ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป‘ชูเฟิง’ตอนนั้นได้ส่ง ‘ชูเยว่’และคนอื่นๆในตละกูลชูขึ้นรถม้าออกไป เมื่อลับสายตาไปอย่างสมบูรณ์ ‘ชูเฟิง’ก็หันพร้อมที่จะเดินกลับเข้าไปที่สำนักมักกรฟ้า แต่เพียงแค่ก้าวเท้าเข้าสู่ประตูสำนักมังกรฟ้าก็ถูกรายล้อมไปด้วยกลุ่มผู้อาวุโส
พวกเขาเป็นคนของฝ่ายลงทันฑ์ผู้ที่อ่อนแอที่สุดอยู่ที่ระดับ 1 ของแดนกำเนิดวิญาณและผู้ที่เป็นผู้นำอยู่ที่ระดับ 2 ของแดนกำเนิดวิญญาณ เมื่อเห็น’ชูเฟิง’ก็เปล่งเสียงดังโดยที่ไม่มีการเตือนใดใด
“จับมันคุกเข่าลงซะ”
ในตอนแรกพวกเหล่าอาวุโสไม่ได้เห็น’ชูเฟิง’อยู่ในสายตา มีเพียงสองผู้อาวุโสเดินออกมาแต่ไม่ได้ยกแขนหรือขยับแขนใดใดเพียงแต่ส่งแรงกดดันระดับแดนกำเนิดวิญญาณออกไปเพื่อกดดันชูเฟิงให้คุกเข่าลง
แต่อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเขาส่งแรงกดดันระดับแดนกำเนิดวิญญาณไปที่ชูเฟิงแต่มันกลับไม่ส่งผลกระทบใดใดต่อชูเฟิงเลยแม้แต่นิดเดียว
“นี่มันอะไรกัน!!!”
เพียงแต่ในขณะนั้น ร่างกายของ’ชูเฟิง’เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ส่งพลังอำนาจของแดนกำเนิดวิญญาณออกไปดั่งพายุพุ่งเข้าใส่เหล่าผู้อาวุโสจากฝ่ายลงทันฑ์ในทันที
“อ้าาาา”
เมื่อเจอพลังอำนาจอันแข็งแกร่งของ’ชูเฟิง’ ผู้อาวุโสจากฝ่ายลงทันฑ์ได้ปลิวกระเดนกระดอนกันไปคนละทิศละทาง เมื่อตกถึงพื้นก็พบว่าผู้อาวุโสจากฝ่ายลงทันฑ์ทั้งหมดปรากฏผิวซีดเผือกและได้รับบาดเจ็บสาหัส
เหล่าคนสังเกตการเห็นฉากนี้ทุกคนถึงกับเกินอาการกลัวอย่างสมบูรณ์ ผู้อาวุโสทุกคนในที่นี้อยู่ในแดนกำเนิดวิญญาณแต่’ชูเฟิง’กับแสดงพลังของตนกำหลาบผู้อาวุโสทั้งฝ่ายลงทันฑ์ลงได้ นี่หรือว่าเขาจะอยู่ในแดนกำเนิดวิญญาณแล้วยังงั้นหรือ?
“กลับไปบอกหัวหน้าของพวกเจ้า หลิว เฉิงเจิน ว่าถ้าเกิดเขา ต้องการที่จะกำจัดข้า ให้เขามาหาข้าด้วยตนเอง ”
‘ชูเฟิง’ไม่ได้ให้ความสนใจกับสายตาของผู้สังเกตการทั้งหลายโดยรอบ หลังพูดเสร็จ’ชูเฟิง’ก็รีบมุงหน้าไปในทิศทางสถานที่หลักของนิกายดาบทมิฬในทันที
เมื่อมาถึงสถานที่ตั้งหลักของนิกายดาบทมิฬ ‘ชูเฟิง’ก็บุกเข้าโจมตีในทันทีไม่ถงไม่ถามถึงเรื่องสุขภาพใดๆทั้งนั้นโจมตีไปที่ดันเถียนทำลายการเพาะปลูกสาวกนิกายดาบทมิฬทุกคนที่ขว้างหน้าดังปีศาจกระหายเลือด
‘ชูเฟิง’ในตอนนี้สามารถสังหารระดับ 4 แดนกำเนิดวิญญาณได้อย่างสบายๆ ถ้า’ชูเฟิง’ใช้ความสามารถของสายฟ้าสีทองต่อให้ระดับ 5 แดนกำเนิดวิญญาณก็เปรียบได้ดังมดที่จะขยี่เมื่อใดก็ย่อมได้ แม้แต่ระดับ 6 ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของ’ชูเฟิง’แม้แต่นิดเดียว เพราะฉะนั้นไม่ต้องพูดถึงเหล่าสาวชั้นในที่อยู่เพียงแค่ระดับแดนห้วงวิญญาณ
‘ชูเฟิง’ไม่ได้ตัดแขนหรือตัดขาของพวกมันเพียงแต่ เขาในขนาดนี้ได้ทำลายการเพราะปลูกและเจาะเฉพาะดันเถียน ของสาวกนิกายดาบทมิฬไปหลายร้อยคนแล้วด้วยกัน สภาพของคนเรานั้นคือนอนจมกองเลือดอยู่ที่พื้นเต็มทุกเส้นทางที่’ชูเฟิง’เดินผ่านไป เป็นฉากที่น่าเศร้าเกินจะยอมรับได้
“ชูเฟิงกลับมาแล้ว! และในตอนนี้เขากำลังล้างบาง เหล่าสาวกนิกายดาบทมิฬอย่างเปิดเผย! ตอนนี้ในพื้นพื้นที่ฝ่ายในกำลังนองไปด้วยเลือดแม้แต่อาวุโสก็ไม่สามารถที่จะควบคุมเขาได้ การกระทำของเค้ามันโจ่งแจ้งเกินไปหรือว่าเขาจริงๆจะเป็นศัตรูกับสำนักมังกรฟ้า!”
ข่าวของการกลับมาและวีรกรรมของ’ชูเฟิง’ได้แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วแม้แต่พื้นที่ของสาวกหลักก็ยังได้ทราบข่าวจึงทำให้คนทั่วสารทิศทางมารวมตัวกันที่พื้นที่ฝ่ายในเพื่อดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ด้วยทั่วไปแล้วฝ่ายการลงทัณฑ์จะไม่ละเลยต่อการกระทำของ’ชูเฟิง’ ‘หลิว เฉิงเจิน’เองก็ได้นำหลายร้ายผู้อาวุโสจากฝ่ายลงทันฑ์มาล้อมลอบ’ชูเฟิง’ในทันที พร้อมเปล่งเสียงดังกังวานไปทั่วว่าจะสังหาร’ชูเฟิง’ หลังจากที่พวกเค้าได้มีประสบการโดยตรงจาก’ชูเฟิง’ เค้าจึงจะใช้โอกาสนี้เพื่อที่จะสังหาร’ชูเฟิง’แล้วล้างแค้นให้กลับหลานชายของเขา’หลิวมั่ง’
ผู้สังเกตการณ์โดยรอบคิดว่า’ชูเฟิง’จะต้องตายโดยไม่ต้องสงสัย หลังจากที่’หลิว เฉิงเจิน’เป็นที่รู้จักกันดีในพื้นที่ฝ่ายใน แต่ในขณะที่กองกำลังของ’หลิวเฉิง’มาถึงในสถานที่ตั้งหลักของนิกายดาบทมิฬในเวลาเดียวกันก็ยังมีอีกสองกองกำลังที่พึ่งจะมาถึงเช่นกัน
นั้นมันกองกำลังของผู้อาวุโส’ซูรู่’และนั้นก็กองกำลังของผู้อาวุโส’โอวหยางนิ’ผู้อาวุโสได้นำคนมาด้วยจำนวนหลายสิบคนแต่ผู้อาวุโส’ซูรู่’นำมามากกว่าพันคน…*0*
ถ้ามองในแง่ของจำนวนคนสามารถกำหลาบกองกำลังของ’หลิว เฉิงเจิน’ได้อย่างสมบูรณ์
“ซูรู่นี่มันหมายความว่ายังไง? ไอ่เด็กเหลือขอนี่มันทำผิดกฎของสำนักซ้ำยังทำลายการเพราะปลูกของพวกเดียวกันในสำนัก ฝ่ายลงทันฑ์ของฉันจึงมีน่าที่ที่จะต้องจับมันมาลงโทษ ในฐานะผู้อาวุโสในสำนักมังกรฟ้าคุณเป็นจริงที่จะปกป้องมัน? นี่คุณยังจะมีคุณสมบัติในการเป็นผู้อาวุโสในสำนักมักกรฟ้าอยู่อีกหรือ?”
‘หลิว เฉิงเจิน’ ถามด้วยเสียงดังเพื่อที่เค้าอยากให้สาวกทุกคนในที่นี้ได้ยินว่าการกระทำของผู้อาวุโส’ซูรู่’นั้นไม่ถูกต้อง
” ชูเฟิง เป็นศิษย์หลักของสำนัก ดังนั้น หากเขาทำอะไรผิด ก็ไม่ต้องรับโทษ เพราะเจ้าไม่มีคุณสมบัติที่จะทำเช่นนั้นได้ “
‘ซูรู่’ทำหน้าเย็นชาพร้อมกับรีบกล่าว นางจ้องหน้าของ’หลิว เฉิงเจิน’ ขณะที่นางสบตาเขาเขาก็รีบหลบสายตาของนาง
” พี่หลิว ข้ารู้ว่าท่านมีความแค้นส่วนตัวกับชูเฟิง แต่ข้าหวังว่าท่านจะจัดการเรื่องทุกอย่างด้วยเหตุผล ไม่ใช่เอาอารมณ์ส่วนตัวของท่านมาเป็นที่ตั้ง “
” แม้ว่าสิ่งที่ชูเฟิงทำวันนี้จะเกินไปหน่อย แต่ที่เขาทำไม่ใช่ว่าไร้เหตุผล เมื่อนิกายดาบฯทำร้ายนิกายชู ตอนนั้นฝ่ายลงทัณฑ์ของท่านไปอยู่ที่ไหน “
ผู้เฒ่า ‘โอวหยาง’ พูดขึ้นมา แม้ว่าเขาจะยิ้มด้วยความอ่อนโยนแต่น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยการประชดประชัน
“เจ้า……”
‘หลิวเฉิง’ ได้เงียบกลิบไร้การต่อต้านเพราะเค้าไม่สามารถที่จะเถียงได้ ได้แต่ยอมรับมันดังนั้นตอนนี้เค้าจึงไม่สามารถทำการใดๆกับ’ชูเฟิง’ได้
แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้นเค้าก็ไม่ได้กังวลจนมากเกินไปเพราะคนที่ต้องการจะสังหาร’ชูเฟิง’นั้นไม่ได้มีเค้าแต่เพียงผู้เดียวเมื่อคนในพื้นที่หลักมาถึงแม้ว่าเค้าจะไม่ได้สังหาร’ชูเฟิง’ด้วยตัวเอง แต่’ชูเฟิง’จะไม่ถูกปล่อยไปอย่างง่ายๆแน่นอน
“ชูเฟิงคุณเคยคิดจริงๆจังๆบ้างไหมว่าสิ่งที่คุณทำอยู่ตอนนี้มันเป็นปัญหาใหญ่มากเกินไป คุณได้ทำลายการเพาะปลูกของคนในสำนักเดียวกัน ปัญหานี้ในสำนักมังกรฟ้านั้นใหญ่เกินไปแม้ว่าพี่สาวของฉันอยากจะปกป้องคุณแต่เค้าไม่สามารถที่จะทำอะไรได้มากมายนัก”
เมื่อ’ซูเหม่ย’มาถึง เธอรีบมายืนข้าง’ชูเฟิง’ในขณะที่มองไปที่นิกายดาบทมิฬที่อยู่ในสภาพเกลื่อนกลาดเต็มพื้นโดยมีกายช่วยเหลือจากผู้อาวุโส ภายในดวงตาอันสวยงามของเธอได้แสดงออกถึงความกังวล แน่นอนว่าเธอไม่ได้กังวลถึงความปลอดภัยของนิกายดาบทมิฬ แต่เธอเป็นห่วงความปลอดภัยของ’ชูเฟิง’
” แล้วเจ้าจะให้ข้าทำยังไง เมื่อตอนที่นิกายดาบฯพากันรังแกครอบครัวของข้าตอนที่ข้าไม่ได้อยู่ที่นี่ เจ้าและพี่สาวของเจ้าไปอยู่ไหน “
‘ชูเฟิง’ คร่ำครวญเล็กน้อย พร้อมกับมอง ‘ซูเหม่ย’ เขานั้นไม่กังวลหรือหวาดกลัวใครทั้งสิ้น เพราะเนื่องจากเข้าใช้รูปแบบอำนาจวิญญาณได้แล้ว ตราบใดที่’จูเก่อ หลิวหยุน’ รู้เรื่องนี้ เขาจะต้องยอมรับ ‘ชูเฟิง’ เป็นลูกศิษย์อย่างแน่นอน
ภายในสำนักมังกรฟ้าหากได้รับการปกป้องจากเขา ก็จะไม่มีใครกล้าแตะต้อง ‘ชูเฟิง’ ไม่ต้องพูดการทำลายพลังวิญญาณของศิษย์ฝ่ายใน แม้แต่การจะฆ่าพวกเขา ‘ชูเฟิง’ก็แทบจะไม่ต้องรับโทษ อีกทั้งยังไม่มีใครกล้าคิดเอาชีวิตของเขา
” ชูเฟิง หากเจ้าพูดเช่นนี้ เจ้าก็หมายความว่าเป็นความผิดของข้าและพี่สาวใช่มั๊ย “
หลังจากได้ยินคำพูดของ ‘ชูเฟิง’
‘ซูเหม่ย’ ก็มีใบหน้าที่เต็มไปด้วยความคับข้องใจ นางยื่นหน้ามาใกล้ๆและกล่าว
” แม้ว่านี้จะเป็น ฝีมือของ อู๋ จิ่ว ที่รังแก ครอบครัว ของเจ้า แต่ความเป็นจริงผู้บงการคือ กง ลู่หยุน “
” ในวันนั้น ที่นิกายดาบฯ เริ่มลงมือ พี่สาวของข้ากำลังจะเข้าไปช่วยเหลือ แต่ตอนนั้น กง ลู่หยุน ก็มาพบพี่สาวของข้าซะก่อน “
” เขาต้องการเดิมพันกับพี่สาวของข้า โดยการบอกว่า ตราบใดที่นางสามารถเอาชนะเขาได้ เขาจะปล่อยเจ้าปล่อยโดยไม่เอาเรื่องใดๆ แต่หากพี่สาวของข้าพ่ายแพ้ เขาก็ไม่ขออะไรมาก แค่ต้องการให้นางอย่าเข้าไปยุ่งปัญหาระหว่างนิกายชูและนิกายดาบฯ”
” หากพี่สาวข้าไม่ได้เป็นอาวุโส นางคงได้เป็นศิษย์อันดับ 1 ของสำนักมังกรฟ้า ใช่หรือเปล่า นอกจากนี้เมืองวิหคเพลิงก็ไม่ค่อยถูกกับเมือง เต่าทมิฬ อยู่แล้ว ดังนั่น พี่สาวของข้าจึงรับคำท้าของ กง ลู่หยุน “
” แต่ก็มีเรื่องที่คาดไม่ถึงเกิดขึ้น . . . . . . . พี่สาวของข้าพ่ายแพ้ให้กับเขา “
” ด้วยเหตุนั้น นางจึงไม่ต้องการผิดคำพูด ดังนั้น พี่สาของข้า จึงไม่มีทางเลือกอื่น นางจึงไม่สามารถเข้าไปยุ่งปัญหาระหว่างนิกายดาบฯและนิกาย ชู ได้ “
‘ซูเหม่ย’ที่ทำหน้าเหมือนเต็มไปด้วยความคับข้องใจนางบอกความจริงและรายละเอียดทุกอย่าง
ผู้แปลโดย #นายกระทิข้น
ผิดพลาดประการใดต้องขออภัยไว้ ณ ที่โน้น!!!
จบตอนนี้ก็พลิกหน้าต่อไปได้เลยคับผม
ที่มา: