I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Great Demon King ตอนที่ 76 เขาคือคนรักของข้า

| Great Demon King | 833 | 2366 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป
“พี่ลอว์เรนซ์ 
มากับข้าเถอะค่ะ  ข้าจะเอาของที่พี่ต้องการมาให้
!
ฟีบี้หันไปพูดกับลอว์เรนซ์อย่างไม่สบอารมณ์เมื่อเห็นว่าหานซั่วเอาแต่ก้มหน้าก้มตาจิบน้ำชา  และดูเหมือนจะไม่ยินดียินร้ายกับคำดูถูกถากถางของเธอเลย 
ก่อนที่เธอจะออกจากห้องไป  เธอชะงักอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันมามองหานซั่วด้วยสายตามุ่งร้าย
“ถ้าเจ้าไม่รีบ  ก็นั่งรออยู่นี่ก่อน”
หานซั่วเงยหน้ามองฟีบี้  และรับรู้ถึงความโกรธที่เธอพยายามข่มเอาไว้ได้อย่างชัดเจน  แต่เมื่อนึกถึงวัตถุดิบสำหรับสร้างคมมีดพิชิตมารยังอยู่ในกำมือเธอ  เขาก็ได้แต่พยักหน้าตอบรับอย่างยอมจำนน
ฟีบี้นำลอว์เรนซ์ออกจากห้องไป  ส่วนเฟเบียนก็มองหานซั่วด้วยสายตาตกตะลึงสุดขีด   และเริ่มถามหานซั่วด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ
“ไบรอัน 
เจ้าเป็นเด็กรับใช้ของวิทยาลัยเวทมนตร์และศาสตร์แห่งพลังบาบิโลนจริง  ๆ  น่ะรึ?  คุณพระช่วย 
ทั้ง  ๆ  ที่เจ้าแข็งแกร่งขนาดนี้  เรื่องมันเป็นไงมาไงกันแน่น่ะ?
“ก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ  ออ    จริงสิ  ลอว์เรนซ์เป็นนักเรียนจากสำนักอัศวินของวิทยาลัยเรา  แต่ก็เป็นเพียงอัศวินระดับกลาง  แต่ความแข็งแกร่งของฟีบี้กลับได้เป็นถึงจอมดาบ  ทำไมพี่น้องคู่นี้ถึงไม่เหมือนกันล่ะครับ?”
หานซั่วถามด้วยความสงสัย
แม้ว่าทั้งอัศวินและนักดาบจะแบ่งระดับความสามารถตามออร่าต่อสู้เหมือน  ๆ  กัน  แต่ลอว์เรนซ์เป็นเพียงอัศวินระดับกลาง  ในขณะที่ฟีบี้เป็นถึงจอมดาบ     ทั้ง  ๆ  ที่ฝึกสอนโดยอาจารย์คนเดียวกัน  ความแตกต่างถือว่าห่างชั้นกันมาก  โดยเฉพาะตอนที่หานซั่วได้ยินฟีบี้เรียกลอว์เรนซ์ว่า  “พี่”  แสดงว่าฟีบี้ก็ต้องเป็นน้องสาวของเขา  ยิ่งทำให้หานซั่วรู้สึกแปลกเข้าไปใหญ่
“ข้าเองก็ไม่ค่อยแน่ใจเรื่องสถานะของนายหญิงน้อยเท่าไหร่หรอก  ก่อนหน้านี้ข้าไม่ได้มีบทบาทสลักสำคัญอะไรในสมาคมพ่อค้าตระกูลบูซท์  ข้าเพียงได้ยินมาว่าท่านฟีบี้เคยไปร่ำเรียนมาจากต่างอาณาจักรตอนที่ท่านหัวหน้าสมาคมยังมีชีวิตอยู่  และจะกลับมาเยี่ยมบ้านแค่ปีละครั้งสองครั้งเท่านั้นเอง  ถ้าไม่ใช่เพราะท่านหัวหน้าสมาคมมาเสียชีวิตไปกะทันหัน  ท่านฟีบี้ก็คงไม่กลับมาทีนี่หรอก”
ส่วนลอว์เรนซ์ก็เพิ่งจะมาได้เห็นหน้าค่าตาบ่อย  ๆ  ช่วงหลัง  ๆ  นี้เอง  พวกเขาค่อนข้างสนิทกันมากทีเดียว  แต่คำถามของเจ้า  ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน”
เฟเบียนมองหานซั่วอย่างรู้สึกผิดที่ไม่สามารถอธิบายอะไรได้มากกว่านี้
หานซั่วจึงไม่ได้ถามอะไรไปมากกว่านี้  เขาเพียงแต่พยักหน้ารับและนิ่วหน้าอย่างใช้ความคิด
ไม่นานนัก 
ฟีบี้และลอว์เรนซ์ก็มายืนอยู่ตรงประตูห้อง 
เธอมองมาที่เฟเบียนและออกคำสั่ง
“เฟเบียน 
พาพี่ของข้าไปส่งที่หน้าบ้านหน่อย  ข้ามีเรื่องจะคุยกับไบรอันเป็นการส่วนตัว
!
“ครับ  นายหญิงน้อย !
เฟเบียนลุกขึ้นยืนและรีบออกไปนอกห้อง  ด้วยรู้ดีว่าควรทำตัวอย่างไรในสถานการณ์ละเอียดอ่อนเช่นนี้
“ไบรอัน 
ดีใจนะที่ได้เจอเจ้าอีก  ถ้าหลังจากนี้  เจ้าอยากหาเหรียญทองเพิ่มเป็นรายได้เสริมอีก  ก็มาหาข้าได้ทุกเมื่อนะ  แต่ข้าว่า 
เจ้าคงไม่จำเป็นต้องใช้แล้วล่ะมั้ง 
เอาล่ะ  แล้วเจอกันนะ  ไบรอัน 
อนาคตพวกเราคงมีโอกาสอีกมากมายที่จะได้เจอกันอีก”
ลอว์เรนซ์มองหานซั่วด้วยสายตาที่แฝงนัยบางอย่าง  เขาหัวเราะเบา 
ๆ  และตามเฟเบียนออกไป
เมื่อทั้งคู่ออกไปแล้ว  ฟีบี้ก็เดินเข้าห้องมา  เธอนั่งลง 
จ้องเขม็งไปที่หานซั่วและพ่นลมอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก
“กล้าดียังไงถึงกลับมาที่นี่อีก ?!
“ก็แล้วทำไมต้องไม่กล้าด้วยล่ะ?”
หานซั่วนิ่วหน้า  แม้จะไม่พอใจแต่เขาก็ยังไม่กล้าโต้ตอบอะไร  ได้แต่จ้องกลับไปยังดวงตาคู่นั้น
“ข้าไม่ได้หลงผิดทำอะไรลงไปสักหน่อย  นี่ยังไม่ได้พูดถึงเรื่องที่ท่านติดค้างข้าคราวก่อนนะ  ตราบใดที่ท่านมอบวัตถุดิบกับแร่เหล็กไหลให้ข้าตามสัญญา  ข้าก็จะไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้เลย  แล้วก็จะไม่กลับมาเจรจาธุรกิจอะไรกับพวกท่านอีกแล้วด้วย !
ฟีบี้ใช้มือตบโต๊ะเสียงดังลั่น  และจ้องมองหานซั่วอย่างมุ่งร้าย
“เจ้า… 
กล้าดียังไงมาออกคำสั่งข้าแบบนั้น  บ้าไปแล้วรึไง
  เจ้าทำมิดีมิร้ายกับข้า  ที่ข้าไม่ฆ่าเจ้าซะก็ถือว่าข้าดีกับเจ้ามากแค่ไหนแล้ว  รู้ตัวบ้างมั้ย !?
“ดีกับผีน่ะสิ   ทั้งท่านและข้าต่างโดนยากระตุ้นกำหนัดเล่นงานเอาทั้งคู่  ถ้าข้าไม่ได้เป็นคนลากท่านออกมาจากสมาคมนั่น  ป่านนี้ท่านคงตายไปนานแล้ว  แถมข้าก็ไม่ได้ทำอะไรท่านแม้แต่นิดเดียว  ไม่งั้นคงไม่พาท่านมาถึงลำธารนั่นหรอก !
ครั้งนี้หานซั่วโกรธจริง  ๆ    เพราะคืนนั้นเขาอุตส่าห์ลำบากตรากตรำตลอดทั้งคืน  นอกจากจะไม่ได้อะไรตอบแทนแล้ว  เขายังต้องมาถูกเธอทุบตีรัวไม่ยั้งอีก  ดูเหมือนยัยฟีบี้นี่จะไม่ยอมปล่อยวางเรื่องนี้ไปง่าย  ๆ  เลย  หรือว่าเธอแค่พยายามจะหลีกเลี่ยงไม่ยอมจ่ายค่าตอบแทนตามที่สัญญาไว้กันแน่นะ?
ฟีบี้ตวัดดาบของเธอออกมา  และจ้องมองหานซั่วอย่างโกรธเกรี้ยว  ในขณะที่หานซั่วเองก็ใช้มือตบโต๊ะเสียงดังลั่นและผุดลุกขึ้นยืนทันที  จ้องมองกลับไปยังฟีบี้ด้วยสายตาดุร้าย  ราวกับพร้อมจะเปิดศึกสู้ได้ทุกเมื่อทันทีที่ความเห็นเริ่มไม่ลงรอยกัน
ทั้งคู่ต่างจ้องมองกันและกัน  และยืนนิ่งอยู่ในตำแหน่งของตัวเองนานเป็นนาที  แล้วฟีบี้เม้มริมฝีปากพร้อมกับเก็บดาบเข้าฝัก  และสะบัดหน้าไปทางอื่น  และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“แล้วเจ้าต้องการอะไร?”
“ก็ง่ายๆ 
ข้าจะซื้อวัตถุดิบตามราคาที่ท่านประเมินให้  แล้วก็มอบแร่เหล็กไหลให้ข้ามาตามสัญญา  ในเมื่อเราไม่มีหนี้ติดค้างอะไรกันอีก  ข้าก็จะได้ไม่ต้องมาเจรจาธุรกิจงี่เง่า  ๆ  กับท่านอีกแล้วไงล่ะ”
หานซั่วนั่งลงด้วยสีหน้าเคร่งเครียด  เขารินน้ำลงในแก้วตรงหน้า  และดื่มเข้าไปอึกหนึ่ง  ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด  
“เจ้าคนเห็นแก่ตัว  นี่ไง  เอาไปให้หมด  แล้วก็ออกไปจากทีนี่ได้แล้ว !
ฟีบี้รู้สึกโกรธมากกว่าเดิมเมื่อได้ยินที่หานซั่วพูด  เธอควบคุมอารมณ์ไม่อยู่  จนแสดงท่าทางออกมาอย่างชัดเจน  ฟีบี้เรียกถุงขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยสิ่งของมากมายออกมาจากแหวนมิติของเธอด้วยความโมโห  และโยนมันลงบนโต๊ะตรงหน้าหานซั่ว  สายตาที่จ้องมองเขาราวกับกำลังเดือดขึ้นเรื่อย  ๆ
“อ้าว  ท่านเตรียมไว้ให้หมดแล้วนี่นา  ทำไมไม่บอกแต่แรกล่ะ?  มาบั่นทอนมิตรภาพของพวกเราให้เสียเปล่าทำไมกัน”
หานซั่วเคยตั้งใจว่าจะรีบเก็บของแล้วก็ออกไปจากที่นั่นทันที  แต่ก็เปลี่ยนใจเมื่อเห็นว่าถุงนั่นถูกจัดเตรียมไว้อย่างเรียบร้อย  ภายในมีแร่หน้าตาแปลก  ๆ  อยู่ก้อนหนึ่ง  บรรจุอยู่ในขวดแก้วใส  พร้อมป้ายที่ติดไว้ว่า  “เหล็กไหล” 
ดูเหมือนฟีบี้จะเตรียมการไว้นานแล้ว 
เพื่อมอบแร่นี้ให้ตอนที่เขามาหาเธอ 
โดยไม่ได้ตั้งใจที่จะกลับคำสัญญาเลยแม้แต่น้อย
แต่สิ่งที่หานซั่วไม่เข้าใจ  คือในเมื่อฟีบี้ไม่ได้ตั้งใจจะกลับคำสัญญา  แล้วทำไมเธอถึงต้องมาระเบิดอารมณ์ใส่เขา  แถมยังพูดเหมือนกับว่าจะไม่ให้อะไรเขาทั้งนั้น  หานซั่วทั้งสับสนงุงงง  และคิดหาเหตุผลเกี่ยวกับเรื่องนี้ไม่ได้เลย
“เอาตราสารคริสตัลมาสิ  ข้าจะได้โอนย้ายเหรียญทองไปให้   ฮะ  ๆ  ๆ  ข้าไม่ได้มีเจตนาอื่นหรอก  ข้าแค่มาเอาของที่ข้าควรได้…ก็เท่านั้นเอง”
หานซั่วยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน  และเก็บถุงนั่นไว้ในแหวนมิติของตัวเอง  ก่อนจะหันไปพูดกับฟีบี้อย่างอาย  ๆ
ฟีบี้ยังคงไม่หันมามองหานซั่ว  แต่ยังคงทำสีหน้าเย็นชา  และพูดจาแข็ง 
ๆ  ใส่เขา
“ไม่จำเป็น 
ข้าไม่ได้ขี้งกเหมือนเจ้าหรอก  แล้วทั้งหมดนั่นก็ราคาแค่  350  เหรียญทองเท่านั้นเอง…  ถือซะว่าเป็นของขวัญ  แต่หลังจากนี้ก็อย่าโผล่มาให้ข้าเห็นหน้าอีก  ไปให้พ้น
!
เมื่อโดนฟีบี้ทั้งเหน็บแนมและดูถูก   หานซั่วก็พยักหน้าด้วยสีหน้าเย็นชา  ก่อนจะวางเหล็กสีนิลก้อนหนึ่งที่เขาเพิ่งขุดได้ลงกับโต๊ะด้วยเสียงอันดัง
“ข้าไม่ชอบติดหนี้คนแปลกหน้า  รับแร่นี้ไปซะ 
คิดเป็นค่าซื้อแร่วัตถุดิบอื่น  ๆ  ก็แล้วกัน 
ลาก่อนครับ  ท่านฟีบี้  หวังว่าจะไม่ต้องเจอกันอีก”
และตอนที่หานซั่วกำลังจะออกจากห้อง  ฟีบี้ก็ลุกขึ้นยืนด้วยท่าทีสับสนโดยไม่ได้วางท่าอีกต่อไป  ดวงตาเบิกกว้างของเธอจ้องมองเขาอย่างอ่อนแรง  และพูดด้วยน้ำเสียงเหงาหงอย
“ต่อจากนี้ 
เจ้าจะทำเหมือนข้าเป็นคนแปลกหน้าจริง 
ๆ  เหรอ?”
หานซั่วยักไหล่  และพูดอย่างไม่ใส่ใจ
“ก็ในเมื่อท่านไม่สนใจจะนับข้าเป็นเพื่อน  ข้าก็ไม่บังคับท่านหรอก”
เมื่อพูดจบ 
หานซั่วก็ยิ้ม  และกำลังจะเดินออกไปนอกห้อง    ฟีบี้ก็ร้องออกมาทันทีด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“เดี๋ยวสิ !
หานซั่วหันกลับไปมองฟีบี้  และถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ท่านฟีบี้ 
มีอะไรอีกเหรอ?”
ฟีบี้เริ่มมีทีท่าแปลก  ๆ  เธอก้มหน้าลง  และคิดใคร่ครวญอยู่เงียบ  ๆ  ครู่หนึ่ง  ก่อนจะเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง  ความอ่อนแรงในทีแรกเริ่มจางหายไปแล้ว  เธอจ้องมองเขาอยู่นานจนหานซั่วเริ่มรู้สึกกระอักกระอ่วน  และในที่สุด 
ก็มีรอยยิ้มน้อย  ๆ  ปรากฏบนใบหน้าของเธอ
“ไบรอัน 
แสดงว่าเจ้ามองข้าเป็นเพื่อนแล้วเหรอ?”
คำถามนี้ทำให้หานซั่วถึงกับอึ้ง  เขาจึงพยักหน้าและตอบไปตามความจริง
“ก็ใช่น่ะสิ 
เราสองคนเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายที่สมาคมพ่อค้าตระกูลบูซท์ด้วยกันมานี่นา  ยังไม่นับรวมที่ท่านเคยช่วยข้าอีกตั้งหลายครั้ง  ข้าน่ะ 
มองท่านเป็นเพื่อนมาตั้งนานแล้ว  มีแต่ท่านนั่นแหละที่ไม่ยอมรับข้า
!
“ใครบอกว่าข้าไม่ยอมรับล่ะ  หืม?  นอกจากเรื่องเงิน  ๆ  ทอง  ๆ  แล้ว  เจ้ามักจะใจร้ายกับเพื่อนแบบนี้เสมอเลยเหรอ?”
ท่าทีของฟีบี้กลับเป็นปกติแล้ว  และดูเหมือนจะมีท่าทีสนใจใยดีมากขึ้นเมื่อเทียบกับบุคลิกถือตัวแบบปกติที่เธอเป็น  อีกทั้งยังพูดกับหานซั่วด้วยท่าทีอ่อนโยนแบบเดียวกันเวลาคุยกับพี่ชายของเธอ
“เปล่าซะหน่อย”
หานซั่วตอบ
หานซั่วสัมผัสได้อย่างชัดเจน  ว่าคำพูดของฟีบี้แฝงไปด้วยความจริงใจและเป็นกังวล  จนเขารู้สึกซาบซึ้งใจอยู่หน่อย  ๆ  สีหน้าของเขาเริ่มอ่อนลง  หลังจากใคร่ครวญดีแล้ว  หานซั่วก็คิดว่าให้ฟีบี้ยืนยันด้วยคำพูดของเธอเองดีกว่า  เขาจึงนิ่วหน้าเล็กน้อยก่อนจะหันไปถามเธอ
“งั้น… 
ท่านคิดว่าข้าควรทำยังไงต่อไปล่ะ?”
“กำจัดโกรเวอร์ด้วยกันกับข้า  ไม่อย่างนั้น 
พวกเราคงไม่มีวันได้อยู่กันอย่างสงบสุขแน่”
ใบหน้าสวยสดของฟีบี้ดูเย็นชาขึ้นเล็กน้อย  ขณะที่เธอกัดฟันพูดออกมา
หานซั่วนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง  พลางคิดว่า 
บางทีชีวิตที่ตกอยู่ในอันตรายอาจเป็นโอกาสเหมาะที่ทำให้เขาได้บรรลุการฝึกฝนได้สูงขึ้นอีก  ระยะหลัง 
ๆ  นี้  เขาเองก็ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายมานานเกินไปแล้ว  ไม่แน่ว่า 
หากลองเพิ่มสิ่งกระตุ้นให้มากขึ้น  ก็อาจทำให้มีอะไรสนุก  ๆ  เกิดขึ้นอีกก็ได้  และตามที่ฟีบี้พูด  หากโกรเวอร์ยังไม่ถูกกำจัด  เขาอาจจะต้องประสบพบเจอกับปัญหาอีกอย่างไม่รู้จบ
แล้วหานซั่วก็พูดอย่างเฉียบขาด
“ตกลง  ข้าสัญญาว่าจะช่วย”
“ถ้าอย่างนั้น 
ก็ไปร่วมงานเลี้ยงส่วนตัวที่จัดขึ้นที่สมาคมกับข้าคืนนี้
  พวกผู้อาวุโสที่ร่วมก่อตั้งก็จะไปรวมตัวกันที่นั่นด้วย”
ใบหน้ามีเสน่ห์ของฟีบี้เต็มไปด้วยความปิติยินดีเมื่อหานซั่วตอบตกลง  เธอรีบอธิบายต่อทันที
“เอ๋?  งานเลี้ยงที่สมาคมของท่านเนี่ยนะ?  แล้วข้าจะไปทำอะไรที่นั่นล่ะ?”
หานซั่วตกใจและรีบถามเธอ
“ก็ไปสร้างสัมพันธ์กระชับมิตรกับพวกผู้อาวุโสผู้ก่อตั้งไง  แล้วก็ไปสังเกตการณ์แผนชั่วของตาแก่นั่นด้วย  ข้าอยากให้เจ้าช่วยนะ  เจ้าบอกว่าพวกเราเป็นเพื่อนกันนี่นา  จริงมั้ย?”
ฟีบี้จ้องหน้าหานซั่วขณะพูด
ตอนนั้นเอง 
ที่หานซั่วรู้สึกราวกับขึ้นมาอยู่บนเรือโจรสลัดโดยไม่รู้ตัว  และกำลังจะถูกใช้ประโยชน์  จึงกระอักกระอ่วนใจอยู่สักหน่อย  แต่เขายอมรับไปแล้วพวกเขาทั้งคู่เป็นเพื่อนกัน  ตามที่เหมือนจะโดนฟีบี้หลอกให้พูดก่อนหน้านี้  ในเมื่อหันหลังกลับไม่ทันแล้ว  เขาจึงจำเป็นต้องกัดฟันตอบตกลงไป
ฟีบี้อุทานเบา 
ๆ  และพูดอย่างมีความสุข
“เยี่ยมไปเลย 
รอเดี๋ยวนะ  ข้าจะไปตามใครสักคนให้หาชุดออกงานเหมาะ  ๆ  ให้เจ้าก่อน  และข้าก็ต้องสอนมารยาทของพวกชนชั้นสูงให้เจ้าด้วย  ข้ารู้มาจากพี่ลอว์เรนซ์ว่าเจ้ามาจากวิทยาลัยเวทมนตร์และศาสตร์แห่งความตายบาบิโลน  แต่  เอ…  ข้าคิดว่าเจ้าไม่ค่อยเหมาะกับสถานที่แบบนั้นเท่าไหร่เลยนะ”
หานซั่วมองฟีบี้อย่างอารมณ์เสีย
“ข้าเคยเป็นเด็กรับใช้ที่นั่น  แต่ก็เป็นอดีตไปแล้ว  ไม่สามารถกลับไปแก้ไขอะไรได้  และข้าก็ไม่มีอะไรจะพูดเกี่ยวกับมันอีก !
“ขอโทษนะ 
ไบรอัน  ข้าไม่ได้พูดเพราะเจตนาไม่ดีอะไรเลย  จริง  ๆ  นะ”
ฟีบี้กระวนกระวายและรีบขอโทษเขาจากใจทันที
“อย่าห่วงเลย 
ช่างมันเถอะ  ไหนบอกข้ามาสิ  เรื่องมารยาทอะไรนั่น    ข้าจะฟัง”
หานซั่วโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ  และเร้าให้ฟีบี้พูดต่อ
“อ้ะ  นี่มัน…  นี่มันเหล็กสีนิลนี่นา !
ราวกับว่าฟีบี้เพิ่งสังเกตเห็นเหล็กสีนิลที่หานซั่ววางไว้บนโต๊ะ  พลางมองหน้าเขาอย่างตื่นเต้นตกใจ
“เจ้ามีเหล็กสีนิลจริง  ๆ  ด้วย  แสดงว่าเจ้าต้องการสร้างอาวุธชั้นเยี่ยมจริง  ๆ  สินะ”
“แน่นอนอยู่แล้ว”
หานซั่วตอบอย่างหนักแน่น
แล้วฟีบี้ก็เล่าสรุปภาพรวมเกี่ยวกับมารยาทพื้นฐานของพวกชนชั้นสูงให้หานซั่วฟัง   เพราะหานซั่วรู้ดีว่า  สำหรับโลกนี้แล้ว  หากจะก้าวขึ้นไปให้สูงกว่านี้  เขาก็ต้องเรียนรู้ธรรมเนียมปฏิบัติต่าง  ๆ  บ้าง  เขาจึงฟังที่ฟีบี้อธิบายอย่างตั้งใจ  แม้กระทั่งลองทำท่าทางเชิงมารยาทต่าง  ๆ  ตามที่ฟีบี้สอน
เมื่อเวลาค่ำมาถึง  หานซั่วก็อาบน้ำ  จัดแจงตัวเองจนสะอาดเรียบร้อย  ก่อนจะเปลี่ยนชุดเป็นชุดออกงานที่ฟีบี้จัดเตรียมให้เขาเป็นพิเศษ  แล้วเขาก็เดินตามหลังฟีบี้ขึ้นรถม้าไปยังสมาคมพ่อค้าตระกูลบูซท์เป็นครั้งที่  3
รถม้าหรูหราจำนวนมากจอดอยู่ด้านหน้าประตู  และทหารยามคนเดิมผลัดเวรออกไปแล้ว  เปลี่ยนเป็นใบหน้าของคนสองคนที่หานซั่วไม่คุ้นตา  เมื่อฟีบี้และหานซั่วลงจากรถม้า  พวกเขาก็เดินเข้าไปด้วยท่าทีสบาย  ๆ  โดยไม่หยุดทักทายทหารยามเลยแม้แต่น้อย  ฟีบี้นำเขาผ่านไปยังโถงทางเดินสองแห่ง  และสุดท้ายก็มาถึงยังประตูทางเข้าห้องโถงจัดเลี้ยง
“ฟีบี้หลานรัก 
นี่เป็นงานเลี้ยงส่วนตัวเฉพาะคนของสมาคมเราเท่านั้น  หลานพาผู้ชายคนนี้มาด้วยจะดูไม่เหมาะเอานะ?”
ด้านหน้าประตูนั้นเอง  โกรเวอร์ถือแก้วที่มีไวน์อยู่เต็ม  และกำลังพูดคุยอย่างหน้าชื่นตาบานกับผู้อาวุโสผู้ก่อตั้งสมาคมที่ดูร่ำรวยมั่งคั่งอย่างเห็นได้ชัดกลุ่มหนึ่ง  เมื่อเขาเห็นฟีบี้เดินมากับหานซั่ว  โกรเวอร์ก็มองหานซั่วด้วยสายตาอาฆาตมาดร้าย  ก่อนจะหันมาคุยกับฟีบี้
“ลุงโกรเวอร์คะ  ท่านไบรอันไม่ใช่คนนอกสักหน่อย !
ฟีบี้เม้มปากและหัวเราะเบา  ๆ  พลางมองหานซั่วด้วยท่าทีเอียงอาย
“โอ้  งั้นรึ  หลานรัก 
งั้นหลานบอกลุงหน่อยได้ไหมว่าทำไมเขาถึงไม่ใช่คนนอก?”
โกรเวอร์หรี่ตาที่เล็กเหมือนตางู  พลางมองหานซั่วอย่างพินิจพิเคราะห์  ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงมุ่งร้าย
“เขาเป็นคนรักของข้าเองค่ะ !
ฟีบี้หันกลับมามองตาโกรเวอร์อย่างไร้ซึ่งความเกรงกลัว  และพูดอย่างภาคภูมิใจ

…………………………………………..
(0 votes) 0/10
ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments