I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Great Demon King ตอนที่ 75 ปิดประตูแล้วนอนลงบนเตียง

| Great Demon King | 815 | 2360 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป
ณ  วิทยาลัยเวทมนตร์และศาสตร์แห่งพลังบาบิโลน  เมืองออซเซ็น 
หานซั่วรีบกินอาหารเช้า  และซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ 
ก่อนจะเดินทางไปยังวิทยาลัยเวทมนตร์และศาสตร์แห่งพลังบาบิโลนในช่วงสายของเช้าวันนั้น  เขาไปที่ห้องสมุดเป็นที่แรก  เพื่อแอบเอาตำรา  “ศาสตร์แห่งความตายขั้นพื้นฐาน”  และ 
“พจนานุกรมคำศัพท์เวทมนตร์” 
ทั้ง  2  เล่มที่เคยขอให้แจ็คแอบเอามาให้ไปคืนที่เดิม  จากนั้นจึงเดินไปยังห้องทดลองของแฟนนี่




ประตูห้องทดลองเปิดอ้าอยู่  แฟนนี่อยู่ในชุดคลุมสีดำขลิบทอง  เธอสวมแว่นตากรอบสีดำ  และถือคทาเวทมนตร์ในมือซ้าย  ส่วนมือขวากำลังใช้ปากกาวาดสัญลักษณ์เวทมนตร์ลงบนแท่นที่ตั้งอยู่กลางห้อง  กำลังพูดอธิบายอะไรบางอย่าง
ข้าง  ๆ 
แฟนนี่ 
ฟิทช์กำลังฟังอย่างตั้งใจ 
แต่สายตาของเขามักจะเหม่อมองใบหน้าของแฟนนี่อย่างเคลิบเคลิ้ม 
แม้ความมีเสน่ห์ของแฟนนี่จะดูพร่องลงเล็กน้อยเมื่อสวมแว่นตา  แต่เธอก็ได้บุคลิกที่เด็ดเดี่ยวและความงามแบบทรงภูมิปัญญามาแทน  แต่ทว่า 
สำหรับสายตาของหานซั่วนั้น 
ความงดงามของเธอไม่ได้ลดน้อยลงเลยทั้งสายตาและจิตวิญญาณ    เขายังคงจ้องมองเธอด้วยความหลงใหล
แฟนนี่พูดร่ายยาวอธิบายไปเรื่อย  แต่เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นเพื่อมองฟิทช์  ก็พบว่าเขากำลังเอาแต่จ้องมองเธอราวกับตกอยู่ในภวังค์  เธอจึงนิ่วหน้าทันที
“ฟิทช์  เจ้าเข้าใจที่ข้าพูดรึเปล่า ?”
ฟิทช์ตื่นจากภวังค์และรีบพยักหน้า  พร้อมกับยิ้ม
“อาจารย์แฟนนี่  ท่านอธิบายได้ชัดเจนแจ่มแจ้งมาก  ข้าเข้าใจครับ”
และเมื่อแฟนนี่เงยหน้าขึ้นมองฟิทข์  เธอก็มองเห็นหานซั่วกำลังยืนอยู่ที่ประตู 
หานซั่วในตอนนี้เริ่มสูงกว่าฟิทช์เล็กน้อยแล้ว 
และร่างกายของเขาก็กำยำล่ำสันขึ้นกว่าแต่ก่อนเพราะผลจากการฝึกฝนทั้งเวทมนตร์และการต่อสู้มาอย่างต่อเนื่อง  เขายืนตัวตรงราวกับหอก 
และไร้ซึ่งลักษณะเฉพาะอันอ่อนแอและผอมบางอย่างที่เหล่าผู้ใช้เวทย์มักจะเป็นโดยสิ้นเชิง
แฟนนี่กะพริบตาด้วยความตกตะลึงในความเปลี่ยนแปลงของหานซั่วที่เธอสังเกตได้ 
และเมื่อแฟนนี่เห็นว่าหานซั่วก็กำลังจ้องมองเธออย่างหลงใหลตอบกลับมา  หัวใจเธอก็เต้นเร็วขึ้นจนไม่เป็นจังหวะ 
พร้อมกับใบหน้าที่เริ่มแดงระเรื่อขึ้นเรื่อย  ๆ 
จนมือขวาที่ถือปากกาอยู่เกือบกำแน่นจนมันหักเป็นสองท่อน
นี่ข้าเป็นอะไรไปเนี่ย ?  แฟนนี่คิด  เธอสูดหายใจเข้าลึก  ๆ 
โดยไม่ตั้งใจ 
และมองค้อนไปที่หานซั่วอย่างโกรธ 
ๆ 
ในที่สุดเธอก็เงยหน้าขึ้นและพูดออกไป
“ไม่เจอกันนานเลยนะ  ไบรอัน 
ตั้งแต่การฝึกครั้งที่แล้วเจ้าก็หายตัวไปเป็นเดือน  มัวไปหลบอยู่ที่ไหนมารึไง  ถึงเพิ่งจะนึกได้ว่าต้องกลับมาเอาป่านนี้
?”
หานซั่วรู้สึกตัวและกลับเป็นปกติทันทีที่ได้ยินแฟนนี่พูด  เขาหัวเราะเบา 
“ตั้งแต่ตอนที่ออกเดินทางเพื่อฝึกฝนในป่าทมิฬเมื่อคราวก่อน 
ข้าก็รู้ว่าตัวเองยังขาดทักษะความสามารถอีกมาก 
ข้าถึงได้ยืมตำราเวทมนตร์ไปอ่านเพื่อปรับพื้นฐานความรู้เกี่ยวกับเวทมนตร์เองดูก่อนน่ะครับ  แต่ข้าก็ต้องกลับมาหาอาจารย์แฟนนี่นี่แหละ  เพราะมีคำถามยาก  ๆ 
มากมายเลยที่ข้ายังไม่เข้าใจ”
“ฮึ!  ใครจะไปเชื่อ 
เจ้าน่ะ 
ชอบทำตัวลึกลับแบบนี้ตลอดแหละ”
แฟนนี่กลอกตามองหานซั่ว  และดูเหมือนจะไม่เชื่อคำพูดของเขาจริง  ๆ 
เธอจึงหันไปหาฟิทช์  แต่อยู่ดี  ๆ 
ก็รู้สึกว่าการมีตัวตนอยู่ตรงนั้นของเขาดูน่ารำคาญอย่างประหลาด  ด้วยเหตุผลที่อธิบายไม่ได้บางอย่าง  เธอจึงให้เขาออกไปก่อน
“ฟิทช์ 
ข้ามีเรื่องจะคุยกับไบรอันเป็นการส่วนตัวนิดหน่อย  ในเมื่อเจ้าเข้าใจคำอธิบายของข้าแล้ว  เจ้าก็กลับไปได้แล้ว  อย่าลืมไปฝึกซ้อมมาให้ดีล่ะ”
ฟิทช์ตกใจ 
และคิดว่าที่แฟนนี่ไล่เขากลับเพราะหานซั่วบังเอิญโผล่มาต่างหาก  เขาอึ้งไปครู่หนึ่ง  ก่อนจะหันไปจ้องเขม็งใส่หานซั่วด้วยสายตามุ่งร้าย  ฟิทช์พูดกับหานซั่วด้วยเสียงแผ่วเบา
“ทาสก็ยังเป็นทาสอยู่วันยังค่ำ 
การเป็นนักเรียนผู้ใช้เวทย์ไม่ได้แปลว่าแค่ใส่เครื่องแบบแล้วก็เป็นกันได้ทุกคนหรอกนะ”
ในที่สุด 
ฟิทช์ก็ออกจากห้องไปโดยทิ้งคำพูดประโยคนั้นไว้  รอยยิ้มจาง 
ๆ  ปรากฏบนหน้าของหานซั่ว 
เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้ใส่ใจสิ่งที่ฟิทช์พูดเลยแม้แต่น้อย  เพราะหานซั่วรู้ดีว่า 
การที่แฟนนี่มีอคติต่อเขาเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาแค้นเคืองหานซั่วอย่างไม่มีวันหาย 
และแม้ว่าฟิทช์จะแสดงความเกลียดชังอย่างเปิดเผย  แต่หานซั่วก็ไม่คิดจะไปเปลืองแรงกับคนอย่างเขา
“ไปปิดประตูให้สนิทซะ!”
แฟนนี่วางปากกาลง  และสั่งหานซั่วด้วยสายตา 
ราวกับจะสอนมารยาทที่เหมาะที่ควรทันทีที่ฟิทช์ออกไป
ปิดประตูรึ ?      หัวใจของหานซั่วเต้นรัว 
พลางส่งสายตาลึกซึ้งเปี่ยมความหมายให้แฟนนี่  เขายิ้มแปลก 
ๆ  และรีบหันไปทำตามที่เธอสั่ง
“ตกลงครับ  ได้แน่นอน 
ข้าจะไปปิดประตูให้เดี๋ยวนี้แหละ”
ขณะที่หานซั่วกำลังปิดประตูห้องทดลองด้วยความปลาบปลื้มยินดี  แฟนนี่ก็ส่งสายตาดุ  ๆ 
ให้หานซั่วอีกครั้งพร้อมกับสั่ง
“ขึ้นไปรอบนเตียงก่อนเลย!”
หานซั่วพยักหน้ารัว  ๆ 
ราวกับไก่ที่ก้มจิกเมล็ดข้าวโพดบนพื้น 
หานซั่วไม่พูดพร่ำทำเพลงและรีบถอดรองเท้า 
ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงสีขาว 
เขานั่งขัดสมาธิบนเตียงอย่างมีความสุขพร้อมกับยิ้ม
“อาจารย์แฟนนี่  ท่านก็มาด้วยสิครับ!”
แฟนนี่จ้องมองหานซั่ว  พลางเดาะลิ้นด้วยท่าทีเพลิดเพลินใจ 
“หลับตาก่อนสิ”
หานซั่วไม่เคยว่านอนสอนง่ายขนาดนี้มาก่อน  แต่เขาก็ยอมหลับตาอย่างเชื่อฟัง 
ในหัวพลุ่งพล่านด้วยเรื่องลามกทุกอย่างที่นึกออก  รอยยิ้มชั่วร้ายผุดขึ้นบนใบหน้า
“โอ๊ยยย!”
หานซั่วร้องด้วยความเจ็บปวด 
เมื่อพลังจิตปริมาณมากรุกล้ำเข้าไปในหัวของเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว  จนกระชากเขาให้หลุดจากฝันกลางวันเมื่อครู่  เมื่อหานซั่วลืมตา 
ก็พบว่าแฟนนี่กำลังจ้องมองเขาด้วยรอยยิ้มน้อย  ๆ 
จนเขาถามเธอด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง
“อาจารย์แฟนนี่  ทำอะไรของท่านน่ะครับ ?”
“ก็ตรวจร่างกายเจ้าน่ะสิ!  ครั้งก่อนข้าบอกเจ้าแล้วไม่ใช่เหรอ  ว่าเจ้าคือหัวข้อทดลองของข้า  และข้าก็จะใช้ทรัพยากรของวิทยาลัยตรวจร่างกายของเจ้าให้ถี่ถ้วนทันทีที่เรากลับถึงวิทยาลัย  ซึ่งข้าก็เพิ่งทำไปเมื่อกี้นี้เองแหละ  แล้วที่ข้าบอกให้เจ้าไปปิดประตูและนอนลงบนเตียง  เจ้าคิดว่าข้าต้องการทำอะไรกับเจ้ารึไง ?”
แฟนนี่จ้องมองหานซั่วและพูดด้วยสีหน้าจริงจัง  แม้จะสวมแว่น 
แต่ก็ไม่สามารถบดบังรอยยิ้มอย่างมีความสุขที่แฝงความเจ้าเล่ห์ในดวงตาของเธอได้  ซึ่งเป็นความสุขที่แผนลวงของเธอประสบผลสำเร็จ
แต่หานซั่วไม่ใช่หานซั่วคนเดิมแบบที่เคยเป็นอีกต่อไปแล้ว  แม้ปรายตามองเพียงครั้งเดียว  เขาก็เข้าใจความสุขที่เปี่ยมล้นในตาของแฟนนี่เป็นอย่างดี  เขาลุกขึ้นนั่งพร้อมกับยิ้มอย่างขมขื่น
“ช่างเถอะครับ  แต่อย่าทดลองกับข้าแบบนี้อีกเลย  ถึงจะอธิบายเหตุผลอะไรไม่ได้ก็เถอะ 
แต่ถ้าท่านทำให้ข้าต้องกลายเป็นบ้าไปเพราะรุกล้ำจิตข้าแบบนั้นอีก  ชีวิตของข้าคงจบเห่พอดี”
แฟนนี่เลิกคิ้วขึ้นพลางคิดใคร่ครวญถึงสิ่งที่หานซั่วพูด  เธอจึงถอนหายใจ  และยิ้ม
“งั้นก็ช่างเถอะ    ข้ายินดีเสียหัวข้อทดลอง   แต่ไม่ยอมเสียนักเรียนที่มีพรสวรรค์ไปง่าย  ๆ  หรอก” 
เมื่อเห็นว่าแฟนนี่ยอมปล่อยเขาไปง่าย  ๆ 
หานซั่วก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเช่นกัน 
และนึกขอบคุณแฟนนี่จากใจ 
จากนั้นจึงหยิบตำรา 
“เวทมนตร์ศาสตร์แห่งความตายสำหรับผู้เริ่มต้น”  ออกมาถามแฟนนี่ในทุกหัวข้อที่เขาไม่เข้าใจ
เมื่อแฟนนี่เห็นหานซั่วหยิบตำรา 
“ศาสตร์แห่งความตายสำหรับผู้เริ่มต้น”  ออกมา 
และพบว่าหลายบทในนั้น   
หานซั่วทั้งจดบันทึกย่อและเน้นข้อความหลายประโยคเอาไว้ 
เธอจึงหันขวับไปมองหน้าเขาด้วยความสงสัยทันที  และร้องอุทานด้วยเสียงแผ่วเบา
“เจ้าอ่านตำรานี่หมดทั้งเล่มแล้วเหรอ แถมยังเข้าใจเวทมนตร์ทุกชนิดที่นักเวทย์ฝึกหัดควรจะรู้ครบแล้วด้วยอืมม…  เจ้าจดบันทึกไว้เยอะมากเลย  ดูเหมือนช่วงเดือนที่ผ่านมาเจ้าจะตั้งใจศึกษาด้วยตัวเองมาหนักน่าดู…  ข้ามองเจ้าผิดไปจริง  ๆ”
“ใช่ครับ 
ข้าใช้เวทมนตร์ของนักเวทย์ฝึกหัดได้ครบแล้วล่ะ!”
หานซั่วยิ้ม
เขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง  ก่อนจะร่ายเวทย์  “คำสาปกรีดวิญญาณ”  ต่อหน้าแฟนนี่ 
เธอร้องออกมาทันที
“โอ  คุณพระช่วย 
ไบรอัน 
เจ้าจะยอดเยี่ยมเกินไปแล้ว 
เจ้ามีพลังจิตมากพอจะใช้เวทย์ 
“คำสาปกรีดวิญญาณ” 
ได้ 
ก็เท่ากับว่าระดับพลังจิตของเจ้าเทียบเท่านักเวทย์ระดับเริ่มต้นแล้ว  เจ้านี่ช่างอัจฉริยะ      อัจฉริยะจริง  ๆ 
เลยล่ะ!”
หานซั่วไม่แน่ใจว่าเขาจะใช่อัจฉริยะอย่างที่เธอว่าหรือเปล่า  แต่เขารู้เพียงว่า  ที่พลังจิตของเขาเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว  ก็เป็นเพราะลูกแก้วสีเขียวปริศนาลูกนั้น  เขายังไม่รู้ว่ามันคืออะไร 
แต่เขามั่นใจว่ามันต้องมีความเกี่ยวข้องบางอย่างกับสุสานแห่งความตายแน่นอน
หลังจากที่แฟนนี่อุทานอย่างตื่นเต้นดีใจไม่หยุด 
หานซั่วก็เริ่มถามแฟนนี่อย่างจริงจังถึงความรู้เกี่ยวกับเวทมนตร์ทั้งหมดที่เขายังไม่เข้าใจ  ในฐานะที่เธอเป็นถึงนักเวทย์ระดับสูง  และแฟนนี่ก็คุ้นเคยกับการสอนนักเรียนให้เข้าใจทฤษฎีเวทมนตร์ขั้นพื้นฐานอยู่แล้ว  เธออธิบายไปเรื่อย  ๆ 
จนไขข้อข้องใจในคำถามของหานซั่วได้ทั้งหมด
ในระหว่างนั้นเอง  ทั้งคู่อยู่ใกล้ชิดกันมาก 
จนหานซั่วสูดดมกลิ่นหอมจากร่างของแฟนนี่ได้อย่างชัดเจน  สายตาของพวกเขาสอดประสานกันระหว่างอธิบาย 
และสัมผัสได้ถึงความชื่นชอบที่คล้ายคลึงกันจากการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน  และแฟนนี่เองก็ไม่รังเกียจหานซั่วที่อยู่ใกล้ชิดเธอขนาดนี้  เธอถึงกับตบไหล่เขาเบา  ๆ 
เป็นการชื่นชมเมื่อเขาเข้าใจสิ่งที่เธออธิบายได้เป็นอย่างดี
เวลาในห้องทดลองของแฟนนี่ผ่านไปโดยไม่รู้ว่านานเท่าไร  ทั้งคู่พูดคุยกันยาวนานหลายชั่วโมง  โดยที่แฟนนี่ไม่รู้สึกเบื่อเลยแม้แต่น้อย  ดูเหมือนเธอจะดีใจเสียด้วยซ้ำเมื่อได้พบนักเรียนที่ดีแบบเขา
เสียงระฆังเข้าเรียนทำให้แฟนนี่ตกใจ 
เมื่อเธอรวบรวมสติได้ก็รีบอุทานออกมาอย่างแผ่วเบา
“โอ  ไม่นะ 
เกือบลืมไปซะสนิทเลยว่าข้ายังมีสอนช่วงบ่าย  ไบรอัน 
ความสามารถในการเข้าใจของเจ้าสูงมากทีเดียว  ดูเหมือนเจ้าจะเลือกทางเดินในการเรียนรู้ศาสตร์แห่งความตายได้ถูกต้องแล้วล่ะ  วันนี้เราพอเท่านี้ก่อน 
ข้าต้องไปสอนพวกนักเรียนที่สนามฝึกซ้อมแล้วล่ะ  เจ้าอยากไปกับข้ามั้ย
?
หานซั่วส่ายหัวพร้อมกับยิ้ม
“ไม่ดีกว่าครับ  ข้าเข้าใจพวกเวทมนตร์ขั้นฝึกหัดหมดแล้ว  และวันนี้ข้าก็เรียนรู้อะไรอีกหลาย  ๆ 
อย่างที่ไม่เคยเข้าใจจากท่านได้อีกเยอะเลย 
ข้าแค่อาจต้องใช้เวลาทบทวนมันเพิ่มอีกสักหน่อย  เลยว่าจะยังไม่ไปที่สนามฝึกซ้อมน่ะครับ”
แฟนนี่พยักหน้ารับ  และไม่ได้กดดันเขาต่อ  เธอรีบเก็บกวาดห้องทดลอง  ก่อนจะหยิบตำราขึ้นมาและขยับคอเสื้อให้เข้าที่
“เอาแบบนั้นก็ได้จ้ะ 
เจ้าค่อยมาพบข้าอีกสักสองสามวันหลังจากนี้ก็ได้  แล้วข้าจะช่วยอธิบายพวกหัวข้อยาก  ๆ  ให้เจ้าเข้าใจเอง  ออ 
จริงสิ 
ดูเหมือนลิซ่าจะเป็นห่วงเจ้ามากเลยนะ 
เพราะเจ้าหายไปตั้งนาน 
เธอมาถามข้าทุกวันเลยว่าเจ้าไปไหน”
“ฮะ  ๆ 
ๆ  ข้าไม่ได้หายไปไหนหรอก  ฝากบอกเธอทีนะครับว่าไม่ต้องเป็นห่วง  ข้าไปก่อนล่ะ 
อีกไม่กี่วัน 
ข้าคงได้มารบกวนท่านบ่อยขึ้น 
ขอบคุณตรงนี้ล่วงหน้าเลยนะครับ 
อาจารย์แฟนนี่”
หานซั่วพูดอย่างไม่ใส่ใจและรีบออกจากห้องทดลองไปก่อนหน้าแฟนนี่ 
เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหลีกเลี่ยงพื้นที่ที่ผู้คนพลุกพล่าน  และเดินออกจากวิทยาลัย
เมื่อออกมาจากวิทยาลัยแล้ว 
หานซั่วก็ใช้เส้นทางอ้อมผ่านถนนสองเส้นด้วยความระมัดระวัง  และในที่สุดก็มาถึงที่พักของฟีบี้
หานซั่วสังหรณ์ใจว่าเขาตกที่นั่งลำบากตั้งแต่เหตุการณ์ลอบสังหารที่สมาคมพ่อค้าตระกูลบูซท์เมื่อครั้งนั้น  ไม่เพียงแต่เป็นปฎิปักษ์กับโกรเวอร์ 
แต่ดูเหมือนฟีบี้เองก็แค้นเคืองเขาไม่แพ้กัน  แต่ถึงอย่างนั้น  เพื่อแร่เหล็กไหลแล้ว 
เขาก็ต้องกัดฟันอย่างยอมจำนนและมาหาฟีบี้อีกครั้ง  โดยหวังว่าเวลาที่ผ่านมากว่า  10 
วันจะช่วยทำให้อารมณ์ของเธอสงบลงได้
พ่อบ้านคนเดิมเดินมาเปิดประตูอีกครั้ง 
และเฟเบียนก็ออกมาพบหลังจากที่เขาเดินเข้ามาได้ไม่นานนัก  เขายังคงยิ้มด้วยสีหน้าเจื่อน  ๆ  ขณะพูดกับหานซั่ว
“ไบรอัน  เป็นไงมาไง 
วันนี้ถึงได้แวะมาหาข้าได้ล่ะ
?”
หานซั่วยิ้มอย่างขมขื่น  เขาส่ายหัวพลางถอนหายใจ
“อย่าพูดถึงมันเลยครับ  ก่อนหน้านี้ 
ข้าช่วยนายหญิงน้อยของท่านลอบสังหารดาร์เนลล์กับยูนาที่สมาคมพ่อค้าตระกูลบูซท์  แต่เธอก็ไม่พอใจ  นอกจากข้าจะไม่ได้ค่าตอบแทนแล้ว  ยังโดนเธอเล่นงานเข้าให้อีก  โชคร้ายชะมัด”
“จริงรึ ถึงนายหญิงน้อยฟีบี้จะมาจากตระกูลที่ร่ำรวยมั่งคั่ง  แต่เธอก็ไม่ใช่คนประเภทที่กราดเกรี้ยวโดยไม่มีเหตุผลนะ 
เกิดอะไรขึ้นระหว่างท่านกับนายหญิงน้อยฟีบี้รึเปล่า
ตั้งแต่เธอกลับมาในกลางดึกคืนนั้น  เธอก็อารมณ์เสียไปตลอดอีกสองสามวันเลย 
ข้าบังเอิญได้ยินนายหญิงน้อยสาปแช่งท่านซ้ำไปซ้ำมาว่าทั้งเลวทราม  ไร้ยางอาย 
แล้วก็น่ารังเกียจ  ข้าไม่เจ้าใจจริง  ๆ 
ว่าเกิดอะไรขึ้นถึงทำให้เธอหัวเสียได้ขนาดนั้น”
เฟเบียนมองหานซั่วด้วยความสับสน  พลางพูดอย่างเชื่องช้าขณะกำลังใช้ความคิด
ใบหน้าของหานซั่วเต็มไปด้วยความขมขื่น  แล้วเขาก็ถอนหายใจอีกครั้ง
“ลืมมันซะเถอะครับ  อย่าพูดถึงมันกันดีกว่า 
ข้าต้องมาพบเธอเพื่อรับแร่วัตถุดิบของข้าครับ  ตอนนี้ท่านฟีบี้อยู่รึเปล่า
?”
“ขอโทษนะ  แต่นายหญิงน้อยไม่อยู่  เธอออกไปทำธุระข้างนอกชั่วคราวน่ะ  แต่ข้าคิดว่าอีกไม่นานเธอคงกลับมาแล้วล่ะ  ถ้าท่านไม่รีบล่ะก็  ท่านรออยู่ที่นี่ก่อนก็ได้นะ”
“ตกลงครับ  งั้นข้าจะรออีกสักหน่อยก็แล้วกัน”
ไม่นานนัก 
หานซั่วก็ได้ยินเสียงใครบางคนกำลังเคาะประตู  หัวใจของเขาเริ่มเต้นรัวอย่างกระวนกระวาย  พลางคิดว่าจะพูดกับเธอว่าอะไรดีเมื่อเธอเข้ามา
หานซั่วกำลังนิ่วหน้าขณะกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก  เสียงของชายคนหนึ่งก็ดังขึ้นเบา  ๆ
“เอ๋ เจ้าคือไบรอันนี่นา  เจ้ามาทำอะไรที่นี่น่ะ?”
หานซั่วสะดุ้งตกใจและเงยหน้าขึ้นมอง  เขาจำได้ทันทีว่าผู้นั้นคือลอว์เรนซ์  นักเรียนทหารที่ใช้เงิน  5  เหรียญทองในการจ้างเขาเพื่อใช้ฝึกซ้อมเป็นเป้ามนุษย์ที่สำนักทหารของวิทยาลัย  และเขากำลังยืนอยู่ข้าง  ๆ 
ฟีบี้
“พี่ลอว์เรนซ์  พี่รู้จักเขาด้วยเหรอคะ ?”
ฟีบี้มองหน้าลอว์เรนซ์และถามด้วยความประหลาดใจ
“รู้จักสิ  นี่ไบรอัน 
เด็กรับใช้ที่วิทยาลัยของพี่เอง”
ลอว์เรนซ์ตอบตามจริง
“เด็กรับใช้ ?”
ทั้งฟีบี้และเฟเบียนต่างอุทานขึ้นพร้อมกัน
ฟีบี้จ้องมองหานซั่วด้วยสายตาแปลก  ๆ 
และหันไปพูดกับลอว์เรนซ์อีกครั้ง
“พี่ลอว์เรนซ์ 
วิทยาลัยเวทมนตร์และศาสตร์แห่งพลังบาบิโลนของพี่เป็นถึงสถาบันที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วจักรวรรดิ  ทำไมถึงมีเจ้าคนเลวทราม  ไร้ยางอาย 
น่ารังเกียจแบบนี้อยู่ด้วยล่ะคะ
?”
ลอว์เรนซ์ตกใจกับคำพูดของฟีบี้  แต่เขาก็ยักไหล่อย่างมีความหมายให้หานซั่ว  และยิ้ม
“ฟีบี้  ทำไมถึงใจร้ายกับไบรอันนักล่ะ พี่ชื่นชมใจที่เด็ดเดี่ยวและสู้ไม่ยอมถอยของเขาออกจะตายไป”
หานซั่วหน้าถอดสีทันที  เขาทิ้งตัวลงนั่ง  และก้มหน้าก้มตาจิบน้ำชาโดยไม่พูดอะไร  เขารู้ทันทีว่าตัวเองกำลังเจอปัญหาใหญ่ทีเดียว 
เพราะไม่คิดว่าลอว์เรนซ์จะเป็นพี่ชายของฟีบี้ 
ไม่เพียงแต่ตัวตนที่แท้จริงของเขาเปิดเผยออกมา  และหากฟีบี้ขุดเรื่องครั้งก่อนขึ้นมาหาเรื่องเขาอีกล่ะก็  คงหลีกเลี่ยงปัญหาอะไรอีกไม่ได้แล้ว
—————————————————
(0 votes) 0/10
ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments