ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปบทที่ 368 โลงศพน้ำแข็งดารา
ซูเฟยหยิ่งก่อนหน้าที่ยังไม่ได้เปลี่ยนชุด มีลักษณะบุคลิกที่ดูสูงส่งเย็นชา เพียงพริบตากลับกลายเป็นเทพธิดาที่แสนยั่วเย้ายวนใจ
นางคิดว่ากระโปรงดำชุดนี้มันอาจจะค่อนข้างคับเกินไป จนย่นคิ้วขมวดเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ใสใจนัก มือเขายกสะบัดขึ้น กลุ่มก้อนบอลเพลิงก็ปรากฏขึ้นเผาทำลายชุดกระโปรงสีขาวหิมะที่เป็นรูฉีกขาด
“ดูเป็นอย่างไรบ้าง?”
ซูเฟยหยิ่งมือหนึ่งกอบกุมหน้าอกก่อนจะกระโดดหมุนไปมา ผมยาวของนางปลิวไสว ทำให้ผมที่เงาดำนี้ ดูราวกับรำแพรหางนกโอ้อวดความสวยงาม ก่อนที่จะพับหางอันยั้วยวนเก็บกลับคืน มันช่างคล้ายกับผมยาวสลายดกดำของนางเหลือเกิน
ผู้หญิงแต่ละคนมักจะใส่ใจในภาพลักษณ์ของตัวเอง แม้กระทั่งซูเฟยหยิ่งก็ไม่ได้เป็นข้อยกเว้น
และท่าทางที่แสดงออกอย่างต่อเนื่อง มันทำให้ภาพลักษณ์นางมีเสน่ห์เปล่งประกายอันน่าอัศจรรย์ เย่เฟิงอดไม่ได้ที่จะมีความคิดชั่วร้ายซุกซนกะปล่อยให้นางเล่นอยู่คนเดียวไปทั้งวันทั้งคืนยันแรมปี
ถ้าหากแทนที่หลินชื่อฉิงเป็นคนสวมใส่ชุดนี้ เย่เฟิงคงจะไม่ค่อยประหลาดใจนัก แม้ว่าจะชมชอบอยู่เหมือนกัน แต่มันเหมือนกับว่าเทียบไม่ได้กับซูเฟยหยิ่งที่น่าตราตึงใจ มันเป็นรูปโฉมอันงดงามยามปกติที่ฝังลึกอยู่ภายในใจเขา ตอนนี้ซูเฟยหยิ่งราวกับกลายเป็นสาวยั่วสวาท ทรวงทรงอันมีเสน่หาอันน่าอัศจรรย์จนทำให้ผู้คนรู้สึกรุ่มร้อนไปแล้ว
ชุดกระโปรงดำอันนี้มันดูค่อนข้างคับเกินไปจริงๆ หน้าอกดูกลมกลึง บันท้ายและต้นขาที่รัดเข้ารูปทุกส่วนโค้งเว้า แต่ละส่วนแทบทำให้บุรุษต่างคลั่งได้เลย
“หยาดเยิ้ม”
เย่เฟิงที่คล้ายตกอยู่ในภวังค์ ท้ายที่สุดก็เอ่ยตอบออกมาสองคำ
ไม่ว่ามันจะเป็นคำไหน มันก็ไม่เพียงพอที่จะพรรณนาถึงความงดงามของซูเฟยหยิ่งในตอนนี้ได้เลย เย่เฟิงเพียงรู้อย่างเดียวว่า มันเป็นครั้งแรกที่เขามีความปรารถนาอย่างแรงกล้ากับซูเฟยหยิ่งตั้งแต่ที่เขาได้เกิดมา
อย่างไรก็ตามเขาก็ฟื้นคืนสติขึ้นมา ซูเฟยหยิ่งเป็นอาจารย์ของเขา เหตุใดเขาถึงมีความคิดประเภทนั้นได้กัน?
ภายในกระโปรงที่สั้นเซ็กซี่เล็กน้อย เปิดเผยขาเนียนขาวเรียวยาวราวกับแท่งหยก เพียงแค่เดินบางเบา รูปโฉมทำให้หัวใจผู้คนแทบกระตุก ถึงขนาดเย่เฟิงไม่ทันได้สังเกตว่าซูเฟยหยิ่งเดินมาถึงเบื้องหน้าเขาแล้ว
“ตั้งสติได้แล้ว เหมือนจะมีผู้คนอยู่ด้านนอก”
บนใบหน้างดงามของซูเฟยหยิ่งดูยั่วยวนเดินเข้ามาใกล้ๆก่อนจะกระซิบบอกเบาๆที่ข้างหูเย่เฟิง
เย่เฟิงกลับมามีสติทันที การรับรู้ของเขาไม่ได้เหนือว่าซูเฟยหยิ่ง ไม่ได้สังเกตเลยว่ามีเสียงอะไรอยู่ด้านนอกตำหนักหิน ทักษะสัมผัสวิญญาณไม่สามารถส่งผ่านม่านพลังตำหนักหินออกไปตรวจสอบได้ ซูเฟยหยิ่งได้แต่พึ่งพาสัมผัสการได้ยินถึงได้รู้ว่าด้านนอกมีผู้คนมาก
ร่างอันทรงเสน่ห์และบอบบางของนางที่ค่อยๆเข้ามาใกล้ ทำให้เย่เฟิงอดมิได้ที่จะยื่นมืออกไป คว้าไปยังแขนที่ดูไร้กระดูกกระเดี้ยว มือของนางเย็นเยียบอยู่ตลอดเวลา ถ้าหากเย่เฟิงไม่ได้เคยชินกับมัน เรื่องนี้คงจะทำให้เขารู้สึกหนาวสั่น
“ข้าจะไม่หลบอยู่เบื้องหลังเจ้าอีกแล้ว”
ขณะที่เย่เฟิงกุมมือนางอย่างแน่น ซูเฟยหยิ่งก็พูดออกมาอย่างแน่วแน่
“ไม่ว่าใครจะอยู่ด้านนอก ถ้ามีโอกาสหนีไปได้ ก็นำศิลาจิตวิญญาณสวรรค์ไปด้วย”
ซูเฟยหยิ่งไม่คิดตำหนิเขาพลางกุมมือกลับแน่น ภายในนัยน์ตาคู่งามเผยถึงความเฉลียวฉลาด ก่อนจะค่อยๆประคองกันลุกขึ้นพร้อมกัน
“ว่ายังไง?”
เย่เฟิงขมวดคิ้วมุ่นสงสัย
“ข้าไม่เป็นอะไรหรอก เชื่อข้าเถอะ”
ซูเฟยหยิ่งจ้องมองเขม็งไปยังนัยน์ตาทั้งอสองเขาพลางพูดอย่างเด็ดขาด
เย่เฟิงก็มองกลับไปที่นัยน์ตาคู่งาม พลันขบคิดได้ถึงบางอย่าง ท้ายที่สุดก็พยักหน้าลงหลายๆครั้ง “ข้ารู้”
เขาคลายมือของนางออก ก้าวออกไปข้างหน้า ยืนอยู่เบื้่องหน้าซูเฟยหยิ่ง และเผชิญหน้าเข้ากับประตูหิน ภายในดวงตาเต็มไปด้วยท่าทางที่เคร่งเครียด
เขาในตอนนี้ที่เบื้องหลังมีสาวสวยอันทรงเสน่ห์ที่แทบจะทำให้รู้สึกว้าวุ่นใจ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม พวกเขาทั้งสองจะต้องรักษาชีวิตเอาไว้ให้ได้เพื่อจะได้มีโอกาสคอยดูแลอีกฝ่ายด้วยกันได้
ไม่ว่าจะเป็นใครที่อยู่ด้านนอกตำหนักหินแห่งนี้ ไม่ว่าจะแข็งแกร่งเพียงใด แต่เขาจำเป็นต้องหลบหนีออกไปจากที่นี้ให้ได้เป็นอย่างแรก มันไม่รู้เลยว่าใครเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด แม้กระทั่งแมงมุมดำยักษ์เมื่อก่อนหน้านี้ ซึ่งตอนนี้พวกเขาทั้งสองสามารถสู้มันได้อย่างสบาย
เย่เฟิงต้องใช้วิชากระบี่ผ่ามิติให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เพื่อเคลื่อนย้ายพริบตาหนีไป ส่วนซูเฟยหยิ่งจะคอยอยู่ขัดขวางเอาไว้ให้
เกิดเสียง “เปรี้ยง” ขึ้น
ประตูตำหนักหินกลายเป้นแง้มเปิดเล็กน้อย
สมาธิของเย่เฟิงและซูเฟยหยิ่งจดจ่อเข้มข้นไปจนจุดสูงสุด เทียบพร้อมใช้ออกวิชาเซียนทุกเมื่อ
ครืน….
ประตูหินมันแน่นหนาถึงขนาดค่อยๆเปิดขึ้นอย่างช้าๆ เย่เฟิงส่งสัมผัสวิญญาณออกไปทันทีขณะที่มีรอยแง้มนิดเดียว กับฉากที่เขาได้รับรู้นี้ทำให้เขาตกใจ เขาพลันครุ่นคิด ด้านนอกมันจะมีผู้ใดมีความแข็งแกร่งน่ากลัวไปกว่าสหายคนนี้อีกหรือ แต่เขาไม่คิดเลยว่าจะยัง…
ประตูหินเปิดขึ้น ผู้คนทั้งสองฝ่ายด้านในและด้านนอกต่างตกใจกันอย่างเหลือเชื่อ
บุคคลที่เปิดประตูหินจากด้านนอกเขาไม่คาดคิดเลยว่าจะเป็นเฉินเจี้ยนสงและเหล่าจอมยุทธ!
เย่เฟิงรู้สึกโล่งอก แต่ก็รู้สึกสงสัยในทันที พวกเฉินเจี้ยนสงมากันได้อย่างไร แล้วเจ้าแมงมุมดำยักษ์ตัวนั้นล่ะ? ไม่ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ทังสองฝ่ายก็ถือว่าเป็นศัตรูกันอยู่ดี นอกจากนี้อีกฝ่ายจะมีพวกที่แข็งแกร่งอยู่อีกมามาย หรือพูดได้ว่า เย่เฟิงและซูเฟยหยิ่งไม่ใช่คู่มือของเขาเลยในตอนนี้เลย
สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือซูเฟยหยิ่งมีสภาพที่อ่อนแอในเวลานี้ เมื่อต้องพบเจอกับการปิดล้อเช่นนี้ก็ไร้พลังจะต้านทาน
ก่อนหน้านี้ตกลงร่วมมือกัน เมื่อมาหาสมบัติวิเศษที่จะเอามาใช้เป็นพลังงานแท่นอุปกรณ์วาร์ป แต่พวกเขาทอดทิ้งเฉินเจี้ยนส่งระหว่างทางที่มาภายในตำหนักหิน หลายวันที่ติดอยู่ในตำหนักนี้โหยหิวจนจะอดตายแล้ว
“พวกเจ้าทั้งสองมาได้ยังไงกัน?”
เฉินเจี้ยนสงเมื่อเห็นเย่เฟิงในเวลานี้ก็รู้สึกโมโหทันที เขาค้นพบแผนผังดาราบนเพดานเหนือตำแหน่งกับดักทะเลเพลิง จนพบเส้นทางปลอดภัยผ่านมาได้ ในที่สุดก็ค้นพบตำหนักหินแห่งนี้ได้ และไม่คาดคิดเลยว่าเย่เฟิงและซูเฟยหยิ่งจะอยู่ที่นี้
“แล้วยังไง?”
เย่เฟิงยกยิ้มอย่างดูแคลน ใช้สัมผัสวิญญาณไปตรวจสอบด้านนอกพบว่าสถานการณ์ทางประตูด้านนอกถูกปิดกั้นเอาไว้อยู่ จากนั้นร่างเขาก็สลายหายไป วิชากระบี่ผ่ามิติ! ในเมื่อประตูหินเปิดเอาไว้อยู่ เขาก็เหมือนกับปลากระดี่ที่ได้น้ำ เคลื่อนย้ายพริบตาออกไปทันที
เฉินเจี้ยนสงแทบจะไม่รู้ตัว เย่เฟิงก็ไปปรากฏขึ้นอยู่ใกล้ทางเดินด้านนอกแล้ว ปรากฏกระบี่ขึ้นด้านข้างและฟันลงไปที่ลำคอของศิษย์วังไท่จี๋ที่คอยคุ้มกันประตูอยู่ ขณะที่ภายในตำหนักหิน ผ้าไหมหิมะเหยียดขยายเพิ่มความยาวออกไปอย่างต่อเนื่อง
วูบวูบวูบ!
ผ้าไหมหิมะพันรอบร่างเฉินเจี้ยนสงและลดเลี้ยวคดโค้งไปพันอีกหลายสิบคนในทันที ขณะที่ไม่รู้ตัวพวกเขาก็ถูกรั้งเข้าไปภายในตำหนักหินด้านใน พร้อมด้วยกันทุกคน
มีเพียงเย่เฟิงคนเดียวที่ไปด้านนอกได้ เขาปราศจากความลังเล ก่อนที่จะดึงกลไกปิดประตูหินนี้ทันที
ประตูของตำหนักหินทรงกลมนี้ค่อยๆหล่นปิดลงมา!
ภายในตำหนักหิน เฉินเจี้ยนสงและเหล่าจอมยุทธที่มีวรยุทธก็ลงมืออย่างรวดเร็ว กำลังภายในในร่างปะทุขึ้น ผ้าไหมหิมะบิดหดลงจากด้านข้าง ก่อนที่จะถูกทำลายไป ความสามารถการต่อสู้ของซูเฟยหยิ่งในตอนนี้อ่อนแอลงอย่างมาก แน่นอนว่านางไม่สามารถรับมือเหล่าจอมยุทธที่มีวรยุทธกำลังภายในรวมกันถึงพันปี
ภายในตำหนักหิน ซูเฟยหยิ่งต้องเผชิญหน้ากับเฉินเจี้ยนสงและจอมยุทธอีกมากเพียงลำพัง สถานการณ์นี้มันน่าวิตกกังวลเป็นที่สุด แต่นางไม่ได้เป็นกังวลเลยสักนิดเมื่อพบเห็นเย่เฟิงได้วิ่งออกไปจากตำหนักหินเรียบร้อยแล้ว ในใจรู้สึกโล่ง เจิ้นชี่ภายในร่างโคจรมารวมกันอย่างฉับพลัน
วิชาเซียน โลงศพน้ำแข็งดารา
วิชานี้ต้องมีวรยุทธบรรลุหนึ่งร้อยปีถึงจะใช้วิชาเซียนนี้ได้ มันจะทำให้ซูเฟยหยิ่งติดอยู่ภายในแท่งน้ำแข็ง คล้ายกับเป็นโลงศพธรรมดา มีเพียงแค่คนที่มีวรยุทธสูงกว่านางถึงสามเท่า ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีทางที่จะทำลายโลงน้ำแข็งนี้ได้อย่างแน่นอน
ครืน!
อุณหภูมิภายในตำหนักหินนี้พลันลดลงฮวบฮาบ ส่วนคนที่ถูกดึงเข้าไปภายในตำหนัก เหล่าจอมยุทธทั้งพวกนั้นทางมีสีหน้าซีดม่วงคล้ำลง
……………………………..
แปลโดย คั่นหนังสือ