ฟีบี้และหานซั่วเตรียมตัวอยู่ในห้องนั้นอยู่ซักพักหนึ่ง
“ทำไมท่านถึงรับรู้การปรากฏตัวของ เอลลิส
ที่เป็นนักเวทย์ธาตุลมได้อย่างน่าทึ่งขนาดนั้นล่ะคะ?”
ฟีบี้นิ่วหน้าด้วยความสับสน เธอถามเขาขณะกำลังสำรวจไปรอบ ๆ ห้อง
ตอนนั้นเอง
หานซั่วกำลังก้มตัวลง และกำลังเก็บขี้เลื่อยบนพื้นด้วยความระมัดระวังก่อนจะนำมาใส่ไว้ในแหวนมิติ เขาตอบฟีบี้โดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองเธอ
“มันเป็นเรื่องของข้าครับ ไม่เกี่ยวกับท่าน”
ฟีบี้พ่นลมอย่างดูถูก พร้อมกับปิดปากเงียบ แต่ยังไม่วายแอบสังเกตการณ์หานซั่วต่อไปอีกสักพัก และจู่
ๆ เธอก็ร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ
“ท่านเคยเป็นนักฆ่ามาก่อนใช่มั้ยล่ะ? ท่านถึงได้มีสมาธิแน่วแน่ แล้วก็ระมัดระวังตัวได้อย่างดีเยี่ยม แถมยังมีประสาทรับรู้ที่ดีเลิศขนาดนี้?”
ถ้าเป็นตัวตนเดิมของหานซั่วล่ะก็ เขาคงไม่มีทางเผชิญสถานการณ์ด้วยสมาธิแน่วแน่และระมัดระวังตัวเองอะไรได้ขนาดนั้นแน่นอน แต่เพราะการฝึกฝนเวทมนตร์ที่บังคับให้เขาต้องอยู่ในภาวะความเจ็บปวดที่ยากเกินมนุษย์จะทานทน ทำให้หานซั่วกลายเป็นคนที่มีบุคลิกหนักแน่น มั่นคง
และทรหดอดทนจนยากที่จะมีใครเทียบได้
หลังจากการผจญอันตรายในป่าทมิฬ และภายหลังการตายของคล็อด ทั้งสติอันแน่วแน่และความระแวดระวังภัยก็พัฒนาขึ้นเงียบ ๆ โดยที่เขาเองก็แทบไม่รู้ตัว และด้วยประสาทสัมผัสที่ดีผิดมนุษย์ ยิ่งทำให้หานซั่วมีบุคลิกอันพึงประสงค์ของนักฆ่ามืออาชีพทุกประการ จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมฟีบี้ถึงกล้าถามเขาเช่นนั้น
“เปล่าครับ
ท่านคิดว่าข้าเหมือนท่านรึไง? คืนนี้ ข้าทำทุกอย่างตามที่ท่านสั่ง โดยที่ท่านก็จับตามองข้าทุกฝีก้าวตั้งแต่เราเข้ามาในสมาคมจนกระทั่งตอนนี้ ข้าเองต่างหากที่คิดว่าท่านไม่น่าจะมั่นใจเลือกทำอะไรแบบนี้ด้วยซ้ำ เว้นเสียแต่ว่าท่านจะเคยมีประสบการณ์มาก่อน ดูเหมือนจะเป็นท่านมากกว่านะครับ ที่น่าจะเคยเป็นนักฆ่ามาก่อน ไม่เช่นนั้นแล้ว ทำไมท่านถึงดูเหมือนได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีขนาดนี้ล่ะ?”
“ท่านนั่นแหละ
ที่เคยเป็นนักฆ่ามาก่อน!
”
ฟีบี้กลอกตามองหานซั่วอย่างเย็นชา และพูดต่อ
“อาจารย์ที่ข้าเคารพ เป็นคนถ่ายทอดองค์ความรู้และเคล็ดลับต่าง ๆ เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ให้กับข้า โดยเฉพาะวิชาการลอบสังหารใครบางคนก็เป็นหัวข้อหลักอันพึงประสงค์ที่ข้าต้องเรียนรู้อยู่แล้วค่ะ”
“อ้อ ดูเหมือนอาจารย์ของท่านก็คงจะเป็นนักฆ่าผู้เชี่ยวชาญที่เก่งกาจน่าดูเหมือนกันเลยนี่นะ”
หานซั่วพูดอย่างมีเลศนัย
“หุบปากเถอะค่ะ อย่าริอาจพูดจาว่าร้ายท่านอาจารย์ของข้าเด็ดขาด อาจารย์ของข้าเป็นนักดาบที่แท้จริง และเขาก็ไม่มีวันทำอะไรแบบที่ท่านคิดหรอกค่ะ!
”
สีหน้าของฟีบี้เริ่มเย็นชามากขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่จ้องมองหานซั่วด้วยสายตาดุร้าย
และตอนนั้นเอง
ที่เสียงฝีเท้าแผ่วเบากำลังใกล้เข้ามาให้ได้ยิน คิ้วของหานซั่วขมวดแน่นขณะที่ค่อย ๆ พิจารณาตำแหน่งของเสียงนั้นให้ชัดเจน
“น่าจะกลับมากันแล้วล่ะ ข้าได้ยินเสียงฝีเท้าของพวกนั้น!
”
ฟีบี้เองก็เพ่งสมาธิไปยังโสตประสาทเพื่อฟังเสียงที่ว่า แต่กว่าเธอจะจับเสียงฝีเท้านั้นได้ ก็หลังจากที่หานซั่วร้องเตือนผ่านไปอีกไม่กี่อึดใจ เธอมองหน้าเขาด้วยความตกตะลึงพลางพูดด้วยเสียงแผ่วเบา
“ไม่ว่าจะแข็งแกร่งหรือไม่ แต่การคาดการณ์ล่วงหน้ากับประสาทสัมผัสของท่านก็พิเศษเกินมนุษย์จนน่ากลัวมากเลยทีเดียวล่ะ”
หานซั่วไม่ได้ตอบอะไร และเคลื่อนไหวไปตามคำแนะนำของฟีบี้ที่ให้ไว้ก่อนหน้านี้ เขาก้มลงบนพื้น ก่อนจะพลิกตัวกลิ้งไปอยู่ใต้เตียง เมื่อฟีบี้เห็นว่าหานซั่วเข้าประจำตำแหน่งแล้ว ดวงตาเป็นประกายสวยงามของฟีบี้ก็กวาดตามองไปทั่วทั้งสี่มุมของห้อง ก่อนจะกระโดดพุ่งตัวขึ้นไปด้านบนเหนือโคมระย้าที่แขวนห้อยอยู่ และซ่อนร่างของเธอไว้ในเงามืดของคานขนาดใหญ่บนฝ้าเพดาน
หานซั่วกลั้นหายใจ และเพ่งสมาธิ
เขาพยายามควบคุมจังหวะหายใจและการเต้นของหัวใจให้ช้าลง จนกระทั่งเข้าสู่ภาวะเสมือนตาย ในหัวของเขาโล่งปลอดโปร่ง หานซั่วแล่นทะลวงไปภายในความคิดของตัวเองเพื่อทบทวนสิ่งของต่าง ๆ ที่พวกเขาจัดเตรียมไว้ในห้องอีกครั้ง ก่อนจะพุ่งสมาธิไปยังกลุ่มคนที่กำลังใกล้เข้ามา
ในตอนนั้นเอง
เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นในระดับที่คนปกติธรรมดาก็ได้ยิน เสียงหัวเราะอย่างเขินอายของชายและหญิงคู่หนึ่งกำลังหยอกล้อกันดังขึ้นจากไกล ๆ พร้อมกับเสียงต่าง ๆ นานาที่เกิดขึ้นขณะกำลังกอดจูบนัวเนียกันมาตลอดทาง
เสียงประตูเปิดอ้าออก ขณะที่ทั้งสองคนค่อย ๆ เดินเข้ามาข้างใน และตรงไปที่เตียงที่หานซั่วซ่อนตัวอยู่ข้างใต้อย่างช้า ๆ
“ที่รัก
วันนี้เจ้ารู้สึกต้องการมากเลยเหรอ
ถึงได้ทำตัวร้อนแรงขนาดนั้นที่งานเลี้ยง
หลงข้าปานนั้นเชียวรึ?”
ดาร์เนลล์หัวเราะอย่างอ่อนโยน พลางหยอกล้อยูนา
“เรื่องของข้าก็คือเรื่องของข้า เจ้าเป็นสัตว์ป่าที่ดีแต่ใช้ท่อนล่างคิดแทนสมองรึไง? ในใจเจ้ามีแต่นังฟีบี้นั่น ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าอยากทำบ้าอะไรคราวก่อน ป่านนี้เราคงทำตามคำสั่งของโกรเวอร์และฆ่านังบ้านั่นตายไปตั้งนานแล้ว ที่ทหารของหล่อนโผล่ไปช่วยทันเวลาก็เพราะความผิดพลาดของเจ้านั่นแหละ ทำเอาพวกเราเกือบหนีไม่รอด”
ยูนานั่งลงบนขอบเตียง และตำหนิดาร์เนลล์
“หึหึหึ
ก็ผิวของหล่อนนุ่มลื่นราวกับแพรไหม
และหน้าก็สวยอย่างกับภาพวาดของจิตรกรเอกเลยนี่นา ได้ข่าวว่ายังไม่เคยผ่านผู้ชายมาสักคนเลยด้วย จะไม่น่าเสียดายแย่รึ ถ้าผู้หญิงสวย
ๆ แบบนั้นต้องมาตายไป หากไม่ได้ผ่านประสบการณ์จากผู้ชายแข็งแกร่งอย่างข้าเสียก่อน?”
ดาร์เนลล์ชายตามองเธอ
ในตอนนั้น
หานซั่วซึ่งกำลังเพ่งสมาธิจนถึงขีดสุด
และถึงแม้ว่าดาร์เนลล์และยูนาจะตรวจจับตัวตนของฟีบี้ที่กำลังซุ่มโจมตีอยู่ไม่ได้ แต่หานซั่วกลับได้ยินเสียงหัวใจเต้นและเสียงลมหายใจที่รัวเร็วขึ้นเรื่อย ๆ เพราะความโกรธจัดของฟีบี้ เขาจึงยังคงแอบอยู่อย่างเงียบ ๆ และระมัดระวังมากขึ้นกว่าเดิม เผื่อว่าฟีบี้จะพุ่งเข้าโจมตีเร็วกว่าแผนที่วางไว้
“คนบ้ากาม!
สักวัน
เจ้าได้ตายคาหว่างขาของผู้หญิงแน่ ๆ ระวังให้ดีเถอะ”
“หึหึหึ
งั้นเจ้าก็มาตายคาหว่างขาของข้าก่อนก็แล้วกันนะ!
”
เสียงปลดเปลื้องเสื้อผ้าค่อย ๆ ดังขึ้นไปทั่วห้อง ผสมกับเสียงหัวเราะอย่างหื่นกระหายของดาร์เนลล์และเสียงหอบหายใจอย่างแผ่วเบาของยูนา
เมื่อเสียงหัวเราะของดาร์เนลล์เงียบลง แทนที่ด้วยเสียงจูบ และเสียงริมฝีปากดูดผิวหนังตามจุดต่าง ๆ พร้อมกับเสียงครางของยูนาที่เริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ แล้วเตียงไม้ที่อยู่เหนือร่างของหานซั่ว ก็เป็นเหมือนเรือลำน้อยที่แล่นอยู่ท่ามกลางคลื่นโหมกระหน่ำจนโยกเอนไปมาอย่างไร้ที่สิ้นสุด เสียงร้องแหลมสูงราวกับกำลังร้องไห้ดังขึ้นจากปากของยูนา ตามมาด้วยการผสมผสานกันของเสียงหอบหายใจอย่างหนัก เสียงร่างกายที่กระทบกันเป็นจังหวะอย่างต่อเนื่อง และเสียงครางอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ของยูนา
ใต้เตียงนั้นเอง หานซั่วได้ยินเสียงทุกอย่างที่เกิดขึ้นด้านบนอย่างชัดเจน และสัมผัสได้ถึงเตียงที่โยกไหว แม้ไม่ต้องมองด้วยตา เขาก็รู้
ว่าคู่รักผิดศีลธรรมคู่นั้นได้เริ่มบรรเลงเพลงรักกันแล้ว หัวใจของหานซั่วพุ่งพล่านอย่างดุเดือด และอดจินตนาการไม่ได้ถึงฉากรักที่กำลังเกิดขึ้นด้านบน แม้ตอนนี้เขาจะอยากแอบโผล่ออกไปดูให้ชัดเต็มสองตา แต่ร่างกายที่ไม่เคยควบคุมธรรมชาติของชายทั้งแท่งได้ ส่วนนั้นก็ชิงลุกตั้งขึ้นมาก่อนได้พักหนึ่งแล้ว
ทันใดนั้นเอง
หานซั่วก็ได้ยินเสียงลมหายใจแผ่วเบาดังขึ้นจนเขาแทบสะดุ้ง เขารีบตรวจจับได้ว่าเสียงนั่นเป็นของฟีบี้ ที่ยังซ่อนอยู่บริเวณคานบนฝ้าเพดาน พลางนึกสงสัยว่าเธอกำลังโกรธ หรือกำลังรู้สึกคล้ายกันกับเขากันแน่
ในขณะที่หานซั่วที่อยู่ใต้เตียงและได้ยินเพียงเสียง
แต่ฟีบี้มองเห็นคนทั้งคู่ตลอดเวลา เธออาจจะจับตามองการเคลื่อนไหวทุกขณะของสองคนนั่นอยู่ก็เป็นได้ เพราะการเสียสมาธิแม้เพียงเล็กน้อยก็อาจกระทบต่อแผนการลอบสังหาร ฟีบี้จึงไม่สามารถละสายตาไปจากทั้งคู่ และตามที่ดาร์เนลล์พูด ฟีบี้ยังเป็นสาวบริสุทธิ์อยู่ สิ่งกระตุ้นประเภทนี้ย่อมมีผลต่อตัวเธอเองมากกว่าหานซั่ว ซึ่งอยู่ใต้เตียงและมองไม่เห็นเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นด้านบนได้เลย
ไม่นานนัก
หานซั่วก็ได้ยินเสียงหายใจของฟีบี้ที่หอบแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนกลัวว่าเธอจะไม่สามารถปิดบังตนเองได้อีกต่อไป แต่เพราะจังหวะเคลื่อนไหวของคู่รักบนเตียงกำลังเพิ่มความเข้มข้นมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งเสียงหอบหายใจ เสียงคราง
และเสียงออดแอดของขอบเตียงไม้ก็ลั่นดังขึ้นทุกที ๆ จนในที่สุด ความร้อนแรงนั้นก็ทะยานถึงจุดสูงสุด
ชั่วขณะนั้นเอง หานซั่วได้ยินเสียงบางอย่างกำลังแทรกผ่านอากาศอย่างแผ่วเบาจนทั่วทั้งร่างของหานซั่วเกร็งเพื่อเตรียมพร้อม เพราะรู้ว่าฟีบี้เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว เขาจึงเพ่งสมาธิไปยังทุกส่วนในร่างกาย
“โอ๊ยย!
”
ยูนาร้องขึ้นอย่างเจ็บปวด และตะโกนออกมาทันที
“นักฆ…!
”
ก่อนที่ยูนาจะทันพูดว่า “นักฆ่า”
ได้จบคำ
มีดสั้นเล่มหนึ่งก็แทงทะลุขึ้นมาจากรูที่เจาะเตรียมไว้บนเตียงไม้ ซึ่งหานซั่วเป็นคนแทงอย่างโหดเหี้ยม
ทว่า เสียงร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวดทรมานกว่ายูนานับสิบเท่าก็ดังลั่นขึ้นจากปากของดาร์เนลล์ราวกับเสียงสัตว์ที่ถูกเชือด ทั้งคู่เริ่มตั้งสติ แต่ยังคงกรีดร้องอย่างต่อเนื่อง ขณะที่โดดลงจากเตียงและพยายามหนีออกไปจากห้อง
หานซั่วกลิ้งตัวออกมาทันทีที่แทงมีดสั้นไปแล้ว เขาเงยหน้าขึ้นมาพบกับฟีบี้ในชุดดำอำพรางตัว และออร่าสีขาวบริสุทธิ์ที่เปล่งออกมาจากดาบยาวในมือ แสงของออร่าต่อสู้นั้นสุกสว่างท่ามกลางความมืดของห้อง และเปล่งประกายสว่างจ้า จนคนธรรมดาไม่สามารถลืมตาเพื่อมองเห็น ไม่เว้นแม้กระทั่งดาร์เนลล์และยูนาที่กำลังหนี
หานซั่วยกหน้าไม้ขึ้นเล็งไปที่ร่างเปลือยเปล่าของคนทั้งคู่ ก่อนจะยิงใส่ดาร์เนลล์ ในขณะที่ยูนานั้นมีลูกดอกปักอยู่ที่ต้นขาด้านซ้ายที่ขาวเนียนละเอียดของเธอยู่แล้ว เธอกัดฟันทนความเจ็บปวดขณะเคลื่อนไหว ร่างกายของเธอไม่คล่องแคล่วว่องไวตามเดิมอีกแล้ว ส่วนดาร์เนลล์นั้นยิ่งหนักหนากว่า เพราะร่างกายท่อนล่างของเขาโชกไปด้วยเลือดและเศษเนื้อของตัวเอง สีหน้าของเขาราวกับกำลังเผชิญชะตากรรมสิ้นหวังที่สุดในชีวิต พลางส่งเสียงร้องอย่างโหยหวนราวกับหมาป่า
ใครจะคาดคิดว่ามีดสั้นที่หานซั่วแทงไปนั้น โดนเข้าตรงของลับของดาร์เนลล์พอดิบพอดี จึงไม่แปลกใจที่เขาร้องโหยหวนกว่ายูนาหลายสิบเท่าตัวนัก ความคิดของหานซั่วนั้นราวกับปีศาจชั่วร้ายที่กำลังมีความสุข
ลูกดอกจากหน้าไม้ของหานซั่วพุ่งตรงไปราวสายฟ้า เล็งไปที่หลังของดาร์เนลล์ แต่ดาร์เนลล์ยังคงรับรู้ได้ถึงอันตรายจากทางด้านหลังแม้จะกำลังเจ็บปวดและเสียขวัญสุดขีด ออร่าต่อสู้สีเขียวเข้มส่องประกายจากดาบยาวที่เขาถือไว้ และทำลายลูกดอกของหานซั่วทันในด้วยการตวัดดาบอย่างกะทันหันเพียงครั้งเดียว
ทันใดนั้น
ก็ปรากฏเป็นกำแพงน้ำที่ก่อร่างขึ้นอย่างรวดเร็ว…
กำแพงน้ำสีน้ำเงินปกคลุมเหนือศีรษะของดาร์เนลล์และยูนาเอาไว้ และทำให้ออร่าต่อสู้สีขาวบริสุทธิ์ของฟีบี้พุ่งเข้าใส่จนน้ำสาดกระจาย ก่อนที่กำแพงจะสลายและไหลโชกอาบร่างของทั้งคู่
กำแพงน้ำนี้ช่วยซื้อเวลาได้เพียงไม่กี่วินาที แต่พวกเขาก็ยังกรีดร้องและพยายามวิ่งหนีออกจากห้อง แต่เมื่อไปได้เพียงครึ่งทาง จู่ ๆ โคมไฟระย้าก็ร่วงลงมา ทำให้ดาร์เนลล์ต้องชะงักฝีเท้าเพื่อใช้ดาบยาวฟาดใส่โคมให้กระเด็นออกไปทางด้านข้าง
ครั้งนี้
ฟีบี้ทิ้งตัวลงมาจากฝ้าเพดาน พร้อมกันกับที่หานซั่วยิงหน้าไม้ออกไป และพุ่งเข้าใส่เป้าหมายทั้งคู่ด้วยความเร็วดุจเสือที่กระโจนเข้าตะครุบเหยื่อ ฟีบี้ตั้งใจจะจัดการดาร์เนลล์ แต่เพราะทั้งตกใจและขยะแขยงเมื่อเห็นร่างเปลือยเปล่าของเขา จึงเปลี่ยนทิศทางดาบยาวให้พุ่งไปโจมตียูนาแทน
หน้าไม้ในมือหานซั่วยิงลูกดอกออกไปอีกครั้งก่อนที่เขาจะเหวี่ยงมันทิ้งไปทางด้านข้าง และตอนที่ดาร์เนลล์ทำลายลูกดอกไป มีดสั้นของหานซั่วก็เสียบเข้าที่ร่างของเขาเรียบร้อยแล้ว ดาร์เนลล์คลั่งขึ้นมาทันทีเพราะทั้งเจ็บปวดและเจ็บใจที่สูญเสียความเป็นชาย เขาเพิ่มพลังออร่าต่อสู้จนถึงขีดสุด และใช้ดาบยาวนั้นฟาดใส่มีดสั้นของหานซั่วอย่างเต็มแรง
เลือดสด
ๆ ทะลักออกมาจากปากของหานซั่วทันทีที่ออร่าต่อสู้อันโหดร้ายป่าเถื่อนของดาร์เนลล์แล่นเข้าสู่ร่างของหานซั่ว แม้แก่นมนตราจะช่วยซับความรุนแรงไว้ได้บ้าง แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะป้องกันได้ทั้งหมด ร่างหานซั่วจึงเซถอยหลังไปเล็กน้อย
เมื่อเห็นว่าหานซั่วเซถอยไปหลังจากปะทะเข้ากับดาบยาวของเขา ดาร์เนลล์ก็ต้องการฆ่าหานซั่วให้ตายในทันที แต่แล้วเขาก็ต้องพบว่าดาบยาวในมือกำลังร้อนระอุ ผิวหนังบนมือขวาที่กำรอบด้ามดาบอยู่กำลังทรมานจากความปวดแสบปวดร้อนจนเริ่มไหม้ เขาตกใจและรีบทิ้งดาบยาวไปทันที
“หนีเร็วเข้า!
”
ยูนาร้องบอก
ทันใดนั้นเอง
เวทย์อสรพิษวารีก็ก่อร่างขึ้น มันตวัดเลื้อยและรัดตัวฟีบี้เอาไว้ แต่ทว่า
ร่างของอสรพิษวารีจะถูกทำลายทุกครั้งที่เธอขยับดาบ กลายเป็นเพียงละอองน้ำและหยดลงสู่พื้น
ดาร์เนลล์จ้องมองหานซั่วอย่างดุร้าย แต่ไม่พุ่งเข้าใส่หานซั่วอีก เขาใช้มือซ้ายปิดท่อนล่างของเขาเอาไว้ และรีบวิ่งออกไปจากห้อง
ในตอนนั้นเอง
หานซั่วก็ได้ยินเสียงฝีเท้าแผ่วเบาจากระยะไกล ๆ กำลังใกล้เข้ามาจนเขาเริ่มรู้สึกปั่นป่วนในใจ เขารีบพุ่งตรงเข้าใส่คนทั้งคู่ทันที ขณะเดียวกัน
ฟีบี้ก็จัดการกับอสรพิษวารีได้แล้ว
และไล่ตามสองคนนั่นด้วยความเร็วเท่ากันกับหานซั่ว
ทั้งหานซั่วและฟีบี้ต่างรู้ดีว่า ถ้าพวกเขาไม่ฆ่าสองคนนั่นเสียตอนนี้ พวกเขาก็จะไม่มีโอกาสอีกเลย จึงต้องดิ้นรนอย่างสุดความสามารถเพื่อไม่ให้พวกนั้นหนีรอดออกไปจากห้องได้
ทันใดนั้นเอง
สิ่งที่จัดเตรียมไว้ล่วงหน้าบางอย่างก็ส่งผล ซึ่งหานซั่วได้ทำการดัดแปลงขาโต๊ะของชุดโต๊ะกลมที่อยู่ก่อนถึงประตูห้อง และด้วยความรีบร้อนของทั้งดาร์เนลล์และยูนา ทั้งสองคนไม่ได้วิ่งอ้อมโต๊ะไป แต่กลับกระโดดขึ้นไปบนโต๊ะกลมนั้น หมายจะใช้เป็นที่ถีบตัวเพื่อพุ่งออกไปจากห้องให้เร็วขึ้น
แล้วเรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อร่างของทั้งคู่ที่เหยียบลงบนโต๊ะ ขาโต๊ะทุกข้างก็หักลงทันทีเพราะไม่สามารถรับน้ำหนักอย่างกะทันหันของพวกเขาได้
ในขณะที่ทั้งดาร์เนลล์และยูนาตั้งใจจะทุ่มแรงทั้งหมดที่มีใช้โต๊ะกลมนั้นส่งตัวเองออกไป แต่แล้วโต๊ะก็พังลงอย่างกะทันหัน ทำให้ทั้งคู่เสียการทรงตัว และโอนเอนไปมาตามแรงโยกของโต๊ะ
หานซั่วและฟีบี้พุ่งเข้าถึงตัวทั้งคู่แล้ว ดาบของฟีบี้ตวัดออกไปทันที และออร่าต่อสู้ของเธอกำลังพุ่งเข้าใส่เป้าหมายทั้งคู่
แม้ดาร์เนลล์และยูนาจะกลับมาทรงตัวได้แล้ว แต่ก็ต้องพบว่าพวกเขากำลังตกเป็นเป้าโจมตีโดยออร่าต่อสู้ของฟีบี้ ดาร์เนลล์รีบดึงร่างยูนาที่กำลังตาเบิกกว้างเพราะความตระหนกตกใจเข้ามารับการโจมตีของฟีบี้ไว้ทันที เขาไม่แม้แต่จะเหลียวมามองร่างของยูนา แต่กลับรีบพุ่งออกจากห้องเพื่อเอาชีวิตรอดโดยไม่ลังเลแม้แต่จะคิดถึงสิ่งอื่นใด
อย่างไรก็ตาม
ผงยาพิษที่หานซั่วเคลือบมีดสั้นไว้ในที่สุดก็ออกฤทธิ์ หลังจากก้าวเท้าไปได้เพียง 2 ก้าว ฝีเท้าของดาร์เนลล์ก็หนักอึ้งราวกับกำลังแบกน้ำหนักไว้เป็นพัน ๆ ตัน หานซั่วรีบเข้าประชิดตัวอีกครั้งก่อนที่ดาร์เนลล์จะทันได้โต้ตอบ และใช้มีดสั้นปลิดชีวิตเขาทันที
หลังจากฆ่าดาร์เนลล์สำเร็จแล้ว สายตาของหานซั่วก็ไปสะดุดเข้ากับแหวนมิติที่นิ้วของดาร์เนลล์ เขาเอื้อมมือไปเพื่อถอดมันออกมา แต่ก็พบว่าถอดยากเต็มที
เพราะเวลาจำกัด หานซั่วจึงลงเอยด้วยการใช้มีดสั้นหั่นนิ้วกลางของดาร์เนลล์จนขาดในฉับเดียว
เขาเก็บนิ้วที่ยังสวมแหวนมิติอยู่เข้าไปไว้ในแหวนมิติของตัวเอง ก่อนจะหันมาพบกับรูใหญ่กลางอกของยูนาที่ชุ่มโชกไปด้วยเลือด ดูเหมือนฟีบี้จะสังหารเธอสำเร็จแล้ว
“ไปกันเถอะ!
”
หานซั่วร้องบอกด้วยเสียงอ่อนโยน และรีบไปยืนเคียงข้างฟีบี้ กลิ่นหอมจาง
ๆ บางอย่างฟุ้งกระจายมาจากยูนาและฟีบี้ หานซั่วสูดหายใจเข้าลึก ๆ แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจ สิ่งที่เขาเห็นมีเพียงสายตาแปลก ๆ ของฟีบี้ ที่เหม่อมองอะไรบางอย่างไกลออกไปราวกับสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
หานซั่วใช้วิธีเดียวกันในการเอานิ้วมือซ้ายที่สวมแหวนมิติของยูนากลับไป เขาหยิบหน้าไม้ที่โยนทิ้งไปตอนแรกขึ้นมาอย่างนุ่มนวล และคว้าตัวฟีบี้ไว้ ก่อนจะกระโดดพุ่งตัวขึ้นไปทางรูใหญ่ด้านบนที่เขาเปิดเตรียมไว้ก่อนหน้านี้ และรีบหนีไปทางหลังคาทันที
————————————–