หอพักที่แฟนนี่พักอยู่ เป็นหอที่มีอาจารย์หญิงสาขาเวทมนตร์ธาตุมืดคนอื่น ๆ
อาศัยรวมอยู่ด้วย
แต่พวกเธอก็ไม่ได้สนิทกันมากนัก
ประสาทรับรู้อันเฉียบคมของหานซั่วสามารถได้ยินเสียงคนคุยกันด้วยเสียงแผ่วเบา ภายในอาคารหอพัก ดูเหมือนว่าเวลานี้พวกเธอยังไม่เข้านอน
เหล่าอาจารย์ของวิทยาลัยเวทมนตร์และศาสตร์แห่งพลังบาบิโลนล้วนแข็งแกร่งมากเป็นพิเศษ ทำให้เวลาที่พวกเขาเข้ามาใกล้
หานซั่วต้องพยายามกลบเกลื่อนตัวตนให้มากที่สุด แม้แต่พยายามค่อย ๆ
หายใจ จนหัวใจเต้นแผ่วลง
เมื่อหานซั่วเข้ามาจนถึงหน้าประตูห้องแฟนนี่ และกำลังจะเอื้อมมือไปเคาะเรียก แต่ทว่าประตูก็เปิดออกทันที แฟนนี่ในชุดนอนผ้าไหมที่คอลึกจนเผยให้เห็นเนินอกขาวเนียน พร้อมสร้อยทับทิมที่หานซั่วเคยให้ไว้ที่คอ ยิ่งทำให้เธอดูมีเสน่ห์น่าหลงใหลมากขึ้นไปอีก
“ไบรอัน เจ้ามาทำอะไรลับ ๆ
ล่อ ๆ แถวนี้เนี่ย?”
แฟนนี่ดูกังวลเล็กน้อยเมื่อเห็นหานซั่ว
หานซั่วรีบมองไปรอบ ๆ
และถามเธอด้วยความประหลาดใจ
“เอ๋? ท่านรู้ได้ยังไงว่าเป็นข้า?”
“ช่วงนี้ข้ารู้สึกเหมือนมีใครบางคนกำลังสะกดรอยตามข้าไปทุกที่เลย ข้าไม่ค่อยวางใจก็เลยเสก “เวทย์ตรวจจับสัญญาณชีวิต” ไว้หน้าประตู ข้าก็เลยรู้ทันทีว่าเป็นเจ้าน่ะ”
แฟนนี่กลอกตามองหานซั่วและพูดอย่างโกรธ
ๆ
เมื่อเห็นว่าเขาสอดส่ายสายตามองไปทางนั้นทางนี้ไม่หยุด
“เอ่อ อาจารย์แฟนนี่
ขอข้าเข้าไปได้มั้ยครับ?”
เพราะคงไม่สะดวกเท่าไรนักหากจะยืนคุยกันอยู่หน้าประตู
และยังมีอาจารย์หญิงอีกหลายคนที่ยังไม่เข้านอน จึงไม่ใช่เรื่องดีแน่หากพวกเขาถูกพบเข้า
ใครจะไปรู้ว่าเมื่อหานซั่วพูดประโยคนั้นออกมา
พวงแก้มนวลเนียนของแฟนนี่ก็แดงระเรื่อขึ้นทันที แฟนนี่ลังเล
ก่อนจะยื่นหน้าออกไปมองรอบ ๆ
และในที่สุดก็รีบดึงหานซั่วเข้าไปในห้องด้วยใบหน้าที่แดงก่ำและปิดประตูตามหลังอย่างเร่งรีบ
เมื่อเข้าไปในห้องนอนของแฟนนี่ หานซั่วก็พบว่าทั้งห้องเต็มไปด้วยกลิ่นอายแบบผู้หญิง ๆ
เตียงม่านสีชมพู
ทั้งโต๊ะและพรมที่สะอาดเรียบร้อย
รวมทั้งของประดับตกแต่งสวยสดงดงามที่บ่งบอกถึงความเป็นหญิงของผู้เป็นเจ้าของ
อยู่ดี ๆ
ความคิดหนึ่งก็แว่บขึ้นมาในหัว
หานซั่วนึกถึงในโลกเดิมของเขาขึ้นมาได้
ว่าตามปกติแล้ว
หญิงสาวทั่วไปมักไม่ยอมให้คนแปลกหน้าเข้ามาในห้องนอนง่ายดายขนาดนั้น
ว่ากันว่าห้องนอนของหญิงสาวก็เปรียบเสมือนตัวตนของเธอ เพราะฉะนั้น
หากเธอไม่ยอมรับล่ะก็
ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถเข้าไปในห้องนอนของเธอเด็ดขาด เมื่อหานซั่วคิดมาถึงจุดนี้แล้ว หัวใจของเขาก็เริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะขณะมองหน้าแฟนนี่ด้วยความรุ่มร้อน
“มองอะไรของเจ้าน่ะ? สองสามวันมานี่เจ้าหายไปไหนมา? อีกครึ่งเดือนจะมีสอบ และเจ้าก็ต้องเข้าสอบด้วย ไม่อย่างนั้น
ฝ่ายบริหารวิทยาลัยมีสิทธิ์จะไล่เจ้าออกได้เลยนะ”
แฟนนี่จ้องมองหานซั่วอย่างดุร้าย เมื่อเห็นสายตารุ่มร้อนอันน่ารำคาญคู่นั้น แต่ดูเหมือนอยู่ดี ๆ
ก็นึกอะไรขึ้นมาได้
เธอรีบหันหลังให้หานซั่ว
และรีบถอดสร้อยคอทับทิมออกจากคอระหงสีขาวราวหิมะของเธอทันที
“ข้ารู้ครับ
ข้ามาหาท่านเวลานี้เพราะมีเรื่องอยากถามเกี่ยวกับองค์ความรู้เวทมนตร์นิดหน่อย เอ๋?
ท่านถอดสร้อยออกทำไมล่ะ? ข้าว่าท่านใส่แล้วดูสวยมีเสน่ห์จะตายไป”
“ไม่ใช่เรื่องของเจ้าสักหน่อย นี่มันก็ดึกแล้ว ข้าถอดสร้อยออกเพราะจะเตรียมตัวนอนต่างหาก ถ้าเจ้าอยากถามข้าเรื่องเวทมนตร์ล่ะก็ ไว้แวะมาหาข้าที่ห้องทดลองพรุ่งนี้ตอนกลางวันก็ได้นี่นา นี่ดึกมากแล้วนะ คงไม่ดีแน่ถ้ามีใครมาพบเจ้าที่นี่”
แฟนนี่มองหานซั่วอย่างไม่สบายใจนัก
ทันใดนั้นเอง เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นนอกห้องของแฟนนี่
และมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูห้องในเวลาเพียงชั่วพริบตา เสียงเคาะประตูดังขึ้น 2
ครั้ง ตามมาด้วยเสียงของผู้หญิงคนหนึ่ง
“อาจารย์แฟนนี่ ถ้าท่านยังไม่หลับ ขอข้าเข้าไปหน่อยได้มั้ย?”
ราวกับว่าเวลาที่คนเราสังหรณ์ใจเกี่ยวกับอะไรแล้ว สิ่งนั้นมักเกิดขึ้นจริงเสมอ แฟนนี่และหานซั่วมองหน้ากันไปมา และนิ่งอึ้งกันไปทั้งคู่
แล้วแฟนนี่ก็หันมามองค้อนหานซั่วก่อนจะเอานิ้วชี้มาวางที่ริมฝีปากเพื่อเป็นสัญญาณว่าไม่ให้ส่งเสียง ก่อนจะอ้าปากตอบออกไป
“อาจารย์คามิลล่า รอเดี๋ยวนะคะ
เดี๋ยวข้าจะรีบไปเปิดประตูให้”
เมื่อพูดจบ แฟนนี่ก็เริ่มเดินไปมารอบห้องทันที พลางสอดส่ายสายตาไปทั่ว ราวกับว่ากำลังมองหาจุดเหมาะ ๆ
ให้หานซั่วซ่อนตัว เพราะห้องนอนของแฟนนี่ไม่ได้ใหญ่มาก
จึงดูเหมือนว่าไม่มีจุดไหนที่พอให้หานซั่วแอบซ่อนได้ทั้งตัวเลย ขณะที่เธอกำลังวิตกกังวลอยู่นั้นเอง แฟนนี่ก็ดูเหมือนจะหาพบและรีบชี้ให้หานซั่วดูด้วยสีหน้าโล่งใจ
เมื่อเห็นว่าแฟนนี่กระวนกระวายใจมาก หานซั่วก็ยักไหล่และทำตามที่เธอต้องการ ก่อนจะเดินออกจากข้าง ๆ โต๊ะเพื่อตรงไปยังเตียงนอนที่มีม่านสีชมพู
หานซั่วรีบโดดขึ้นบนเตียงนอนของแฟนนี่ด้วยความรวดเร็ว
พร้อมความปลาบปลื้มใจสุดขีดปรากฏเด่นชัดบนใบหน้า
แฟนนี่เดินไปที่ประตู
และกำลังจะเปิดประตูอยู่แล้วตอนที่หันกลับมามอง แล้วก็ต้องประหลาดใจเป็นที่สุด เธออ้าปากค้างโดยไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมา
แล้วรีบใช้มือชี้ไปที่ใต้เตียงอย่างเอาเป็นเอาตาย
ราวกับตั้งใจจะบอกให้หานซั่วเข้าไปซ่อนที่ใต้เตียง แต่เขากลับเข้าใจผิดและขึ้นไปอยู่บนเตียงที่เธอไม่เคยอนุญาตให้ชายแปลกหน้าคนใดแตะต้องมาก่อนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“อาจารย์แฟนนี่ รีบ
ๆ เปิดประตูเร็วเข้าสิ!”
คามิลล่ายืนอยู่หน้าประตู
และสังเกตเห็นจากเงาภายในห้องจึงรู้ว่าแฟนนี่มายืนอยู่ที่หน้าประตูแล้ว จึงรีบเร่งเร้าแฟนนี่
หานซั่วนอนอยู่บนเตียงฝั่งหนึ่ง
กลิ่นหอมเย้ายวนใจอันน่ามหัศจรรย์อบอวลอยู่รอบกายของเขา
หานซั่วไม่สนใจและเอาแต่ยิ้มกรุ้มกริ่มขณะที่แฟนนี่กำลังกระวนกระวายใจและพยายามส่งสัญญาณให้เขาอยู่ที่ประตู เขาปลดม่านลง
และดึงผ้าห่มอันหอมหวานของแฟนนี่ขึ้นมาคลุมตัวอย่างมิดชิด
แฟนนี่กัดฟันกรอดด้วยความโมโหกับท่าทีกวนประสาทของหานซั่ว
แต่คามิลล่าก็เอาแต่เร่งเร้าเธออยู่หน้าประตู
ทำให้แฟนนี่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากประประตูห้องออกและแสร้งทำอารมณ์ปกติแบบไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก่อนจะยิ้มและตอบออกไป
“อาจารย์คามิลล่า มีอะไรเหรอคะ
ถึงได้มาหาข้าดึกขนาดนี้?”
คามิลล่าเป็นนักเวทย์ระดับสูงของเวทมนตร์ธาตุมืด และอยู่ในวัยกลางคนแล้ว รูปร่างหน้าตาจัดว่าธรรมดา เมื่อเธอเดินเข้ามาในห้อง
เธอก็จัดแจงตัวเองให้นั่งลงที่เก้าอี้ข้างโต๊ะและรีบถามออกมาทันที
“เมื่อครั้งที่แล้ว สาขาศาสตร์แห่งความตายของเจ้าเอาชนะพวกสาขาเวทมนตร์ธาตุแสงในบททดสอบของป่าทมิฬได้อย่างขาดลอย ทำให้สาขาธาตุมืดอย่างเราได้ภาคภูมิใจ
หน้าชื่นตาบานกันน่าดู
อีกไม่นานข้าก็ต้องพาพวกเด็ก
ๆ
ในสาขาของข้าเข้าไปทดสอบที่นั่นด้วยเหมือนกัน ข้าก็เลยมาขอคำแนะนำแล้วก็เคล็ดลับจากเจ้าน่ะ!”
“เคล็ดลับอะไรกันคะ? สาขาของเราก็แค่ล่าสัตว์วิเศษได้เพราะโชคช่วยเท่านั้นเอง
อาจารย์คามิลล่าเองก็สอนอยู่ในสาขาเวทมนตร์ธาตุมืดมาหลายปี
และเคยพาพวกนักเรียนออกไปฝึกที่นั่นก็ตั้งหลายครั้ง ท่านมีประสบการณ์มากกว่าข้าเสียอีกค่ะ ข้าว่าท่านอาจจะมาหาคำแนะนำผิดคนก็ได้นะคะ”
แฟนนี่รู้สึกกระอักกระอ่วนใจเมื่อมีคามิลล่าอยู่ในห้อง
เพราะกำลังกลัวแทบตายว่าเธอจะรู้ว่าหานซั่วอยู่ที่นี่
ยิ่งเธอเป็นกังวลมากเท่าไหร่
สายตาของเธอก็ยิ่งหันมามองที่เตียงบ่อยขึ้น
เพราะพยายามเฝ้ามองดูความเคลื่อนไหวบนเตียงของเธอ และกลัวว่าหานซั่วจะเผลอส่งเสียงอะไรออกมาจนดึงดูดความสนใจของคามิลล่า
“ผ้าม่านที่เตียงเจ้าสวยจริง ซื้อมาจากที่ไหนน่ะ?”
อยู่ดี ๆ
คามิลล่าก็ลุกขึ้นและเดินไปที่เตียงของแฟนนี่โดยไม่มีใครคาดคิด
สายตาของเธอจับจ้องไปที่ม่านด้วยสีหน้าสนอกสนใจเป็นอย่างมาก
แฟนนี่หัวใจหล่นวูบ
เธอรีบตามเข้าไปใกล้และชิงนั่งลงบนเตียงเพื่อบังสายตาไม่ให้คามิลล่ามองเห็น แฟนนี่นั่งในท่าหลังตรงและตัวแข็งทื่อ พร้อมรีบพูดด้วยความร้อนรน
“ร้านไมเยอร์ที่ขายของประดับค่ะ
ถ้าอาจารย์คามิลล่าชอบก็ลองไปหาซื้อดูก็ได้นะคะ แค่
1 เหรียญทองก็น่าจะพอ อ๊ะ…”
เตียงของแฟนนี่มีขนาดไม่ใหญ่มากอยู่แล้ว ทำให้หานซั่วต้องนอนตะแคงข้างจนชิดติดผนัง และด้วยความรีบร้อนของแฟนนี่ เธอรีบนั่งลงบนเตียง
จนก้นของเธอทับลงไปบนมือซ้ายของหานซั่วพอดิบพอดี
ในตอนท้ายประโยคที่เธออธิบายให้คามิลล่าฟัง เสียง
“อ๊ะ” เบา ๆ
ของเธอก็บ่งบอกอย่างชัดเจนว่าเธอรู้สึกถึงสิ่งผิดปกติบางอย่าง
“ออ เจ้าซื้อมาจากร้านไมเยอร์นี่เอง มิน่าล่ะ
ถึงได้สวยแบบนี้
น่าเสียดายที่ข้าเองก็แก่แล้ว
ไม่ได้สวยน่ารักเหมือนอาจารย์แฟนนี่
ถ้าข้าซื้อไปล่ะก็
คงพิลึกน่าดู
ไม่เหมาะกับข้าเอาเสียเลย”
ก้นกลมงามงอนของแฟนนี่นั่งทับอยู่บนหลังมือของหานซั่ว
ซึ่งกำลังซาบซึ้งถึงสัมผัสอันน่ามหัศจรรย์นั้นจนทั้งสมองและหัวใจปั่นป่วนไปหมด ขณะที่กำลังปลาบปลื้มยินดีอยู่นั้นเอง จู่
ๆ
เขาก็รู้สึกว่าสัมผัสบนหลังมือของเขาหายไปแล้ว เมื่อความผิดหวังเกาะกุมจิตใจจนถึงขั้นทำให้หานซั่วต้องแอบมอง และพบว่าร่างของแฟนนี่ยังอยู่ที่เดิม
แต่เธอกำลังเกร็งกล้ามเนื้อเอวของตัวเองให้ยกก้นสูงขึ้นเล็กน้อย
จุดที่แฟนนี่นั่งอยู่บังสายตาของคามิลล่าไว้ได้พอดี
ถ้าเธอลุกขยับตัวไปทางอื่นก็มีความเป็นไปได้สูงมากที่หานซั่วจะถูกพบเข้า และแฟนนี่รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าเธอนั่งลงบนที่ ๆ
ไม่ควรนั่ง
แต่เพราะขยับตัวไปทางอื่นไม่ได้อีก
จึงทำได้เพียงยกก้นขึ้นเพื่อเลี่ยงไม่ให้ถูกหานซั่วแอบฉวยโอกาสกับเธอ
หานซั่วแอบเหลือบมองอยู่ข้างหลัง เขามองเห็นทั้งคอระหงที่กำลังแดงระเรื่อ ไหล่เพรียวบาง
และแผ่นหลังที่น่าลิ้มลองชวนให้สัมผัสของเธอ และเพราะแฟนนี่กำลังเกร็งตัวอยู่
สัดส่วนโค้งเว้าเย้ายวนด้านหลังของเธอจึงปรากฏให้หานซั่วเห็นเต็มสองตา
หานซั่วเหม่อลอยจนไม่ได้ยินที่แฟนนี่และคามิลล่าคุยกันอีก
สายตาหื่นกระหายของเขาเล้าโลมไปทั่วเรือนร่างของเธอ และธรรมชาติของนักเวทย์
ร่างกายบอบบางของเธอจึงยากที่จะฝืนเกร็งให้อยู่ในท่านั้นได้นาน ร่างของเธอเริ่มสั่นเล็กๆ อาจเป็นเพราะเริ่มทนไม่ไหว
และคิดว่าหานซั่วน่าจะขยับมือไปไว้ที่อื่นแล้ว
เธอจึงผ่อนอาการเกร็งและทิ้งสองแก้มก้นลงนั่งในตำแหน่งเดิม
เสียง
“อ๊ะ” เบา ๆ อุทานออกมาจากปากของแฟนนี่อีกครั้ง เพราะมือของหานซั่วยังอยู่ที่เดิม แต่พลิกหงายฝ่ามือขึ้นแทน มือนั้นจมลงไปตามความโค้งเว้า
จนปลายนิ้วของเขาสัมผัสบางอย่างที่อยู่ระหว่างแก้มก้นของเธอ
ทำให้แฟนนี่ร้องออกมาด้วยเสียงแผ่วเบาทันทีเพราะควบคุมตัวเองไม่อยู่
“อาจารย์แฟนนี่ เจ้าเป็นอะไรรึเปล่า? หน้าเจ้าแดงมากเลย เนื้อตัวสั่นเชียว เจ้าไม่สบายรึเปล่าเนี่ย? ไหนให้ข้าดูหน่อยซิ”
“ไม่ค่ะ ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก อาจารย์คามิลล่า ถ้าท่านไม่มีธุระอะไรแล้ว ทำไมท่านไม่ออกไปก่อนละคะ? ข้า… ข้าเหนื่อย
เลยอยากจะนอนเร็วหน่อยน่ะค่ะ”
ร่างกายของแฟนนี่สั่นเทา เธอพูดขณะที่พยายามยกก้นขึ้น แต่ก่อนที่เธอจะลุกขึ้นยืน
หานซั่วซึ่งกำลังมีความสุขสุดขีดกับสัมผัสนุ่มลื่นอันแสนรันจวนใจจากก้นของเธอ เมื่อสัมผัสนั้นหายไป เขาก็ยื่นมือตามขึ้นไปโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะนาบเข้าไปในพื้นที่ตรงกลางระหว่างแก้มก้นของแฟนนี่ ตอนที่เธอเพิ่งยกตัวขึ้นได้เพียงเล็กน้อย
แฟนนี่ที่ตั้งใจจะลุกขึ้นยืนตัวตรง จู่
ๆ
ร่างของเธอก็กระตุกทันทีเพราะสัมผัสกระตุ้นบางอย่าง ทำให้ร่างที่อ่อนแรงลงอย่างกะทันหันของเธอทรุดนั่งลงบนเตียงอีกครั้ง ทับลงไปบนมือซ้ายที่กำลังคุ้มคลั่งของหานซั่ว
“เป็นอะไรไป? เกิดอะไรขึ้นรึเปล่า อาจารย์แฟนนี่? ร่างกายเจ้าผิดปกติมากเกินไปแล้วนะ”
คามิลล่าพูดด้วยท่าทีร้อนรน
และพยายามเปิดม่านเหนือเตียงขึ้นเพื่อให้แฟนนี่ที่ดูเหมือนกำลังสับสนงุนงงได้ผ่อนคลายขึ้น แต่แล้ว
คามิลล่าก็เห็นสายตาอันรุ่มร้อนของหานซั่ว
จนสะดุ้งกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ
เสียงกรีดร้องของคามิลล่าทำให้แฟนนี่ได้สติ เธอรีบยืนขึ้นโดยไม่สนใจหานซั่วอีกต่อไป และรีบอธิบายด้วยท่าทีตื่นตระหนก
“อาจารย์คามิลล่า เขาเป็นนักเรียนของข้าเองค่ะ เขามาหาข้าเพราะมีเรื่องอยากปรึกษา แต่ข้ากลัวว่าท่านจะเข้าใจผิด ก็เลยบอกให้เขาซ่อนตัวแบบนี้เท่านั้นเอง!”
“อาจารย์แฟนนี่ เจ้าไม่ต้องอธิบายหรอก ยังไงมันก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเจ้านี่นะ ฮุฮุฮุ
ไม่สงสัยเลยว่าทำไมเจ้าถึงได้ปฏิเสธชายหนุ่มมามากมาย และไม่สนใจแม้กระทั่งอาจารย์จีน เพราะเหตุผลนี้เองสินะ
ความสัมพันธ์ของพวกเจ้าถึงขั้นร่วมหลับนอนกันแล้วนี่เอง น่าประหลาดใจจริง ๆ
อาจารย์แฟนนี่
ข้าต้องขอโทษเจ้าด้วยที่ข้ามารบกวนเจ้า
ข้าจะไปเดี๋ยวนี้ล่ะ!”
คามิลล่าพรั่งพรูคำพูดทุกอย่างออกมาด้วยความประหลาดใจ
พร้อมทั้งขอโทษขอโพยแฟนนี่ด้วยน้ำเสียงแปลก ๆ
ก่อนจะรีบเดินตรงออกจากห้องไป
แฟนนี่ซึ่งกำลังตกอยู่ในภาวะสับสนและช็อกสุดขีด
เธอพยายามรั้งคามิลล่าไว้เพราะต้องการจะอธิบาย แต่ไม่ว่าจะพูดยังไง คามิลล่ากลับมองเธอด้วยสายตามีเลศนัยและแสดงท่าทีราวกับจะบอกว่า
“ข้าเข้าใจดี” ให้เธอรับรู้
แล้วคามิลล่าก็หัวเราะอย่างร่าเริงก่อนจะเดินออกจากห้องของแฟนนี่ไปในที่สุด
เมื่อคามิลล่าออกไปแล้ว แฟนนี่ยืนนิ่งอยู่หน้าประตู
แล้วก็มาเดินวนไปวนมารอบโต๊ะด้วยท่าทีตื่นตระหนก อยู่ดี
ๆ ราวกับว่าเธอนึกอะไรขึ้นมาได้
ก็รีบเดินมาหาหานซั่วที่กำลังนอนอยู่บนเตียงด้วยท่าทีคุกคามทันที
“ไบรอัน บ้าที่สุดเลย
วันนี้ข้าไม่ปล่อยเจ้าไปง่าย
ๆ แน่!”
แฟนนี่ซึ่งกระโดดขึ้นมาบนเตียงทันทีที่พูดจบ
เธอลงโทษโดยการทุบตีเขาทันทีด้วยสีหน้าของคนที่กำลังโมโหสุดขีด แล้วกำปั้นน้อย ๆ
ของเธอก็รัวใส่หน้าอกของหานซั่วไม่ยั้งราวกับห่าฝน
ในฐานะนักเวทย์ผู้มีร่างกายบอบบางอย่างแฟนนี่
ไม่มีทางที่ทั้งแขนขาของเธอจะสามารถสร้างความเจ็บปวดให้แก่หานซั่วได้เลย
แต่หานซั่วกลับกำลังเคลิบเคลิ้มราวกับต้องมนตร์สะกดขณะเฝ้ามองแฟนนี่ที่กำลังกราดเกรี้ยวเหวี่ยงกำปั้นไปมา
ร่างที่เคลื่อนไหวไปมาและเนื้อตัวที่สั่นเทาเผยให้เห็นต้นขาเรียวงามที่ขาวเนียนราวหิมะ เพราะกระโปรงชุดนอนที่เลิกสูงขึ้นมาเรื่อย ๆ
หานซั่วยื่นมือออกไปราวกับพยายามจะห้ามเธอ
ซึ่งเขาเองก็ต้องสะกดกลั้นความพุ่งพล่านปั่นป่วนในใจเอาไว้เป็นอย่างมาก และทันใดนั้นเอง หานซั่วก็กดร่างของแฟนนี่ลงบนเตียง
และใช้ร่างกายอันแข็งแรงของตนเองทับลงไปบนเรือนร่างอันเย้ายวนของเธอ
“อาจารย์แฟนนี่ ใจเย็น
ๆ สงบสติลงก่อนสิครับ”
หานซั่วอ้อนวอนแฟนนี่ให้ใจเย็นลงขณะกำลังคร่อมอยู่บนร่างของเธอ จนสัมผัสถึงสองจุดด้านบนสุดของหน้าอกของแฟนนี่ที่กำลังแนบแน่นกับหน้าอกของหานซั่วได้อย่างชัดเจน
แรงสัมผัสของทั้งสองร่างขณะที่แฟนนี่พยายามดิ้นขัดขืนไปมาทำให้หานซั่วเริ่มสูญเสียการควบคุมของตัวเองอย่างช้า ๆ
แต่แฟนนี่กำลังโกรธเกรี้ยวอย่างไม่ลืมหูลืมตา ทั้ง
ๆ ที่ปกติหานซั่วจะเป็นคนหุนหันพลันแล่นกว่าใคร
เขาก็ยังมีสติพอจะร้องเตือนให้เธอสงบสติก่อน
ในขณะที่รอบข้อมือของเธอกำลังเจ็บมากขึ้นเรื่อย ๆ
แต่ไม่ว่าจะดิ้นขัดขืนยังไงเธอก็ขยับตัวไม่ได้แม้แต่นิดเดียว
เมื่อเธอมองหานซั่วที่ยิ่งขยับตัวใกล้เธอเข้ามาเรื่อย ๆ หัวใจเธอก็ยิ่งปั่นป่วนมากขึ้นทุกที และพูดซ้ำไปซ้ำมาไม่หยุด
“บ้าจริง หยุดเดี๋ยวนี้นะ ไม่งั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ
ด้วย!”
……………………………………..