I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Great Demon King ตอนที่ 5 นั่นเรียกว่าขโมยได้ยังไง

| Great Demon King | 2538 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

** เพจใหม่ค่ะ !! เพราะคาดว่าในอนาคตจะมีแปลมากกว่า 1 เรื่อง จึงเปิดใหม่เป็นเพจกลางสำหรับอัพเดททุกเรื่องไปเลยทีเดียวนะคะ

** FB จะอัพเดทเร็วกว่าที่อื่นล่วงหน้า 1 ตอน **

Chapter 5: นั่นเรียกว่าขโมยได้ยังไง?

เมื่อหานซั่วลืมตา ก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงไม้ในโรงเก็บของ เปียกโชกไปด้วยน้ำเย็นราวน้ำแข็ง ตรงหน้าเขา แจ็คถือถังไม้ในมือและกำลังพยายามอย่างหนักในการปีนขึ้นไปบนเก้าอี้ เพื่อราดน้ำเย็นเฉียบลงบนตัวหานซั่ว


ก้นของหานซั่วซึ่งเคยรู้สึกผ่อนคลายเมื่อวันก่อน ตอนนี้กลับเย็นจนแทบไร้ความรู้สึก เขาตะโกนอย่างดังเมื่อเห็นแจ็คกำลังจะเทน้ำเหนือตัวเขา


“แจ็ค! ทำอะไรของเจ้าน่ะ?!” 


แจ็คอ้วนตัวน้อยกำลังปีนขึ้นบนเก้าอี้ ซึ่งตั้งอยู่บนกองขยะที่ไม่มั่นคงอยู่แล้ว ขาของเขาโอนเอนไปมาด้วยความตกใจหลังได้ยินเสียงตะโกนของหานซั่ว มือจึงกระตุกจนถังน้ำหล่นลงบนหัวของหานซั่วเต็ม ๆ และเด้งลอยขึ้นจนหล่นลงบนอกของหานซั่วอีกครั้ง


 “โอ๊ยยย… ให้ตายสิแจ็ค จะฆ่ากันรึไง?”


หานซั่วเริ่มตัวสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ เมื่อโดนราดด้วยน้ำเย็นราวน้ำแข็งเป็นครั้งที่สอง ไม่เพียงเท่านั้น ตอนที่ถังที่มีน้ำอยู่เต็มหล่นใส่หัวก็เจ็บเกินบรรยาย จนต้องสบถสาบานออกมาดังลั่น


 “ขอโทษจริง ๆ ไบรอัน ข้านึกว่าแค่ถังเดียวจะปลุกเจ้าไม่ได้นะ เก้าอี้ของเจ้าก็โยกเยกเต็มที แล้วข้าก็ตกใจเสียงตะโกนของเจ้าอีก ก็เลยทำน้ำหกใส่เจ้าอีกรอบ!”


แจ็คอ้วนตัวน้อยขอโทษขอโพยอย่างสุดหัวใจ และเริ่มเช็ดคอให้หานซั่วด้วยผ้าขี้ริ้วที่หยิบได้จากพื้น

ใครจะรู้ว่าหานซั่วส่งเสียงร้องได้ราวกับหมูถูกเชือดซะขนาดนั้น เขารีบเบี่ยงตัวหนีและพูดว่า


“โอ แจ็ค ผ้าขี้ริ้วในมือเจ้ามีแต่ผงกระดูกจากการทดลองของศาสตร์แห่งความตาย อย่างกับมีเข็มเล็ก ๆ ทิ่มข้าตลอดเวลางั้นแหละ นี่ตั้งใจจะแทงกันให้ถึงตายรึไง?”


 “อา…ขอโทษนะ ไบรอัน ข้าไม่ได้ตั้งใจ ข้าไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ!”


แจ็คขวัญหนีดีฝ่อและโยนผ้าขี้ริ้วออกไปไกล ๆ พลางนึกโล่งใจที่ไม่มีผงกระดูกอยู่บนผ้าด้านที่เขาจับ


 “ฮัดชิ้ววว… ฮัดชิ้ววว… อา ลืมไปเลย แจ็ค ทำไมข้าถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ? ข้าโดนคำสาปฉีกวิญญาณของลิซ่าเล่นงานเอาเพราะเจ้าโง่บาคนั่นใช้ข้ารับเคราะห์แทนไม่ใช่เหรอ?”


คอของเขามีรอยถลอกแดงเป็นทาง หานซั่วยังคงจามไม่หยุดขณะพยายามถอดเสื้อผ้าอันเปียกโชกออก และรีบควานหาผ้าเช็ดตัวสีดำที่ไบรอันเคยใช้เช็ดตัวให้แห้ง


 “ไบรอัน เจ้ามีแผลเป็นเต็มตัวเลย!”


เมื่อได้ยินแจ็คพูด หานซั่วจึงได้เพ่งมองร่างกายตัวเองให้ชัด ๆ เป็นครั้งแรก เท่าที่สายตาของเขาสามารถมองเห็น ไม่มีแม้เพียงตารางนิ้วเดียวบนตัวเขาเลยที่ปราศจากรอยแผลเป็น เขาถอนใจ อีกครั้งที่เขารู้สึกเวทนาในชะตากรรมของไบรอัน


“แผลเป็นคือความทรงจำและตราเกียรติยศของลูกผู้ชาย เจ้าจะไปรู้อะไร รีบบอกข้าดีกว่า เกิดอะไรขึ้นบ้างหลังจากที่ข้าหมดสติไป?”


“ตอนเจ้าล้มลงไปเพราะคำสาปฉีกวิญญาณ  ก็ถึงเวลาเข้าเรียนพอดี ลิซ่าพูดแค่ไม่กี่คำแล้วก็วิ่งหนีเข้าห้องเรียนไป ข้าเลยตะโกนเรียกลุงซารุมาช่วยกันแบกเจ้ากลับมาที่นี่น่ะ”


“งั้นลุงซารุก็… เออ จริงสิ ว่าแต่ลิซ่าพูดว่าอะไรรึ?”


หานซั่วพยักหน้าพลางเช็ดตัวให้แห้ง ลุงซารุเป็นคนรับใช้ที่อายุมากที่สุดของสาขาศาสตร์แห่งความตาย เขาอายุ 50 ปีกว่า ๆ และค่อนข้างใจดีกับแจ็คและหานซั่ว เมื่อแรกที่ทั้งคู่เข้ามาทำงานที่วิทยาลัย ซารุก็เป็นคนรับใช้ที่นี่มากว่าสิบปีแล้ว


“ลิซ่าบอกว่าโชคร้ายสำหรับเจ้า เพราะถ้าคำสาปฉีกวิญญาณโดนที่บาคแทน เขาก็จะทรมานอยู่แค่สามวันเพราะเป็นถึงจอมเวทย์ฝึกหัด แต่เจ้าซึ่งไม่ใช่ทั้งนักเรียนศาสตร์แห่งความตาย และไม่มีพลังจิตเลยแม้แต่นิดเดียว เจ้าก็น่าจะต้องทนทรมานไปเป็นเดือน และเพราะเจ้าไปรบกวนเวลานอนของเธอเมื่อคืน และทำให้เธอเจ็บเท้าเพราะเจ้าเอาก้อนหินใส่ไว้ในกางเกง เธอก็เลยไม่ยอมถอดคำสาปให้”


“ให้ตายสิ กล้าดียังไงทำกับข้าแบบนี้ สักวันต้องเอาคืนให้ได้เลย!”


หานซั่วมีสีหน้าเข้มขึ้นเมื่อได้ยินแจ็คเล่า และเริ่มสาปแช่ง ท่าทีและความคิดของเขาทำให้แจ็คสะดุ้ง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ลิซ่าทำแบบนี้กับเขา และก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยเห็นเขาคิดทำอะไรเพื่อแก้แค้นเธอเลย

เมื่อหานซั่วคลายความโกรธลงแล้ว เขาก็พูดขึ้นว่า


“บาคมีพลังจิตเพราะเขาเป็นจอมเวทย์ฝึกหัด และต้องทรมานอยู่แค่ 3 วัน ส่วนข้าต้องทรมานอยู่เป็นเดือนงั้นรึ ฮี่ฮี่ ข้านี่ก็มีคุณสมบัติใช่ย่อยแฮะ ถ้าข้าเรียนเวทมนตร์ศาสตร์แห่งความตายบ้าง บางทีแค่ 3 วัน ข้าก็อาจจะหายเหมือนกันสินะ”


 “ไบรอัน เจ้าเป็นทาสรับใช้ จะเรียนเวทมนตร์ได้ยังไงกัน?”


 “ก็พวกนักเรียนเรียนเวทมนตร์กันยังไงล่ะ?”


 “อย่างแรกเลย ต้องฝึกพลังสมาธิเพื่อเรียนรู้และสัมผัสถึงธาตุมนตราต่าง ๆ เมื่อบ่มเพาะพลังจิตแล้ว ก็ต้องศึกษาความรู้ทั้งหมดในตำราเวทมนตร์และฝึกการร่ายเวทย์ ถ้ามีไม่เข้าใจตรงไหนก็ค่อยปรึกษาอาจารย์”


แจ็คตอบตามความจริง หลังครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง


 “นี่ไง ข้าฝึกพลังสมาธิได้ และพอข้าฝึกพลังจิตได้เมื่อไหร่ ก็ค่อยไปศึกษาวิธีร่ายเวทย์ในตำราเอาก็ได้สิ”


 “แต่เจ้าไม่มีตำราเวทมนตร์ไม่ใช่รึ?”


พอการสนทนามาถึงตรงนี้ หานซั่วเอนตัวไปหาแจ็ค และอ้าแขนโอบรอบตัวแจ็คอย่างเป็นมิตร พลางยิ้มอย่างมีชัยและพูดว่า


“แต่ข้ามีเจ้าอยู่นี่ไง เจ้าเป็นคนทำความสะอาดห้องสมุดไม่ใช่รึ?”


แจ็คตกตะลึงและรีบผละออกจากหานซั่วทันที และพูดด้วยเสียงตระหนกตกใจว่า


“ไบรอัน เจ้าจะให้ข้าขโมยตำรามาให้เจ้างั้นรึ?”


“หยาบคายชะมัด! แบบนั้นเรียกขโมยได้ยังไง ข้าแค่ขอให้เจ้ายืมตำราบางเล่มมาให้ก็เท่านั้นเอง พอข้าอ่านเสร็จ เจ้าก็ค่อยเอาไปคืน ไม่มีใครอ่านตำราพื้นฐานพวกนั้นอยู่แล้ว ใครจะรู้ล่ะ? แจ็ค วันนี้ข้าตกอยู่ในสภาพย่ำแย่มากเพราะพยายามช่วยเจ้านะ คราวนี้เจ้าช่วยข้าบ้างไม่ได้รึ?”


หานซั่วพูดกับแจ็คอ้วนตัวน้อยอย่างจริงจัง


แจ็คลังเลอยู่ครู่หนึ่งเมื่อได้ยินหานซั่วพูด แต่สุดท้ายก็ตอบตกลงที่จะ “ยืม” ตำราเวทมนตร์ให้หานซั่ว หลังจากเขาส่งสายตาอ้อนวอนเขาเหมือนลูกหมา


กลางดึกคืนนั้นเอง แจ็คแอบย่องเข้ามาหา พร้อมส่งสำเนา “ตำราศาสตร์แห่งความตายขั้นพื้นฐาน” และ “พจนานุกรมศัพท์เวทมนตร์” ให้หานซั่ว และย้ำให้เขาระมัดระวังทุกวิถีทาง ก่อนจะแอบหนีกลับออกไปอย่างลับ ๆ ล่อ ๆ


ในฐานะทาสรับใช้ ไบรอันไม่มีสิทธิ์รู้หนังสือ แต่อย่างไรก็ตาม ในเมื่อเป็นทาสซึ่งมีหน้าที่ต้องทำแทบทุกอย่าง ตลอด 6 ปีที่ผ่านมา เขาจึงพอจำคำต่าง ๆ ได้บ้าง ความรู้ทุกอย่างถูกส่งผ่านมายังหานซั่ว ทำให้เขาสามารถอ่านตำราได้ทั้งสองเล่ม


หานซั่วปิดประตูโรงเก็บของหลังจากแจ็คออกไป พลิกกระดาษสีเหลืองแผ่นแรกของ “ตำราศาสตร์แห่งความตายขั้นพื้นฐาน” และเริ่มต้นอ่านด้วยความสนใจใคร่รู้


เวทมนตร์ คือ วิธีสื่อสารกับธาตุมนตราของโลกผ่านการใช้พลังจิต การใช้เวทมนตร์มีด้วยกันทั้งสิ้น 4 วิธี คือ การร่ายเวทย์ ม้วนคาถา (หรือวัตถุเวทมนตร์) หัตถ์มนตรา* และมิติเวทมนตร์**


*หัตถ์มนตรา แปลมาจาก Hand Seals เพราะจีนก็ใช้คำว่า Gesture เลยคาดว่าน่าจะเป็นการใช้มือวาด “วงเวทย์” หรือการออกท่าทางตอนใช้เวทย์แบบด็อกเตอร์สเตร้นจ์ (หนังมาร์เวล) ถ้าใครเคยดูน่าจะเข้าใจ

**Magic Matrixes หรือ มิติเวทมนตร์ หรือบ่อเกิดเวทมนตร์ คำนี้กว้างมาก ๆ -_- ยังไม่มึคำอธิบาย แต่ขอแปลแบบนี้ไปก่อน


ครั้งหนึ่งศาสตร์แห่งความตายเป็นเวทมนตร์ที่เคยเจริญรุ่งเรืองอย่างถึงที่สุด ตามการจัดอันดับความนิยมแล้ว เวทมนตร์สายธาตุมืดทุกสาขาล้วนเป็นรองศาสตร์แห่งความตาย แต่เป็นที่น่าเสียดาย เพราะหลังพ้นจากยุคสมัยอันเฟื่องฟู  ศาสตร์แห่งความตายกลับเป็นได้เพียงสาขาย่อยของเวทมนตร์สายธาตุมืดเท่านั้น


พื้นฐานของเวทมนตร์ศาสตร์แห่งความตาย คือ การควบคุมภูตผี วิญญาณ และโครงกระดูก เมื่อศาสตร์นี้เริ่มก้าวหน้าขึ้น และเหล่าบรรพชนได้ทำการทดลองอย่างต่อเนื่อง คาถามากมายจึงถูกพัฒนาขึ้น จนค่อย ๆ สามารถก่อร่างสร้างตัวอย่างเป็นรูปธรรมและกลายเป็นเวทมนตร์สายธาตุมืดได้ในที่สุด


พลังจิตคือรากฐานสำคัญของเวทมนตร์ทุกแขนง วิธีเดียวในการบ่มเพาะพลังจิตคือการสัมผัสถึงธาตุมนตราผ่านการฝึกพลังสมาธิ ซึ่งคนธรรมดาสามัญไม่สามารถทำได้ หากแต่ต้องเป็นผู้ซึ่งมีคุณสมบัติในการเป็นจอมเวทย์เท่านั้น


ดังนั้น สิ่งที่หานซั่วทำเป็นสิ่งแรกเมื่อศึกษา “ตำราศาสตร์แห่งความตายขั้นพื้นฐาน” คือ การฝึกพลังสมาธิเพื่อให้ได้มาซึ่งพลังจิต อย่างไรก็ตาม เมื่อการฝึกผ่านไปถึงเจ็ดวัน สิ่งที่เขาได้รับคือความว่างเปล่า ไร้ซึ่งวี่แววการสัมผัสได้ถึงพลังจิต


หานซั่วสามารถฝึกเข้าฌาณได้เพียงช่วงเวลากลางคืนของเจ็ดวันที่ผ่านมา เพราะเขาต้องเป็นไบรอันจอมขยันและซุ่มซ่ามในตอนกลางวันด้วย ในฐานะเด็กรับใช้รายวันผู้มีหน้าที่ทำความสะอาด กำจัดเชื้อโรค แมลงรบกวน และทิ้งขยะ มิเช่นนั้นแล้ว จะไม่มีที่ให้เขาอยู่ในวิทยาลัยแห่งนี้


และเพราะผลของคำสาปฉีกวิญญาณ สมองของหานซั่วจะบีบเกร็งอย่างเจ็บปวดบ้างในทุกวัน สองครั้งแรกถึงกับปวดจนหมดสติไป แต่หลังจากนั้นเขาก็เริ่มปรับตัวและพยายามประคองตัวเองให้ยืนอยู่ได้

ชื่อเสียงของหานซั่วผู้กึ่งบ้ากึ่งปัญญาอ่อนสะพัดไปทั่ว แม้ว่าจะดูเหมือนคนงุ่มง่ามสติไม่ดี แต่เขาก็สามารถทำหน้าที่แต่ละวันของตัวเองจนเสร็จ วิทยาลัยบาบิโลนจึงยังไม่ไล่เขาออกเพราะยังเห็นว่ายังทำงานได้เช่นเดิม


ในขณะที่เหล่านักเรียนศาสตร์แห่งความตายต่างรับรู้เกี่ยวกับความบ้า ๆ บอ ๆ ของหานซั่ว พวกเขายังคิดตรงกันอยู่อย่างหนึ่งว่า เพราะทำงานมาถึง 6 ปี จนกลายเป็นพฤติกรรมตามความเคยชิน แม้จะเริ่มเสียสติไป แต่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการทำงานของเขาได้ จึงเป็นสาเหตุที่เขายังคงทำหน้าที่ของตัวเองสำเร็จในทุกวัน 


ยกเว้นเพียงเรื่องเดียว ช่วงนี้ หานซั่วมักจะเกิดอาการ “ปวดหัว” อย่างกะทันหัน เมื่อใดก็ตามที่นักเรียนจับเขาไปทำการทดลอง เขาจะเริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้มากขึ้นเรื่อย ๆ และบางครั้งถึงกับพังห้องทดลองไปเลยก็มี แต่พวกนักเรียนก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะรู้ว่าหานซั่วโดนคำสาปฉีกวิญญาณของลิซ่า ซึ่งน่าจะกระทบกับสภาพทางจิตของเขาด้วย


แม้แต่ตอนนี้ ก็ยังไม่มีใครรู้ว่าลิซ่าเล่นงานบาคทำไม บาคซึ่งยังรู้สึกหดหู่อยู่ ก็มักหาเรื่องเฆี่ยนตีหานซั่วอย่างไร้เหตุผล บาคเป็นจอมเวทย์ฝึกหัดและแข็งแรงกว่ามาก หานซั่วจึงมักลงเอยด้วยสภาพย่ำแย่ แม้ว่าจะแกล้งบ้าและโต้ตอบแล้วบ้างก็ตาม


หานซั่วได้แต่กลับมาระเบิดอารมณ์สาปแช่งด้วยเสียงอันดังเมื่อกลับมาถึงโรงเก็บของในตอนกลางคืน

 

“บาค ไอ้สารเลวเอ๋ย รอก่อนเถอะ ข้าจะเล่นงานเจ้าจนพ่อกับแม่เจ้าจำหน้าไม่ได้เลย คอยดู! ”


วันนี้ เขาโดนบาคเฆี่ยนอีกแล้ว และบาคอัญเชิญโครงกระดูกตัวเล็กมาเป็นกำลังเสริมด้วยตัวหนึ่ง หานซั่วซึ่งสู้แรงสองต่อหนึ่งไม่ไหว ก็เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำดำเขียวทั่วร่าง แต่ครั้งนี้ต่างออกไป หานซั่วรู้สึกว่าความแข็งแกร่งของเขาพัฒนาขึ้นทุกวัน ๆ พร้อม ๆ กับเรื่องอาหารการกิน เพราะเมื่อใดก็ตามที่ยังหิวอยู่หลังจากได้กินปันส่วนของตัวเองแล้ว เขาจะขออาหารจากแจ็คเพิ่มอีก


แม้การโดนบาคเฆี่ยนตีจะเจ็บเกินบรรยาย แต่เมื่อกลับมายังโรงเก็บของ หานซั่วจะใช้โอกาสนี้ฝึกตามหลักของอาณาจักรพลังรูปธรรม อาการเจ็บปวดทุกอย่างของเขาจะจางหายไปในช่วงเวลากลางคืน และตื่นอย่างสดชื่นได้ในเช้าวันรุ่งขึ้น และครั้งต่อไปที่โดนบาคเล่นงานอีก เขาจึงรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ลดลงเรื่อย ๆ


หานซั่วจะรีบกลับมาที่โรงเก็บของทันทีหลังจากถูกทุบตีพร้อมกับเริ่มต้นฝึก และช่วงนี้เอง ที่แก่นมนตราซึ่งเคยมีอยู่น้อยนิดในร่างกายเขา ก็เติบโตมากขึ้นโดยที่เขาไม่รู้ตัว


ดูเหมือนว่าร่างกายของหานซั่วจะเริ่มเยียวยาตัวเองอย่างช้า ๆ ทุกครั้งหลังจากที่วัฏจักรการถูกทำทารุณและการฝึกตนวนเวียนเช่นนี้อยู่เรื่อย ๆ แก่นมนตราเองก็ค่อย ๆ เริ่มมีขนาดใหญ่ขึ้น จากเดิมที่มีขนาดเพียงนิ้วหัวแม่โป้ง


ความเปลี่ยนแปลงทั้งสองอย่างนี้ทำให้หานซั่วตื่นเต้นและหวาดกลัวในคราเดียวกัน เขาตื่นเต้นที่แก่นมนตรากล้าแข็งขึ้น ร่างกายและวิญญาณของเขาก็พัฒนาขึ้นด้วยเช่นกัน แต่เขาก็หวาดกลัว เพราะยิ่งแก่นมนตราแข็งแกร่งขึ้นเท่าไร เขาก็ยิ่งควบคุมอารมณ์ตัวเองยากขึ้น จนอาจพลาดทำอะไรที่เขาต้องกลับมานึกเสียใจภายหลัง


เขาดึง “ตำราศาสตร์แห่งความตายขั้นพื้นฐาน” ออกมาจากใต้เตียงไม้เล็ก ๆ ของเขา หลังจากพลิกอ่านได้ครู่หนึ่ง ก็เริ่มฝึกพลังสมาธิเข้าฌานอย่างที่ทำเป็นประจำ เขาโคจรแก่นมนตราไปทั่วร่างอย่างไร้ทิศทาง ตำแหน่งที่ร่างกายเจ็บปวดต่างบรรเทาลงอย่างมากเมื่อแก่นมนตราโคจรผ่าน


เศษเสี้ยวหนึ่งของแก่นมนตราค่อย ๆ โคจรผ่านจากคอขึ้นไปยังสมองขณะที่หานซั่วเข้าฌานอยู่ และครั้งนี้เอง ความเจ็บปวดที่คุ้นเคยกำลังจะเริ่มพุ่งพล่านขึ้นในสมอง เขารู้ทันทีว่าคำสาปฉีกวิญญาณของลิซ่ากำลังจะส่งผลอีกครั้ง


ทันใดนั้นเอง เมื่อสมองของหานซั่วเริ่มเจ็บ แก่นมนตราก็ไหลไปยังศูนย์กลางของสมอง นี่เป็นครั้งแรกที่แก่นมนตราเคลื่อนไปยังสมองขณะคำสาปฉีกวิญญาณกำลังแสดงผล หานซั่วรู้สึกราวกับว่ามีกระสุนปืนใหญ่เจาะทะลุสมอง


และเขาก็หมดสติไปอีกครั้งเพราะอาการปวดอย่างรุนแรง

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments