตกใจอ้าปากค้างจนฟันหลุดออกปาก

 

น่าเสียดาย ภายในสายตาเย่เฟิง เรื่องนี้ไม่เห็นอยู่ในสายตา

 

ภายในวิหารเก่าแก่แห่งนี้เต็มไปด้วยอันตราย ไม่รู้เลยว่าจะมีวิหารใดหรือไม่ที่อยู่ในโลกเทวะ ซึ่งมีแมงมุมดำยักษ์ที่น่ากลัวเช่นนี้ นอกจากนี้ มันเป็นแค่เพียงส่วนมุมหนึ่งของวิหารเท่านั้นเอง ถ้าหากจะต้องหนีออกจากวิหารเก่าแก่นี้ ไม่รู้เลยว่าจะต้องเผชิญกับอันตรายมากมายเพียงใด

 

ในสถานการณ์ที่ซูเฟยหยิ่งถูกพิษร้ายแรง ทำให้ชีวิตของพวกเขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าเป็นกังวลอย่างมาก

 

ดังนั้นเย่เฟิงจึงไม่มีความลังเล ฉีกกระชากกระโปรงส่วนล่างของสาวงาม ก่อนที่จะก้มหัวลง อ้าปากประกบไปยังต้นขาขาวอันผุดผ่อง ดูดพิษร้ายให้นางจากบาดแผลที่แมงมุมดำยักษ์แทงเข้าไป

 

แทบไม่สามารถต้านทานกับความเพลิดเพลินที่ได้สัมผัสรสชาติต้นขาอันงดงามของซูเฟยหยิ่งได้ สิ่งแรกที่เย่เฟิงต้องทำคือดูดพิษออกมาก่อน จากนั้นก็โคจรเจิ้นชี่ไปในร่าง ก่อนที่จะสามารถขับพิษร้ายในร่างซูเฟยหยิ่งให้หมดจดอีกครั้ง!

 

ซูเฟยหยิ่งขบริมฝีปากแดงของนางแน่น มือขาวราวกับหยกรัดแน่นที่หัวไหล่เย่เฟิง แผ่นหลังพิงไปยังส่วนโค้งของกำแพงตำหนักหิน ขาขาวเรียวบางราวกับหยกเกร็งจนเหยียดตรง บนใบหน้างดงามแดงก่ำราวกับเลือดฝาด

 

ตั้งแต่เกิดที่นางฝึกฝนมา นี่เป็นคราแรกที่ถูกบุรุษกอด แนบชิดร่างกายถึงขนาดนี้ แต่อย่างไรก็ตาม ความเป็นจริงที่ทำให้เย่เฟิงต้องเข้ามาชิดใกล้นาง ทำให้นางมิใส่ใจคิดเรื่องอันใดอีก

 

เย่เฟิงดูดพิษร้าย ถ้าหากเขาตายไปจะทำเช่นไรกัน?

 

กระโปรงซูเฟยหยิ่งเละเป็นชิ้นๆ ท่าทางที่เย็นชาสลายหายไปไม่เหลือ บนใบหน้างดงามปรากฏร่องรอยราวกับหญิงสาวขี้อายธรรมดาและภายในสายตาจ้องมองด้วยความกังวลอย่างลึกซึ้ง

 

“มันควรจะหมดแล้ว”

 

เป็นเวลานานก่อนที่เย่เฟิงจะเงยขึ้น หน้าตาที่แรกเริ่มดูหล่อเหลากลายเป็นหมองคล้ำ แต่เขายังคงฝืนยิ้มออกมา “พิษของแมงมุมนั่นร้ายแรงนัก….”

 

เขามองไปยังกระจกหยางบริสุทธิ์ในมือเขา พบว่าอุปกรณ์ขั้นวิญญาณนี้ก็กลายเป็นมืดมนมัวหมอง มันดูเหมือนว่าสิ่งนี้ได้ดูดซับพิษร้ายเก็บไว้นานเกินไป

 

“เจ้าเป็นยังไงบ้าง?”

 

ซูเฟยหยิ่งอดมิได้ที่จะเป็นห่วงอีกฝ่าย ยืนแขนขาวออกไปอย่างรีบเร่ง คว้าใบหน้าหมองคล้ำของเย่เฟิงเอาไว้ ภายในนัยน์ตาที่ดูฉลาดคู่นั่นปรากฏความเป็นห่วง

“ไม่น่าจะเป็นอะไรมาก…”

 

ริมฝีปากเย่เฟิงเพียงขยับช้าๆ ปากซีดจนดำเป็นตอตะโก เห็นได้ชัดว่าถูกพิษร้ายแรงแล้ว!

 

เขาคลายมือขวาที่จับเอาไว้ของซูเฟยหยิ่ง ก่อนจะกำหมัดแน่น มองไปยังแหวนกระบี่มังกรโบราณภายในมือ สิ่งนี้มันมาพร้อมกับที่เขาเกิดใหม่บนโลก แม้ว่าจะไม่รู้ว่ามันเป็นอาวุธวิเศษระดับใด แต่มันเป็นมรดกตกทอดของกระบี่มังกรที่เป็นตำนาน

 

ตั้งแต่เริ่มแรก แหวนกระบี่มังกรโบราณช่วยเหลือเขามากมายนับไม่ถ้วน หากไม่มีแหวนกระบี่มังกรโบราณ การกระทำทุกอย่างบนโลกของเขาก็คงไม่ราบรื่น แม้กระทั่งตายตกเป็นหลายครั้ง

 

แหวนกระบี่มังกรโบราณมันมีบทบาทอยู่มากมายจริงๆ!

 

แม้กระทั่งผลข้างเคียงของวิชาก้าวข้ามม่านหมอกก็ยังเป็นแหวนกระบี่มังกรโบราณให้ความช่วยเหลือ ซึ่งทำให้เย่เฟิงมั่นใจว่าแหวนกระบี่มังกรโบราณเมื่อก่อนหน้านี้ กลายเป็นว่าแหวนกระบี่มังกรโบราณส่วนหนึ่ง เข้าไปภายในตันเถียนที่เสียหายของเขา เป็นไปได้ว่าจะหลอมรวมกันแล้ว?

 

ไม่แปลกใจเลยที่ผู้สืบทอดกระบี่มังกรจะมี “กายาอมตะ” ตามข่าวที่เล่าลือ…

 

ในขณะนั้นเอง บนใบหน้างดงามของซูเฟยหยิ่งเต็มไปด้วยความวิตก ในที่สุดแหวนกระบี่มังกรโบราณส่งกลิ่นอายเย็นๆออกมาอีกครั้ง ก่อนที่จะกลืนพิษร้ายที่อยู่ภายในร่างเย่เฟิง

 

แต่กลิ่นอายครั้งนี้มันดูเบาบางกว่าก่อนหน้าหลายเท่าตัว คล้ายกับว่าเหมือนไม่มีตัวตนเลย ซึ่งมันทำให้เย่เฟิงรู้ได้อย่างชัดเจนว่า ในช่วงเวลาสั้นๆนี้แหวนกระบี่มังกรโบราณจะไม่สามารถช่วยเหลืออะไรเขาได้อีก

 

แน่นอนว่าสามารถรอดชีวิตจากพิษร้ายของแมงมุมดำยักษ์ตัวนั้น ถือว่าโชคดีมากแล้ว จริงๆแล้ว เขาก็ไม่ได้คาดหวังจะพึ่งพาเพียงแต่มันอย่างเดียว

 

เย่เฟิงกระแอมไอออกมา ก่อนจะลุกขึ้นยืน พิษร้ายในที่สุดก็ถูกกลิ่นอายเย็นเยียบของแหวนกระบี่มังกรโบราณขับสลายออกไปหมด

 

ซึ่งซูเฟยหยิ่งที่เฝ้าสังเกตอยู่ด้านข้างปรากฏร่องรอยของความแปลกใจ มรดกตกทอดกระบี่มังกรกลับมีความสามารถมากมายถึงเพียงนี้? ไม่สงสัยเลยที่กลายเป็นสิ่งของที่เหล่าผู้ฝึกเซียนมากมายในโลกเทวะต่างหมายตาเอาไว้!

 

แต่ช่างน่าเสียดาย เมื่อได้รับมันแล้ว กลับไม่มีผู้ใดได้รับการยอมรับจากมัน ยกตัวอย่างเช่นราชันปีศาจหั่วอวิ๋น เขาได้รับแหวนกระบี่มังกรโบราณโดยบังเอิญ แต่กลับกลายเป็นว่าแหวนกระบี่มังกรโบราณในมือราชันปีศาจหั่วอวิ๋นกลายเป็นแหวนธรรมดา ไม่มีประโยชน์อะไรให้ใช้สอย แม้กระทั่งความสามารถ “กระบี่มังกร” ที่เปลี่ยนรูปลักษณ์ได้ก็ไม่ปรากฏให้เห็น ดังนั้นจึงถูกทิ้งไปในกองขยะ

 

เมื่อเย่เฟิงสภาพเย่เฟิงค่อยๆฟื้นฟูขึ้น ซูเฟยหยิ่งก็รู้สึกโล่งใจ นึกถึงฉากเมื่อครู่ที่เย่เฟิงปราศจากความลังเลดูดพิษร้ายอย่างอ่อนโยนให้นาง บนใบหน้าทรงเสน่ห์ของนางพวงแก้มพลันแดงระเรื่อ

 

นี่มันเป็นครั้งแรกของนางในชีวิตเลยเชียว

 

เจ้าเด็กคนนี้กล้าเสียมารยาทกับนางเช่นนี้ เขายังเห็นนางเป็นอาจารย์อยู่อีกไหม?

 

แต่น่าเสียดายที่ซูเฟยหยิ่งได้แต่กล่าวโทษเย่เฟิงเพียงในใจ เนื่องจากเย่เฟิงได้ช่วยชีวิตนางไว้ ถ้าหากนางยังตำหนิเขา มันดูรู้สึกผิดต่อมโนธรรมไปเล็กน้อยหรือไม่?

 

ถึงนางจะรู้หนังสือน้อยแต่ก็ไม่ใช่คนที่ไม่รู้จักภาพวาด

 

[คั่นหนังสือ 她并不是知恩不图报的人 : ไม่แน่ใจกับย่อหน้านี้นะครับ น่าจะสื่อความหมาย ถึงมันจะเป็นเรื่องที่ผิดแต่ก็รู้ถึงหนักเบาของมัน ประมาณนี้มั้งครับ ]

 

แม้ว่าเย่เฟิงจะเป็นศิษย์ของนาง แต่สถานการณ์เมื่อครู่นี้ หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น บางทีอาจจะไม่ยอมเสี่ยงอันตรายดูดพิษร้ายให้กับนาง ถ้าไม่ใช่เพราะประสิทธิภาพของแหวนกระบี่มังกรโบราณ ไม่ใช่ว่าเย่เฟิงจะต้องตายในทันทีเลยหรอ?

 

เรื่องนี้มันทำให้สีหน้าของซูเฟยหยิ่งต้องการตำหนิ แต่มันก็ผสมปนเปกับสีแดงระเรื่อ เป็นบุคคลที่เย็นชาจริงจัง สาวงามที่โลกต้องตะลึง สาวงามที่ล่มชาติล่มเมือง!

 

เย่เฟิงเงยหน้าขึ้น เห็นอาจารย์สาวสวยมีท่าทางเขินอาย โมโหฟึดฟัด แสดงออกทางสีหน้า ทันใดนั้นเขาก็จ้องมองจนตกอยู่ในภวังค์

 

……………………………..

 

แปลโดย คั่นหนังสือ

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments