I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Great Demon King ตอนที่ 74 เมื่อเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กอยากบิน

| Great Demon King | 841 | 2361 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป
พระอาทิตย์กำลังฉายแสงทักทายท้องฟ้ายามรุ่งอรุณ  เมื่อในที่สุด
หานซั่วก็ใช้มิติเวทมนตร์เคลื่อนย้ายกลับมาถึงสุสานแห่งความตาย
ผ่านไปหนึ่งวันกับหนึ่งคืนเต็ม
ๆ ที่เขาออกจากที่นี่ไป หานซั่วรีบตรงไปยัง
โพรงปีศาจปฐมภูมิทันที เพื่อหยดเลือดสด ๆ
และถ่ายเทแก่นมนตราลงไป พลางถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อทำเสร็จ
กระบวนการของ โพรงปีศาจปฐมภูมินั้น
ต้องดำเนินต่อเนื่องและห้ามหยุดแม้แต่วันเดียว เพราะหากไม่ได้รับเลือดสด ๆ
และแก่นมนตราเป็นประจำทุกวัน สิ่งที่เคยทำมาตลอด
20 กว่าวันจะสูญเปล่าทั้งหมด
หานซั่วทิ้งตัวลงนั่งบนพื้น
ดูเหมือนออร่าต่อสู้ของดาร์เนลล์กำลังเริ่มอาละวาดไปทั่วทั้งร่างอย่างช้า ๆ
ผลกระทบอย่างกะทันหันของมันทำให้เลือดจำนวนหนึ่งพุ่งจากท้องขึ้นมากระจุกอยู่ที่คอ
จนเขาเกือบกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง
แทนที่จะตกใจ
แต่เขากลับลุกขึ้นยืน และเงยหน้าหัวเราะลั่น เขารีบวิ่งออกจากสุสานแห่งความตายเพื่อตรงไปยังน้ำตกที่เคยใช้ฝึกตนโดยทันที
หานซั่ววิ่งเลาะไปตามแม่น้ำ ก่อนจะนั่งลงในตำแหน่งเดิม ร่างของเขาโยกไปมา
และจมดิ่งลงสู่ภาวะสงบนิ่งในการฝึกตนทันที
7 วันผ่านไป
นอกจากภารกิจในการหยดเลือดและถ่ายเทแก่นมนตราลงใน
โพรงปีศาจปฐมภูมิ
เป็นประจำทุกวันแล้ว
หานซั่วก็หมกตัวอยู่แต่การฝึกฝนเวทมนตร์ใต้น้ำตกแห่งนั้น
แล้วความแข็งแกร่งของหานซั่วก็เพิ่มขึ้นอีกมากเพราะการโหมฝึกฝนอย่างหนัก
จนทนทานต่อทั้งความเจ็บปวดทรมานจากออร่าต่อสู้ของดาร์เนลล์ที่ยังหลงเหลือในร่างกาย
และความรุนแรงของพลังน้ำตกได้มากขึ้น หานซั่วค่อย ๆ
ซ่อมแซมและเสริมสร้างเส้นชีพจรและกระดูกซี่โครงในอก เอว และท้อง เมื่อเขารู้สึกได้ว่าไม่หลงเหลือออร่าต่อสู้ของดาร์เนลล์ในร่างกายอีกต่อไปแล้ว
หานซั่วก็สัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าร่างกายของเขารู้สึกดีขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ไม่กี่วันต่อมา
หานซั่วก็หยุดการฝึกฝนเวทมนตร์ไว้ชั่วคราว และใช้เวลาเฝ้าดู
โพรงปีศาจปฐมภูมิพลางอ่านตำรา เวทมนตร์ศาสตร์แห่งความตายสำหรับผู้เริ่มต้นไปด้วย
จนเขาสามารถท่องจำเนื้อหาได้ทั้งเล่มแล้ว
หานซั่วจดบันทึกส่วนที่เขาไม่เข้าใจเอาไว้
ทุกครั้งที่เขาใช้ลูกแก้วสีเขียวปริศนาเวลาเข้าฌาน พลังจิตของเขาก็เพิ่มขึ้นเรื่อย
ๆ ทุกวัน และหลังจากพยายามทดลองเวทมนตร์มาอย่างต่อเนื่อง  หานซั่วก็สามารถใช้เวทย์
คำสาปกรีดวิญญาณได้อย่างสมบูรณ์ เขาทั้งตื่นเต้นและดีใจเป็นที่สุด
เขารู้ทันทีว่าหลายต่อหลายเดือนที่เขาเฝ้าฝึกฝนจนมีระดับพลังจิตที่แข็งแกร่งขึ้น
ในที่สุด เขาก็บรรลุระดับนักเวทย์ฝึกหัด
และก้าวเข้าสู่การเป็นนักเวทย์ระดับเริ่มต้นได้สำเร็จ
นักเวทย์ระดับเริ่มต้น
คือผู้ที่สามารถใช้เวทมนตร์ศาสตร์แห่งความตายได้
3 อย่าง ได้แก่ การใช้เวทย์ คำสาปกรีดวิญญาณ
การอัญเชิญนักรบผีดิบ และ เวทย์คมหอกกระดูก
แต่เพราะหานซั่วร่ายเวทย์ คำสาปกรีดวิญญาณ
ได้โดยบังเอิญ ในขณะที่ยังไม่สามารถใช้เวทมนตร์อีกสองอย่างได้ ไม่ว่าจะพยายามเพียงใดก็ตาม
เขาจึงพยายามปะติดปะต่อเรื่องราว
และคิดว่าอาจเป็นเพราะเขายังไม่เข้าใจเนื้อหาหลาย ๆ ส่วนในตำรา
เวทมนตร์ศาสตร์แห่งความตายสำหรับผู้เริ่มต้นจึงสรุปได้ว่า
การศึกษาจากตำราแต่เพียงอย่างเดียว
ไม่ใช่ทั้งวิธีที่เร็วที่สุดหรือวิธีที่ดีที่สุดในการเพิ่มพูนองค์ความรู้ด้านเวทมนตร์
ดูเหมือนว่าเขาต้องไปหาแฟนนี่เพื่อปรึกษาในหัวข้อที่เขาไม่เข้าใจ
พร้อมทั้งกลับไปเอาวัตถุดิบต่าง ๆ ในการสร้างอาวุธ
พร้อมทั้งแร่เหล็กไหลที่ฟีบี้เคยสัญญาไว้ด้วย
แต่ก่อนที่เขาจะกลับไป
หานซั่วตั้งใจว่าจะสร้าง
ปีศาจปฐมภูมิ“​ให้เสร็จก่อน เพราะกระบวนการเต็มที่ทั้ง 34 วันของ โพรงปีศาจปฐมภูมิกำลังจะจะแล้วเสร็จในอีก 2
วัน ในเมื่อหานซั่วเองก็ไม่ได้รีบร้อนอะไร ระหว่างนี้
เขาจึงแวะไปเยี่ยมเยียนหมู่บ้านคนแคระเพื่อพบปะและพูดคุย
และเขาก็กลับมายังเหมืองอีกครั้ง
และขุดแร่อยู่ที่นั่นทั้งวัน จนได้เหล็กสีนิลก้อนเล็ก ๆ มา
1
ก้อน พร้อมด้วยแร่เหล็กและแร่ทองแดงอีกนิดหน่อย
หานซั่วจำที่ฟีบี้เคยบอกได้ว่าเหล็กสีนิลถือเป็นแร่ที่หายากมากและมีค่ามากชนิดหนึ่ง
แม้เขาจะขุดแร่ทั้งวัน ยังได้มาเพียงก้อนเล็ก ๆ ก้อนเดียว เขารีบเก็บมันไว้ในแหวนมิติทันที
เมื่อกลับไปยังสุสานแห่งความตายแล้ว
เขาก็โยนแร่เหล็กและแร่ทองแดงทั้งหมดไว้ในห้องเก็บของห้องหนึ่งในห้องโถงใหญ่
ฮ่า ๆ ๆ น่าสนุกจริง ๆ ถ้าข้ามี ปีศาจปฐมภูมิ
ทั้ง 3 ตน ก็เท่ากับว่าข้ามีตาเพิ่มอีกถึง 3
คู่ ถ้าปล่อยให้มันลอยออกไปสังเกตการณ์
ข้าก็ไม่จำเป็นต้องคอยระแวงว่าจะถูกสะกดรอยหรือถูกดักซุ่มโจมตีอีกแล้ว
และถ้าข้าใช้
ปีศาจปฐมภูมิ” 3 ตนนี้ในการลอบสังหารล่ะก็ ใครก็ตามที่เป็นศัตรูกับข้า
ก็เตรียมพบกับฝันร้ายได้เลย
!”
หานซั่วหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
ชณะพยายามถอน
ปีศาจปฐมภูมิเหล่านั้นขึ้นมา และย้ายเข้าสู่ร่างของเขา
และฝึกฝนอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
ทันใดนั้นเอง
เจ้าโครงกระดูกตัวเล็กที่นั่งเล่นอยู่ใน
โพรงปีศาจปฐมภูมิมาโดยตลอด จู่ ๆ
มันก็ลุกขึ้นยืน และค่อย ๆ ไต่ขึ้นมาจากหลุมลึกอย่างช้า ๆ เดือยกระดูกทั้ง
7
ชิ้นบนหลังพยายามกระพืออย่างบ้าคลั่ง
ในขณะที่ตัวมันเองพยายามกระโดดจนทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าด้วยโครงขาที่แข็งแรง
เดือยกระดูกทั้ง 7
ชิ้นบนหลังแบ่งเรียงตัวกันเป็น 2 แถวคล้ายปีกของแมลง
และมีเดือย
1 ชิ้นตรงกลางที่ชี้ลงด้านล่างคล้ายลักษณะของหาง
ขณะที่ร่างของมันกำลังทะยานขึ้นไป
เจ้าโครงกระดูกตัวเล็กก็ทำท่าเหมือนกำลังโลดเต้นด้วยความดีใจจนตัวสั่น
เดือยกระดูกทั้ง
2 แถวที่ดูราวกับปีกยังคงหมุนกระพืออย่างแรง
และส่วนที่คล้ายหางก็กระดิกไปมาอย่างต่อเนื่อง ราวกับว่าเดือยกระดูกเหล่านั้นเป็นฟันเฟืองของวงล้อจักรยานที่ช่วยให้มันคล่องแคล่วว่องไวมากขึ้นเมื่ออยู่กลางอากาศ
เมื่อเดือยกระดูกที่คล้ายหางขยับไปทางซ้าย
ร่างของเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กก็จะขยับเคลื่อนตัวไปทางซ้าย
ในขณะที่เดือยกระดูกนั้นส่ายไปทางขวา
ร่างของเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กก็จะเลื่อนไปทางขวาในทิศทางเดียวกันอย่างน่าอัศจรรย์
!
แต่แล้ว
หานซั่วก็ต้องรู้สึกราวกับหัวใจหล่นวูบ เมื่อเขาเห็นว่าร่างของเจ้าโครงกระดูกกำลังส่ายไปส่ายมา
และกำลังร่วงลงสู่พื้นเบื้องล่าง สีหน้าของเขาซีดเผือด เพราะตกใจจนทำอะไรไม่ถูก
ในตอนนั้นเอง
เจ้าโครงกระดูกตัวเล็กก็ร่วงถึงพื้นจนทั้งร่างลั่นเป็นเสียงกระดูกกระทบกันดังอย่างต่อเนื่อง
เจ้าโครงกระดูกเหมือนจะงุนงงที่จู่ ๆ ก็ตกลงมา
เมื่อมันหยิบกริชกระดูกยันตัวเองขึ้น และเดินโซเซเป็นวงกลมเหมือนคนเมา
เจ้าบ้าเอ๊ย เพิ่งจะเดินได้ไม่ทันไร มาวันนี้จะหัดบินแล้วเรอะ!?”
หานซั่วรู้สึกปวดใจทันที่ที่เห็นสภาพของเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กในตอนนั้น
เขารีบเดินไปหาและดีดกะโหลกหน้าผากเหม่ง ๆ ของมันดังป๊อก
แล้วเรื่องน่าตกใจบางอย่างก็เกิดขึ้น !
ทันทีที่หานซั่วใช้นิ้วดีดหน้าผากของมัน
เจ้าโครงกระดูกตัวเล็กก็เลิกทำท่าเมามายและทิ้งตัวลงไปนั่งกับพื้นอย่างกับเด็ก ๆ
และยังใช้นิ้วกระดูกของมันเกาหัวแกร่ก ๆ อย่างงุนงง
ราวกับไม่เข้าใจว่ามันทำอะไรผิด
หานซั่วดูแลประคบประหงมเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กเป็นอย่างดีตั้งแต่ตอนที่อัญเชิญมันออกมาเป็นครั้งแรก
และตั้งแต่ที่เขาหล่อหลอมมันด้วยแก่นมนตรา
เจ้าโครงกระดูกตัวเล็กก็มีพฤติกรรมเยี่ยงมนุษย์มากขึ้นเรื่อย ๆ
ความรู้สึกผูกพันที่หานซั่วมีต่อเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กก็มากกว่าผู้ใดบนโลกนี้
เพียงแค่เห็นมันร่วงลงมากลางอากาศสูงถึงขนาดนั้นก็ทำให้เขากังวลแทบตาย
หานซั่วถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เมื่อเห็นด้วยตาตนเองว่าเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กไม่ได้แตกหักอะไรตรงไหน
มันเพียงแต่ร่วงลงมาเสียงดัง และนอกจากนั้นก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง
เมื่อคิดว่าตรวจตราดูทุกอย่างดีแล้ว
เขาก็สังเกตเห็นรอยด่างสีแดงเป็นจุด ๆ
บนผิวกระดูกสีดำราวน้ำหมึกของเจ้าโครงกระดูกตัวเล็ก
มันไม่ได้เป็นสีดำสนิทเหมือนเคยอีกแล้ว แต่หากไม่ได้เพ่งพิจารณาให้มากพอ
รอยพวกนั้นก็แทบมองไม่เห็น
เอ๋? แปลกแฮะ ปกติแล้ว โพรงปีศาจปฐมภูมิ
ต้องสร้างหัวหน้าปีศาจตนเล็ก ๆ ขึ้นมา
แต่เจ้านี่กลับตั้งใจเข้าไปนั่งเล่นข้างในด้วยท่าทางสบายอารมณ์ซะขนาดนั้น และร่างกายของเจ้าก็เปลี่ยนไปทันทีที่ขึ้นมาจากหลุม
แถมยังพยายามเลียนแบบปีศาจในร่างของข้าและบินให้เหมือนพวกมันอีก สงสัยจริง
ว่าเรื่องที่เจ้าเปลี่ยนแปลงไปนี่จะเป็นเรื่องดีหรือร้าย
แม้แต่ข้าก็ไม่รู้แล้วเนี่ย ว่าเจ้าเป็นตัวอะไรกันแน่
หานซั่วจ้องมองเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กอย่างใกล้ชิด
พลางพึมพำกับตัวเอง
หลังจากบ่นงึมงำไปมาอยู่พักหนึ่ง
หานซั่วก็ตระหนักได้ว่าตนเองไม่สามารถเข้าใจความเปลี่ยนแปลงของเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กได้เลย
เขาส่ายศีรษะและเลิกล้มความพยายามคิดหาเหตุผลทันที และหันไปมอง
โพรงปีศาจปฐมภูมิที่กลับสู่สภาพปกติ ตั้งแต่ ปีศาจปฐมภูมิถูกปลดปล่อยออกมา
แล้วหานซั่วก็ร่ายเวทย์เพื่อส่งเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กกลับไปยังอีกมิติหนึ่ง
เมื่ออาการบาดเจ็บทั้งหมดหายดีแล้ว
และหล่อหลอม
ปีศาจปฐมภูมิทั้ง 3 ตนได้สำเร็จ 
แม้แต่เจ้าโครงกระดูกตัวเล็กเองก็กลับมาเคลื่อนไหวร่างกายได้ตามปกติ
หานซั่วก็เดินทางกลับไปยังเมืองออซเซ็นผ่านทางมิติเวทมนตร์เคลื่อนย้าย ด้วยจุดมุ่งหมายคือองค์ความรู้เกี่ยวกับเวทมนตร์ที่เขาไม่เข้าใจ
และแร่เหล็กไหลที่ฟีบี้ติดค้างเขาไว้ตั้งแต่คราวก่อน
———————————
(0 votes) 0/10
ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments