“พี่ลอว์เรนซ์
มากับข้าเถอะค่ะ ข้าจะเอาของที่พี่ต้องการมาให้
!
”
ฟีบี้หันไปพูดกับลอว์เรนซ์อย่างไม่สบอารมณ์เมื่อเห็นว่าหานซั่วเอาแต่ก้มหน้าก้มตาจิบน้ำชา และดูเหมือนจะไม่ยินดียินร้ายกับคำดูถูกถากถางของเธอเลย
ก่อนที่เธอจะออกจากห้องไป เธอชะงักอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันมามองหานซั่วด้วยสายตามุ่งร้าย
“ถ้าเจ้าไม่รีบ ก็นั่งรออยู่นี่ก่อน”
หานซั่วเงยหน้ามองฟีบี้ และรับรู้ถึงความโกรธที่เธอพยายามข่มเอาไว้ได้อย่างชัดเจน แต่เมื่อนึกถึงวัตถุดิบสำหรับสร้างคมมีดพิชิตมารยังอยู่ในกำมือเธอ เขาก็ได้แต่พยักหน้าตอบรับอย่างยอมจำนน
ฟีบี้นำลอว์เรนซ์ออกจากห้องไป ส่วนเฟเบียนก็มองหานซั่วด้วยสายตาตกตะลึงสุดขีด
และเริ่มถามหานซั่วด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ
“ไบรอัน
เจ้าเป็นเด็กรับใช้ของวิทยาลัยเวทมนตร์และศาสตร์แห่งพลังบาบิโลนจริง ๆ น่ะรึ? คุณพระช่วย
ทั้ง ๆ ที่เจ้าแข็งแกร่งขนาดนี้ เรื่องมันเป็นไงมาไงกันแน่น่ะ?
“ก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ ออ จริงสิ ลอว์เรนซ์เป็นนักเรียนจากสำนักอัศวินของวิทยาลัยเรา แต่ก็เป็นเพียงอัศวินระดับกลาง แต่ความแข็งแกร่งของฟีบี้กลับได้เป็นถึงจอมดาบ ทำไมพี่น้องคู่นี้ถึงไม่เหมือนกันล่ะครับ?”
หานซั่วถามด้วยความสงสัย
แม้ว่าทั้งอัศวินและนักดาบจะแบ่งระดับความสามารถตามออร่าต่อสู้เหมือน ๆ กัน แต่ลอว์เรนซ์เป็นเพียงอัศวินระดับกลาง ในขณะที่ฟีบี้เป็นถึงจอมดาบ
ทั้ง ๆ ที่ฝึกสอนโดยอาจารย์คนเดียวกัน ความแตกต่างถือว่าห่างชั้นกันมาก โดยเฉพาะตอนที่หานซั่วได้ยินฟีบี้เรียกลอว์เรนซ์ว่า “พี่” แสดงว่าฟีบี้ก็ต้องเป็นน้องสาวของเขา ยิ่งทำให้หานซั่วรู้สึกแปลกเข้าไปใหญ่
“ข้าเองก็ไม่ค่อยแน่ใจเรื่องสถานะของนายหญิงน้อยเท่าไหร่หรอก ก่อนหน้านี้ข้าไม่ได้มีบทบาทสลักสำคัญอะไรในสมาคมพ่อค้าตระกูลบูซท์ ข้าเพียงได้ยินมาว่าท่านฟีบี้เคยไปร่ำเรียนมาจากต่างอาณาจักรตอนที่ท่านหัวหน้าสมาคมยังมีชีวิตอยู่ และจะกลับมาเยี่ยมบ้านแค่ปีละครั้งสองครั้งเท่านั้นเอง ถ้าไม่ใช่เพราะท่านหัวหน้าสมาคมมาเสียชีวิตไปกะทันหัน ท่านฟีบี้ก็คงไม่กลับมาทีนี่หรอก”
ส่วนลอว์เรนซ์ก็เพิ่งจะมาได้เห็นหน้าค่าตาบ่อย ๆ ช่วงหลัง ๆ นี้เอง พวกเขาค่อนข้างสนิทกันมากทีเดียว แต่คำถามของเจ้า ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน”
เฟเบียนมองหานซั่วอย่างรู้สึกผิดที่ไม่สามารถอธิบายอะไรได้มากกว่านี้
หานซั่วจึงไม่ได้ถามอะไรไปมากกว่านี้ เขาเพียงแต่พยักหน้ารับและนิ่วหน้าอย่างใช้ความคิด
ไม่นานนัก
ฟีบี้และลอว์เรนซ์ก็มายืนอยู่ตรงประตูห้อง
เธอมองมาที่เฟเบียนและออกคำสั่ง
“เฟเบียน
พาพี่ของข้าไปส่งที่หน้าบ้านหน่อย ข้ามีเรื่องจะคุยกับไบรอันเป็นการส่วนตัว
!
”
“ครับ นายหญิงน้อย
!
”
เฟเบียนลุกขึ้นยืนและรีบออกไปนอกห้อง ด้วยรู้ดีว่าควรทำตัวอย่างไรในสถานการณ์ละเอียดอ่อนเช่นนี้
“ไบรอัน
ดีใจนะที่ได้เจอเจ้าอีก ถ้าหลังจากนี้ เจ้าอยากหาเหรียญทองเพิ่มเป็นรายได้เสริมอีก ก็มาหาข้าได้ทุกเมื่อนะ แต่ข้าว่า
เจ้าคงไม่จำเป็นต้องใช้แล้วล่ะมั้ง
เอาล่ะ แล้วเจอกันนะ ไบรอัน
อนาคตพวกเราคงมีโอกาสอีกมากมายที่จะได้เจอกันอีก”
ลอว์เรนซ์มองหานซั่วด้วยสายตาที่แฝงนัยบางอย่าง เขาหัวเราะเบา
ๆ และตามเฟเบียนออกไป
เมื่อทั้งคู่ออกไปแล้ว ฟีบี้ก็เดินเข้าห้องมา เธอนั่งลง
จ้องเขม็งไปที่หานซั่วและพ่นลมอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก
“กล้าดียังไงถึงกลับมาที่นี่อีก
?!
”
“ก็แล้วทำไมต้องไม่กล้าด้วยล่ะ?”
หานซั่วนิ่วหน้า แม้จะไม่พอใจแต่เขาก็ยังไม่กล้าโต้ตอบอะไร ได้แต่จ้องกลับไปยังดวงตาคู่นั้น
“ข้าไม่ได้หลงผิดทำอะไรลงไปสักหน่อย นี่ยังไม่ได้พูดถึงเรื่องที่ท่านติดค้างข้าคราวก่อนนะ ตราบใดที่ท่านมอบวัตถุดิบกับแร่เหล็กไหลให้ข้าตามสัญญา ข้าก็จะไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้เลย แล้วก็จะไม่กลับมาเจรจาธุรกิจอะไรกับพวกท่านอีกแล้วด้วย
!
”
ฟีบี้ใช้มือตบโต๊ะเสียงดังลั่น และจ้องมองหานซั่วอย่างมุ่งร้าย
“เจ้า…
กล้าดียังไงมาออกคำสั่งข้าแบบนั้น บ้าไปแล้วรึไง
เจ้าทำมิดีมิร้ายกับข้า ที่ข้าไม่ฆ่าเจ้าซะก็ถือว่าข้าดีกับเจ้ามากแค่ไหนแล้ว รู้ตัวบ้างมั้ย
!?
”
“ดีกับผีน่ะสิ
!
ทั้งท่านและข้าต่างโดนยากระตุ้นกำหนัดเล่นงานเอาทั้งคู่ ถ้าข้าไม่ได้เป็นคนลากท่านออกมาจากสมาคมนั่น ป่านนี้ท่านคงตายไปนานแล้ว แถมข้าก็ไม่ได้ทำอะไรท่านแม้แต่นิดเดียว ไม่งั้นคงไม่พาท่านมาถึงลำธารนั่นหรอก
!
”
ครั้งนี้หานซั่วโกรธจริง ๆ เพราะคืนนั้นเขาอุตส่าห์ลำบากตรากตรำตลอดทั้งคืน นอกจากจะไม่ได้อะไรตอบแทนแล้ว เขายังต้องมาถูกเธอทุบตีรัวไม่ยั้งอีก ดูเหมือนยัยฟีบี้นี่จะไม่ยอมปล่อยวางเรื่องนี้ไปง่าย ๆ เลย หรือว่าเธอแค่พยายามจะหลีกเลี่ยงไม่ยอมจ่ายค่าตอบแทนตามที่สัญญาไว้กันแน่นะ?
ฟีบี้ตวัดดาบของเธอออกมา และจ้องมองหานซั่วอย่างโกรธเกรี้ยว ในขณะที่หานซั่วเองก็ใช้มือตบโต๊ะเสียงดังลั่นและผุดลุกขึ้นยืนทันที จ้องมองกลับไปยังฟีบี้ด้วยสายตาดุร้าย ราวกับพร้อมจะเปิดศึกสู้ได้ทุกเมื่อทันทีที่ความเห็นเริ่มไม่ลงรอยกัน
ทั้งคู่ต่างจ้องมองกันและกัน และยืนนิ่งอยู่ในตำแหน่งของตัวเองนานเป็นนาที แล้วฟีบี้เม้มริมฝีปากพร้อมกับเก็บดาบเข้าฝัก และสะบัดหน้าไปทางอื่น และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“แล้วเจ้าต้องการอะไร?”
“ก็ง่ายๆ
ข้าจะซื้อวัตถุดิบตามราคาที่ท่านประเมินให้ แล้วก็มอบแร่เหล็กไหลให้ข้ามาตามสัญญา ในเมื่อเราไม่มีหนี้ติดค้างอะไรกันอีก ข้าก็จะได้ไม่ต้องมาเจรจาธุรกิจงี่เง่า ๆ กับท่านอีกแล้วไงล่ะ”
หานซั่วนั่งลงด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เขารินน้ำลงในแก้วตรงหน้า และดื่มเข้าไปอึกหนึ่ง ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด
“เจ้าคนเห็นแก่ตัว นี่ไง เอาไปให้หมด แล้วก็ออกไปจากทีนี่ได้แล้ว
!
”
ฟีบี้รู้สึกโกรธมากกว่าเดิมเมื่อได้ยินที่หานซั่วพูด เธอควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ จนแสดงท่าทางออกมาอย่างชัดเจน ฟีบี้เรียกถุงขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยสิ่งของมากมายออกมาจากแหวนมิติของเธอด้วยความโมโห และโยนมันลงบนโต๊ะตรงหน้าหานซั่ว สายตาที่จ้องมองเขาราวกับกำลังเดือดขึ้นเรื่อย ๆ
“อ้าว ท่านเตรียมไว้ให้หมดแล้วนี่นา ทำไมไม่บอกแต่แรกล่ะ? มาบั่นทอนมิตรภาพของพวกเราให้เสียเปล่าทำไมกัน”
หานซั่วเคยตั้งใจว่าจะรีบเก็บของแล้วก็ออกไปจากที่นั่นทันที แต่ก็เปลี่ยนใจเมื่อเห็นว่าถุงนั่นถูกจัดเตรียมไว้อย่างเรียบร้อย ภายในมีแร่หน้าตาแปลก ๆ อยู่ก้อนหนึ่ง บรรจุอยู่ในขวดแก้วใส พร้อมป้ายที่ติดไว้ว่า “เหล็กไหล”
ดูเหมือนฟีบี้จะเตรียมการไว้นานแล้ว
เพื่อมอบแร่นี้ให้ตอนที่เขามาหาเธอ
โดยไม่ได้ตั้งใจที่จะกลับคำสัญญาเลยแม้แต่น้อย
แต่สิ่งที่หานซั่วไม่เข้าใจ คือในเมื่อฟีบี้ไม่ได้ตั้งใจจะกลับคำสัญญา แล้วทำไมเธอถึงต้องมาระเบิดอารมณ์ใส่เขา แถมยังพูดเหมือนกับว่าจะไม่ให้อะไรเขาทั้งนั้น หานซั่วทั้งสับสนงุงงง และคิดหาเหตุผลเกี่ยวกับเรื่องนี้ไม่ได้เลย
“เอาตราสารคริสตัลมาสิ ข้าจะได้โอนย้ายเหรียญทองไปให้
ฮะ ๆ ๆ ข้าไม่ได้มีเจตนาอื่นหรอก ข้าแค่มาเอาของที่ข้าควรได้…ก็เท่านั้นเอง”
หานซั่วยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน และเก็บถุงนั่นไว้ในแหวนมิติของตัวเอง ก่อนจะหันไปพูดกับฟีบี้อย่างอาย ๆ
ฟีบี้ยังคงไม่หันมามองหานซั่ว แต่ยังคงทำสีหน้าเย็นชา และพูดจาแข็ง
ๆ ใส่เขา
“ไม่จำเป็น
ข้าไม่ได้ขี้งกเหมือนเจ้าหรอก แล้วทั้งหมดนั่นก็ราคาแค่ 350 เหรียญทองเท่านั้นเอง… ถือซะว่าเป็นของขวัญ แต่หลังจากนี้ก็อย่าโผล่มาให้ข้าเห็นหน้าอีก ไปให้พ้น
!
”
เมื่อโดนฟีบี้ทั้งเหน็บแนมและดูถูก
หานซั่วก็พยักหน้าด้วยสีหน้าเย็นชา ก่อนจะวางเหล็กสีนิลก้อนหนึ่งที่เขาเพิ่งขุดได้ลงกับโต๊ะด้วยเสียงอันดัง
“ข้าไม่ชอบติดหนี้คนแปลกหน้า รับแร่นี้ไปซะ
คิดเป็นค่าซื้อแร่วัตถุดิบอื่น ๆ ก็แล้วกัน
ลาก่อนครับ ท่านฟีบี้ หวังว่าจะไม่ต้องเจอกันอีก”
และตอนที่หานซั่วกำลังจะออกจากห้อง ฟีบี้ก็ลุกขึ้นยืนด้วยท่าทีสับสนโดยไม่ได้วางท่าอีกต่อไป ดวงตาเบิกกว้างของเธอจ้องมองเขาอย่างอ่อนแรง และพูดด้วยน้ำเสียงเหงาหงอย
“ต่อจากนี้
เจ้าจะทำเหมือนข้าเป็นคนแปลกหน้าจริง
ๆ เหรอ?”
หานซั่วยักไหล่ และพูดอย่างไม่ใส่ใจ
“ก็ในเมื่อท่านไม่สนใจจะนับข้าเป็นเพื่อน ข้าก็ไม่บังคับท่านหรอก”
เมื่อพูดจบ
หานซั่วก็ยิ้ม และกำลังจะเดินออกไปนอกห้อง ฟีบี้ก็ร้องออกมาทันทีด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“เดี๋ยวสิ
!
”
หานซั่วหันกลับไปมองฟีบี้ และถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ท่านฟีบี้
มีอะไรอีกเหรอ?”
ฟีบี้เริ่มมีทีท่าแปลก ๆ เธอก้มหน้าลง และคิดใคร่ครวญอยู่เงียบ ๆ ครู่หนึ่ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ความอ่อนแรงในทีแรกเริ่มจางหายไปแล้ว เธอจ้องมองเขาอยู่นานจนหานซั่วเริ่มรู้สึกกระอักกระอ่วน และในที่สุด
ก็มีรอยยิ้มน้อย ๆ ปรากฏบนใบหน้าของเธอ
“ไบรอัน
แสดงว่าเจ้ามองข้าเป็นเพื่อนแล้วเหรอ?”
คำถามนี้ทำให้หานซั่วถึงกับอึ้ง เขาจึงพยักหน้าและตอบไปตามความจริง
“ก็ใช่น่ะสิ
เราสองคนเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายที่สมาคมพ่อค้าตระกูลบูซท์ด้วยกันมานี่นา ยังไม่นับรวมที่ท่านเคยช่วยข้าอีกตั้งหลายครั้ง ข้าน่ะ
มองท่านเป็นเพื่อนมาตั้งนานแล้ว มีแต่ท่านนั่นแหละที่ไม่ยอมรับข้า
!
”
“ใครบอกว่าข้าไม่ยอมรับล่ะ หืม? นอกจากเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ แล้ว เจ้ามักจะใจร้ายกับเพื่อนแบบนี้เสมอเลยเหรอ?”
ท่าทีของฟีบี้กลับเป็นปกติแล้ว และดูเหมือนจะมีท่าทีสนใจใยดีมากขึ้นเมื่อเทียบกับบุคลิกถือตัวแบบปกติที่เธอเป็น อีกทั้งยังพูดกับหานซั่วด้วยท่าทีอ่อนโยนแบบเดียวกันเวลาคุยกับพี่ชายของเธอ
“เปล่าซะหน่อย”
หานซั่วตอบ
หานซั่วสัมผัสได้อย่างชัดเจน ว่าคำพูดของฟีบี้แฝงไปด้วยความจริงใจและเป็นกังวล จนเขารู้สึกซาบซึ้งใจอยู่หน่อย ๆ สีหน้าของเขาเริ่มอ่อนลง หลังจากใคร่ครวญดีแล้ว หานซั่วก็คิดว่าให้ฟีบี้ยืนยันด้วยคำพูดของเธอเองดีกว่า เขาจึงนิ่วหน้าเล็กน้อยก่อนจะหันไปถามเธอ
“งั้น…
ท่านคิดว่าข้าควรทำยังไงต่อไปล่ะ?”
“กำจัดโกรเวอร์ด้วยกันกับข้า ไม่อย่างนั้น
พวกเราคงไม่มีวันได้อยู่กันอย่างสงบสุขแน่”
ใบหน้าสวยสดของฟีบี้ดูเย็นชาขึ้นเล็กน้อย ขณะที่เธอกัดฟันพูดออกมา
หานซั่วนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง พลางคิดว่า
บางทีชีวิตที่ตกอยู่ในอันตรายอาจเป็นโอกาสเหมาะที่ทำให้เขาได้บรรลุการฝึกฝนได้สูงขึ้นอีก ระยะหลัง
ๆ นี้ เขาเองก็ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายมานานเกินไปแล้ว ไม่แน่ว่า
หากลองเพิ่มสิ่งกระตุ้นให้มากขึ้น ก็อาจทำให้มีอะไรสนุก ๆ เกิดขึ้นอีกก็ได้ และตามที่ฟีบี้พูด หากโกรเวอร์ยังไม่ถูกกำจัด เขาอาจจะต้องประสบพบเจอกับปัญหาอีกอย่างไม่รู้จบ
แล้วหานซั่วก็พูดอย่างเฉียบขาด
“ตกลง ข้าสัญญาว่าจะช่วย”
“ถ้าอย่างนั้น
ก็ไปร่วมงานเลี้ยงส่วนตัวที่จัดขึ้นที่สมาคมกับข้าคืนนี้
พวกผู้อาวุโสที่ร่วมก่อตั้งก็จะไปรวมตัวกันที่นั่นด้วย”
ใบหน้ามีเสน่ห์ของฟีบี้เต็มไปด้วยความปิติยินดีเมื่อหานซั่วตอบตกลง เธอรีบอธิบายต่อทันที
“เอ๋? งานเลี้ยงที่สมาคมของท่านเนี่ยนะ? แล้วข้าจะไปทำอะไรที่นั่นล่ะ?”
หานซั่วตกใจและรีบถามเธอ
“ก็ไปสร้างสัมพันธ์กระชับมิตรกับพวกผู้อาวุโสผู้ก่อตั้งไง แล้วก็ไปสังเกตการณ์แผนชั่วของตาแก่นั่นด้วย ข้าอยากให้เจ้าช่วยนะ เจ้าบอกว่าพวกเราเป็นเพื่อนกันนี่นา จริงมั้ย?”
ฟีบี้จ้องหน้าหานซั่วขณะพูด
ตอนนั้นเอง
ที่หานซั่วรู้สึกราวกับขึ้นมาอยู่บนเรือโจรสลัดโดยไม่รู้ตัว และกำลังจะถูกใช้ประโยชน์ จึงกระอักกระอ่วนใจอยู่สักหน่อย แต่เขายอมรับไปแล้วพวกเขาทั้งคู่เป็นเพื่อนกัน ตามที่เหมือนจะโดนฟีบี้หลอกให้พูดก่อนหน้านี้ ในเมื่อหันหลังกลับไม่ทันแล้ว เขาจึงจำเป็นต้องกัดฟันตอบตกลงไป
ฟีบี้อุทานเบา
ๆ และพูดอย่างมีความสุข
“เยี่ยมไปเลย
รอเดี๋ยวนะ ข้าจะไปตามใครสักคนให้หาชุดออกงานเหมาะ ๆ ให้เจ้าก่อน และข้าก็ต้องสอนมารยาทของพวกชนชั้นสูงให้เจ้าด้วย ข้ารู้มาจากพี่ลอว์เรนซ์ว่าเจ้ามาจากวิทยาลัยเวทมนตร์และศาสตร์แห่งความตายบาบิโลน แต่ เอ… ข้าคิดว่าเจ้าไม่ค่อยเหมาะกับสถานที่แบบนั้นเท่าไหร่เลยนะ”
หานซั่วมองฟีบี้อย่างอารมณ์เสีย
“ข้าเคยเป็นเด็กรับใช้ที่นั่น แต่ก็เป็นอดีตไปแล้ว ไม่สามารถกลับไปแก้ไขอะไรได้ และข้าก็ไม่มีอะไรจะพูดเกี่ยวกับมันอีก
!
“
“ขอโทษนะ
ไบรอัน ข้าไม่ได้พูดเพราะเจตนาไม่ดีอะไรเลย จริง ๆ นะ”
ฟีบี้กระวนกระวายและรีบขอโทษเขาจากใจทันที
“อย่าห่วงเลย
ช่างมันเถอะ ไหนบอกข้ามาสิ เรื่องมารยาทอะไรนั่น ข้าจะฟัง”
หานซั่วโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ และเร้าให้ฟีบี้พูดต่อ
“อ้ะ นี่มัน… นี่มันเหล็กสีนิลนี่นา
!
”
ราวกับว่าฟีบี้เพิ่งสังเกตเห็นเหล็กสีนิลที่หานซั่ววางไว้บนโต๊ะ พลางมองหน้าเขาอย่างตื่นเต้นตกใจ
“เจ้ามีเหล็กสีนิลจริง ๆ ด้วย แสดงว่าเจ้าต้องการสร้างอาวุธชั้นเยี่ยมจริง ๆ สินะ”
“แน่นอนอยู่แล้ว”
หานซั่วตอบอย่างหนักแน่น
แล้วฟีบี้ก็เล่าสรุปภาพรวมเกี่ยวกับมารยาทพื้นฐานของพวกชนชั้นสูงให้หานซั่วฟัง
เพราะหานซั่วรู้ดีว่า สำหรับโลกนี้แล้ว หากจะก้าวขึ้นไปให้สูงกว่านี้ เขาก็ต้องเรียนรู้ธรรมเนียมปฏิบัติต่าง ๆ บ้าง เขาจึงฟังที่ฟีบี้อธิบายอย่างตั้งใจ แม้กระทั่งลองทำท่าทางเชิงมารยาทต่าง ๆ ตามที่ฟีบี้สอน
เมื่อเวลาค่ำมาถึง หานซั่วก็อาบน้ำ จัดแจงตัวเองจนสะอาดเรียบร้อย ก่อนจะเปลี่ยนชุดเป็นชุดออกงานที่ฟีบี้จัดเตรียมให้เขาเป็นพิเศษ แล้วเขาก็เดินตามหลังฟีบี้ขึ้นรถม้าไปยังสมาคมพ่อค้าตระกูลบูซท์เป็นครั้งที่ 3
รถม้าหรูหราจำนวนมากจอดอยู่ด้านหน้าประตู และทหารยามคนเดิมผลัดเวรออกไปแล้ว เปลี่ยนเป็นใบหน้าของคนสองคนที่หานซั่วไม่คุ้นตา เมื่อฟีบี้และหานซั่วลงจากรถม้า พวกเขาก็เดินเข้าไปด้วยท่าทีสบาย ๆ โดยไม่หยุดทักทายทหารยามเลยแม้แต่น้อย ฟีบี้นำเขาผ่านไปยังโถงทางเดินสองแห่ง และสุดท้ายก็มาถึงยังประตูทางเข้าห้องโถงจัดเลี้ยง
“ฟีบี้หลานรัก
นี่เป็นงานเลี้ยงส่วนตัวเฉพาะคนของสมาคมเราเท่านั้น หลานพาผู้ชายคนนี้มาด้วยจะดูไม่เหมาะเอานะ?”
ด้านหน้าประตูนั้นเอง โกรเวอร์ถือแก้วที่มีไวน์อยู่เต็ม และกำลังพูดคุยอย่างหน้าชื่นตาบานกับผู้อาวุโสผู้ก่อตั้งสมาคมที่ดูร่ำรวยมั่งคั่งอย่างเห็นได้ชัดกลุ่มหนึ่ง เมื่อเขาเห็นฟีบี้เดินมากับหานซั่ว โกรเวอร์ก็มองหานซั่วด้วยสายตาอาฆาตมาดร้าย ก่อนจะหันมาคุยกับฟีบี้
“ลุงโกรเวอร์คะ ท่านไบรอันไม่ใช่คนนอกสักหน่อย
!
”
ฟีบี้เม้มปากและหัวเราะเบา ๆ พลางมองหานซั่วด้วยท่าทีเอียงอาย
“โอ้ งั้นรึ หลานรัก
งั้นหลานบอกลุงหน่อยได้ไหมว่าทำไมเขาถึงไม่ใช่คนนอก?”
โกรเวอร์หรี่ตาที่เล็กเหมือนตางู พลางมองหานซั่วอย่างพินิจพิเคราะห์ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงมุ่งร้าย
“เขาเป็นคนรักของข้าเองค่ะ
!
”
ฟีบี้หันกลับมามองตาโกรเวอร์อย่างไร้ซึ่งความเกรงกลัว และพูดอย่างภาคภูมิใจ
…………………………………………..