ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป” พี่สาวเจ้า แพ้ กง ลู่หยุนงั้นหรอ !!! “
‘ชูเฟิง’แปลกใจนิดหน่อย เขาเห็นความสามารถของ’ซูรู่’มาก่อน และนางยังอยู่ในอาณาจักรแก่นแท้วิญญาณระดับ 1 และแน่นอนว่านางเกือบได้ชื่อว่าเป็น ศิษย์ # 1ขณะที่ ‘กง ลู่หยุน’ อยู่ในอาณาจักรแก่นแท้วิญญาณระดับ 1 หากเขาสามารถเอาชนะ’ซูรู่’ได้
นั้นหมายความว่า ด้านทักษะ ไหวพริบ ของ ‘กง ลู่หยุน’ เหนือกว่า ‘ซูรู่’
” ไม่เพียงแต่เขาเอาชนะพี่สาวของข้า แม้แต่ผู้เฒ่า โอวหยาง ยังพ่ายแพ้ให้กับเขา “
‘ซูเหม่ย’ทิ้งสายตาไปมอง ที่ ผู้เฒ่า ‘โอวหยาง’
” แม้แต่ผู้เฒ่า โอวหยางนะหรอ แพ้ ? “
‘ชูเฟิง’ขมวดคิ้วลงหลายคนไม่รู้ว่าผู้เฒ่า ‘โอวหยาง’ มีความสามารถขนาดไหนเพราะเขาปกปิดไว้อย่างดี แต่หลังจากที่ได้ยิน ‘ซูเหม่ย’ พูด ผู้เฒ่า ‘โอวหยาง’ คงเข้าสู่อาณาจักรแก่นแท้วิญญาณมานานแล้ว
และเขากำลังจะเข้าสู่ อาณาจักรแก่นแท้วิญญาณระดับ 2 เขานับได้ว่าเป็นคนที่เป็นคนที่อยู่จุดสูงสุดในอาณาจักรแก่นแท้วิญญาณระดับต้นๆ’ซูรู่’ และ ผู้เฒ่า ‘โอวหยาง’ ค่อนขางสนิทกัน แม้ว่าเขาเคยประลองกันมาก่อน แต่ผลจบลงที่เสมอ
ในความเป็นจริง ‘โอวหยาง’ อ่อนข้อให้ ‘ซูรู่’หาก ‘กง ลู่หยุน’ เอาชนะทั้ง ‘ซูรู่’ และ ผู้เฒ่า ‘โอวหยาง’ นั่นทำให้ ‘ชูเฟิง’ ตระหนักได้ว่า ‘กง ลู่หยุน’ อาจจะเอาชนะไม่ได้ง่ายๆเหมือนที่เขาคิด
” ชูเฟิง มีอาวุโสมาจากพื้นที่หลักกำลังมาที่นี่ เจ้ารีบวิ่งไปยังเมืองวิหคเพลิงของข้า ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เจ้าจะต้องปลอดภัย “
‘ซูเหม่ย’ยืนพิง ‘ชูเฟิง’ และพูดกับเขาข้างหูเบาๆ
” คนพี่ หรือ คนน้อง ที่ห่วงข้ากันน้าาา ? “
‘ชูเฟิง’ยิ้มและถาม
” นี่เป็นความต้องการพี่สาวของข้า ละก็ข้า เราทั้งสองไม่ได้หวังให้เรื่องร้ายๆเกิดขึ้นกับเจ้า . . . . . “
สายตาของ’ซูเหม่ย’เต็มไปด้วยความอ้อนวอน นางกลัวจริงๆว่า ‘ชูเฟิง’จะยังดื้อดึง และ ตายเพราะความดื้อรั้น
” เจ้าทั้งสองช่างดีกับข้าจริงๆ!!! “
‘ชูเฟิง’หัวเราะ พร้อมกับยื่นมือของเขาตอบรับความรักจาก’ซูเหม่ย’ เขาโอบนางจากนั้นก็ลูบผมเบาขณะที่ค่อยๆเดินออกจากกลุ่มคนขณะนั้นความอึมครึมใจของ ‘ชูเฟิง’ ก็พลันหายไปเหมือนดั่งท้องฟ้าที่กระจ่าง เพราะว่าเขารู้ว่า’ซูรู่’และ’ซูเหม่ย’ไม่เคยทอดทิ้งคนในครอบครัวของเขา แต่เป็นเพราะพวกเขาเจอกับปัญหา สุดท้ายแล้ว มันก็เป็นเพราะเขา
” ชูเฟิง เจ้าจะไปไหน ? “
‘ซูเหม่ย’เห็นว่า’ชูเฟิง’ กำลังเดินไปทิศทางที่ไม่ถูก
” ตั้งแต่ อู๋ จิ๋ว ปฏิบัติกับตะกูลชู ของข้าเช่นนี้ ข้าไม่อยากปล่อยเขาไป โดยที่ไม่ได้ทำอะไรเลย ? “
‘ชูเฟิง’พูดพร้อมกับยิ้ม
” อะไรนะ เจ้าจะบ้าไปแล้วหรอ คิดจะไปพื้นที่หลัก แล้วสู้กับ อู๋ จิ่ว งั้นหรอ “
‘ซูเหม่ย’ นางพยายามห้าม ‘ชูเฟิง’ แต่นางก็ไม่สามารถรั้งเขาไว้ได้ ภายในพริบตา ‘ชูเฟิง’ กระโดดออกมาจากผู้คนและวิ่งเตลิดไปพื้นที่หลักเหมือนลิง
” ชูเฟิง หนีไปแล้ว จับเขาไว้ !!! “
” ซูรู่ ท่านตั้งใจที่จะปกป้องเขาใช่มั้ย ข้าจะรายงานเรื่องวันนี้ทั้งหมดให้ผู้นำของสำนักทราบ “
เมื่อ ‘หลิว เฉิงเจิน’ เห็น ‘ชูเฟิง’ หนีไป เขาถึงกับตกใจ หาก’ชูเฟิง’ยังอยู่ภายในสำนักมังกรฟ้าก็คงดี และมันคงยากสำหรับ’ชูเฟิง’ที่จะหลีกเลี่ยงความตายไปได้
หาก’ชูเฟิง’ หนีออกนอกสำนัก คงยากที่เขาจะฆ่า ‘ชูเฟิง’ ได้เมื่อ ‘ซูรู่’ และ ผู้เฒ่า ‘โอวหยาง’ เห็นเช่นนั้น เขาก็แสนจะโล่งใจ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะไม่ตามไป พวกเขายังไม่คิดที่จะห้าม’ชูเฟิง’
พวกเขาสั่งให้ผู้ติดตามขัดขวางคนของ ‘หลิว เฉิงเจิน’ ไว้ เพื่อให้’ชูเฟิง’ หนีไปแต่เมื่อพวกเขาพบว่าทิศทาง ที่’ชูเฟิง’ กำลังหนีไปมันแปลกๆ ใบหน้าของพวกเขาจากความยินดี กลายเป็นใบหน้าเหมือนจะเป็นลม ‘ชูเฟิง’ ไม่ได้คิดจะหนี แค่คิดจะก่อเรื่องเพื่อฆ่าตัวตายก็เท่านั้น
” คนๆนี้ ทำไมเขาถึงไม่เคยทำให้คนอื่นสบายใจได้เลยสักวัน ? “
สีหน้าของ ‘ซูรู่’ เต็มไปด้วยความโกรธขณะที่ยืนอยู่นางก็กระทึบเท้า หลังจากคิดสักพัก นางก็วิ่งไปรีบไปตาม ‘ชูเฟิง’ ไป แม้แต่ ผู้เฒ่า ‘โอวหยาง’ ก็วิ่งตามนางไปอย่างติดๆ เขาอยากจะรู้ว่า ‘ชูเฟิง’ คิดจะทำอะไรกันแน่’ชูเฟิง’วิ่งไปอย่างรวดเร็ว จนเข้าไปในพื้นที่หลัก หลังจากที่เข้ามาแล้ว
เขาก็ยังไม่หยุด เขาวิ่งไปลานตรงใจกลางใจกลางเป็นทรงวงกลมที่มีการสร้างที่ดูเป็นเอกลักษณ์ ตรงกลางนั้นมีลานประลองขนาดใหญ่ พื้นบนลานประลองถูกย้อมด้วยสีแดงของเลือดแม้แต่บนลานประลอง ยังมีระฆังใบใหญ่เป็นสีแดง มีป้ายขนาดใหญ่แขวนไว้ตรงนั้น บนป้ายมีอักษรขนาดใหญ่เขียนว่า
” ลานประลองชี้เป็นชี้ตายสำหรับผู้ต้องการชำระความแค้น “
‘ชูเฟิง’ ชอบใจอย่างมาก เขาก็กระโดดขึ้นไปเหมือนลิงแล้วหยุดอยู่ด้านหน้าของระฆังใบใหญ่ จากนั้นก็ตีระฆังเสียงเสียงกึกก้องทั่วอากาศ มันดังไปทั้งพื้นที่หลักอย่างรวดเร็ว ซึ่งดึงดูดความสนใจของศิษย์หลักเป็นอย่างมาก เพราะนี้คือเสียงระฆังจากลานประลอง ชี้เป็นชี้ตายลานประลองชี้เป็นชี้ตาย
ดั่งชื่อของมัน หากมีความแค้น ไม่ว่าเป็นหรือตาย ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้ประลอง ซึ่งเป็นกฏของสำนักมังกรฟ้า ตราบใดที่ศิษย์ทั้งสองมีความแค้นที่ไม่อาจอภัยกันได้ พวกเขาต้องแก้ปัญหาด้วยการเอาชีวิตมาเดิมพัน หากทั้งคู่มาถึง ก่อนหน้านั้น พวกเขาจะต้องลงนามในใบยินยอมหากมีกรณีการตายเกิดขึ้นผู้ที่กล้าตีระฆังใหญ่บนลานประลองชี้เป็นชี้ตาย
หมายความว่าเขายอมรับความตายไว้แล้ว เมื่อทุกคนได้ยินต่างคึกคัก และอยากเห็นคนที่ตีระฆังมากที่สุด ในช่วงเวลานั้น เกือบจะทุกคน ในพื้นที่หลักมากันวิ่งมา แม้แต่เหล่าอาวุโสก็ยังมี
” นั้นมัน ชูเฟิง ไม่ใช่หรอ เขาไม่ได้ทำร้ายคนฝ่ายในอยู่งั้นหรอ ทำไมถึงได้มาที่นี่ ? “
” ผู้ชายคนนี้ช่างบ้าบิ่นยิ่งนัก ครั้งแรกที่เข้ามาพื้นที่หลักก็ไปสะดุดขาอาวุโส กง ลู่หยุน แล้วยังทำลายพลังวิญญาณของศิษย์ฝ่ายใน ในตอนนี้ยังมายืนอยู่บนลานประลอง ชี้เป็นชี้ตาย เขาคิดจะทำอะไรกันแน่ ? “
ชื่อของ’ชูเฟิง’ที่ไม่ค่อยดีกระจายไปทั่วทั้งสำนักมังกรฟ้าและภาพวาดของเขาต่างติดอยู่ทั่วทุกที่ มีใครบ้างไม่รู้จัก ‘ชูเฟิง’ พวกเขาจึงสับสนในการกระทำของเขาในเวลานั้น ทุกคนต่างมีความคิดเดียวกัน ว่าเด็กหนุ่มคนนี้รนหาที่ตายเมื่อเห็นคนเท่าภูเขาและมหาสุมทรรอบล้อมเวทีลานประลอง
‘ชูเฟิง’ จึงหยุดตีระฆัง แล้วก้าวออกมาพร้อมกับตะโกนเสียงดังใส่ผู้คนที่รายล้อม
” ใครคือ อู๋ จิ่ว ขึ้นมายอมรับความตายซะ !!! “
เด๋วจะบวกกันแล้ว คับ วางเดิมพันได้ ใครลงข้าง อู๋ จิ่ว @ รับแทงหมด ไม่อั้น . . . . . .
ที่มา: