ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปบทที่ 379 รู้อยู่แล้ว
ในเมื่อเย่เฟิงกล้าที่จะมีอะไรกับเซียวเยวี่ย แน่นอนว่าเขาก็กล้าที่จะรับผิดชอบเธอ
ในเวลาตอนเช้า เขาพาเซียวเยวี่ยออกจากโรงแรม เรียกแท็กซี่ทันที มุ่งกลับไปยังหมู่บ้านชิงเฟิงทันที
หลังจากที่โรมรันพันตูกันในห้องน้ำเมื่อคืนนี้ จนกระทั่งตอนนี้เซียวเยวี่ยยังไม่ฟื้นตัวดี พอมาถึงหมู่บ้านชิงเฟิงก็ออกจากรถ เย่เฟิงจำต้องประคองเธอไว้ เงยหน้ามองลูกน้องหน้าบากที่ออกมาซื้อของทำอาหารเช้าและกำลังจะกลับไป
เย่เฟิงร้องทักให้เขาหยุดลง
“หน้าบาก?”
เย่เฟิงเอ่ยปากเรียก นึกชื่อของชายคนนี้ที่เป็นหนึ่งในลูกน้องทั้งแปดผู้ภักดีเบื้องหน้านี้คือเสี่ยวหลิว(หมายเลขหก)
“อ้า พี่เย่ พี่กลับมาแล้ว”
เสี่ยวหลิวใส่เสื้อแขนเปิดเผยสีหน้าเป็นกังวล ร่างอันบึกบึนรู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่ง เมื่อเห็นเย่เฟิงก็ยกยิ้มอย่างประหม่า
สำหรับเย่เฟิง ที่ได้สอนสั่งวิถีอสุราให้กับพี่น้องทั้งแปดของเขา พวกเขาต่างรู้สึกยกย่องชื่นชมจากเบื้องลึกของหัวใจ แค่เพียงได้ทำการฝึกฝน ก็รู้ได้อย่างชัดเจนว่าระหว่างการฝึกและไม่ฝึกมันห่างไกลกันขนาดไหน!
เสี่ยวหลิวตอนนี้ ความแข็งแกร่งเมื่อเทียบก่อนที่จะฝึกวิถีอสุรามีถึงสิบเท่า เขาเป็นลูกน้องที่เชื่อใจของหน้าบาก เป็นนักเลงมือดีของแก๊งอสรพิษสวรรค์ แต่ชายคนนี้ ตอนนี้เขาสามารถล้มคนเป็นโหลๆได้ด้วยตัวคนเดียว
และสิ่งเหล่านี้มันเป็นเพราะการปรากฏตัวของเย่เฟิงทำให้เขาเปลี่ยนไป และยังได้รับเงินสองล้านเพื่อส่งให้ครอบครัวที่บ้าน ทำให้เขาได้ช่วยเหลือครอบครัว การดูแลเช่นนี้มันดีขึ้นกว่าแต่ก่อนไม่รู้กี่เท่า แรกเริ่มมอบให้เขาหนึ่งล้านก็ทำให้เขายินดีอย่างยิ่งแล้ว ไม่คาดคิดว่าหลังจากงานแสดงสิ้นค้าจบลงเขาจะได้อีกหนึ่งล้าน เรื่องนี้มันทำให้เขาประหลาดใจและมีความสุขอย่างยิ่ง
เขามีลางสังหรณ์ว่า ตราบเท่าที่ติดตามเย่เฟิง ไม่นานเกินรอสักวันหนึ่งเขาจะผงาดขึ้นกลายเป็นมังกร!
เมื่อมองเย่เฟิงและเซียวเยวี่ยเดินเคียงข้างกันมา ท่าทางที่ดูสนิทสนม เสี่ยวหลิวแอบลองชื่นชมพี่เย่อย่างลับๆ เพียงไม่นานก็พาสาวสวยขนาดนี้กลับบ้านมาอีกแล้ว
ตอนนี้มีอาซ้อกี่คนกันแล้ว?
เสี่ยวหลิวถึงจะตกเลขตอนเรียนอยู่ก็ตาม แต่นี้มันจะนับไม่ได้จริงเหรอ ก่อนจะส่ายหัวไม่คิดอะไรต่อีก
“อืม กลับไปบอกหน้าบากด้วย สักพักให้มาหาฉันหน่อย มีเรื่องจะต้องพูดคุยกับเขาหน่อย”
เย่เฟิงไม่ได้ขบคิดเกี่ยวกับเสี่ยวหลิวอะไรอีก ก่อนพยักหน้าและออกคำสั่งออกไป
“ครับผม”
เสี่ยวหลิวตอบคำกลับ ก่อนที่เฝ้ามองอย่างเคารพไปยังเย่เฟิงที่เดินเข้าไปภายในหมู่บ้านชิงเฟิง
ยามที่เย่เฟิงโอบเซียวเยวี่ยกลับถึงเข้าทางเข้าคฤหาสน์ แก้มเซียวเยวี่ยแดงระเรื่อขึ้นเรื่อยๆ ภายในใจรู้สึกวิตกกังวลตลอดเวลา เพียงแค่อยู่กับเย่เฟิงก็เรื่องหนึ่งแล้ว แต่จะต้องเผชิญหน้ากับเหล่าผู้หญิงของเย่เฟิงคนอื่นอีก เธอไม่ได้เตรียมใจมาเผชิญเรื่องนี้เลย
เธอคิดว่าเย่เฟิงจะให้เธอรออยู่ข้างนอกสักพักก่อน และตอนหลังค่อยมาพาเธอไป แต่กลับไม่คาดคิดว่าเช้าวันถัดไปจะพาเธอกลับบ้านทันที เรื่องนี้ทำให้เธอประหลาดใจจริง
แบบนี้หลงหวางเอ๋อและซูเหมิงหาน พวกเธอทั้งสองจะไม่รุมเกลียดชังเธอหรอกหรือ?
เซียวเยวี่ยจำเป็นต้องคิดถึงปัญหานี้ เธอรู้ว่าเย่เฟิงเป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่ง ดังนั้นไม่อยากที่จะสร้างปัญหาให้กับเย่เฟิงในเรื่องพวกนี้ ครุ่นคิดหากสองสาวเล่นสกปรกขึ้นมา เธอคงทำได้แค่เพียงอดทนไปก่อน
ตราบเท่าที่เธอไม่ระเบิดอารมณ์ขึ้นมา มันก็ต้องดูว่าเธอทนทานได้นานแค่ไหน…
เย่เฟิงยืนอยู่หน้าทางเข้าคฤหาสน์ ใช้ทักษะสัมผัสวิญญาณสำรวจดูพบว่าที่คฤหาสน์มีเพียงแค่สองคน หลงหวางเอ๋อกำลังฝึกสมาธิอยู่ในห้องนอน น้าชูชูอยู่สนามหน้าบ้านรดน้ำต้นไม้อยู่ ร่างที่ดูอวบอิ่มสุกงอมพริ้วไหวภายใต้แสงตะวัน เต็มไปด้วยความยั่วเย้า
น้าชูชูเงยหน้ามองเห็นเย่เฟิงและเซียวเยวี่ยเดินเคียงข้างกันเข้ามาจากหน้าทางเข้าคฤหาสน์ บนใบหน้าเปิดเผยรอยยิ้มสดใสทันที “เสี่ยวเย่ เธอกลับมาแล้ว รีบเข้ามาเร็วๆ”
ส่วนเซียวเยวี่ย เธอเพียงเหลือบมองสำรวจดูเล็กน้อย ราวกับว่าไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก
เธอวางเอาบัวรดน้ำลงก่อนที่จะเดินออกไปทักทายและเปิดประตูให้พวกเขา
เกี่ยวกับพฤติกรรมของน้าชูชู เย่เฟิงและเซียวเยวี่ย อดมิได้ที่จะประหลาดใจ อีกฝ่ายราวกับไม่ได้แปลกใจเลยที่พวกเขากลับมาบ้านพร้อมกัน?
“เอ่อ…ผู้หญิงคนนี้คือเซียวเยวี่ย หลังจาก….”
เย่เฟิงขบคิดเพื่อจะแนะนำต่อน้าชูชู แต่คำพูดยังไม่ทันได้บอกก็ถูกขัดโดยน้าชูชู
“อืม น้ารู้อยู่แล้วจ๊ะ”
น้าชูชูยิ้มอย่างอ่อนโยน ยื่นมือออกไปกุมมือเซียวเยวี่ย “หลังจากนี้เสี่ยวเยวี่ยเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนะจ๊ะ ห้องนอนอยู่ชั้นสองจัดการเรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวน้าจะพาเธอไปดูก่อน เสี่ยวเย่ เหมิงหานและเจี้ยนหลานพวกเธอไปเรียนกัน หวางเอ๋อรอเธออยู่ข้างบน เธอรีบไปเถอะ สองวันที่เธอไม่อยู่ คิดถึงเธอแทบตายแล้ว”
คำพูดเหล่านี้ทำให้เย่เฟิงและเซียวเยวี่ยทั้งสองต่างนิ่งค้างตกอยู่ในภวังค์
เธอรู้อยู่แล้ว?
นอกจากนี้พวกเธอก็รู้กันหมด?
หากไม่เป็นเช่นนั้น คงไม่ราบรื่นเช่นนี้?
เซียวเยวี่ยรู้สึกเหมือนเธอกับฝันไป แต่สัมผัสที่มือของน้าชูชูส่งมา ทำให้รู้ว่ามันเป็นความจริง ดังนั้นทำให้เธอไม่รู้จะสงสัยอะไรในเรื่องนี้อีก
ด้วยฐานะของน้าชูชู เซียวเยวี่ยรู้ว่าเมื่อน้าชูชูพูดออกมาเช่นนั้นที่ว่าหลงหวางเอ๋อและซูเหมิงหาน พวกเธอรู้เรื่องแล้ว? นอกจากนี้ก็ยอมรับเธอ?
ช่างน่าเหลือเชื่อนัก….
เย่เฟิงกลับไม่ได้ประหลาดใจนัก คาดเดาได้ถึงบางอย่าง แต่ก็อยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นเล็กน้อย หรือรอสักพักค่อยถามหลงหวางเอ๋อดู
เซียวเยวี่ยโบกมือให้เย่เฟิง เดินไปข้างบนเพื่อดูห้องนอนกับน้าชูชู
เธอไม่ได้ต้องการจะอยู่ที่นี้ เพียงต้องการมากับเย่เฟิงเพื่อพบเหล่าผู้หญิงที่เหลือของเขา และจากนั้นก็จากมาคนเดียว แท้จริงไม่คิดเลยว่าจะพบเจอสถานการณ์เช่นนี้ แต่สำหรับเธอมันถือว่าเป็นประโยชน์ที่ดีต่อเธอ
ตอนแรกเธอกลับมายังเหยียนจิงไม่ได้เพราะความต้องการของตัวเอง เมื่อต้องอยู่ในหมู่บ้านตระกูลเซียว จะต้องเจอกลุ่มสามนางหกแม่* เจ็ดปากกับแปดลิ้น*น่ารำคาน และหลายคนต่างเปิดประเด็นที่เธอบอกเธอว่าสวยเซ็กซี่มากมายขนาดนี้แต่ไม่หาแฟนหนุ่มเป็นตัวเป็นตนเสียที
[คั่นหนังสือ : 三姑六婆/ซานกูหลิ้วผอ/สามนางหกแม่ = ในที่นี้สื่อถึงเหล่าพี่น้องของพ่อ พวกพี่ป้าน้าอา แต่มีความหมายในนิยายกำลังภายในในยุทธภพที่อธิบายถึง อาชีพของอิสตรีในวงการยุทธภพ พูดถึงผู้หญิงสามประเภทและหกอาชีพ ราวกับว่าเธอป่วยอะไรสักอย่าง
七嘴八舌/ชีจุ่ยปาเฉอ/เจ็ดปากกับแปดลิ้น = แข่งกันพูดมากจนหนวกหู]
ป่วย?
แกน่ะสิป่วย
เซียวเยวี่ยต้องการด่ากราดในอดีต แต่อีกฝ่ายเป็นคนในตระกูลเซียวของเธอ นอกจากนี้แม้ไม่อยู่ต่อหน้าเธอการสนทนานี้ก็จะหยุดไปเอง
สามารถอยู่กับเย่เฟิงได้ แน่นอนว่าเป็นเรื่องที่ดี ถ้าเย่เฟิงทำให้เธอเป็นผู้ฝึกเซียน ตั้งแต่นี้สมาคมการ์ตูนอะไรก็ไม่ต้องไปอีกแล้ว ลาออกให้จบๆไป
เธอรู้ว่าเย่เฟิงเปิดบริษัทเตาเฟิงเกี่ยวกับสิ่งไฮเทค(เทคโนโลยีขั้นสูง)อะไรสักอย่าง บริษัทนั้นยังมีตำแหน่งผู้จัดการเหลืออยู่ ถ้าหากเย่เฟิงต้องการ เธอสามารถที่จะช่วยเหลือจัดการเรื่องนั้นได้
ผู้หญิงของเย่เฟิงตอนนี้ ซูเหมิงหานและหลงหวางเอ๋อต้องไปเรียนและหมกมุ่นกับการฝึกฝน แน่นอนว่าไม่มีความสนใจการบริหารธุรกิจ เซียวเยวี่ยเข้ามาแล้วได้แต่คิดจัดการปัญหาอย่างฉุกเฉินเสมือนไฟไหม้หัวคิ้วเช่นนี้*
[คั่นหนังสือ 燃眉之急/ฉุกเฉินเสมือนไฟไหม้หัวคิ้ว = เรื่องจวนตัว]
แม้ว่าเซียวเยวี่ยจะเป็นนักวาดการ์ตูน แต่อยู่ข้างนอกคนเดียวหลายปี แน่นอว่ามีประสบการณ์การจัดการและเข้าใจดีเกี่ยวกับบริษัท ร่วมทำงานกับอู๋บีนี้เพื่อเป็นการสร้างผลกำไรของครอบครัว เชื่อว่าจะทำกำไรให้บริษัทได้เป็นจำนวนมาก
น้าชูชูพาเซียวเยวี่ยไปถึงห้องนอนที่เธอเตรียมพร้อมเอาไว้ จากนั้นเย่เฟิงก็ขึ้นไปข้างบน เปิดประตูห้องหลงหวางเอ๋ออย่างเงียบ เบี่ยงตัวเข้าไป
ขณะนี้หลงหวางเอ๋อกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียง กำลังจดจ่อกับการขยายเส้นชีพจร ตอนนี้เธอมีวรยุทธไปถึงขอบเขตสามสิบปี แต่น่าเสียดายที่ไม่มีสมบัติสวรรค์อีก ไม่สามารถเลื่อนวรยุทธขึ้นไปได้
เย่เฟิงใช้สัมผัสวิญญาณตรวจสอบเส้นชีพจรภายในร่างหลงหวางเอ๋อ อดมิได้ที่จะตื่นเต้น ด้วยวรยุทธของหลงหวางเอ๋อและประสบการณ์ต่อสู้ ถ้ามอบให้เธอใช้ผ้าไหมหิมะอุปกรณ์ขั้นวิญญาณ มิใช่ว่าเธอจะใช้ได้อย่างคล่องมือดังใจคิดเลยหรือ?
ถ้าหากร่วมมือกับเย่เฟิง จะทำให้เย่เฟิงมีประสิทธิภาพในการต่อสู้เพิ่มขึ้นถึงสองเท่า!
ก่อนหน้านั้นเย่เฟิงได้รับอุกกาบาตทรายเงินกับกระดองแมงมุมและยังมีซากร่างราชันปีศาจหั่วอวิ๋น เมื่อรวมกันทั้งหมด ควรที่จะสามารถสร้างอาวุธวิเศษดีๆได้
……………………………..
แปลโดย คั่นหนังสือ