I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Great Demon King ตอนที่ 73 คนโรคจิต ท่านทำอะไรข้า

| Great Demon King | 826 | 2360 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป
เป็นเวลาประมาณเที่ยงคืน   หานซั่วและฟีบี้หนีออกไป พอดีกับตอนที่โกรเวอร์พาทหารยามของสมาคมพ่อค้าตระกูลบูซท์กลุ่มใหญ่บุกเข้ามาในห้อง 
“ใครกัน?  ใครเป็นคนทำ 
ข้าทุ่มเหรียญทองไปกับทหารยามอย่างพวกเจ้าตั้งมากมาย  เสียเปล่าจริง 
ๆ  ไม่มีใครเห็นเลยรึไงว่ามีนักฆ่าลักลอบเข้ามา
  แล้วถ้าเป้าหมายของพวกมันเป็นข้า   ศพที่นอนกองอยู่บนพื้นนั่นคงไม่ใช่เจ้าสองคนนี่หรอก!!! ” 
โกรเวอร์ตวาดเสียงดังใส่กลุ่มคนที่อยู่ด้านหลังของเขาทันทีเมื่อเข้ามาในห้อง  
นายท่านโกรเวอร์   ฝีมือของนักฆ่าคนนี้เก่งกาจนัก   เขาหลบเลี่ยงการตรวจจับของเวทย์กำแพงลมของข้าได้   แถมยังสังหารทั้งดาร์เนลล์และยูนาในระยะเวลาอันสั้น   เพียงเท่านี้ก็พิสูจน์ได้แล้วว่าความแข็งแกร่งของนักฆ่าคนนี้อยู่เหนือจินตนาการของพวกเราไปมากทีเดียวครับ
นักเวทย์ผมยาวคนหนึ่งพูดขึ้นด้วยสีหน้าขุ่นเคือง
หลังจากมองสำรวจไปรอบ
    ห้อง
โกรเวอร์ถอนหายใจเบา     ก่อนจะมองไปที่นักเวทย์ผมยาวคนนั้น   และพูดด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด
ขอโทษนะ   เอลลิส   ข้าโมโหมากไปหน่อย
แต่ทว่า   นักเวทย์ธาตุลม   เอลลิส   ยังคงไม่แสดงสีหน้าใด     เขามองไปยังศพของดาร์เนลล์ด้วยท่าทางประหลาดใจ
หืม…?
เขาเดินเข้าไปหาศพ   และสังเกตว่านิ้วมือซ้ายหายไปนิ้วหนึ่ง   พลางร้องอุทานด้วยความสงสัย
นิ้วกลางข้างซ้ายที่ดาร์เนลล์สวมแหวนมิติถูกหั่นออกไป   เกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย ?
ไม่ใช่แค่ดาร์เนลล์นะ   ยูนาเองก็โดนเหมือนกัน   เป็นไปได้ว่าเจ้านั่นฆ่าทั้งสองคนนี้เพื่อชิงทรัพย์รึเปล่า ?”
โกรเวอร์ถามด้วยความสับสน   หลังจากที่ได้ยินเอลลิสพูด
เป็นไปไม่ได้หรอกครับ
เอลลิสปฏิเสธอย่างเฉียบขาด   พลางมองไปรอบ     และอธิบาย
ถ้าเขาฆ่าเพราะต้องการทรัพย์สินจริง     ก็คงไม่เลือกปล้นสองคนนี้แน่   เพราะเมื่ออยู่ด้วยกัน  ฝีมือของพวกเขานับว่ารับมือยากที่สุดเลยก็ว่าได้  ยังไม่รวมถึงของมีค่ามากมายที่อยู่ในสมาคมนี้อีก  ถ้าหวังของมีค่าอย่างเดียว  ก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องหาเรื่องประมือกับสองคนนี้หรอกครับ  และถ้าดูจากความสามารถของนักฆ่าที่ข้าประเมินได้  เจ้านั่นอาจจะได้อะไรจากสมาคมไปมากกว่านี้  โดยที่พวกเราเองก็คาดไม่ถึงก็เป็นได้”
โกรเวอร์ใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่งและพยักหน้าเชิงเห็นด้วย  และพูดพร้อมสีหน้าที่เข้มขึ้นด้วยความโกรธ
“ถ้าไม่ได้ฆ่าเพื่อชิงทรัพย์  งั้นก็คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากฟีบี้หลานรักของข้าเองสินะ  อาจเป็นเพราะเริ่มรับไม่ได้หลังจากที่ต้องอดทนต่ออะไรหลาย  ๆ  อย่างมานาน”
“เห็นด้วยครับ  ฟีบี้ต้องอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้แน่  ดาร์เนลล์และยูนาเองก็เคยลอบฆ่าเธอมาแล้วหนหนึ่ง  ถึงแม้ว่าพวกเขาต้องล่าถอยไปเสียก่อน  แต่ข้ารู้สึกว่าฟีบี้ต้องรู้แน่  ๆ  ว่าเป็นฝีมือของสองคนนั้น…
อีกอย่าง  สายตาที่ดาร์เนลล์มองฟีบี้ก็เต็มไปด้วยกิเลสตัณหา  ขนาดข้าที่เป็นคนนอกก็มองออกได้ไม่ยาก  เพราะฟีบี้เองก็มีส่วนเกี่ยวข้องและยังเป็นคนที่รู้จักทุกอย่างเป็นอย่างดี  ในเมื่อพวกเรายังปลอดภัย  และสองคนนี้คือคนที่ต้องมาตายแทน  ก็เพียงพอที่จะอธิบายทุกอย่างได้แล้วล่ะครับ  เว้นเพียงแต่ว่า  เจ้านักฆ่านี่ค่อนข้างละโมบโลภมากทีเดียว  แม้จะอยู่ในสถานการณ์เสี่ยงอันตรายขนาดนี้  ยังไม่ลืมที่จะขโมยแหวนมิติกลับไปด้วย  คนรอบข้างของฟีบี้มีคนประเภทนี้โผล่มาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
เอลลิสนิ่วหน้าและพูดอย่างเชื่องช้า  ขณะคิดหาเหตุผลวกไปวนมาในหัว
โกรเวอร์สะดุ้งและนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง  สีหน้าของเขาเข้มขึ้นเรื่อย  ๆ  และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ข้ารู้แล้วล่ะ…ว่าเป็นใคร 
ต้องเป็นเจ้า  “ไบรอัน”  ที่สังหารนักฆ่า  “ปีศาจเงา” 
ไปถึง  3  คนเมื่อคราวก่อนแน่  ๆ  ข้าได้ยินจากพวกทหารยามมาว่าเจ้านั่นมาเจรจาธุรกิจกับเฟเบียนเพราะต้องการเงิน  ถ้าเจ้านั่นแข็งแกร่งถึงขนาดปลิดชีพนักดาบระดับสูงได้ถึง  3  คนด้วยลำพังตัวเองคนเดียว  แสดงว่าต้องแข็งแกร่งพอที่จะฆ่าทั้งดาร์เนลล์และยูนาได้แน่
บ้าจริง  ฟีบี้ไปหาเจ้าเด็กนี่มาจากไหนกันนะ  ข้าไม่รู้ว่าเธอซ่อนเขาไว้ที่ไหนเสียด้วยสิ  เพราะไม่ได้คอยอยู่ข้างกายฟีบี้ตั้งแต่ที่ออกจากสมาคมไปคราวก่อน  ข้าเคยส่งคนไปสืบหาที่อยู่ของมัน  แต่ก็ไม่พบร่องรอยอะไรเลย  ยากพอควรทีเดียวเชียวล่ะ”
เอลลิสพยักหน้ารับ  พร้อมสรุปความ
“งั้นก็น่าจะใช่เขาจริง  ๆ  นั่นล่ะครับ  และพวกเราก็ต้องกำจัดคน  ๆ  นี้ให้ได้ก่อน  ไม่ว่าต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม  ไม่งั้นเป้าหมายการลอบสังหารครั้งต่อไปอาจเป็นพวกเราก็ได้”
“ตกลง  กระจายคำสั่งของข้าออกไป  ตอนนี้อย่าเพิ่งฆ่าฟีบี้  แต่ให้ทุกคนทุ่มเทสุดกำลัง  หาตัวเจ้าคน 
ๆ  นี้มาให้ได้  มันทำลายแผนของข้ามาสองครั้งแล้ว  ข้าจะทำให้มันมีชีวิตอยู่เหมือนกับตกนรกทั้งเป็นเลยทีเดียวเชียว
!
โกรเวอร์พูดด้วยสีหน้ามุ่งร้ายและเย็นชา
็เดด
ในตอนนั้นเอง  หานซั่วซึ่งถูกโกรเวอร์เกลียดเข้ากระดูกดำไปเรียบร้อยแล้ว  กำลังพาฟีบี้หนีไปให้ห่างจากสมาคมพ่อค้าตระกูลบูซท์  และมุ่งหน้าสู่แหล่งกบดานของฟีบี้ในพื้นที่ทางตอนเหนือของเมือง
มีอะไรแปลก  ๆ  บางอย่างเกิดขึ้นกับฟีบี้  และดูเหมือนเธอจะควบคุมตนเองไม่ได้  ร่างของเธอเฉื่อยชาและร้อนเมื่อสัมผัส  หานซั่วลากเธอไปอย่างเร่งรีบเพื่อทิ้งห่างระยะทาง  ทั้งสองคนสวมชุดอำพรางกายสีดำและแฝงกายในความมืดขณะลัดเลาะไปตามตรอกซอกซอยต่าง  ๆ  จนหลบเลี่ยงการถูกพบเห็นได้อย่างสมบูรณ์
แต่เมื่อเข้าใกล้เขตทางตอนเหนือของเมือง  ทหารรักษาการณ์ประจำเมืองก็ปรากฏให้เห็นถี่ขึ้นเรื่อย  ๆ  ทำให้หานซั่วจำเป็นต้องคอยหลบเลี่ยงและซ่อนตัวอยู่เนือง  ๆ  และฟีบี้ซึ่งถูกหานซั่วลากไปลากมาและเคยวิ่งตามหลังเขาได้เป็นอย่างดี  ในตอนนี้  จู่  ๆ  ฝีเท้าเธอก็ช้าจนดึงรั้งหานซั่วไว้  และร่างกายของเธอก็ร้อนขึ้นทุกที  ๆ 
เมื่อไม่มีทางเลือก  หานซั่วก็อุ้มร่างของเธอแบกขึ้นหลัง  โดยไม่สนใจว่าเธอจะยอมหรือไม่  แต่ดูจากสถานการณ์ที่ต้องหลบเลี่ยงความสนใจจากพวกทหารรักษาการณ์ที่เดินเกลื่อนอยู่เต็มเมืองแล้ว  หานซั่วก็ล้มเลิกความคิดที่จะพาฟีบี้กลับไปยังแหล่งกบดาน  แต่พาเธอไปยังวิทยาลัยเวทมนตร์และศาสตร์แห่งพลังบาบิโลนแทน
เพราะที่แห่งนั้น  คือสถานที่ 
ๆ  เงียบที่สุดเท่าที่เขารู้จัก  และไม่มีทหารเข้าไปเดินป้วนเปี้ยนในนั้น  ที่นี่จึงเป็นสถานที่แรกที่เขานึกถึงในช่วงเวลาวิกฤติเช่นนี้
เมื่อหานซั่วใช้เส้นทางอ้อมเขตพื้นที่ทางตอนเหนือของเมืองพร้อมแบกฟีบี้ไว้บนหลัง  เขาวิ่งผ่านถนนแคบ  ๆ  เพื่อตรงไปยังเส้นทางเดินในป่า…  ทันใดนั้น 
เขาก็รู้สึกว่าฟีบี้กำลังฉีกทึ้งเสื้อผ้าของตนเอง  และมือทั้งสองข้างของเธอก็ลูบไล้ไปทั่วร่างกายของหานซั่ว
หานซั่วตกตะลึงและหยุดในทันที  แม้จะพยายามสงบสติอารมณ์แล้ว  หานซั่วก็รู้สึกได้ถึงหน้าอกกลมกลึงของฟีบี้กำลังแนบแน่นไปกับแผ่นหลังแข็งแรงของหานซั่ว  จนเขารับสัมผัสอันน่ามหัศจรรย์ของยอดอกคู่นั้นได้อย่างชัดเจน  ราวกับมีเปลวไฟพุ่งพล่านขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้ภายในอกของเขา  และมือนิ่มนวลของฟีบี้ก็ลูบไล้ไปตามหน้าอกของหานซั่วโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด  เมื่อได้รับแรงกระตุ้นต่อเนื่องมากขึ้นเรื่อย  ๆ  เขาก็ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป
เขาเหวี่ยงตัวฟีบี้จากหลังของเขา  เพื่อมาอุ้มเรือนร่างแสนวิเศษนั้นไว้ด้วยทั้สองมือ  ก่อนจะวางเธอลงและผลักร่างนั้นจนแนบกับต้นไม้ต้นหนึ่งที่อยู่ใกล้  ๆ  …สองมือของเขาเริ่มเคลื่อนไปนวดคลึงพื้นที่ต้องห้ามบนเรือนร่างของฟีบี้



แม้จะมีชุดดำรัดรูปบดบังเอาไว้  แต่หานซั่วก็สามารถสัมผัสความน่ามหัศจรรย์บนเรือนร่างของเธอ  หน้าอกกลมกลึงข้างหนึ่งของฟีบี้กระเพื่อมไปตามจังหวะแรงมือของหานซั่ว  ในขณะที่มืออีกข้างหนึ่งของเขาก็ลูบไล้ไปตามท่อนขาเรียวยาวและบีบรัดก้นกลมแน่นของเธอ  สัมผัสที่แสนวิเศษเหล่านี้เองที่กำลังเร้าให้หานซั่วปรารถนาที่จะถลำตัวลึกลงไปให้มากขึ้นอีก
ตอนนั้นเอง ฟีบี้ถอดหน้ากากของเธอออก  เผยให้เห็นดวงตาสดใสที่กำลังรื้นไปด้วยแรงปรารถนาอันเย้ายวนใจ  ใบหน้างดงามจนน่าตื่นตะลึงของเธอกำลังร้อนผ่าว  พร้อมด้วยสีหน้าที่ชายใดได้มาเห็นล้วนรู้สึกราวกับใจหล่นหาย  กลิ่นหอมจาง 
ๆ  บางอย่างลอยฟุ้งออกมาจากลมหายใจของเธอ  ทำให้หัวใจของหานซั่วเต้นระรัวราวกับม้าที่ควบอย่างบ้าคลั่ง  และแทบจะสูญสิ้นสติสัมปชัญญะในการควบคุมตนเองอย่างสิ้นเชิง
แล้วมือขวาของหานซั่วก็ปลดชุดดำอำพรางตัวของฟีบี้ออก  เผยให้เห็นหน้าอกขาวบริสุทธิ์  ราวกับดอกไม้ที่เบ่งบานเต็มที่เบื้องหน้าหานซั่ว  พร้อมจุดอัศจรรย์สีชมพูเหนือยอดอกงดงามคู่นั้น
นอกจากจะควบคุมตัวเองไม่ได้แล้ว  เขาก็ควบคุมแรงของมือขวาไม่ได้เช่นกัน
“อ๊า…”
ในตอนนั้นเอง  เสียงร้องอย่างหมดแรงก็ดังจากปากเล็ก  ๆ  น่ารักของฟีบี้  คิ้วของเธอขมวดน้อย  ๆ  เพราะความเจ็บตรงหน้าอก  แต่แล้วก็ถอนใจอย่างแผ่วเบาเพราะแรงบีบที่คลายลง
จู่ 
ๆ  เขาก็ถูกความสงบเยือกเย็นของตัวเองโจมตีจากภายในจิตใจ  ทำให้เขาคืนสติได้อีกครั้ง  เมื่อเขาเพ่งมองฟีบี้  ก็นึกได้ทันทีว่าก่อนหน้านี้  ตัวเขาเองก็สูดหายใจเอากลิ่นแปลก  ๆ  บางอย่างเข้าไปเช่นกัน  และรู้ว่าฟีบี้กำลังตกอยู่ภายใต้ฤทธิ์ยากระตุ้นกำหนัด  ที่ส่งผลข้างเคียงทำให้เขาสูญเสียสติเชิงเหตุผลเพราะสูดเอาพิษตัวเดียวกันเข้าไป
ในหัวของเขาหมุนติ้ว  หลังจากพยายามคิดอย่างถี่ถ้วนถึงผลดีผลเสียที่จะตามมาด้วยกำลังทั้งหมดที่มี  เขาก็อุ้มฟีบี้ไว้ในอ้อมแขน  และวิ่งพุ่งตัวไปข้างหน้าด้วยความโมโห
หานซั่วคุ้นเคยกับพื้นที่ในบริเวณนั้นเป็นอย่างดี  และไม่นานนัก 
เขาก็มาถึงลำห้วยคดเคี้ยวแห่งหนึ่ง  ลำห้วยนั้นค่อนข้างแคบ  และเขาเองก็ไม่แน่ใจว่าน้ำจะไหลไปสิ้นสุด  ณ  ที่แห่งใด  เขารู้เพียงอย่างเดียวว่าท้องน้ำตื้นมาก  เพราะเคยผ่านบริเวณนี้มาหลายครั้ง
ทันทีที่เขามาถึง  ก็เดินย่ำลงใปในน้ำทันทีโดยที่ยังอุ้มฟีบี้เอาไว้  ช่วงเวลานั้นใกล้เข้าสู่หน้าหนาวเต็มที  สภาพอากาศจึงหนาวจัด  จนน้ำในลำห้วยเริ่มจะกลายเป็นน้ำแข็งในเวลากลางคืน  หานซั่วราดน้ำรดหัวเธอเบา  ๆ  จนฟีบี้จามออกมา
ส่วนหานซั่วเอวก็ถึงกับจุ่มหัวตัวเองลงไปในน้ำตรง  ๆ  เมื่อน้ำที่เย็นยะเยือกราวน้ำแข็งทำให้ทั่วทั้งหัวของเขารู้สึกชา  อารมณ์พุ่งพล่านก่อนหน้านี้ก็เริ่มมอดดับ  และปฏิกิริยาทุกส่วนในร่างกายก็กลับคืนสู่ความสงบได้อีกครั้ง
“ฮัดชิ้วววว…  ฮัดชิ้วววว…”
หลังจากฟีบี้จามไปสองถึงสามครั้ง  สติของเธอก็ค่อย  ๆ  คืนสู่ภาวะปกติเพราะความเย็นเยียบของน้ำในลำห้วย  เธอพ่นน้ำเย็น 
ๆ  ในปากออกมา  สีแดงระเรื่อบนแก้มทั้งสองข้างค่อย  ๆ  จางหายไป  และดวงตาที่เคยฉ่ำเยิ้มก็กลายเป็นปกติอีกครั้ง
“ที่นี่ที่ไหนกัน?  แล้วข้ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?  ฮัดชิ้วววว !
ฟีบี้มองไปรอบ  ๆ  ด้วยความสับสน  และตอนที่เธอก้มหน้าลงเพื่อจาม  เธอก็เห็นทันทีว่าหน้าอกทั้งสองข้างของเธอกำลังเปลือยเปล่าท่ามกลางอากาศยามกลางคืน  หน้าอกที่ขาวบริสุทธิ์ราวหิมะ  พร้อมจุดกลมสีชมพูสองจุดเหนือยอดอกคู่นั้นส่งผลต่อฟีบี้อย่างมหาศาล
เพียะ !
ทันใดนั้นเอง  จู่  ๆ  ใบหน้าของหานซั่วก็สั่นสะเพือนเพราะแรงตบ
สีหน้าของฟีบี้เต็มไปด้วยความโกรธอย่างบ้าคลั่งถึงขีดสุด  เธอกรีดร้องด้วยเสียงแหลมสูงใส่หานซั่ว
“คนโรคจิต  ท่านทำอะไรข้า?”
ในตอนนั้น  หานซั่วรู้สึกผิดต่อฟีบี้จากใจจริง  เขาตะกุกตะกัก 
และพูดอะไรไม่ออก  ขณะที่มองไปยังเด็กผู้หญิงที่เริ่มจะควบคุมอารมณ์ไม่ได้  เมื่อฟีบี้เห็นท่าทีของหานซั่วแล้ว  เธอก็ระเบิดร้องไห้เสียงดังออกมาทันที  สูญเสียท่าทีเย่อหยิ่ง  เย็นชา 
และสงบเสงี่ยมตามปกติแบบที่เธอเคยเป็นโดยสิ้นเชิง  เธอคิดอะไรไม่ออก  และเริ่มใช้ทั้งกำปั้นและเท้าทุบตีต่อยเตะหานซั่วทุกวิถีทางที่ทำได้จนเปียกโชกกันไปหมด
เพราะฟีบี้ช็อกมาก  จนลืมแม้กระทั่งตัวเองซึ่งเป็นถึงจอมดาบ  เธอเสียขวัญจนเล่นงานหานซั่วด้วยวิธีแสนปกติธรรมดาของผู้หญิงทั่วไปที่กำลังโกรธ  โดยไม่ใช้ออร่าต่อสู้เลยแม้แต่น้อย
แต่หากฟีบี้ใช้ออร่าต่อสู้ขึ้นมาล่ะก็  ด้วยความแข็งแกร่งระดับจอมดาบของเธอในตอนนี้  แม้หานซั่วจะประสบความสำเร็จในการฝึกฝนเวทมนตร์มาในระดับหนึ่ง  ก็สามารถทำให้เขาถึงกับบาดเจ็บสาหัสได้เลยทีเดียว  และแม้ว่าการทุบตีของเธอจะรัวใส่เขาไม่หยุด  ด้วยร่างกายที่แข็งแรงมากกว่าคนปกติ  เขาก็รู้สึกเพียงแรงสัมผัสที่ไม่แม้แต่จะเรียกว่าเจ็บ
หานซั่วทนรับการระบายอารมณ์ของฟีบี้ด้วยสีหน้าขมขื่น  จนหมัดของเธอเริ่มอ่อนแรงลงเพราะความเหนื่อย  หานซั่วหัวเราะเบา  ๆ
“พวกเราทั้งคู่โดนฤทธิ์ยากระตุ้นกำหนัดเข้าไปน่ะ  แต่ร่างกายของท่านยังปราศจากมลทินเหมือนเดิมนะครับ”
ฟีบี้คืนสติได้ทันทีหลังจากฟังที่หานซั่วพูด  เธอชะงักหมัดทั้งคู่เอาไว้  และกำลังยืนอยู่ตรงหน้าหานซั่วในระยะห่างไม่ถึงหนึ่งช่วงแขน  เธอมองหานซั่วด้วยสายตาขุ่นเคือง  ราวกับกลัวที่จะต้องรับเรื่องน่าตกใจเรื่องอื่นไว้อีก  ก่อนจะถามเขาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“จริงเหรอ?  ท่านไม่ได้ทำอะไรข้าจริง  ๆ  นะ?”
หานซั่วพยักหน้ารับอย่างหนักแน่น  เขาชูมือขวาขึ้นอย่างยอมจำนน  และให้คำมั่นกับเธอด้วยสีหน้าจริงจัง
“ข้าสาบานครับ  ว่าข้าไม่ได้ทำอะไรที่ไม่เหมาะสมกับท่านแม้แต่น้อยเลย”
ความรู้สึกยินดีเพราะโล่งอกปรากฏขึ้นบนใบหน้างดงามที่รื้นไปด้วยน้ำตาของเธอ    เธอกำลังจะอ้าปากพูดอะไรบางอย่างออกมา  แต่เมื่อเห็นหน้าอกเปลือยเปล่าของตัวเอง  ก็รีบดึงชุดดำอำพรางตัวขึ้นมาใส่ตามเดิมทันที  ก่อนจะเงยหน้าขึ้นจ้องมองหานซั่วตาเขม็ง   พร้อมเสียงคำรามแผ่วเบาที่ลอดผ่านฟันที่ขบแน่นด้วยความโกรธ
“งั้นท่านอธิบายมาสิ  ว่าทำไมเสื้อผ้าด้านหน้าของข้าถึงฉีกขาดแบบนี้?”
หานซั่วยักไหล่  และพูดอย่างใสซื่อ
“ข้าไปเกี่ยวอะไรด้วยล่ะ?  ก็ท่านเองนั่นแหละ  ที่ขาดสติและเริ่มฉีกทึ้งเสื้อผ้าตัวเองก่อน  ข้าเองก็ควบคุมสติจนแทบคลั่ง  กว่าจะดั้นด้นพาท่านมาถึงที่นี่  เพราะคิดว่าน้ำเย็น  ๆ  น่าจะช่วยทำให้ท่านคืนสติได้  ข้าเองก็เป็นสุภาพบุรุษที่มีเกียรติมีศักดิ์ศรีเหมือนกันนะครับ  อย่าเข้าใจข้าผิดแบบนั้นสิ”
“ช่างหัวเกียรติ  ช่างหัวศักดิ์ศรีสุภาพบุรุษบ้าบอของท่านสิ
คนเลวทราม 
ไร้ยางอาย  จอมฉวยโอกาส

ครั้งก่อนท่านก็จับมือข้า  กอดข้า 
ไม่เคยขอโทษข้าสักคำ  แถมยังไม่ขอโทษตอนฉวยโอกาสกับข้าที่รอยแยกในภูเขาจำลองของสมาคมนั่นอีก  ครั้งนี้ท่านล้ำเส้นมากเกินไปแล้ว  ข้าจะเล่นงานท่านไปจนถึงชั้นล่างสุดของแดนนรกเลย  คอยดูเถอะ
!
สีหน้าของฟีบี้เต็มไปด้วยความกราดเกรี้ยว  ท่าทีคุกคามของเธอไล่ต้อนเขาไปเรื่อย  ๆ  และเริ่มปล่อยออร่าต่อสู้ออกมาจนหานซั่วสัมผัสได้
หานซั่วสะดุ้งทันทีและคิดว่าฟีบี้อาจจะรู้ตัวและจำได้ว่าเสื้อด้านหน้าของเธอถูกปลดโดยมือทั้งสองข้างของเขาเอง  จึงรีบหนีและกระโดดไปยังอีกฝั่งของลำห้วย  พลางพูดยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง
“ท่านฟีบี้  ฟังข้าก่อนครับ  ข้าเองก็สูดเอากลิ่นของยากระตุ้นกำหนัดเข้าไปเหมือนกัน  มันทำให้ข้าควบคุมอารมณ์ไม่ได้อยู่แล้ว  แต่ทันทีที่ข้าได้สติ  ข้าก็รีบพาท่านมาที่ลำห้วยนี้ไง  ดินฟ้าเป็นพยานเลย  ข้าไม่ได้ฉวยโอกาสกับร่างกายท่านจริง  ๆ  นะครับ
ตอนที่ท่านตกอยู่ภายใต้ฤทธิ์ยาแล้วลูบคลำข้าไปทั้งตัว  ท่านก็ฉวยโอกาสกับข้าเหมือนกันนี่  นอกจากท่านแล้ว  ยังไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนแตะต้องข้าแบบนั้นมาก่อนเลยนะครับ  ข้ายังบริสุทธิ์อยู่เหมือนกัน  ข้าโดนท่านทำมิดีมิร้ายจนเป็นแผลลึกในจิตใจแล้วเนี่ย  ข้าเองก็เสียหายไม่ต่างอะไรกับท่านนะ  เอาเป็นว่าเรื่องนี้เราเสมอกันได้มั้ยครับ  อย่าทำให้มันยุ่งยากไปกว่านี้เลย…”
เมื่อหานซั่วหนีจนเปียกปอนไปทั้งตัว  คำพูดทุกอย่างก็พรั่งพรูออกมาจากปาก  เหมือนตอนที่เขาเคยพรั่งพรูใส่ชูชางหลานอย่างคนเสียสติเมื่อครั้งที่โดนพาตัวไปยังดวงจันทร์  เว้นเพียงแต่ว่าเมื่อครั้งนั้นเป็นการก่นด่าและดูถูก  ในขณะที่ครั้งนี้พรั่งพรูเพื่ออธิบาย
“หุบปาก  วายร้ายใจบาปจอมเห็นแก่ตัวอย่างท่านสมควรเวียนว่ายตายเกิดอีกเป็นพันเป็นหมื่นครั้ง  ข้าไม่เชื่ออะไรที่ท่านพูดทั้งนั้น !
เสื้อผ้าเนื้อบางเบาของฟีบี้เปียกชุ่ม  และผมเปียก 
ๆ  ของเธอก็ดูน่ายั่วยวนใจไปอีกแบบ  แต่ท่วงท่าการเคลื่อนไหวพร้อมดาบในมือดูโหดร้ายน่ากลัวยิ่งกว่า
“ช่างเถอะ  คิดซะว่าข้ามันโชคร้ายเองก็แล้วกัน  ขอตัวล่ะ 
แล้วข้าค่อยกลับมารับเหล็กไหลตอนที่ท่านสงบสติอารมณ์ได้ดีกว่านี้  ลาก่อนครับ”
หานซั่วรู้ดีว่าคุยกับฟีบี้ต่อไปก็ไม่มีประโยชน์  ผู้หญิงที่โกรธจนขาดสติก็ไม่ต่างอะไรกับสัตว์วิเศษที่น่ากลัวน่าสยดสยองที่สุดในโลก  ยังไม่รวมเรื่องที่เธอเป็นถึงจอมดาบ  อันตรายในเหตุการณ์แบบนี้  หานซั่วเปรียบเทียบการเผชิญหน้ากับสุดยอดสัตว์วิเศษอย่างมังกรเลยทีเดียว
เขาถอนหายใจ  พลางนึกในใจว่าทำไมเขาถึงโชคร้ายขนาดนี้  เขาไม่กล้าแม้แต่จะชะลอฝีเท้าลง  แต่พุ่งไปข้างหน้าด้วยความรวดเร็วเพื่อไปยังสุสาน    จนค่อย 
ๆ  ทิ้งห่างฟีบี้ผู้ซึ่งไม่คุ้นเคยกับพื้นที่ไว้เบื้องหลัง
———————————-
(0 votes) 0/10
ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments