I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Great Demon King ตอนที่ 79 ทะลุขีดจำกัด

| Great Demon King | 836 | 2366 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป
นักดาบอีก  2  คนที่เหลืออยู่  เป็นนักดาบระดับสูงและระดับกลาง  แต่ฝีมือระดับฟีบี้แค่คนเดียวก็เพียงพอที่จะทำให้ทั้ง  2  คนไม่สามารถหนีรอดพ้นจากความตายได้    และยิ่งหานซั่วหันกลับมาสู้ก็ยิ่งทำให้พวกนั้นถึงคราวเคราะห์ไวขึ้น
แหวนมิติสว่างวาบขึ้นอีกครั้ง  แล้วหานซั่วก็ได้หน้าไม้มาถือไว้ในมือ  เขารีบขึ้นสายและเล็งไปยังหลังของนักดาบระดับสูงที่กำลังหนีพาตัวเองออกไปให้ไกลจากการต่อสู้ทันที
นักดาบระดับสูงที่เตรียมตัวหนีในทีแรกจำเป็นต้องหันมาทำลายลูกธนูที่ยิงมาอย่างเลี่ยงไม่ได้  แต่ทันทีที่เขาทำลายลูกธนูสำเร็จ  ฟีบี้ก็ยืนอยู่เบื้องหน้าของเขาแล้ว
อีกด้านหนึ่ง  เจ้าโครงกระดูกตัวเล็กที่แทงนักเวทย์ธาตุไฟจนตายก็ถือถุงใบหนึ่งไว้ในมือ  ก่อนจะกระโดดลงมาจากหลังคา  ทันทีที่ถึงพื้นโดยร่างโซเซเล็กน้อย  มันก็มายืนถือกริชกระดูกอยู่ตรงหน้านักดาบระดับกลางอีกคน
ชั่ววินาทีที่หานซั่วพุ่งเข้าใส่พร้อมรอยยิ้มเยือกเย็น  นักดาบคนหนึ่งก็รีบใช้ดาบยาวเชือดคอตัวเอง  และร่วงลงไปกองกับพื้นทันที
“คนพวกนี้เป็นนักฆ่าของ  “ปีศาจเงา” 
ถ้ารู้ว่าหนีไม่รอดแล้ว  พวกมันก็จะเลือกปลิดชีวิตตัวเองแทน”
ฟีบี้นิ่วหน้าพูดพลางส่ายหัว  ขณะที่เก็บดาบยาวของเธอกลับเข้าไปในแหวนมิติ
เมื่อเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กยืนอยู่เบื้องหน้าศพของคนทั้งคู่  มันก็เริ่มค้นตัวศพด้วยท่าทีชำนิชำนาญ  จนได้ถุงอีก 
2  ใบมาถือไว้ในมือ  ก่อนจะเดินกลับไปหาหานซั่วอย่างร่าเริง  และยื่นถุงทั้ง  3  ใบให้เขา
หานซั่วยิ้มให้เจ้าโครงกระดูกตัวเล็กด้วยความเอ็นดู  แล้วก็รับถุงทั้งหมดมา  แต่แล้วก็ต้องสบถดังลั่นเมื่อกวาดตามองสิ่งที่อยู่ภายในถุงเพียงแว่บเดียว
“บ้าเอ๊ย  เจ้าพวกยาจกนี่  รวมกันแล้วมีเงินกันแค่  10  เหรียญทองแค่เนี้ย !
ฟีบี้กลอกตามองเขาด้วยความระอาสุดขีด  เพราะฟีบี้ไม่ได้ค้นตัวศพ  จึงหันไปพูดกับหานซั่ว
“ข้าไม่เคยเห็นใครละโมบโลภมากเท่าเจ้ามาก่อนเลย  ไม่ต้องเสียเวลาไปค้นตัวพวกมันหรอก  ยังไงเจ้าก็คงไม่พบอะไรอยู่ดี  เพราะคนของ 
“ปีศาจเงา”  ไม่เคยพกของมีค่าติดตัวเวลาออกทำภารกิจอยู่แล้ว  ลืมมันซะเถอะ 
ค้นไปก็ไม่ได้ทำให้เจ้ารวยขึ้นมาหรอก” 
หานซั่วบ่นอุบอีกครั้งเมื่อได้ยินที่ฟีบี้พูด  จากนั้นก็ร่ายเวทย์ส่งเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กกลับไปยังมิติอื่นทันที  แต่แล้วเขาก็ยิ้มและหันไปถามฟีบี้อย่างอ่อนโยน
“ท่านกลับไปกับท่านแอนดรูว์ไม่ใช่เหรอ?  ทำไมอยู่ดี 
ๆ  ก็กลับมาล่ะ?”
“เจ้าบาดเจ็บนี่นา !
ฟีบี้ตกใจและรีบวิ่งมาหาหานซั่ว  เมื่อเธอเห็นเลือดจากแผลที่โดนเวทย์คมดาบวายุโจมตีบนร่างของเขา  ฟีบี้มีท่าทีเป็นห่วงเป็นใยทันที  ก่อนจะรีบเรียกผ้าพันแผลและยาขวดหนึ่งออกมาจากแหวนมิติที่มือ  เธอพูดอย่างอ่อนโยนโดยไม่เอียงอายเลยแม้แต่น้อย
“อยู่นิ่ง  ๆ  ก่อนนะ”
เพราะหานซั่วแทบไม่เคยเห็นฟีบี้มีท่าทีแบบนี้  จึงรู้สึกซาบซึ้งอยู่เงียบ  ๆ  ในใจ  เขายืนนิ่งไม่ขยับอยู่ตรงนั้น  ขณะที่เฝ้ามองฟีบี้ค่อย  ๆ  ทายาลงบนแผลของเขาอย่างระมัดระวัง  และใช้ผ้าพันแผลให้เขาอย่างเรียบร้อย
ทันทีที่ทำแผลเสร็จ  ฟีบี้ก็ดึงตัวหานซั่วเข้ามาก่อนจะถอนหายใจด้วยความโล่งอกเบา  ๆ
“เจ้านี่เลือกสถานที่ได้ดีจริง  ๆ    คฤหาสน์ทั้ง  2  ฝั่งของตรอกนี้ไม่มีใครอยู่  หรือต่อให้อยู่  เจอการต่อสู้รุนแรงขนาดนี้เข้าไป  ก็ไม่มีใครกล้าออกมาอยู่ดี  ดูเหมือนจะยังไม่ได้ประกาศขายเลยด้วย  เอาเถอะ 
เราไม่ควรอยู่ที่นี่นานเกินไป  ถึงความปลอดภัยบริเวณนี้จะไม่ค่อยแน่นหนาเท่าไหร่  แต่อีกไม่นานก็คงมีทหารลาดตระเวนผ่านมาแน่  ๆ  พวกเรารีบไปกันดีกว่า”
“งั้นก็ไปกันเถอะ”
หานซั่วตอบตกลงและรีบตามฟีบี้ไปทันที  มุ่งสู่ทางตอนเหนือของเมือง  และระหว่างนั้นเขาก็ถามเธอขึ้นมา
“จริงสิ  ท่านยังไม่ตอบข้าเลย  ว่าทำไมอยู่ดี 
ๆ  ถึงได้โผล่มาที่นี่?”
เมื่อเห็นว่าบริเวณนั้นไม่มีใครอยู่  ฟีบี้ก็นิ่วหน้าตอบเขาด้วยเสียงแผ่วเบา
“ท่านปู่แอนดรูว์เล่าให้ข้าฟังตอนอยู่บนรถม้า  ว่าโกรเวอร์แอบทำการค้าอย่างลับ  ๆ  กับพวกออร์คป่าเถื่อน  โดยลักลอบขายอาวุธของจักรวรรดิให้พวกมัน  ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่มาก  หากจักรวรรดิรู้เข้า  คงไม่ปล่อยเขาไปง่าย  ๆ  แน่
และโกรเวอร์ก็คงรู้ดีว่าถ้าข้าได้เข้าไปบริหารสมาคมจริง  ๆ  เขาก็จะปิดบังความจริงเรื่องนี้กับใครไม่ได้อีก  เขาจึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อหลีกเลี่ยงการรับโทษของจักรวรรดิให้ได้ด้วยพลังและอำนาจทุกอย่างที่มี  และทันทีที่ข้ารู้เรื่องนี้  ข้าก็คิดว่าโกรเวอร์จะต้องฆ่าเจ้าก่อนเป็นคนแรกแน่  ๆ  ข้าถึงได้ผละจากท่านปู่แอนดรูว์ออกมาระหว่างทางเพื่อมาตามหาเจ้า”
หานซั่วพยักหน้า
“อย่างงี้นี่เอง  ไม่สงสัยเลยว่าทำไมโกรเวอร์ถึงอยากรีบฆ่าพวกเรานัก  เพราะทันทีที่ท่านหาหลักฐานได้เมื่อไหร่  โกรเวอร์ก็จบเห่แน่  ๆ”
“ใช่แล้วล่ะ !
ฟีบี้หัวเราะอย่างเย็นชา  แต่แล้วเธอก็ถอนหายใจหลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“แต่สุดท้าย  เอลลิสก็รู้ถึงพลังของข้าเข้าจนได้  ข้าคิดว่าโกรเวอร์คงพยายามวางแผนอะไรสักอย่าง  แล้วข้าก็จะรับมือกับการโจมตีของพวกนักฆ่าได้ยากขึ้นกว่าเดิมแน่ๆ”
หานซั่วรู้ว่าพลังของเขายังมีจำกัด  หากพลังระดับฟีบี้เกิดรับมือไม่ไหวขึ้นมา  เขาเองก็คงทำอะไรได้ไม่มากนัก  สิ่งเดียวที่เขาสามารถช่วยฟีบี้ได้ก็มีเพียงการรับรู้ความเคลื่อนไหวของพวกนักฆ่าเท่านั้น  เขาใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง
“งั้นข้าหลบไปสักพักดีกว่า  แล้วข้าจะกลับมาหาท่านอีกหลังจากที่แผลหายดี  ตอนนี้โกรเวอร์เป็นศัตรูของพวกเราทั้งคู่แล้ว  ข้ารู้ว่าต้องทำยังไง”
“ตกลง  แต่ไม่ว่ายังไง  ห้ามกลับไปที่วิทยาลัยเด็ดขาดเลยนะ  เพราะโกรเวอร์รู้แล้วว่าเจ้าคือใคร  เจ้าจะเจออันตรายอย่างใหญ่หลวงแน่  ๆ  ถ้ากลับไปที่นั่น !
ฟีบี้นิ่งเงียบไปสักพัก  ก่อนจะร้องบอกเขา
หานซั่วพยักหน้าตอบรับ  เขาเตือนฟีบี้ให้ดูแลตัวเองให้ดี  ก่อนจะจากมาตามลำพัง  ปีศาจปฐมภูมิทั้ง  3  ตนตรวจไม่พบสิ่งใดอีกเลยจนกระทั่งหานซั่วมาถึงสุสานที่อยู่ด้านหลังวิทยาลัยอย่างปลอดภัย
เมื่อกลับมายังสุสานแห่งความตายแล้ว  หานซั่วก็ฝึกพลังเวทมนตร์ต่ออีกหน่อย  ความรู้สึกเย็นแผ่ซ่านไปรอบ  ๆ  บาดแผลขณะที่เขาโคจรแก่นมนตราไปยังบริเวณนั้น  แล้วแผลที่เคยรู้สึกเจ็บก็ลดลงไปมาก
หลังจากที่หานซั่วนอนหลับไป  เขาก็ตื่นมาอีกครั้งในเวลาเที่ยงวันของวันรุ่งขึ้น  และในเมื่อรวบรวมวัตถุดิบสำหรับสร้างอาวุธได้ครบแล้ว  หานซั่วก็รีบออกจากสุสานแห่งความตายและมุ่งหน้าสู่หมู่บ้านคนแคระด้วยความกระตือรือร้น  เพื่อขอให้หัวหน้าเผ่าคาลวินสร้างคมมีดพิชิตมารให้เขา
หมู่บ้านคนแคระตั้งอยู่ในหุบเขาเล็ก  ๆ  แห่งหนึ่ง  โดยมีหมู่ต้นไม้ใหญ่โตบดบังทางเข้าหมู่บ้านเอาไว้  หากไม่ใช่เพราะว่าหานซั่วเคยมาที่นี่กับพวกคนแคระแล้วครั้งหนึ่ง  เขาอาจจะหาถิ่นที่อยู่ของพวกคนแคระไม่เจอเลยก็เป็นได้
หานซั่วคุ้นชินกับเส้นทางแล้ว  จึงมาถึงขอบเขตหมู่บ้านคนแคระได้ในเวลาไม่นาน  เขาเดินผ่านต้นไม้สูงใหญ่ไปหลายต้น  จนมาเจอกับคนแคระคนหนึ่งที่กำลังยืนยามหน้าหมู่บ้านพร้อมกับขวานคนกริบในมือ  เขาร้องขึ้นอย่างเป็นมิตรทันทีที่เห็นหานซั่ว
“โอ้  สหายข้า 
แวะมาเยี่ยมพวกเราอีกแล้วรึ
!
หานซั่วเดินตามหลังคนแคระผู้นั้นไปตามเส้นทางเล็ก  ๆ  ที่มีพุ่มไม้ขึ้นอยู่หนาแน่นตามสองข้างทาง  และในที่สุดก็มาถึงหมู่บ้าน  ซึ่งคาลวิน 
เบ็นเน็ตต์  และคนอื่น  ๆ  กำลังรอต้อนรับหานซั่วด้วยความปิติยินดีทันทีที่ได้ยินข่าว  และไวน์ชั้นดีก็ถูกยกมาเสิร์ฟอย่างรวดเร็ว
เหล่าคนแคระอาศัยอยู่ในกระท่อมไม้ซุงที่พวกเขาสร้างด้วยตัวเอง  บางคนก็อาศัยในโพรงต้นไม้ใหญ่  ในหมู่บ้านมีคนแคระอยู่กันประมาณ  100  คนเท่านั้น  ครึ่งหนึ่งเป็นเด็กและผู้หญิง  ส่วนชายนักรบ 
ที่สามารถสู้รบได้จริง  ๆ  กลับมีไม่ถึงครึ่ง
หานซั่วเอาชนะใจและได้รับมิตรภาพที่เที่ยงแท้จากเหล่าคนแคระในช่วงที่ผ่านมา  ทำให้พวกเขาโอบอ้อมอารีกับหานซั่วเป็นอย่างมาก  เมื่อใดก็ตามที่หานซั่วแวะมาหา  ไวน์และเนื้อชั้นดีจะถูกจัดเตรียมเพื่อต้อนรับเขาเสมอ  จนหานซั่วรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างบอกไม่ถูก



“หาน  ทำไมวันนี้ถึงมีเวลาแวะมาได้ล่ะ?”
คาลวินถามหานซั่วอย่างอารมณ์ดี
หานซั่วเอาวัตถุดิบที่ฟีบี้เตรียมไว้ให้ทั้งหมดออกมาจากแหวนมิติ  และส่งให้คาลวิน
“ท่านผู้เฒ่า  นี่เป็นวัตถุดิบทั้งหมดที่ท่านร้องขอ  รวมเหล็กสีนิลที่เก็บมาได้เพียงพอแล้ว  ท่านสร้างอาวุธให้ข้าหน่อยได้มั้ยครับ?”
คาลวินรับวัตถุดิบมาจากหานซั่ว  และพินิจพิจารณพวกมันอย่างถี่ถ้วน  ก่อนจะร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ
“แน่นอน  แน่นอนที่สุด !  เท่านี้ก็สามารถสร้างอาวุธชั้นเยี่ยมได้แล้ว  เป็นเรื่องน่ายินดีสำหรับพวกเราจริง  ๆ  ไม่ต้องห่วงนะ  หาน  พวกเราจะเริ่มลงมือกันวันพรุ่งนี้เลย  อาวุธของเจ้าจะเสร็จภายใน  1  สัปดาห์  ข้ามั่นใจว่าเจ้าจะต้องพอใจกับมันมากแน่  ๆ”
เมื่อคาลวินยืนยันเช่นนั้น  หานซั่วก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและรีบขอบคุณเขาจากใจจริงทันที  ตอนนั้นเอง 
ที่เสียงบ่นพึมพำเบา  ๆ  ของเหล่าคนแคระหญิงก็ดังอยู่ไกล  ๆ  แต่เพราะประสาทรับเสียงของหานซั่วเฉียบคมมาก  เขาจึงได้ยินสิ่งที่พวกหล่อนคุยกันโดยไม่ตั้งใจ
“เฮ้อ  นี่ก็ใกล้ฤดูหนาวเข้าไปทุกที  ไม่รู้ว่าพวกเราจะมีเสบียงอาหารเพียงพอสำหรับช่วงหิมะตกครั้งใหญ่รึเปล่า  แล้วหัวหน้าเผ่าก็เบิกอาหารออกมาตั้งหลายครั้งเพื่อรับรองแขก  ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป  พวกเราจะมีชีวิตรอดจนพ้นหน้าหนาวกันมั้ยล่ะนี่?”
“ก็นั่นน่ะสิ  ข้าเองก็ได้ยินมาว่าหมู่นี่มีพวกอสูรกินคนมาป้วนเปี้ยนแถวนี้อยู่บ่อย  ๆ  ดูเหมือนว่าพวกมันก็ออกล่าเพื่อปล้นสะดมเสบียงอาหารตุนไว้รอฤดูหนาวเหมือนกัน  ถ้าพวกมันเจอหมู่บ้านของพวกเราเข้าล่ะก็  มีหวังพวกเราคงต้องย้ายที่อยู่กันอีก  เมื่อไหร่เรื่องแบบนี้จะจบลงสักทีนะ !
หานซั่วได้ยินบทสนทนาของพวกคนแคระหญิงทั้งหมด  ยิ่งทำให้เขาซาบซึ้งในน้ำใจของคาลวินมากขึ้นไปอีก  ดูเหมือนว่าชีวิตของพวกคนแคระจะไม่ได้สุขสบายอย่างที่คิด  แต่ถึงอย่างนั้น  พวกเขาก็ยังนำอาหารที่ดีที่สุดมาเลี้ยงต้อนรับ  ทำให้เขารู้สึกผิดไม่น้อย
เขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง  ก่อนจะถอนหายใจอย่างแผ่วเบา
“ท่านผู้เฒ่า  ท่านยอมรับข้าเป็นเพื่อนรึเปล่าครับ?”
“หาน  ทำไมถึงพูดอย่างนั้นล่ะ?”  พวกเราปฏิบัติกับเจ้าไม่ดีตรงไหนรึเปล่า?”
เบ็นเน็ตต์  ซึ่งดีกับหานซั่วมากเป็นพิเศษ  เป็นคนแรกที่อุทานออกมาด้วยความประหลาดใจและจ้องมองเขาอย่างตกตะลึงก่อนที่คาลวินจะทันได้อ้าปากพูดอะไร
หานซั่วส่ายหัว  พลางถอนใจ
“พวกท่านกำลังกังวลเรื่องเสบียงอาหารและพวกอสูรกินคน  แต่ทำไมท่านถึงไม่ยอมบอกปัญหาเรื่องนี้กับข้า  ทั้ง  ๆ  ที่ข้าเป็นเพื่อนของพวกท่านล่ะ?”
“แบบนี้ไม่ดีแน่  ในเมื่อท่านผู้เฒ่ายินดีนำเสบียงอาหารที่ตุนไว้สำหรับหน้าหนาวมาเลี้ยงต้อนรับข้า  ในฐานะเพื่อนของพวกท่าน  ข้าต้องทำอะไรสักอย่าง  ไม่ต้องกังวลนะครับท่านผู้เฒ่า  ข้าจะไปยังเมืองของมนุษย์และช่วยท่านแก้ปัญหาเรื่องเสบียงสำหรับฤดูหนาวนี้เอง  นอกจากนี้แล้ว 
ท่านยังต้องการอะไรเพิ่มเติมอีกมั้ยครับ? 
ข้าจะหามาให้ท่านทุกอย่างเลย”
“จะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไงกัน?  พวกเราเป็นเพื่อนกันก็จริง  แต่จะไปรบกวนเจ้ามากถึงขนาดนั้นไม่ได้หรอก  เราเองก็อยากหาซื้อเสบียงพวกนี้จากเมืองของมนุษย์อยู่เหมือนกัน  เพียงแต่ว่าระยะทางระหว่างหมู่บ้านของเราในป่าทมิฬแห่งนี้อยู่ห่างไกลจากเมืองของมนุษย์มากเท่านั้นเอง  ถ้าไม่นับรวมพวกสัตว์วิเศษที่จะคอยโจมตีพวกเราระหว่างการเดินทางแล้ว  พวกเราก็อาจไปเจอพวกมนุษย์ที่คอยประสงค์ร้ายเข้าอีก  เพราะเหตุผลนี้ล่ะ  พวกเราถึงต้องอาศัยกันอยู่แค่ที่นี่”
“หาน  ข้ารู้ว่าเจ้าตั้งใจจะไปซื้อเสบียงเหล่านั้นมาให้พวกเรา  ซึ่งมันต้องใช้เงินของเจ้าเป็นจำนวนมากแน่  ๆ  พวกเรารบกวนเจ้าขนาดนั้นไม่ได้หรอก  ข้าคิดว่า 
พวกเราก็แค่พยายามกันให้มากขึ้นอีกสักหน่อย  แล้วก็คงผ่านพ้นฤดูหนาวครั้งนี้กันได้เองแหละ”
คาลวินกล่าว
“ข้าตัดสินใจแล้ว  ข้าจะช่วยพวกท่านคิดหาทางรับมือกับปัญหาเสบียงอาหารสำหรับฤดูหนาวและพวกอสูรกินคนเอง  ท่านแค่ใส่ใจเรื่องการสร้างอาวุธอย่างเต็มที่ก็พอ  ที่เหลือปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเองนะครับ”
หานซั่วคิดคำนวณในใจ  ทั้งหมู่บ้านคนแคระนี้น่าจะมีกันราว  ๆ  100  คน  ถ้ากะดูจากขนาดความจุของแหวนมิติของเขาแล้ว  หานซั่วอาจจะต้องเดินทางไป  ๆ  มา  ๆ  หลายครั้งอยู่สักหน่อยเพื่อนำอาหารปริมาณมากกลับมายังสุสานแห่งความตาย  และถ้าเขาซื้ออาหารจากฟีบี้  อาจทำให้ไม่ต้องใช้เหรียญทองซื้อในราคาที่สูงเท่าท้องตลาด  จึงเป็นภารกิจที่เขาค่อนข้างสะดวกอยู่พอสมควร  และหานซั่วเองก็เต็มใจและมีความสุขที่ได้ทำเพื่อพวกคนแคระด้วย
“ขอบคุณท่านมาก  ข้าขอขอบคุณแทนลูกหลานและมารดาของพวกเขาจากทั้งหมู่บ้านเลยจริง  ๆ !
คนแคระหญิงคนหนึ่งบังเอิญได้ยินที่หานซั่วพูดตอนที่เธอนำผลไม้มาเสิร์ฟ  และรู้สึกตื้นตันใจเป็นอย่างยิ่ง  เธอรีบขอบคุณหานซั่วอย่างสุภาพนอบน้อมที่สุดที่คนแคระผู้หนึ่งพึงกระทำ
“เจ้าออกไปก่อน”
คาลวิลเตือนเธอ  ก่อนจะหันมาขอบคุณหานซั่ว
“หาน  พวกเราทำได้เพียงบ่มไวน์ชั้นดีและสร้างอาวุธ  แต่เพราะพวกเราแทบไม่ได้ติดต่อกับมนุษย์  จึงทำให้ไม่มีเหรียญทองมากมายเท่าไรนัก  เราจะบ่มไวน์ที่ดีที่สุดและสร้างอาวุธให้ท่านเป็นการแลกเปลี่ยน  ไม่อย่างนั้น 
พวกเราคงรับความปรารถนาดีของเจ้าไว้ไม่ได้แน่  ๆ”
แม้ว่าหานซั่วไม่ได้ต้องการไวน์และอาวุธจากพวกเขา  แต่เขาก็เข้าใจนิสัยที่ดื้อดึงและหัวแข็งของพวกคนแคระเป็นอย่างดี  พวกเขาจะไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากเขาหากปราศจากเหตุผลที่สมควร  เขาจึงยอมรับข้อตกลงนั้นหลังจากคิดใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง
ด้วยคำมั่นสัญญาเรื่องเสบียงสำหรับฤดูหนาวของหานซั่ว  เหล่าคนแคระทุกคนต่างตื่นเต้นดีใจ  แม้แต่คาลวินยังยอมดื่มฉลองกับหานซั่วอย่างสำราญใจในโอกาสที่หาได้ยากยิ่งเช่นนี้  เขาต้องยอมรับว่าไวน์จากฝีมือการบ่มของพวกคนแคระนั้นหวานนุ่มลิ้นเป็นอย่างมาก  แม้แต่ไวน์รสเลิศที่เขาเคยดื่มที่งานเลี้ยงสังสรรค์ของสมาคมพ่อค้าตระกูลบูซท์ในคืนที่ผ่านมาก็ยังเทียบไม่ติด
หานซั่วเองก็อารมณ์ดีสุดขีดหลังจากมั่นใจเรื่องคมมีดพิชิตมารของเขาแล้ว  จึงอยู่ดื่มฉลองกับเหล่าคนแคระทั้งคืน  อย่างไรก็ตาม 
ด้วยความสามารถจากการฝึกพลังเวทมนตร์ 
เขาจึงสร่างเมาได้ในเวลาไม่นานเพราะแก่นมนตรา  เขาจึงออกจากหมู่บ้านคนแคระด้วยความตื่นตัว  ขณะเดินทางกลับสู่สุสานแห่งความตาย
ก่อนการเข้าฌาน  หานซั่วไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง  และตัดสินใจทดสอบขีดจำกัดที่เคยหยุดยั้งเขาไว้ไม่ให้ลงไปสู่ชั้นที่ลึกลงไปของสุสานแห่งความตาย  เพราะหานซั่วอยากรู้ว่า…ด้วยพลังจิตที่เขาเฝ้าฝึกฝนมาจนถึงตอนนี้จะสามารถทะลุผ่านม่านพลังที่เคยกั้นไว้ได้หรือไม่
หลังจากใช้ลูกแก้วสีเขียวเปิดทางออก  หานซั่วก็ลงไปยังอุโมงค์ใต้ดินนั่นทันที  และตอนนั้นเอง 
ความเจ็บปวดราวกับโดนบีบหัวอย่างรุนแรงก็พุ่งพล่านขึ้นในหัวของเขา  แต่เพราะความเคยชินที่เคยสัมผัสเมื่อใช้ลูกแก้วสีเขียวในการฝึกฝนเพื่อเพิ่มปริมาณพลังจิต  ทำให้หานซั่วสามารถทนต่อการโจมตีอย่างฉับพลันนั้นได้  เขาโคจรแก่นมนตราด้วยความสามารถถึงขีดสุด  และค่อย 
ๆ  เดินทางต่อไปยังพื้นที่เบื้องล่าง
……………………………………………..
(0 votes) 0/10
ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments