I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Great Demon King ตอนที่ 27 ให้ตายสิ เรานี่มันเจ๋งชะมัด!

| Great Demon King | 2538 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

GDK ตอนที่ 27 ให้ตายสิ เรานี่มันเจ๋งชะมัด!

“ดีเลย เราจะไปในอีก 2 วันนะ ระหว่างนี้ก็ไปเตรียมตัวให้พร้อม ส่วนหน้าที่รับใช้ของเจ้า ข้าจะไปคุยกับฝ่ายบริหารวิทยาลัย ว่าให้โอนไปให้อีก 3 คนที่เหลือชั่วคราว เพราะฉะนั้น ไม่ต้องเป็นห่วง”

แฟนนี่ยิ้มอย่างมีเสน่ห์เมื่อเห็นหานซั่วตอบตกลง ใบหน้างดงามนั้นยิ่งดูน่าติดตาตรึงใจมากขึ้นอีกเพราะรอยยิ้มของเธอ ทำเอาหัวใจของหานซั่วพุ่งพล่านเล็กน้อย

ก่อนที่เขาจะเข้ามาอยู่ในร่างของไบรอัน ชีวิตของหานซั่วจัดว่าเป็นพวกเหลวแหลกเลยก็ว่าได้ ไม่เพียงแค่เขาไม่ได้ทำงานอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ชีวิตรักก็ยิ่งน่าสมเพชเกินรับไหว เขาไม่เคยรู้อะไรเกี่ยวกับเลยผู้หญิงจนกระทั่งวันนี้

เมื่อมาถึงโลกใบนี้ การพยายามควบคุมตัวเองของหานซั่วก็ลดน้อยลง และเพราะการฝึกฝนเวทมนตร์ ทำให้ความปรารถนามากมายเพิ่มมากขึ้น ชีวิตจมปลักที่น่าหดหู่และไร้จุดหมายในอดีตนั้น ถูกฝังไว้ในตัวตนเก่าของเขาอย่างสมบูรณ์ รวมทั้งแรงกดดันจากครอบครัวและนิสัยขี้อายที่เคยส่งผลให้เขาไม่เคยกล้าคิดทำตามความคิดชั่วร้ายที่เขาเคยเฝ้าฝันไว้

และตอนนี้ในโลกที่ต่างไปอย่างสิ้นเชิง ด้วยความแข็งแกร่งที่เพิ่มมากขึ้นจากการฝึกซ้อมเวทมนตร์ ความคิดยับยั้งชั่งใจเมื่อในอดีตได้หายไปหมดสิ้น เขาต้องการเพียงใช้ชีวิตให้เต็มที่โดยไม่นึกเสียใจ และทำความฝันทุกอย่างที่เคยถูกฝังไว้ลึก ๆ ในใจให้เป็นจริงขึ้นมา

และผู้หญิง โดยเฉพาะผู้หญิงสวย ๆ จึงเป็นความปราถนาที่หัวใจของหานซั่วไม่เคยต้านทานได้

แฟนนี่ไม่ได้เป็นเพียงผู้หญิงที่สวยและมีสเน่ห์น่าหลงใหล แต่เธอยังสนอกสนใจความเป็นอยู่ของหานซั่วมากเป็นพิเศษ และเขาก็อยู่ในวัยที่มีความปรารถนาเกี่ยวกับเพศตรงข้ามแล้ว จึงหักห้ามใจตัวเองไม่ค่อยได้สักเท่าไหร่ ยิ่งหลักของเวทมนตร์ปีศาจก็บอกว่า ผู้ใช้เวทย์ปีศาจจะทำตามใจปรารถนา ด้วยแล้ว ธรรมชาติจึงทำให้หานซั่วมองแฟนนี่ในฐานะเหยื่อของความใคร่

“อาจารย์แฟนนี่ครับ อสูรมิติมืดที่เราอัญเชิญมาจะไม่เหมือนกันสักตัวเลยเหรอครับ? เป็นไปได้มั้ยครับว่าเราจะอัญเชิญอสูรตัวเดิมมาอีกครั้ง หลังจากที่เราส่งมันกลับไปยังมิติอื่นแล้วน่ะครับ?”

เมื่อหานซั่วสัญญากับแฟนนี่ว่าจะออกเดินทางไปด้วย เขาจึงต้องจัดการเรื่องของเขาเอง  หานซั่วทำอะไรไม่ได้เลยเมื่อไม่มีเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กที่เขาไว้ใจอยู่เคียงข้าง

แม้เขาสามารถสื่อสารกับมันได้จากระยะไกล แต่ด้วยระดับพลังจิตของเขาตอนนี้ หากออกเดินทางก็คงจะยากที่จะคงการสื่อสารเอาไว้ เพราะครั้งนี้พวกเขาต้องแยกจากกันเป็นระยะทางที่ไกลมาก และถ้าเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กเจอปัญหาในขณะที่หานซั่วไม่ได้อยู่ใกล้ ๆ คอยใช้พลังจิตสั่งการมันล่ะก็ คงวุ่นวายไม่น้อย

แม้หานซั่วมั่นใจว่าเขาสามารถส่งเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กกลับไปยังมิติอื่นได้ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะอัญเชิญมันกลับมาอีกครั้งได้รึเปล่า เขาอยากจัดการปัญหานี้ให้ได้ก่อนออกเดินทาง และในฐานะอาจารย์ของสาขาศาสตร์แห่งความตาย แฟนนี่จะต้องรู้ดีเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว หานซั่วไม่มีทางแก้ปริศนานี้ได้ ก็ไม่ได้แปลว่าแฟนนี่จะแก้ไม่ได้ จึงจำเป็นต้องถามออกมา

แฟนนี่มองหานซั่วด้วยความสับสนเมื่อได้ยินคำถามนั้น ริมฝีปากอวบอิ่มของเธอขยับและเริ่มพูด

“เอ๋ ไบรอัน ทำไมเจ้าถึงถามแบบนี้ล่ะ? มันเป็นเรื่องที่นักเรียนศาสตร์แห่งความตายจะต้องใส่ใจ แต่เจ้าไม่ควรสนใจเรื่องพวกนี้นะ”

“อ๋อ คำถามของลิซ่าน่ะครับ ข้าแค่มาถามให้เธอเฉย ๆ”

หานซั่วน้อมหัวและพูดอย่างจริงใจ

เมื่อได้ยินหานซั่วตอบ แฟนนี่ก็ไม่ได้ติดใจสงสัยอะไร เพราะเธอรู้ว่าลิซ่าชอบฝึกใช้เวทมนตร์ศาสตร์แห่งความตายกับหานซั่วบ่อย ๆ จึงสมเหตุสมผลพอที่ลิซ่าจะฝากหานซั่วมาถาม เธอครุ่นคิดครู่หนึ่งและตอบไปว่า

“เพราะงั้นเองสินะ… ไม่ใช่ว่าเราไม่สามารถอัญเชิญอสูรตัวเดิมกลับมาหลังจากที่ส่งมันไปมิติอื่นหรอก แค่ปกติแล้ว เราไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นก็เท่านั้นเอง

ทุกครั้งที่อสูรมิติมืดถูกอัญเชิญมาจากอีกมิติหนึ่ง ไม่ว่าจะตัวเดียวหรือเป็นกลุ่ม ก็จะถูกสุ่มเลือกจากฝูงอสูรมิติมืดในระดับเดียวกัน ขึ้นอยู่กับพลังจิตที่ใช้ในการร่ายเวทย์ด้วย เพราะอสูรมิติมืดในระดับเดียวกันก็จะมีความแข็งแกร่งเท่า ๆ กัน จึงไม่มีใครใส่ใจเรื่องนี้มากนักน่ะ”

“งั้นถ้าเราอยากอัญเชิญอสูรมิติมืดตัวเดิมหลังจากส่งมันกลับไปอีกมิติแล้ว ต้องทำยังไงเหรอครับ?”

หานซั่วคิดตามอย่างรวดเร็วและตามด้วยคำถามทันที

แฟนนี่ค่อย ๆ เก็บม้วนคาถา นิ้วเรียวยาวของเธอคลำไปตามพื้นทางเดิน เธอขมวดคิ้วขณะอธิบาย

“ถ้าอยากอัญเชิญอสูรตัวเดิมมาอีกครั้งจริง ๆ ต้องประทับตราเวทมนตร์ไว้บนร่างกายของมัน และพุ่งเป้าไปที่อสูรตัวนั้นผ่านตราเวทมนตร์ในครั้งต่อไปที่จะอัญเชิญ วิธีนี้ก็จะทำให้เราอัญเชิญอสูรตัวเดิมกลับมาได้ แม้ว่าจะส่งมันกลับไปยังมิติอื่นแล้วจ้ะ”

หัวใจของหานซั่วลิงโลดขึ้นทันทีที่ได้ยินแฟนนี่พูด แต่เขาก็ย่นหน้าผากทันทีพลางพึมพำกับตัวเองว่า

“อย่างงี้นี่เอง สงสัยจัง ลิซ่าจะรู้มั้ยนะว่าจะประทับตราเวทมนตร์บนตัวอสูรมิติมืดที่อัญเชิญมาได้ยังไง”

เมื่อมองหานซั่วด้วยสายตาประหลาดใจ แฟนนี่ก็ยิ้มและพูดอย่างอ่อนโยนว่า

“ไบรอัน เจ้านี่เป็นคนที่จิตใจดีจริง ๆ เลยนะ ข้ารู้ว่าลิซ่าไม่ค่อยทำดีกับเจ้าสักเท่าไหร่ และยังสร้างปัญหาให้ร่างกายเจ้าเพราะคำสาปกรีดวิญญาณอีก ไม่เพียงแต่เจ้าไม่ถือโทษโกรธแค้นอะไร แต่เจ้ากลับเป็นห่วงเธอเสียอีก ทุกวันนี้ คนที่ซื่อบริสุทธิ์และจิตใจดีแบบเจ้ามีน้อยมากเลยนะ”

ซื่อบริสุทธิ์! จิตใจดีงั้นรึ! หานซั่วพูดอะไรไม่ออก ได้แต่คงรอยยิ้มซื่อ ๆ ไว้บนหน้า เขาเกาหัวและพูดอย่างอาย ๆ ว่า

“ข้าแค่คิดว่า ไม่ว่าเหตุผลใดก็ตาม ความเคียดแค้นไม่ใช่สิ่งที่ควรทำน่ะครับ  แล้วคนก็จะเข้าใจเราเอง ถ้าเราปฏิบัติกับเขาดี ๆ แหะ ๆ”

แฟนนี่หัวเราะเบา ๆ และพยักหน้าเชิงเห็นด้วยในสิ่งที่หานซั่วพูด แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เธอหยิบกระดาษสีเหลืองแผ่นบางออกมาจากตู้ข้าง ๆ ใช้นิ้วเรียวยาวของเธอหยิบปากกาขนนกจุ่มในน้ำหมึก ก่อนจะขีดเขียนอะไรบางอย่างลงไป

เพียงครู่เดียว แฟนนี่ก็เขียนข้อความบางอย่างลงในกระดาษ ปักปากกาขนนกลงในขวดน้ำหมึกตามเดิม และยื่นกระดาษแผ่นนั้นให้หานซั่วพร้อมกับยิ้ม

“นี่เป็นคาถา แล้วก็วิธีประทับตราเวทนตร์ลงบนตัวอสูรมิติมืดที่อัญเชิญมา เอาไปให้ลิซ่าสิ ข้ารู้ว่านักเวทย์ระดับเริ่มต้นอย่างเธอคงรู้ว่าต้องทำยังไง”

หานซั่วดีใจจนเนื้อเต้นเมื่อเขารับกระดาษจากแฟนนี่ เขาน้อมหัวพร้อมกับยิ้มซื่อ ๆ และพูดอย่างกระตือรือร้นว่า

“ข้าจะรีบไปเดี๋ยวนี้เลยครับ ลิซ่าต้องดีใจมากแน่ ๆ”

หานซั่วรีบวิ่งออกจากห้องทดลองของแฟนนี่อย่างเร่งรีบทันทีที่พูดจบ พร้อมกับกระดาษแผ่นบางที่กำแน่นไว้ในมือ

“เป็นเด็กที่ใสซื่อจริง ๆ น้า หวังว่าต่อไปลิซ่าจะหาเรื่องเขาน้อยลงเพราะเรื่องนี้นะ”

แฟนนี่ยิ้มเล็กน้อย และพูดอย่างมีความหวังเมื่อเห็นหานซั่วรีบพรวดพราดออกจากห้องไป

………………………….

เวลาเที่ยงคืน ณ สุสานหลังวิทยาลัยเวทมนตร์และศาสตร์แห่งพลังบาบิโลน

“โอ ความมืดมิดอันเป็นนิรันดร์เอ๋ย จงแปรเปลี่ยนเป็นศรกระดูก และทำลายล้างตามประสงค์แห่งข้า… เวทย์ศรกระดูก!”

ศรกระดูกคมกริบก่อตัวขึ้นกลางอากาศเมื่อเสียงร่ายเวทย์อันแผ่วเบาจบลง พร้อมกับเสียงแทรกตัวผ่านอากาศดังกึกก้อง และพุ่งเข้าใส่กลางอกของหุ่นฟางที่อยู่เบื้องหน้าอย่างรุนแรง

“ฮ่าฮ่า ในที่สุดข้าก็ยิงศรกระดูกได้สำเร็จ!”

หานซั่วหัวเราะเสียงดังลั่นและพูดด้วยความภาคภูมิใจ หลังจากที่เห็นศรกระดูกไม่ระเบิดแตกออกกลางอากาศหรือมีวิถีผิดเพี้ยนแต่อย่างใด

เวลาผ่านไปนานพอสมควรตั้งแต่เกิดเหตุที่สุสานครั้งนั้น หานซั่วจึงกลับมาฝึกเวทย์ศรกระดูกที่นี่ต่อ ตราบใดที่เขามั่นใจว่าจะไม่มีใครสนใจสถานที่แห่งนั้น

ช่วงเวลานี้เอง พลังจิตของเขาเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะหลังจากที่เจอลูกแก้วประหลาด เมื่อเขารอดชีวิตมาได้จากหายนะครั้งนั้น ทำให้พลังจิตของหานซั่วเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล หลังจากเฝ้าฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอและเพิ่มพูนความรู้เกี่ยวกับเวทมนตร์ หานซั่วก็เชี่ยวชาญในเวทมนตร์ศาสตร์แห่งความตายชั้นต้น หรือเวทย์ศรกระดูกอย่างสมบูรณ์ ไร้ข้อผิดพลาด

เจ้าโครงกระดูกตัวเล็กยืนเฝ้ามองอยู่ไม่ไกล ดวงตากลวงโบ๋สอดส่ายไปมาทั่วทั้งสี่ทิศทางตามที่หัวของมันหันมอง มือขวาของมันถือกริชกระดูกที่ส่องประกายแสงออร่าสีดำทะมึนแผ่ออกมาท่ามกลางแสงจันทร์สาดส่อง

พรุ่งนี้แล้วที่เขาจะได้ออกไปผจญโลกภายนอกวิทยาลัยชั่วคราวกับแฟนนี่และนักเรียนคนอื่น ๆ ความลับเรื่องที่หานซั่วอ้างชื่อลิซ่าเพื่อถามคำถามกับแฟนนี่ยังไม่แตก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรอยู่แล้ว เพราะแฟนนี่ก็ไม่ใช่คนที่ชอบถามรายละเอียดยิบย่อย และน่าจะลืมเรื่องนี้ไปได้ภายในวันสองวัน

ผ่านไปครบ 2 วัน เมื่อหานซั่วศึกษา “ตำราศาสตร์แห่งความตายขั้นพื้นฐาน” และ “ตำราอสูรมิติมืด” รวมทั้งพิจารณาข้อความของแฟนนี่บนกระดาษแผ่นบางอย่างถี่ถ้วน เขาก็มั่นใจว่าจะประทับตราเวทมนตร์ลงบนตัวของเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กได้ ซึ่งตั้งใจว่าจะทำก่อนออกเดินทางในวันรุ่งขึ้น เขาจึงจะเริ่มประทับตราเวทมนตร์ลงบนตัวของเจ้าโครงกระดูกตัวตัวเล็กตามสิ่งที่เขาเข้าใจ

เจ้าโครงกระดูกตัวเล็กที่กำลังเดินลาดตระเวนอยู่ใกล้ ๆ รีบพุ่งเข้ามาหาหานซั่วตามคำสั่งผ่านกระแสจิตอย่างรวดเร็ว เดือยกระดูกเจ็ดปีกของมันกระพือไปมาในอากาศ ราวกับด้วยแรงหนุนนี้เองที่ทำให้ร่างของเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กลอยเหนือพื้นเล็กน้อยขณะที่มันกำลังวิ่ง ซึ่งทำให้หานซั่วประหลาดใจมาก พลางคิดว่าความพยายามที่ใช้ไปในการเสริมสร้างเจ้าโครงกระดูกนี่ไม่เสียเปล่าเลย และเหมือนกับเขาไม่มีผิด ที่ตัวมันเองก็แข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ

เมื่อเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กมาหยุดยืนข้าง ๆ หานซั่ว เขารวบรวมสมาธิแบบที่ไม่เคยทำมาก่อน มือทั้งสองงอนิ้วเล็กน้อยชูขึ้นในอากาศ และเริ่มร่ายเวทมนตร์ตามที่แฟนนี่เขียนไว้ให้

“อสูรรับใช้ผู้ซื่อสัตย์ ในนามของผู้อัญเชิญ ข้าขอประทับตราอันเป็นนิรันดร์นี้ไว้บนตัวเจ้า… ตราประทับทมิฬ!”

หานซั่วรู้สึกถึงพลังจิตที่ถูกสูบออกไปอย่างรวดเร็วเมื่อร่ายเวทย์จบ ออร่าสีดำสนิทราวน้ำหมึกขนาดเท่ากำปั้นก่อตัวเป็นรูปร่างระหว่างมือของเขาทั้งสองข้าง

ตราประทับทมิฬต้องใช้พลังจิตในปริมาณมากกว่าที่เขาคิดไว้ ตอนนั้นเองที่เขารู้ตัวว่ามองข้ามอะไรบางอย่างไป — ลิซ่าเป็นนักเวทย์ระดับเริ่มต้น ในขณะที่เขาเป็นเพียงนักเวทย์ฝึกหัด วิธีการที่แฟนนี่เขียนมาให้ดูเหมือนจะอิงตามระดับพลังจิตของลิซ่า โดยไม่ได้คิดเผื่อว่านักเวทย์ฝึกหัดจะเป็นผู้ใช้มัน

หานซั่วรู้สึกปวดหัวอย่างรุนแรงเมื่อค่อย ๆ สูญเสียพลังจิตไปเรื่อย ๆ พร้อมกับช็อคจากความรู้สึกในขณะที่อะไรบางอย่างในร่างถูกสูบออกไป

ตอนนั้นเอง ออร่าที่เกิดขึ้นระหว่างมือทั้งสองของเขาก็ลอยพุ่งเข้าไประหว่างโพรงลูกตาว่างเปล่าของเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กอย่างรวดเร็ว และในขณะเดียวกัน หานซั่วก็รู้สึกหมดกำลังอย่างสิ้นเชิง เขาล้มต้วลงนั่งบนพื้นอย่างแรงพร้อมหอบหายใจ

ทันใดนั้น ราวกับว่าม่านบาง ๆ ที่บดบังความทรงจำคลุมเครือเกี่ยวการร่ายเวทมนตร์ของชูชางหลานไว้ก็ยกตัวขึ้นจนทุกสิ่งปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน

ความทรงจำที่ค้นพบใหม่เป็นเรื่องเกี่ยวกับการควบคุมขุมทรัพย์เวทมนตร์ และ “หลักการร่ายเวทย์” ซึ่งช่วยให้หานซั่วเข้าใจบางส่วนของความทรงจำที่เลือนรางของชูชางหลานได้อย่างน่าประหลาด

เสียงลมแทรกผ่านอากาศดังขึ้นจนรบกวนห้วงความคิดของเขา หานซั่วพยายามยกหัวขึ้นเพื่อตามหาที่มาของเสียง

และเขาก็ต้องตกตะลึง

เจ้าโครงกระดูกตัวเล็กโลดเต้นโบกกริชกระดูกคมกริบของมันไปมาในอากาศ  แสงสีฟ้าอ่อนส่องประกายห่อหุ้มร่างของมันใต้แสงจันทร์ กริชกระดูกซึ่งกวัดแกว่งไปตามการเคลื่อนไหวของมือกระหน่ำแทงหุ่นฟางเข้าหลายครั้งจนเต็มไปด้วยรูพรุน

เมื่อหานซั่วคืนสติหลังจากตกตะลึงไปชั่วขณะ ใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความสุขอย่างเหลือล้น เขาเงยหน้าขึ้นฟ้าพร้อมกับตะโกนดังลั่น

“ให้ตายสิ เรานี่มันเจ๋งชะมัด!”

 

…………………………………

จะทะยอยลงเรื่อย ๆ นะคะ อ่านตอนต่อไปล่วงหน้าพลาง ๆ ที่นี่ค่ะ >>> Facebook :

(0 votes) 0/10
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments