ตอนที่แล้วตอนต่อไปหลังใช้เวลาเตรียมการมาตลอดทั้งวัน เมื่อพลบค่ำ
หานซั่วและฟีบี้ก็นั่งรถม้าเพื่อไปยังสมาคมพ่อค้าตระกูลบูซท์ที่อยู่ทางตอนใต้ของเมืองในรถม้านั้น หานซั่วและฟีบี้นั่งติดกันแบบไหล่ชนไหล่ หน้าไม้รูปทรงแบบดั้งเดิม ตกแต่งด้วยลวดลายที่แกะสลักอย่างประณีตจำนวน 2 คัน วางอยู่ตรงหน้าของทั้งคู่ พร้อมด้วยมีดสั้นอีกเล่มหนึ่งที่ส่องประกายเป็นแสงสีเงิน“หน้าไม้กับมีดเล่มนี้มีคุณภาพดีกว่าของที่ท่านได้มาจากพวกหน่วยรบหมาป่าค่ะ ข้ายกทั้งหมดให้ท่านแบบไม่คิดเงินนะคะ”ฟีบี้ใช้ผ้าไหมในมือบรรจงเช็ดทำความสะอาดดาบยาวของเธอ ขณะพูดอย่างเย็นชากับหานซั่วหานซั่วหยิบทั้งหน้าไม้และมีดสั้นมาถือเล่นในมืออย่างหน้าชื่นตาบานจนแทบวางไม่ลง พร้อมรู้สึกชื่นชอบในความใจดีของฟีบี้ จึงหันไปพูดกับเธอพร้อมเสียงหัวเราะเบา ๆ“อย่าเพิ่งคาดหวังอะไรในตัวข้ามากไปสิครับ ข้าอาจจะไม่ได้แข็งแกร่งอย่างที่ท่านคิดก็ได้ หน้าที่ของข้าคือคอยระวังอันตราย และต่อสู้สนับสนุนให้ท่านเท่านั้นเอง คนที่ต้องลงมือก็คือท่านเองอยู่แล้วนี่นา”“ข้ารู้ค่ะ คอยฟังคำสั่งข้าก็แล้วกัน ข้าจะคอยบอกท่านเองว่าต้องทำอะไร”ฟีบี้กลอกตามองหานซั่วอย่างขุ่นเคืองหานซั่วเอาขวดเล็ก ๆ ขวดหนึ่งออกมาจากแหวนมิติและค่อย ๆ เทผงบางอย่างลงบนปลายนิ้ว เขาใช้ผงนั่นเคลือบปลายมีดสั้นและปลายแหลมของลูกดอกหน้าไม้อย่างระมัดระวัง ก่อนจะรีบทำความสะอาดปลายนิ้วของตัวเองฟีบี้สงสัยในการกระทำของหานซั่ว และแนบตัวเธอเข้ามาใกล้ขึ้นอีกเล็กน้อยเพื่อสังเกตสิ่งที่เขากำลังทำอยู่ครู่หนึ่ง และถามด้วยความสับสน“ท่านทำอะไรน่ะ?”มวลกลิ่นหอมคล้ายกลิ่นดอกกล้วยไม้ลอยมาต้องจมูกของหานซั่วตอนที่ฟีบี้เขยิบเข้ามาใกล้ เขาเผลอหันไปมองเธอแว่บหนึ่งพร้อมกับหัวใจที่กำลังโลดเต้นอย่างบ้าคลั่ง วันนี้…ฟีบี้ไม่ต่างกับหานซั่ว เธอแต่งชุดรัดรูปสีดำเพื่ออำพรางตัว ชุดที่รัดแน่นนั้นเผยให้เห็นส่วนโค้งเว้าของทรวดทรงองค์เอวที่น่าถวิลหาของฟีบี้อย่างชัดเจน พวงแก้มทั้งสองข้างของเธอดูน่ารัก พร้อมท่าทีการมองด้วยดวงตาเป็นประกายสดใสคู่นั้น ยิ่งทำให้ใบหน้าของเธองดงามจนน่าตื่นตะลึง ทุกองค์ประกอบล้วนทำให้ทั้งหัวใจและหัวของหานซั่วพุ่งพล่านจนแทบคุมสติไม่อยู่ข้ามีแฟนนี่อยู่แล้วนี่นา… ถึงฟีบี้จะน่ารักมาก แต่บุคลิกของเธอก็เย็นชาไปหน่อย แถมยังมีภาระที่เต็มไปด้วยอันตรายมากมายเกินไป หานซั่วคิดอยู่เงียบ ๆ คนเดียวในใจก่อนจะหันหน้าไปทางอื่น และเพ่งสมาธิไปกับการเคลือบปลายคมมีดและปลายลูกดอกของเขาต่อ ก่อนจะตอบคำถามเธอด้วยท่าทีเขิน ๆ“ไม่มีอะไรหรอกครับ ข้าก็แค่เอาผงยาพิษมาทาบนอาวุธของข้านิดหน่อย”“อะไรนะ !!! น่ารังเกียจ !!! ไร้ยางอายที่สุด !!! ทำแบบนี้ผิดกฎของจักรวรรดินะคะ ถ้ามีใครรู้เข้าล่ะก็ ท่านเจอปัญหาใหญ่แน่ ! ”สีหน้าของฟีบี้เต็มไปด้วยความรังเกียจเหยียดหยาม ขณะพูดกับหานอย่างเย็นชา“ไม่เห็นเป็นไรเลย… ไหน ๆ ภารกิจที่พวกเรากำลังจะทำกันวันนี้ก็ไม่ใช่เรื่องน่ายกย่องชมเชยเท่าไหร่อยู่แล้ว อีกอย่าง…ไม่มีใครรู้เรื่องนี้หรอกครับ หึหึหึ
ท่านเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับข้า และข้าก็เชื่อว่าท่านไม่โง่พอที่จะหาเรื่องใส่ตัวขนาดนั้นหรอก”หานซั่วหัวเราะเบา ๆ อย่างชั่วร้าย และพูดอย่างภาคภูมิใจฟีบี้กระอักกระอ่วนด้วยความโกรธเล็กน้อยเมื่อได้ยินที่หานซั่วพูด แต่ในเมื่อเธอเป็นคนขอให้เขาช่วยเองเธอจึงทำได้เพียงพ่นลมอย่างดูถูก และไม่สามารถบ่นอะไรมากกว่านั้นได้อีกเมื่อหานซั่วทาผงยาพิษลงบนปลายลูกดอกและมีดสั้นเรียบร้อยแล้ว เขาก็คิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะดึงเอาเข็มโลหะจำนวนหนึ่งออกมาจากขากางเกง และทาผงยาพิษตัวเดียวกันลงบนปลายเข็มโลหะทุกเล่มด้วยท่าทีคล่องแคล่ว เมื่อฟีบี้เห็น เธอก็ได้แต่พ่นลมดูถูกเบา ๆ อีกครั้งอย่างขัดใจ และดูเหมือนกำลังพยายามอย่างมากเพื่อที่ข่มอารมณ์โกรธเอาไว้เมื่อเขาจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว หานซั่วก็เก็บอาวุธทั้งหมดไป พลางมองหน้าฟีบี้พร้อมกับถามคำถาม“จริงสิ ทำไมท่านถึงไม่เล่นงานโกรเวอร์ไปเลยล่ะครับ มาวางแผนฆ่าเจ้าพวกลิ่วล้อไร้ประโยชน์สองคนนี่ทำไมกัน?”“โกรเวอร์ครอบครองสิ่งของอันตรายบางอย่างที่เป็นของสมาคม และฝากของพวกนั้นไว้กับเมียเก็บที่เขาไว้ใจค่ะ ซึ่งถ้าโกรเวอร์ตาย เมียเก็บคนนั้นของเขาจะต้องเปิดเผยของเหล่านั้นให้สาธารณะชนรู้ แล้วพวกเราก็จะได้รับผลกระทบที่ร้ายแรงมากเลยทีเดียวค่ะ เพราะฉะนั้น
ก่อนที่จะฆ่าโกรเวอร์ ข้าต้องหาให้ได้ก่อนว่าเมียเก็บคนนั้นคือใคร และเอาของเหล่านั้นกลับคืนมา”ฟีบี้หันมามองหานซั่ว และอธิบายให้เขาฟังอย่างไม่เต็มใจนักยิ่งสมาคมพ่อค้ามีขนาดใหญ่มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งต้องรับมือกับเงามืดที่ย่างกรายเข้ามามากขึ้นเท่านั้น การรับของที่หานซั่วขโมยมาจากหน่วยรบหมาป่าของพวกออร์คก็เป็นตัวอย่างที่ดี เพราะเดิมที
ของเหล่านั้นเป็นของที่ขโมยมาจากร้านค้าของเมืองดรอล ซึ่งจักรวรรดิก็ประกาศอย่างเป็นทางการมานานแล้วว่า หากผู้ใดเก็บของเหล่านั้นได้ จะต้องนำมาส่งคืนเท่ากับว่าการแลกเปลี่ยนของเฟเบียนและหานซั่วนั้น เป็นภัยต่อกฎของจักรวรรดิอย่างชัดเจน หากทางจักรวรรดิล่วงรู้ถึงวิธีการนี้ของสมาคมพ่อค้าตระกูลบูซท์แล้วล่ะก็ สมาคมฯ
จะต้องถูกลงโทษอย่างไม่มีวันหนีพ้น
โดยเฉพาะสมาคมพ่อค้าตระกูลบูซท์ที่น่าจะมีการแลกเปลี่ยนซื้อขายผิดกฎหมายลักษณะนี้อีกเป็นจำนวนมาก และในเมื่อ
“ของอันตราย” ที่เธอว่า กำลังอยู่ในมือของโกรเวอร์ จึงไม่น่าแปลกใจที่ฟีบี้ยังไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามกับโกรเวอร์โดยตรงทั้งสองคนถกกันต่อถึงรายละเอียดด้วยเสียงแผ่วเบา ก่อนที่รถม้าจะหยุดลงโดยที่ไม่มีใครทันรู้ตัวแล้วคนขับรถม้าที่นั่งอยู่ด้านหน้าบอกด้วยเสียงนุ่มนวล“นายหญิงน้อยครับ เรามาถึงประตูหลังของสมาคมแล้วครับ”“ไปกันเถอะ ! ”ฟีบี้ปรายตามองหานซั่ว และพุ่งตัวนำออกไปทันที ในขณะที่หานซั่วยื่นหน้าออกไปเพื่อหันมองลาดเลา ก่อนจะกระโดดตามลงไปเช่นกัน
“นายหญิงน้อย รีบเข้าไปเถอะขอรับ ระวังตัวด้วย
โกรเวอร์เพิ่งออกจากสมาคมพร้อมกับลูกน้องเก่ง ๆ อีกกลุ่มหนึ่ง ข้าไม่ทราบว่าพวกเขาไปที่ไหน แต่มักจะกลับมาก่อนฟ้าสางเสมอเลยขอรับ”ทหารยามแก่ชราผู้เฝ้าประตูหลังของสมาคมพ่อค้าตระกูลบูซท์คนหนึ่งร้องบอก ก่อนจะรีบเบี่ยงตัวหลบไปด้านข้างเพื่อให้ฟีบี้และหานซั่วเข้าไปทันทีที่เห็นพวกเขามาถึง…“พวกเรารบกวนเจ้ามากมายเลยจริง ๆ”ฟีบี้พูดกับชายชราคนนั้น เธอมองหน้าหานซั่วและรีบเข้าไปภายในสมาคมทันที หานซั่วตามหลังฟีบี้ไปติด ๆ และพุ่งตัวไปข้างหน้าด้วยความเร็วเช่นกัน“ถึงส่วนใหญ่จะมีแต่ลูกน้องของโกรเวอร์ที่คอยควบคุมสมาคมแต่ข้ายังพอสั่งการพวกคนเก่าคนแก่ได้บ้าง เพราะโกรเวอร์ไม่เคยรับรู้ความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับพวกเขา… ข้างในยังมีทหารยามอีกมากนะคะ เราต้องระวังตัวให้ดีที่สุด ไม่งั้นล่ะก็
ไม่เพียงแต่แผนลอบสังหารของพวกเราจะล่มเพราะถูกพบตัวเข้า แต่มันจะยากยิ่งกว่าค่ะ ถ้าจะหนีออกไปจากที่นี่แบบยังมีชีวิต”ฟีบี้คุ้นเคยทุกซอกทุกมุมของสมาคมพ่อค้าตระกูลบูซท์เป็นอย่างดี ขณะที่เธอหลบเลี่ยงเหล่าทหารยามในหลายพื้นที่ และนำทางหานซั่วด้วยความเร็วสม่ำเสมอ เธอจึงไม่ลืมที่จะเตือนเขาในระหว่างนั้นเวลานั้น ทุกอย่างล้วนมืดสนิท ไม่มีแม้แต่แสงจันทร์ที่คอยสาดส่อง เพราะชั้นเมฆหนาสีเข้มที่ซึมซับแสงทุกอย่างไว้อย่างสมบูรณ์ แม้แสงไฟจากโถงทางเดินในอาคารของสมาคมพ่อค้าตระกูลบูซท์ก็ส่องออกมาได้ไม่มากนักด้วยความสามารถระดับจอมดาบของฟีบี้ ร่างกายที่คล่องแคล่วว่องไวของเธอจึงสร้างความประหลาดใจให้หานซั่วเป็นอย่างมาก เพราะร่างของเธอที่แทบจะพุ่งลอยไปด้วยความเร็วสูงอย่างไร้ซึ่งซุ่มเสียงใด ๆแก่นมนตราของหานซั่วเองก็กำลังหมุนวนอย่างบ้าคลั่ง พลางรู้สึกตกตะลึงกับประสาทสัมผัสที่พิเศษจนผิดธรรมดาของตัวเขาเองในยามที่ใจสงบ แม้ความมืดสนิทของคืนที่ไร้แสงไฟก็ไม่อาจทำให้เกิดอุปสรรคต่อทัศนวิสัยของเขาแต่อย่างใด อีกทั้งยังมองเห็นปลาที่กำลังว่ายอยู่ในสระน้ำเบื้องล่างภูเขาจำลองที่อยู่ไกลออกไปได้อย่างชัดเจน เขาได้ยินแม้กระทั่งเสียงฝีเท้าในระยะไกล และเสียงพูดคุยของคนในห้องที่เขาวิ่งผ่านแม้เป็นช่วงที่หานซั่วต้องเดินด้วยท่าทีสงบนิ่งก็ยังถือว่ารวดเร็วไม่ต่างกัน เขาตามหลังฟีบี้อย่างไร้ซุ่มเสียงราวกับเสือที่กำลังออกค้นหาเหยื่อทันใดนั้นเอง หานซั่วก็รีบคว้าตัวฟีบี้ไว้ ก่อนจะลากเข้าไปซ่อนในรอยแยกของภูเขาจำลองที่อยู่ข้าง ๆรอยแยกของภูเขาจำลองนั้นแคบอย่างถึงที่สุด หน้าอกของทั้งคู่ชิดติดกันอย่างแนบแน่น ทำให้หานซั่วสัมผัสหน้าหน้าอกกลมกลึงของฟีบี้อย่างเต็มที่ ใบหน้ามีเสน่ห์ของเธอเต็มไปด้วยโทสะขณะที่จ้องมองหานซั่วอย่างโกรธเกรี้ยว จนสองตาของเธอราวกับกำลังจะลุกเป็นไฟ“ชู่วว์ ! ”หานซั่วยกนิ้วข้างหนึ่งขึ้นมาที่ปากเพื่อเตือนให้เงียบ ในขณะที่ตาของเขาก็กวาดมองไปรอบ ๆ และส่งสัญญาณให้ฟีบี้เห็นถึงสถานการณ์บางอย่างที่อยู่เหนือความคาดหมายแม้หานซั่วจะส่งสัญญาณเตือน แต่ความกราดเกรี้ยวบนใบหน้าของฟีบี้ก็ยังไม่จางหายไป คอระหงสีขาวของเธอเริ่มแดงระเรื่อเพราะความอาย ต้นขาของทั้งคู่เบียดถูกันไปมา และต่างสัมผัสได้ถึงเสียงหัวใจของอีกฝ่ายอย่างชัดเจนผ่านหน้าอกที่แนบชิดกัน จนเกิดเป็นบรรยากาศกระอักกระอ่วนอย่างอธิบายไม่ถูกระหว่างพวกเขาทั้งสองคนดูเหมือนฟีบี้จะเขินอายเกินกว่าจะมองหน้าหานซั่วได้ตรง ๆ เธอจึงยื่นแก้มไปที่ข้างหูของเขา และพูดด้วยเสียงที่เบาอย่างที่สุด พร้อมลมหายใจที่กลิ่นเหมือนดอกกล้วยไม้“ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นล่ะก็ ข้าจะฆ่าท่าน”หานซั่วตื่นตกใจขณะที่พยายามควบคุมจังหวะหายใจและตั้งสมาธิ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เขาได้ยินเสียงฝีเท้าที่แผ่วเบามากของใครบางคนกำลังใกล้เข้ามา จึงตั้งใจจะรีบหันหน้าไปเตือนฟีบี้ถึงอันตราย แต่กลับทำให้ริมฝีปากนุ่ม ๆ ของฟีบี้ที่กำลังกระซิบเบา ๆ อยู่ข้างหูของหานซั่ว ประทับเข้าที่แก้มของเขาอย่างพอดิบพอดีฟีบี้เริ่มสูดหายใจเป็นจังหวะด้วยความโกรธที่กำลังปะทุแรงขึ้นเรื่อย ๆ แต่เพราะหานซั่วหันหน้ามาลำบาก จึงพยายามใช้สายตาจ้องเขม็งไปที่เธอเพื่อเตือนให้ระวังเพราะฟีบี้เป็นถึงจอมดาบ จิตใจของเธอจึงแข็งแกร่งเช่นกัน แม้จะเป็นช่วงเวลาวิกฤติเช่นนี้ เธอสูดหายใจเข้าลึก ๆ เพียงครั้งเดียว ก็ควบคุมหัวใจที่เคยเต้นรัวอย่างรวดเร็วให้สงบได้ทันที อย่างไรก็ตาม
การสูดหายใจของเธอครั้งนั้นจึงทำให้หน้าอกอวบอิ่มของเธอยกสูงขึ้นอย่างไม่ตั้งใจ ทำเอาหานซั่วแทบคุมสติไว้ไม่อยู่จนเกือบร้องครางออกมา“สัมผัสแห่งลมของข้าตรวจพบกระแสลมปั่นป่วนแถวนี้ แล้วข้าเองก็มาด้วยความเร็วสูงสุดเท่าที่ทำได้แล้วนี่นา ทำไมถึงไม่พบอะไรเลยล่ะ? หรือช่วงหลัง ๆ นี้ข้าจะหย่อนยานเกินไปหน่อยหรือเปล่านะ?”เสียงของชายคนหนึ่งบ่นพึมพำกับตัวเองดังขึ้นไม่ไกลจากพวกเขาทั้งสองคนนักเสียงฝีเท้าที่แผ่วเบาอย่างถึงที่สุดนี้จะดังขึ้นให้ได้ยินก็ต่อเมื่อเข้ามาใกล้มากแล้ว ถ้าฟีบี้ไม่ได้เพ่งสมาธิจนถึงขีดสุด ก็ยากเกินกว่าที่จะสัมผัสได้ถึงเสียงฝีเท้าแบบนี้ได้เลย หากไม่ได้อยู่ในระยะใกล้ชายคนนั้นเป็นนักเวทย์ธาตุลม จึงสามารถใช้พลังเวทมนตร์แห่งสายลมในการยกตัวจนร่างกายมีน้ำหนักเบาขึ้นอย่างมหาศาล ทำให้ความเร็วในการเดินจะรวดเร็วกว่าทั้งนักรบและนักเวทย์ในสายอื่น ๆ และแทบไม่มีเสียงฝีเท้าให้ได้ยิน จึงไม่น่าแปลกใจที่จอมดาบที่แข็งแกร่งอย่างฟีบี้จะไม่สามารถตรวจจับการเคลื่อนไหวของเขาขณะกำลังใกล้เข้ามาได้เลยชายผู้นั่นสำรวจบริเวณรอบ ๆ อยู่ครู่หนึ่ง แต่แล้วเขาก็จากไปอย่างไร้สุ้มเสียง ทิ้งให้หานซั่วและฟีบี้ใจหายใจคว่ำอยู่ที่เดิมอย่างไรก็ตาม ฟีบี้ยังไม่กล้าทำอะไรสุ่มเสี่ยง เพราะกลัวอย่างที่สุดว่าการตัดสินใจของเธอจะบกพร่องอีก ดวงตาที่สดใสเป็นประกายของเธอจ้องมองหานซั่ว เพื่อรอคำตอบจากสีหน้าของเขาไม่นานนัก หานซั่วก็ถอนหายใจและบอกเธอด้วยเสียงแผ่วเบา“เขาไปแล้วล่ะครับ“ทันทีที่เขาพูดจบ ฟีบี้ก็ใช้ทั้งมือและขาผลักตัวเองออกจากรอยแยกของภูเขาจำลองนั่นทันที เธอก้มหน้าลงและพูดด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยว“ครั้งนี้ ข้าจะปล่อยผ่านไปก่อน แต่ถ้าคราวหน้าเกิดอะไรแบบนี้ขึ้นอีกล่ะก็ หาที่ซ่อนให้มันกว้างกว่านี้หน่อยสิคะ ไม่อย่างนั้นล่ะก็ ข้าไม่ปล่อยท่านไปง่าย ๆ แน่“เมื่อพูดจบ ฟีบี้ก็สำรวจพื้นที่โดยรอบ และกำลังจะมุ่งหน้าตรงไปยังอีกทิศทางหนึ่งแล้ว แต่เธอก้าวออกไปได้เพียงสองก้าว ก็สังเกตว่าหานซั่วกำลังฉีกยิ้มอย่างเหม่อลอย และยังไม่มีทีท่าว่าจะตามมา ฟีบี้จึงหันมาเอามือเท้าเอวพร้อมกับดุเขา“ไม่อยากได้เหล็กไหลแล้วใช่มั้ยคะ?”“มาแล้วคร้าบ!”หานซั่วตอบและรีบตามไปอย่างยอมจำนน พลางคิดว่า
หากสถานการณ์เกิดคับขันขึ้นมาจริง ๆ จะไปหาที่กว้าง ๆ ซ่อนตัวทันได้ยังไงกันแต่หลังจากนั้น ทั้งคู่ก็ไม่ได้เจอกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันอะไรอีก ฟีบี้นำทางหานซั่วเข้าไปลึกขึ้นเรื่อย ๆ พลางหลบหลีกเหล่าทหารยามไปได้หลายกลุ่ม จนในที่สุด
ก็มาถึงห้องของดาร์เนลและยูนา“เตรียมตัวให้พร้อม รอให้เจ้าพวกสุนัขรับใช้นั่นกลับมาก่อนเถอะ!”ฟีบี้พูดผ่านฟันที่ขบแน่นด้วยความโกรธขณะเข้าไปในห้องนั้น ราวกับว่าอยากปลดปล่อยและระบายอารมณ์คับแค้นใจเมื่อครู่นี้มาลงกับพวกนั้นแทนเช่นนั้นแล้ว หานซั่วและฟีบี้จึงง่วนอยู่กับการเตรียมตัวตามแผนลอบสังหารสมุนผู้ภักดีของโกรเวอร์ที่กำลังจะกลับมาในเวลาอีกไม่นาน
…………………………………
ติดตามอัพเดทและอ่านตอนต่อไปทันที ที่นี่ >>> Facebook :
(0 votes) 0/10