เสียงร้องโหยหวน
อย่างทรมาน
ดังขึ้นทันที
และ
หา
นซั่วที่
ใช้มือกุมท้องและขยับตัวหนีออกห่างจากแฟนนี่
เขาม้วนงอตัวด้วยความเจ็บปวด
ขณะที่ในหัวซึ่งเคยร้อนรุ่มของเขาก็กลับสู่ภาวะปกติ
แฟนนี่ลุกนั่งขึ้น
พลางใช้มือปัดร่างกายจัดระเบียบเสื้อผ้าให้เรียบร้อย
และลุกจากเตียงราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เ
ธอ
ชำเลืองมองหา
นซั่ว
ด้วยท่าทางภาคภูมิใจและพ่นลมเชิงดูถูก
“
เป็นไงล่ะ
?
รู้จักฤทธิ์ของข้าขึ้นมาบ้างรึยัง
?”
“
อาจารย์แฟนนี่
ไม่เห็นต้องรุนแรง
ขนาดนี้เลยนี่ครับ
?”
หา
นซั่วห
น้าบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บพลางกุมท้องน้อยไปด้วยขณะพูดกับเธอ
“
ตาบ้า
ยังจะกล้าพูดอะไรแบบนั้นอีกเหรอ
ข้าอุตส่าห์ยอมปล่อยผ่านเรื่องที่สระน้ำนั่นไปแล้วเชียว
แต่เจ้ากลับ
…
เจ้ากลับทำมิดีมิร้ายกับข้าอีกแล้ว
!
ที่ข้าไม่ฆ่าเจ้าทิ้
งไป
ซะ
นี่แปลว่าข้าใจดีกับเจ้ามากเกินไปใช่มั้ย
?”
หา
นซั่ว
กลิ้งตัวลงจากเตียงอย่างคล่องแคล่ว
ก่อนจะมานั่งข้าง
ๆ
แฟนนี่
พร้อมสีหน้าจริงจัง
และพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“
อะไรที่ผ่านมาก็ให้มันแล้วไปแล้วเถอะครับ
ข้าจะ
ร่ายเวทมนตร์บางอย่างให้ท่านฟังน
ะ
“
แฟนนี่เห็นหา
นซั่ว
ทำท่าทีขึงขังแต่ก็รู้ว่าเขาตั้งใจทำแบบนั้นเพื่อเบี่ยงเบนประเด็นออกจากเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่
ในใจของเธอพลุ่งพล่านด้วยความโกรธทันทีและกำลังจะอ้าปากดุด่าเขาอยู่แล้วตอนที่ได้ยินหา
นซั่ว
ร่ายเวทย์บางอย่าง
ทีแรก
เธอก็ไม่ได้สนใจฟัง
แต่ก็ต้อง
ตกตะลึงทันทีเมื่อได้ยิน
เขาร่ายจน
จบประโยคสุดท้าย
ประกายความตื่นเต้นฉาบขึ้นในดวง
ตากลมโต
ของเธอที่กำลังจับจ้องไปที่หา
นซั่ว
อย่าง
ทันทีทันใด
พลางถามเขาด้วยเสียงสั่นเครือ
“
นี่มันคาถาของเวท
มนตร์ศาสตร์แห่งความตายนี่นา
…
ข้าสัมผัสได้
แต่ทำไมข้าถึงไม่เคยได้ยินคาถานี้มาก่อนเลยล่ะ
?”
“
นี่เป็นคาถาของเวทมนตร์ขั้นสูง
ชื่อ
“
เวทย์เสริมแกร่งความตาย
”
ครับ
เป็นเวทมนตร์ที่สูญหายไปหลายปีมากแล้ว
แต่
ข้าก็ไปพบมันเข้าโดยบังเอิญ
“
หา
นซั่วค่
อย
ๆ
อธิบายให้เธอ
ฟังอย่างช้า
ๆ
ในขณะที่แฟนนี่
กำลังแสดงท่าทีมีความสุขอย่างเหลือล้น
“
แล้วมันเกิดอะไรขึ้น
?
อธิบายให้ข้าฟังชัด
ๆ
ซิ
!
แล้วยังมีเวทมนตร์ศาสตร์แห่งความตายที่สูญหายอื่น
ๆ
อีกมั้ย
?
รีบบอกข้าเร็ว
ๆ
เข้า
!”
แฟนนี่มักจะหมกมุ่นกับการศึกษาค้นคว้าเรื่องศาสตร์แห่งความตายอยู่เสมอ
จนลืมแม้กระทั่งความกราดเกรี้ยวก่อนหน้านี้
เพียงเพราะได้ยินคาถาของเวทมนตร์โบราณ
ที่หายสาบสูญไปแล้วนับร้อยปีดังขึ้นจากปากของหา
นซั่ว
อีกครั้ง
จึงถามเขาอย่างควบคุมตัวเองไม่อยู่
หา
นซั่ว
ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ก่อนจะพยายามทำใจให้สงบและพยักหน้ารับ
“
เวทย์ชุบศพ
ครับ
เวทมนตร์นี้ข้าก็ไปเจอเข้าโดยบังเอิญเหมือนกัน
อาจารย์แฟนนี่
ข้าคิดว่าท่านเองคงรู้ดีว่าพวกมันคือเวทมนตร์ที่สาบสูญของสาขาศาสตร์แห่งความตายของพวกเรา
แต่
ข้าอยากให้ท่านเก็บเป็นความลับชั่วคราวก่อนจะได้มั้ยครับ
?”
แฟนนี่ฉลาดพอที่จะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร
เธอจึงเข้าใจความตั้งใจของหา
นซั่วทั
นที
จึงพยักหน้ารับอย่างรัวเร็ว
พลางเบิกตากว้างเน้นย้ำให้เขาเชื่อว่าเธอเข้าใจดีจริง
ๆ
หา
นซั่ว
จึงเล่าให้เธอฟังต่อ
เกี่ยวกับคาถาและท่าทางการร่าย
“
เวทย์ชุบศพ
”
และ
“
เวทย์เสริมแกร่งความตาย
”
อย่างละเอียด
รวมทั้งถามเธอถึงเนื้อหาบางอย่างที่เขายังไม่เข้าใจ
ในขณะที่แฟนนี่เองก็ตื่นเต้นดีใจสุดขีดจนลืมการกระทำแสนน่าอายที่เขาทำไว้กับเธอก่อนหน้านี้
เธอค่อย
ๆ
อธิบายให้หา
นซั่ว
ฟังในอุปสรรค
ที่หา
นซั่วพ
บอย่างใจเย็น
หา
นซั่ว
รู้ดีว่าไม่ช้าก็เร็ว
เขาจะสามารถร่ายเวทมนตร์เหล่านั้นได้อย่างสมบูรณ์
แต่ตราบใดที่ยังแข็งแกร่งไม่พอ
หา
นซั่ว
ก็ยังไม่อยากให้ใครล่วงรู้ความลับนี้
ในฐานะที่เป็นทั้งนักเวทย์ผู้ใช้ความตายระดับ
สูง
และเป็นผู้ที่หา
นซั่ว
ชื่นชม
เขาจึงไม่คิดปิดบังความจริงกับแฟนนี่
โดยเฉพาะเธอที่เปรียบเสมือน
สิ่งล้ำค่าที่
ต้องแลกให้ได้
มาแม้ว่าเธอจะทำให้เขา
ต้องเจ็บตัวเพียงใดก็ตาม
อีกทั้งยังเป็นผู้ที่ห่วงใยเขามาโดยตลอด
และไม่ว่าอย่างไร
ก็จะยังคงมีเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับเวทมนตร์ที่เขาต้องถามเธอเพื่อให้เกิดความเข้าใจอย่างถ่องแท้มากที่สุดอยู่เรื่อย ๆ
หา
นซั่ว
อยู่ในห้องของแฟนนี่และพูดคุยกับเธอจน
ดึก
ดื่น
โดยที่พวกเขาทั้งคู่ไม่มีใครสักคนรู้ว่าเวลาล่วงเลยผ่านไปนานเท่าไร
แล้วแฟนนี่ที่เคยดีใจจนเนื้อเต้นก็เริ่มหาวบ่อยขึ้นเรื่อย
ๆ
จนกระทั่งเ
ริ่ม
รู้สึกตัวว่าดึกมากแล้ว
แฟนนี่เอามือป้องปากหาว
และพูดกับหา
นซั่ว
อย่างงัวเงีย
เต็มที
“
ดึกมากแล้ว
ข้าจะไปนอนแล้วล่ะ
ข้าอธิบายคำถามของเจ้าไปหมดแล้วด้วย
เจ้าก็กลับไปพักที่หอนอนของเจ้าได้แล้ว
อ๊ะ
จริงสิ
เจ้ายังไม่เคยเข้าไปอยู่ในห้องที่ข้าจัดเตรียมไว้ให้เลยนี่น
า
?”
หา
นซั่ว
พยักหน้า
ก่อนจะลุกขึ้น
เดินไปที่ประตู
และตอนที่หา
นซั่ว
กำลังจะผลักประตูเปิดออกไปในตอนนั้นเอง
แฟนนี่ก็โพล่งขึ้นว่า
“
ไบรอัน
อย่าคิดว่าข้าจะลืมสิ่งที่เจ้าทำไว้กับข้าล่ะ
แต่
เอาเถอะ
ถ้าเจ้าตั้งใจเรียนและจบการศึกษาจากสาขาศาสตร์แห่งความตายได้เร็วกว่าปกติล่ะก็
ข้าอาจจะอภัยให้เจ้าก็ได้นะ
“
หา
นซั่ว
สะดุ้งตกใจ
และชะงักฝีเท้าหยุดอยู่หน้าประตู
ก่อนจะ
หันหน้ากลับมามองแฟนนี่ที่กำลังมองเขาด้วยสายตาคาดหวัง
พร้อม
พูดกับเขาด้วยท่าทีจริงจัง
“
ไ
บรอัน ด้วยพรสวรรค์ระดับเจ้าน่ะ เรื่องแค่นี้คงไม่ยากหรอก ตราบใดที่เจ้ามีความตั้งใจฝึกฝนตัวเองอย่างหนักล่ะก็ เจ้าจะต้องเป็นนักเวทย์ผู้ใช้ความตายที่แข็งแกร่งมากแน่ ๆ และเจ้าจะสมหวังในทุกอย่างที่เจ้าต้องการเลยล่ะ!”
“
ทุก
สิ่งที่ข้าต้องการ
?
รวมถึงท่านด้วย
รึเป
ล่าครับ
อาจารย์แฟนนี่
?”
หา
นซั่ว
ถามออกไปโดยไม่รู้ตัว
หัวใจของแฟนนี่เต้นรัว
เมื่อเห็นหานซั่วกำลัง
มองเธออย่างมีความหมาย
จู่
ๆ
แก้มของเธอก็แดงระเรื่อและเริ่มเดือดดาลใส่เขาทันที
“
ออกไปเลยนะ
!
เดี๋ยวนี้เลย
เจ้าเด็กบ้ากาม
!”
หัวใจของเขาเต็มตื้นไปด้วยความสุข
หา
นซั่ว
รู้สึกได้ว่าแฟนนี่เองก็ดูเหมือนจะสนใจในตัวเขาอยู่
บ้าง
เหมือนกัน
เพราะประโยคที่พวกเขาคุยกันเมื่อครู่
เขาบอกได้ทันทีว่าแฟนนี่คาดหวังในตัวเขาจริง
ๆ
หา
นซั่ว
คิดใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเข้าใจเรื่องทั้งหมด
ว่าหากเขาต้องการจะเอาชนะใจแฟนนี่แล้ว
ล่ะก็
ทั้งความแข็งแกร่งและสถานะของเขาค่อนข้างจะต้องพิเศษและไม่ธรรมดาเหมือนใคร
ๆ
“
อย่าห่วงเลยครับ
ข้าจะตั้งใจให้ดีที่สุดเลย
ไม่นานหรอก
แล้วท่านจะได้เห็นเองครับ
!”
หา
นซั่วห
ยุดอยู่ที่ประตู
เขา
กระซิบบอกเธอเบา
ๆ
ก่อนจะรีบออกจากห้อง
และหายไปในความมืด
หลังจากออกมาจากห้องของแฟนนี่
หา
นซั่ว
ยังไม่กลับไปยังหอนอนที่แฟนนี่จัดเตรียมไว้ให้ในทันที
เพราะหน้าประตูหอมียามยื
นเฝ้าอยู่
และแต่ละห้องก็เชื่อมต่อถึงกัน
หา
นซั่ว
ไม่ต้องการให้ใครพบร่องรอยหลักฐานใด
ๆ
ของตัวเขาเอง
เพราะกลัวว่าจะทำให้นักฆ่า
“
ปีศาจเงา
”
รวมทั้งโกร
เวอร์
สงสัยและรู้ตัว
โดยเฉพาะเมื่อเขาเพิ่งได้ยินที่แฟนนี่บอกว่าในช่วงหลัง
ๆ
นี้
เธอรู้สึกราวกับมีใครบางคนกำลังสะกดรอยตามเธออยู่ตลอด
ก็ยิ่งทำให้เขาเป็นกังวล
และกลัวที่จะเปิดเผยตัวให้ใครเห็นมากกว่าเดิม
เมื่อคิดได้อย่างนั้น
หา
นซั่ว
ก็คิดว่าบางที
ตั
วเขาเองน่าจะหาซื้อบ้าน
ที่อยู่นอกเขตวิทยาลัยเป็นของตัวเองเอาไว้สักหลัง
มิเช่นนั้นแล้ว
เขาอาจจะไม่มีที่ให้อยู่
เมื่อกลับมายังจักรวรรดิอีกในอนาคต
และ
หากเขามีบ้านเป็นของตัวเอง
เขาก็ไม่จำเป็นต้องไปที่สุสานด้านหลังวิทยาลัยทุกครั้งที่ต้องการใช้มิติเวทมนตร์เคลื่อนย้าย
เมื่อหา
นซั่วล
องชั่งน้ำหนักในเรื่องนี้ดูขณะกำลังเดินไปตามด้านข้างของห้องสมุ
ดสาขาเวทมนตร์ธาตุมืด
เขาก็ได้ยินเสียงพลิกหน้าหนังสือ
เสียงดัง
ทำให้หัวใจของหา
นซั่ว
วูบด้วยความประหลาดใจทันที
ก่อนจะหลบซ่อนกายอย่างมิดชิดในเงามืดของ
มุม
ๆ
หนึ่งรอบนอก
ห้องสมุด
หา
นซั่วข
ยับคอเล็กน้อย
แล้วปีศาจปฐมภูมิทั้ง
3
ตนก็ลอยออกมาอย่างไร้สุ้มเสียง
พวกมันล่องลอยไปสอดแนมภายในห้องสมุดโดยกลมกลืนไปกับความมืดของรัตติกาล
ภาพที่ปรากฏคือ
ร่างของคน
2
คนพร้อมด้วยแสงสว่างจาง
ๆ
ในมือ
และด้วยแสงอันอ่อนแรงนั้นเอง
ก็ทำให้
หา
นซั่ว
ไ
ด้เห็นสองใบหน้าที่คุ้นเคย
ดุ
๊ค
นักเวทย์ชรา
และ
เอริค
อัศวินระดับสูง
เดิมที
นั้น
หานซั่วได้ลู
กแก้วสีเขียวที่สามารถใช้เปิดสู่สุสานแห่งความตายจากคนคู่นี้ตั้งแต่เหตุการณ์ในสุสานบนภูเขาด้านหลังวิทยาลัยในครั้งนั้น เอริคซึ่งมั่นใจมากว่าหานซั่วจะต้องตายอย่างแน่นอนหลังจากที่ถูกออร่าต่อสู้ของเขาโจมตีเข้าไป
จึงไม่ได้กลับมาตรวจสอบร่างของหา
นซั่ว
ว่ากลายเป็นศพจริง
แม้จะ
ผ่านไปได้หลายเดือนแล้ว
หา
นซั่วเ
องก็ไม่คาดคิดว่าจะเจอสองคนนี้อีกในห้องสมุดสาขาเวทมนตร์ธาตุมืด
เช่น
นี้
“
ระวังหน่อย
มีผู้คนที่แข็งแกร่
งตั้ง
มากมายอยู่ในวิทยาลัยเวทมนตร์และศาสตร์แห่งพลังบาบิโลน
อย่าทำให้ใครรู้ตัวเข้าล่ะ
เดี๋ยว
พวกเราก็ได้เจอปัญหาใหญ่กันพอดี
“
ดุ๊ครีบร้อง
เตือนด้วยเสียงแผ่วเบาเมื่อเห็นเอริคพลิกหน้ากระดาษอย่างไม่
ระวัง
“
พวกเราก็ยังหาไม่เจออยู่ดีนะครับ
ตำราของสาขาศาสตร์แห่งความตายไม่มีเล่มไหนเขียนไว้ถึง
เ
นตรอสูร
เลย
“
เอริคพลิกหน้ากระดาษอย่างเบามือลง
พลางบ่นด้วยเสียงแผ่วเบา
“
เฮ้อ
เนตรอสูร
เป็นกุญแจ
สำคัญ
ที่ใช้ไขสู่สุสานแห่งความตาย
พวกเรา
อุต
ส่
า
ห์
ได้มาด้วยความยากลำบากแสน
สาหัส
อยู่ดี
ๆ
ก็มาหายไปแบบนี้ได้ยังไงกันนะ
?
ลองกลับไปค้นที่บ้านเขาจนทั่วแล้วก็ยังไม่พบอะไร
แปลกจริง
ๆ
วิทยาลัยเวทมนตร์และศาสตร์แห่งพลังบา
บิโ
ลนก็มีหนังสือตำราตั้งหลายเล่มที่เกี่ยวกับศาสตร์แห่งความตาย
น่าจะพบเบาะแสอะไรบ้าง
ไม่อย่างนั้น
พวกเราคงรับไม่ไหวหรอก
ถ้าต้อง
ตกเป็นเป้าโจมตี
เวลา
พวกนักเวทย์ระดับ
สูง
ฟา
ด
งวงฟาดงา
ไปทั่วขึ้นมา
“
หา
นซั่ว
ซึ่งอยู่ข้างนอก
ได้ยินทุกบทสนทนาและท่าทางทุกอย่างของพวกเขา
อย่างชัดเจนจากการสอดแนมของเหล่าปีศาจปฐมภูมิ
ในที่สุด
เขาก็รู้ว่าลูกแก้วสีเขียวปริศนาที่เขาได้มา
เรียกว่า
“
เนตรอสูร
” ดูเหมือนว่าที่
ทั้งสองคนเข้ามาในห้องสมุดเวทมนตร์สาขาธาตุมืดกลางดึกแบบนี้
ก็เพราะคิดแบบเดียวกับหา
นซั่ว
คือต้องการ
ค้นหาความลับของ
“
เนตรอสูร
”
เท่าที่
จะ
มี
ภายในห้องสมุด
หลังจากนั้นไม่นาน
ทั้งคู่ก็คว้าน้ำเหลวและออกจากห้องสมุดไปด้วยความผิดหวัง
พวกเขาเคลื่อนตัวด้วยความคล่องแคล่วว่องไวไปตามถนนเส้นเล็ก
ๆ
ที่นำไปยังด้านหลังของวิทยาลัย
จากบทสนทนาที่ได้ยิน
หา
นซั่ว
สรุปได้ว่า
ทั้งสองคนน่าจะมาจากองค์กรอะไรบางอย่าง
ซึ่งตอนนี้เขาก็ได้
เนตรอสูร
มาอยู่ในมือแล้ว
จึงอยากรู้ความลับของพวกนั้น
ที่อาจจะเป็นประโยชน์ต่อเขา
ให้มากขึ้นอีก
หา
นซั่ว
สั่งการปีศาจปฐมภูมิทั้ง
3
ตนให้ติดตามสะกดรอย
ดุ
๊คแ
ละเอริคไป
โดยตน
เองก็รักษาระยะห่าง
และค่อย
ๆ
เคลื่อนตัวไปยังภูเขาด้านหลัง
ตามหลังพวกนั้น
แต่
ทว่า
พวกนั้นกลับไ
ม่
ได้ตรงไปยังสุสานบนภูเขาด้านหลัง
หากแต่เปลี่ยนเส้นทางทันทีที่ออกจากเขตพื้นที่ของวิทยาลัย
พวกนั้นเคลื่อนตัวด้วยความเร็ว
โดยใช้เส้นทางตามถนนหลักของเข
ตพื้นที่ตอนเหนือ
ในที่สุดก็ค่อย
ๆ
เดินตรงไปยังสนามหญ้ารกร้างแห่งหนึ่ง
ปีศาจปฐมภูมิทั้ง
3
ตนตามพวกเขามาจนถึงที่นี่
และกำลังจะล่องลอยไปหาจุดที่สอดแนมได้เหมาะ
ๆ
ตามคำสั่งของหา
นซั่ว
แต่แล้วเขาก็รู้สึกราวกับว่าปีศาจปฐมภูมิชนเข้ากับอะไรบางอย่าง
เสียงหนึ่งร้องขึ้นทันทีในสนามแห่งนั้น
หา
นซั่ว
สะดุ้งสุดตัว
และรู้ทันทีว่าเขตแดนบางอย่างถูกกางขึ้นในพื้นที่โดยรอบสนามหญ้า
เพราะตามปกติแล้ว
ปีศาจปฐมภูมิซึ่งเป็นจิตวิญญาณไร้รูปร่างจะไม่มีสิ่งใดที่สามารถตรวจจับได้
เหล่าปีศาจปฐมภูมิรับรู้ถึงอันตรายในขณะที่
หานซั่วเองก็พยายามรวบรวมสติให้หายจากอาการตื่นตกใจ
พวกมันรีบถอยร่นทันที
ตามที่หา
นซั่ว
สั่งให้พวกมันแยกย้ายหนี
กันไปใน
3
ทิศทางที่ต่างกัน
ด้วยความเร็วมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
เพื่อมุ่งหน้าตรงไปยังถนนทางตอนเหนือ
ไม่นานนัก
เหล่าปีศาจปฐมภูมิก็กลับสู่ร่างของหานซั่วพร้อมกันแม้จะมาจากคนละทิศละทาง
เขาถอนหายใจอย่างโล่งอก
เขา
จดจำสนามหญ้านั่นเอาไว้
แต่เพราะรู้ว่ามีใครบางคนที่แข็งแกร่งมากอยู่ที่นั่น
จึงจำเป็นต้องยกเลิกการสอดแนมชั่วคราวอย่างเลี่ยงไม่ได้
ตอนที่หา
นซั่ว
กำลังจะออกไป
เขาก็
รู้ว่าบริเวณที่เขายืนอยู่เป็นถนนในเขตพื้นที่ทางตอนเหนือ
และสนามหญ้านั่นก็อยู่ไม่ไกลจากที่พักของ
ฟี
บี้มากนัก
ในเวลานั้น
ท้องฟ้าเริ่มสว่างขึ้นทีละน้อย
ๆ
แล้ว
หา
นซั่ว
นึกถึงเสบียงอาหารที่สัญญากับพวกคนแคระไว้ขึ้นมาได้
เขาใช้เหรียญเงิน
1
เหรียญเพื่อซื้ออาหารเช้า
ก่อนจะเดินไปยังที่พักของ
ฟี
บี้
เมื่อมาถึง
เขาก็สังเกตว่ารอบ
ๆ ที่พักของเธอมีจำนวนทหารยามเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากผิดกว่าแต่ก่อนลิบลับ
และหาน
ซั่ว
ยังสัมผัสได้ถึงเสียงลมหายใจแผ่วเบา
ที่
กำลัง
ยืน
รออยู่ภายใน
นอกจากนั้นแล้ว
ห้อง
ๆ
หนึ่งในตัวอาคารที่หา
นซั่ว
สัมผัสไม่ได้ถึงการระบายของมวลอากาศ
ทำให้เขารู้ทันทีว่าม่านพลังหรือเขตแดนบางอย่างถูกกางขึ้นภายในที่พักแห่งนั้น
หา
นซั่ว
เคาะประตูเบา
ๆ
เมื่อมาหยุดยืนอยู่หน้าประตู
ใครบางคนรีบเร่งพุ่งตัวมาที่ประตูทันทีที่ได้ยินเสียงเคาะเรียกโดย
ไม่ได้เปิดประตูในทันที
แต่กลับร้องถามขึ้นแทน
“
ข้าไบรอัน
ข้ามาพบท่าน
ฟี
บี้ครับ
!”
หา
นซั่ว
ที่ยืนอยู่นอกประตูตอบด้วยเสียงแผ่วเบา
คนที่อยู่ด้านในตอบ
และเสียงฝีเท้าของคนข้างในก็เคลื่อนตัวห่างออกไปจากประตูด้วยความรวดเร็ว
ก่อนที่เสียงฝีเท้าที่เพิ่มขึ้นกลายเป็น
2
คน
รีบรุดมาที่ประตูนั้นทันที
เสียงของ
เฟ
เบียนร้องดังขึ้นผ่านประตู
เฟ
เบียนถอนหายใจด้วยความโล่งอก
และรีบสั่งคนข้าง
ๆ
ทันที
“
เปิดประตูได้เลย
นี่ใช่ไบรอันจริง
ๆ”
ประตูเปิดออก
เผยให้เห็น
เฟ
เบียน
พร้อมกับนักดาบอีก
2
คนในชุดเกราะสีเงินที่ยืนอยู่ข้าง
ๆ
ใบหน้าของพวกเขาทั้งกรำแดดและหยาบกร้านราวกับผ่าน
การยืนยามอย่างทรหดอดทน
ภายใต้สายลมและแสงแดดเป็นเวลายาวนานหลายปี
และดูราวกับเป็นนักดาบมืออาชีพ
“
มา
ๆ
รีบเข้ามาเลย
!
ไม่ได้เจอเจ้าตั้ง
10
กว่าวัน
ท่าน
ฟี
บี้พูด
ถึงเจ้าอยู่บ่อย
ๆ เรื่องที่ว่าพวกเราจะรับมือกับ
ปัญหาความยุ่งยากได้สบายขึ้นเพราะเจ้าอยู่ข้างเดียวกับเรา
รวมถึงปฏิกิริยาน่าทึ่งของเจ้าในวันนั้นด้วยนะ
“
แม้
เฟ
เบียนจะยิ้ม
แต่ก็มองออกอย่างเห็นได้ชัดว่าเขาค่อนข้างเหนื่อยอ่อน
ทีเดียว
“
ดูเหมือนสถานการณ์ของพวกท่านจะไม่ค่อยจะสู้ดีเลยนะครับ
ครั้งที่แล้วที่ข้ามาที่นี่
ความปลอดภัยยังดูไม่แน่นหนาขนาดนี้เลย
“
หา
นซั่วม
อง
เฟเบีย
นอย่างพิจารณาและพูดแหย่เขา
“
อย่าไปพูดถึงมันเลย
10
วันที่ผ่านมานี่
ท่าน
ฟี
บี้เกือบต้องตกเป็นเหยื่อในการลอบสังหารมาตั้ง
3
ครั้งแล้ว
แล้วแต่ละครั้งก็โหดร้ายรุนแรงขึ้นเสมอ
คนพวกนี้มาจาก
หน่วยทหารรับจ้างไฟสงคราม
น่ะ
ท่าน
ฟี
บี้ใช้เงินเยอะมากเพื่อจ้างพวกเขามา
แต่สองวันก่อน
ก็เพิ่งจะบาดเจ็บไป
3
คน
แล้วก็ตายไป
2
คน
ดูเหมือนโกร
เวอร์
จะเริ่มร้อนใจ
จนทำให้พวกเราต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายมากขึ้นเรื่อย
ๆ
เลย
“
พวกเขา
เดินไปตามโถงทางเดิน
พลางพูดคุยด้วยกันไปเรื่อย
หา
นซั่ว
สัมผัสได้ถึงนักเวทย์
2
คน
และนักดาบอีก
1
คนตรงหัวมุมของอาคารข้างเคียง
และดูจะแข็งแกร่งไม่น้อยเลยทีเดียว
เมื่อมีนักรบมากฝีมือจำนวนมากรายล้อมคอยปกป้องฟีบี้ที่แข็งแกร่งถึงระดับจอมดาบ
ทั้งโกร
เวอร์
และ
“
ปีศาจเงา
”
จะต้องพรั่นพรึ่งเป็นอย่างมากแน่นอนหากต้องปะทะเข้ากับภยันตรายที่แลดูหนักหนาถึงเพียงนี้
แล้วปีศาจปฐมภูมิทั้ง
3
ตนก็ลอยออกมาจากด้านหลังคอของหา
นซั่ว
อีกครั้ง
พวกมันเลี่ยงการสัมผัสเขตแดนที่หน่วยทหารรับจ้างไฟสงครามกางเอาไว้
ก่อนจะแยกย้ายกันไปหลบคนละมุมห้องทั้ง
3
ส่วน
เพื่อ
คอยเฝ้าสังเกตการณ์ทุกอย่างรอบตัวเขาอย่างเงียบ
ๆ
ไม่นานนัก
ฟี
บี้ก็เดินเข้ามาในห้อง
พร้อมด้วยสาวงามร่างสูงผมสีแดงเพลิงคนหนึ่ง
เธอมัดผมทรง
หางม้า
ร่างกายภายใต้สีผิวสีน้ำตาลเข้มนั้นทั้งสูงสง่า
ล่ำสันและบึกบึน
ไม่ว่าจะเป็นหน้าอก
ก
้
น
หรือร่างกายล้วนใหญ่โต
เธอสะพายดาบใหญ่ไว้ที่หลัง
ลักษณะท่าทางคล้ายว่าจะเป็นนักดาบ
“
ไบ
รอ
ัน
ในที่สุดก็ได้เจอเจ้าอีก
เยี่ยมไปเลย
!”
ฟี
บี้พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงประหลาดใจเมื่อเห็นหา
นซั่ว
“
ฟี
บี้
นี่น่ะรึ
ไบรอัน
เด็กหนุ่มมหัศจรรย์ที่เจ้าพูดถึงอยู่บ่อย
ๆ?”
สาวร่างล่ำสันในผมสีแดงเพลิงมองหา
นซั่ว
อย่างพิจารณาขณะพูด
“
งั้นขอข้าดูหน่อยก็แล้วกัน
ว่าจะมหัศจรรย์จริงอย่างที่ว่า
รึเป
ล่า
!”
แคน
ดิซ
พ่นลมอย่างดูถูกและดึงดาบใหญ่ที่หลังของเธอออกมาอย่างรวดเร็ว
ก่อนจะฟันลงไปที่หา
นซั่ว
ซึ่งทันทีที่ชักดาบออกจากฝัก
เปลวเพลิงสีแดงก็ลุกโชติช่วงขึ้นไปทั่วพื้นผิวของดาบใหญ่นั้นราวกับลมหายใจมังกร
ดูเหมือนว่าเธอผู้นี้จะเป็นนักรบจอมเวทย์เช่นเดียวกันกับหา
นซั่ว