“
จ….เจ้าทำบ้าอะไรน่ะ
?”
แคนดิซร้องเสียงหลงเพราะความตกใจและรีบยืนขึ้นทันที ในขณะที่ฟีบี้กำลังถอดเสื้อผ้าเพื่อเตรียมตัวนอน เมื่อเห็นว่าอยู่ดี ๆ หานซั่วก็พุ่งเข้ามา เธอก็สะดุ้งตกใจและรีบดึงเสื้อผ้าขึ้นมาอีกครั้งทันที ก่อนจะมองหานซั่วด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
“
โกรเวอร์กับพวกนักฆ่า
“
ปีศาจเงา
”
กำลังมา อย่ามัวแต่พูดพล่ามไร้สาระอยู่เลย มาช่วยกันคิดว่าพวกเราจะทำยังไงกันต่อดีกว่า
!”
ใบหน้าน่ากลัวของหานซั่วคำรามเสียงต่ำใส่หญิงสาวทั้งสองคนที่กำลังตกใจ
แคนดิซยังคลางแคลงใจในสิ่งที่หานซั่วพูด และกำลังจะออกความเห็นและพร้อมจะเถียงกลับเต็มที่ แต่ฟีบี้กลับมีสีหน้าจริงจังและรีบร้องเตือนทันที
“
ฟังที่เขาพูดเถอะ แคนดิซ สัมผัสของไบรอันไม่ผิดแน่
!”
แม้ว่าแคนดิซจะไม่เชื่อหานซั่ว แต่เธอก็เชื่อฟีบี้ เมื่อได้ยินที่ฟีบี้พูดแล้ว เธอก็รีบดึงดาบใหญ่ที่หลังของเธอออกมาทันทีและพยักหน้าให้ฟีบี้ ก่อนจะรีบพุ่งตัวออกจากห้องไปอย่างรวดเร็วราวกับเงาที่ร้อนดั่งไฟ และรีบร้องเตือนทหารในหน่วยให้เตรียมพร้อม
ส่วนฟีบี้เองก็ไม่เสียเวลาอีกต่อไป เธอรีบคว้าเสื้อคลุมจากปลายเตียงขึ้นมาสวม แหวนมิติในมือส่องแสงวาบขึ้น และได้ดาบยาวที่ส่องประกายสีเงินคมกริบมาอยู่ในมือ
หานซั่วพยักหน้าให้ฟีบี้ และรีบพุ่งตัวออกไปนอกบ้านทันที พวกของแคนดิซยืนรออยู่ก่อนแล้ว เธอกำลังออกคำสั่งด้วยเสียงแผ่วเบา
ด้วยพลังจากปีศาจปฐมภูมิทั้ง
3
ตน หานซั่วหลับตาลงครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นมา
“
มี
3
คนกำลังใกล้เข้ามาจากทางซ้าย ห่างออกไป
130
เมตร เป็นนักดาบ
1
คน กับนักเวทย์อีก
1
คน นักเวทย์ที่ว่าคือนักเวทย์ธาตุลมระดับสูงที่ชื่อเอลลิซ ส่วนข้างหน้า
มีจอมขมังเวทย์คนหนึ่ง มากับนักดาบอีก
4
คน นักธนู
1
คน ห่างออกไป
130
เมตรเหมือนกัน ส่วนบนหลังคาก็น่าจะมีพวกนักฆ่า
“
ปีศาจเงา
”
อยู่อีก และอีกกลุ่มหนึ่งกำลังซุ่มตัวอยู่ในตรอกด้านขวา ห่างออกประมาณ
50
เมตร ดูเหมือนกำลังวางกับดักอะไรบางอย่าง
…”
ราวกับว่ากำลังจ้องมองสถานการณ์ทุกอย่างจากเบื้องบน หานซั่วจึงสามารถระบุรายละเอียดทุกอย่างของกลุ่มคนที่กำลังใกล้เข้ามาได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ทีแรก แคนดิซก็ไม่อยากเชื่อ ว่าเขาจะสามารถตรวจจับศัตรูที่ใกล้เข้ามาได้อย่างละเอียดทั้ง ๆ ที่อยู่ห่างออกไปถึงขนาดนี้ แต่ฟีบี้รีบขอร้องให้แคนดิซสั่งการทหารตามคำอธิบายของหานซั่วทันทีที่เธอเดินออกมาจากห้อง
“
ท่านฟีบี้ ข้าหวังว่าท่านจะเตรียมทางหนีเอาไว้เรียบร้อยแล้วนะ เพราะจากการประเมินของข้า แม้จะมีจอมดาบที่แข็งแกร่งอย่างท่านอยู่ แต่ก็ยังไม่เทียบเท่ากำลังคนของฝั่งศัตรูอยู่ดี ถ้าการต่อสู้ของเราถูกบีบให้ล่าถอยไปทางใต้เรื่อย ๆ พวกเราคงมัวเสียเวลาอยู่ที่นี่ไม่ได้อีก แต่ไม่ว่าจะอันตรายขนาดไหนก็ตาม ห้ามหนีไปทางขวาเด็ดขาด เพราะเราจะไปเจอทางตันเพราะกับดัก
!”
ในที่สุด หานซั่วก็ลืมตา และหันไปบอกฟีบี้ด้วยสายตาและน้ำเสียงจริงจัง
“
ขอบคุณนะ ไบรอัน ข้ารู้ว่าต้องทำยังไง เจ้าเองก็ระวังตัวดี ๆ นะ
!”
ฟีบี้เชื่อหานซั่วหมดหัวใจเมื่อได้ยินเขาเตือนเธอด้วยสีหน้าแบบนั้น และรู้ทันทีว่านี่คือการต่อสู้ที่เต็มไปด้วยอันตราย เธอพยักหน้าให้เขาอย่างหนักแน่นเพื่อตอบรับว่าเธอเข้าใจเป็นอย่างดี
หานซั่วหายใจเข้าลึก ๆ สัมผัสคมมีดพิชิตมารในมือด้วยหัวใจก่อนจะแอบซ่อนมีดสั้นนั้นไว้กับตัวพร้อมด้วยเข็มโลหะที่ซ่อนไว้ในขาทั้งสองข้าง เขาหยิบหน้าไม้ออกมาถือไว้ในมือซ้าย และรีบกระโดดขึ้นไปบนต้นไม้ข้าง ๆ ทันที เงาของตัวบ้านทำให้ร่างของเขากลมกลืนไปกับความมืด ก่อนจะเพ่งสายตาไปทางด้านซ้ายด้วยอาการสงบ และไม่ขยับตัวเลยแม้แต่นิดเดียว
“
ในที่สุดก็มากันจนได้สินะ ทุกคน กระจายกำลังกันออกไป ระวังตัวกันให้ดี ๆ ด้วยล่ะ
!”
ด้วยความสามาถระดับจอมดาบ
ในที่สุด
ฟีบี้ก็ได้ยินเสียงฝีเท้า และรู้สึกตื้นตันยินดีที่เชื่อใจในตัวหานซั่ว ก่อนจะหันไปมองแคนดิซที่อยู่ข้าง ๆ
ตอนนั้นเองที่แคนดิซมองหานซั่วที่กำลังซ่อนตัวอยู่ในเงามืดด้วยความตกตะลึง เพราะไม่คิดว่าหานซั่วจะมีความสามารถที่น่ามหัศจรรย์อย่างแท้จริงได้ถึงเพียงนี้ ไม่เพียงแต่การตรวจจับความเคลื่อนไหวของศัตรูได้ทั้ง ๆ ที่อยู่ห่างออกไปเป็นร้อยเมตรราวกับมีดวงตาอีกคู่อยู่บนฟ้า
แคนดิซเองก็เป็นทหารรับจ้างที่มีประสบการณ์ผ่านศึกสงครามมานับร้อยเช่นกัน หลังจากนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง เธอก็มองไปที่ฟีบี้ ก่อนที่ทั้งคู่จะกระโดดขึ้นต้นไม้และซ่อนเร้นกายในเงามืดขนาบทั้งสองข้างของหานซั่ว
“
บ
…
ไบรอัน เจ้าช่วยค่อย ๆ อธิบายความเคลื่อนไหวของศัตรูให้ข้าฟังอีกทีได้มั้ย ข้าจะได้ลงไปบอกพวกของข้าที่อยู่ข้างล่าง
?”
แคนดิซอยู่ห่างจากหานซั่วเพียงเมตรเดียว เธอถามเขาด้วยเสียงแผ่วเบา
แล้วหานซั่วก็ค่อย ๆ สรุปทุกอย่างให้เธอฟัง โดยยังคงอยู่ในตำแหน่งเดิมและสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลงเลยแม้แต่น้อย ในขณะที่แคนดิซถืออุปกรณ์เวทมนตร์บางอย่างไว้ในมือ และใช้มันส่งผ่านคำสั่งไปยังเหล่าทหารรับจ้างที่แอบซ่อนตัวอยู่ในสนามตามจุดต่าง ๆ
กลุ่มคน
3
คนจากฝ่ายของโกรเวอร์มาถึงเป็นพวกแรก โดยมีเอลลิซเป็นผู้นำ พวกนั้นหยุดอยู่บนหลังคาของบ้านหลังข้าง ๆ ในขณะที่หานซั่วและคนอื่น ๆ ยังไม่ขยับตัว จนกระทั่งจอมขมังเวทย์ที่ลอยตัวอยู่มาถึงยังประตูทางเข้าด้านหน้าพร้อมกับเหล่านักฆ่า
“
ปีศาจเงา
”
ตอนนั้นเองที่พวกเขากลั้นหายใจ เพ่งสมาธิ
และเตรียมพร้อมที่จะเคลื่อนไหว
ไม่มีใครเห็นว่าจอมขมังเวทย์ผู้นั้นทำอะไร ร่างกายของเขาเพียงสวมชุดคลุมสีดำทั้งตัว ขณะที่พึมพำคาถาบางอย่างด้วยเสียงที่แผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน แล้วคลื่นพลังมนตราอันทรงพลังบางอย่างก็พุ่งเข้าใส่บ้านของฟีบี้ทันที จนห้องทุกห้องในบ้านสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงราวกับกำลังเกิดแผ่นดินไหว
ขณะเดียวกัน นักรบทั้ง
4
คนที่อยู่ด้านหลังก็กระจายตัวกันออกไป นักธนูคนหนึ่งกระโดดขึ้นไปบนหลังคาด้านข้าง เฝ้าระวังสถานการณ์ด้วยการจับตาดูความเคลื่อนไหวทุกอย่างจากด้านบน เอลลิซพยักหน้าเชิงให้สัญญาณกับนักรบอีก
2
คนที่เหลือเมื่อเห็นว่าพื้นดินกำลังสั่นไหวราวกับอสูรขนาดมหึมาใต้พิภพกำลังฟื้นตื่นขึ้นมา ทั้งสองคนรีบพุ่งตัวออกไปยังสนามทันที
ฟึ่บ ฟึ่บ
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ
!!
แล้วเสียงลูกธนูจำนวน
5
ดอก พุ่งตัวแทรกผ่านอากาศดังลั่นขึ้นท่ามกลางความมืดราวกับอสรพิษร้ายที่ซ่อนตัวในหนองน้ำพุ่งตัวขึ้นมาฉกรัดเหยื่อ ลูกธนูทั้ง
5
ดอกพุ่งเข้าใส่นักรบทั้ง
2
คนที่เข้ามาในสนามทันที พวกเขาตั้งใจจะลอบเคลื่อนไหวโดยไม่ให้ใครรู้ แต่ก็ไม่ทันคาดคิดว่าจะถูกซุ่มโจมตีอย่างกะทันหันหลังจากแยกตัวออกมาในเวลาที่รวดเร็วถึงเพียงนี้ จึงตระหนกตกใจและรีบเหวี่ยงดาบเพื่อปัดป้องลูกธนูเหล่านั้นทันที
ลูกธนู
3
ดอกถูกทำลายและแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ทันที ในขณะที่อีก
1
ดอกพลาดเป้าเพราะศัตรูหลบทัน แต่ทว่า
มีเพียงดอกเดียวที่ฟีบี้เป็นคนยิง ปักเข้าไปที่น่องของนักรบคนหนึ่งอย่างแม่นยำ และทันทีที่นักรบ
2
คนเข้าไปยังเขตของสนามที่มีการเตรียมพร้อมไว้ก่อนหน้า ลูกธนูสายฟ้าจำนวน
3
ดอกก็พุ่งขึ้นในอากาศ และด้วยแสงจาง
ๆ ของสายฟ้าก็ทำให้หานซั่วมองเห็นเส้นโลหะที่บางราวเส้นผมหลายเส้นที่อยู่บนพื้น และเกี่ยวพันรอบข้อเท้าของพวกนั้นเอาไว้ทันที
เมื่อสายฟ้าจากลูกธนูเคลื่อนตัวเข้าใกล้เส้นโลหะ ก็ก่อให้เกิดเป็นโครงข่ายโลหะเงินที่มีกระแสไฟฟ้าแรงสูงแล่นโคจรอยู่ แล้ว
2
ร่างที่ตกลงในกับดักนั้นก็กรีดร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดขึ้นมาในขณะที่นักรบคนหนึ่งที่ไม่ได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีจากลูกธนูก็รีบขยับตัวทันทีหลังถูกไฟฟ้าช็อต เขาใช้ดาบตัดเส้นโลหะเหล่านั้นจนขาดสะบั้นและรีบหนีออกไป ส่วนอีกคนที่มีธนูปักอยู่ในน่องขาก็น้ำลายฟูมปากและเส้นผมไหม้เกรียมกระจุยกระจาย ก่อนจะร่วงลงไปบนตาข่ายโลหะบนพื้นเบื้องล่าง
“
แย่ล่ะสิ พวกเราถูกซุ่มโจมตี
!”
เอลลิซกำลังจะเข้าไปในตัวบ้านเหมือนกับคนอื่น ๆ แต่อยู่ดี ๆ ก็ร้องออกมาทันทีที่เห็นเหตุการณ์ของนักรบ
2
คนนั้น เพื่อเตือนนักฆ่า
“
ปีศาจเงา
”
ที่กำลังจะเข้าโจมตีจากทางด้านหน้า
ทันทีที่ประตูแตกกระจายออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย นักดาบจำนวน
4
คนในชุดสีดำทั้งชุดก็พุ่งเข้าไปในเขตตัวบ้าน และเริ่มค้นพื้นที่สนามทั้ง
2
ฝั่งทันที ในขณะที่จอมขมังเวทย์ก็กำลังลอยตัวอยู่เหนือสนาม คทาเวทมนตร์ในมือซ้ายถูกคลุมอยู่ใต้แขนเสื้อยาวสีดำของเขา แต่ละห้องภายในบ้านเริ่มพังทลายลงมาหลังจากแผ่นดินไหวรุนแรงเพราะเวทมนตร์ของเขา
นอกเหนือจากทหารรับจ้างหน่วยเพลิงสงครามที่ซุ่มตัวอยู่ด้านนอก มี
2
คนที่ดักรออยู่ในตัวบ้านก็ตายคาที่ทันทีเพราะบ้านที่พังทลายลงมา ในขณะที่อีก
3
คนต้องหนีตายกันออกมาเพราะไม่มีทางเลือก ทุกคนต่างมีอาวุธครบมือและวิ่งออกมาอยู่ในสนามด้านนอก หานซั่วรีบสังเกตการณ์และพบว่ากลุ่มนั้นมี
1
คนที่เป็นนักดาบระดับสูง นักเวทย์ธาตุสายฟ้าระดับกลาง
1
คน และนักธนูอีก
1
คนที่เหลือรอดอยู่
(ท่านผู้อ่านที่เคารพ หากท่านไม่ได้อ่านนิยายแปลไทยเรื่องนี้บนเว็บไซท์ โปรดทราบไว้ด้วยว่าผลงานนั้นถูกขโมยไปจากผู้แปลไทยต้นฉบับ ซึ่งจะเผยแพร่ลิ้งค์ผ่านแฟนเพจเฟสบุ๊ก Louktan Translate
นิยายแปลไทย เท่านั้น
)
จอมขมังเวทย์โบกคทาเวทมนตร์ในมืออีกครั้ง ก่อนที่คลื่นพลังมนตราจะแผ่ซ่านกระจายออกไปเป็นบริเวณกว้าง ทันใดนั้นเอง
มังกรดิน
3
ตัวก็พุ่งขึ้นมาจากใต้ดินด้วยความรวดเร็วราวกับกระสุน และพุ่งโจมตีใส่ทหารรับจ้างหน่วยเพลิงสงครามทั้ง
3
คนที่เพิ่งหนีเอาชีวิตรอดออกมาทันที เคราะห์ดีที่ทั้งนักดาบระดับสูงและนักเวทย์ระดับกลางกระโดดหลบไปด้านข้างได้ทันเวลา ในขณะที่นักธนูชูธนูของตนขึ้นสูง เพ่งสมาธิเล็งไปที่จอมขมังเวทย์ แต่ยังไม่ทันมีโอกาสได้ปล่อยลูกธนูออกไป มังกรดินตัวหนึ่งก็โผล่ขึ้นมาจากพื้นใต้เท้าของเขา และอ้าปากงับเข้าที่กลางอก ด้วยกรามอันทรงพลังของมังกรดินตัวนั้นก็ทำให้เขาตายในทันที
หานซั่วกำลังควบคุมลมหายใจด้วยอาการสงบ เขาสัมผัสได้ทันทีว่าทั้งฟีบี้และแคนดิซที่อยู่ข้าง ๆ เขากำลังหายใจแรงขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับว่าเพราะการตายของพวกทหารเหล่านี้ ทำให้ท่าทีสงบที่พวกเธอสองคนเคยควบคุมตนเองมาได้โดยตลอดกลับจางหายไปอย่างสมบูรณ์
หลังจากนั้นเอง ทั้งฟีบี้และแคนดิซก็ยิงหน้าไม้ออกไปพร้อม ๆ กัน และส่งลูกดอกตรงเข้าใส่จอมขมังเวทย์ธาตุดินที่เรียกมังกรดินออกมาผู้นั้นทันที แต่แม้ว่าลูกดอกทั้งสองจะทั้งทรงพลังและรุนแรง ก็สูญเปล่าเมื่ออยู่ดี ๆ ก็มีกำแพงดินยกตัวสูงขึ้นมาขวางเอาไว้ด้วยการโบกมือซ้ายเพียงครั้งเดียวของจอมขมังเวทย์ แล้วลูกดอกก็กระแทกเข้าใส่กำแพงดินและร่วงลงไปโดยไม่สามารถทำอันตรายใด ๆ แก่ฆาตกรผู้นั้นเลย
“
ในเงามืดของต้นไม้ใหญ่นั่น
!”
เอลลิซซึ่งไม่ปิดบังเสียงของตัวเองอีกต่อไปแล้วร้องขึ้นทันที ตามมาด้วยเสียงคมมีดวายุที่พุ่งเข้าใส่เป้าหมาย
เมื่อฟีบี้และแคนดิซรับรู้ถึงเสียงแทรกผ่านอากาศของคมมีดวายุ พวกเธอก็กระโดดออกจากข้างตัวหานซั่วทันที ฟีบี้พร้อมด้วยดาบยาวที่ส่องประกายแสงสีเงินเด่นสะดุดตาพุ่งเข้าใส่จอมขมังเวทย์ด้วยความเร็วสูงสุดที่ทำได้ ส่วนแคนดิซและดาบใหญ่ของเธอที่อาบไปด้วยไฟกัลป์ที่ลุกโชติช่วงขณะกระโจนขึ้นสู่ท้องฟ้าราวกับภูติอัคคีที่ตื่นขึ้นท่ามกลางความมืด และพุ่งเข้าใส่เอลลิซทันที
หานซั่วและหน้าไม้ในมือยังคงไม่ขยับเขยื้อน เขายังคงเร้นกายอยู่ในเงามืดของต้นไม้ใหญ่ต้นนั้นตามเดิม เขาไม่แม้แต่จะปัดป้องเวทย์คมมีดวายุที่พุ่งเข้ามา เวทย์คมมีดวายุจำนวนหนึ่งพุ่งมาฟันกิ่งไม้จนขาดไปถึง
3
กิ่ง ในขณะที่คมมีดวายุอีก
2
ใบเฉือนเข้าที่เอวของเขา อย่างไรก็ตาม
หานซั่วก็พยายามกัดฟันทน และไม่เขยื้อนกายเลยแม้เพียงนิดเดียว แม้แต่จังหวะการหายใจและการเต้นของหัวใจก็ยังคงสม่ำเสมอและมั่นคงจนน่าตกใจ
ฟีบี้และแคนดิซที่พุ่งตัวออกมาจากต้นไม้และเปิดฉากโจมตี และเพราะจอมขมังเวทย์ผู้นั้นพังทลายบ้านของเธอทั้งหลังทันทีที่เขาปรากฏตัว ทำให้กับดักมากมายที่หน่วยทหารรับจ้างเพลิงสงครามเคยช่วยกันจัดเตรียมไว้เกิดความเสียหายและใช้การไม่ได้ ฟีบี้ซึ่งรู้ซึ้งถึงความน่าสะพรึงกลัวของจอมขมังเวทย์เป็นอย่างดี แต่มั่นใจว่าสามารถรับมือได้ เธอจึงพุ่งเป้าหมายไปที่เขาด้วยกำลังทั้งหมดที่มีทันที
เมื่อฟีบี้เริ่มเคลื่อนไหว นักดาบระดับสูงจำนวน
2
คนจากองค์กร
“
ปีศาจเงา
”
ก็พุ่งตัวมารวมกันในตำแหน่งของจอมขมังเวทย์ทันที เป็นนักสู้ระยะประชิด
2
คน และนักเวทย์อีก
1
คนเพื่อต้านกำลังของฟีบี้ ไกลออกไป
นักธนูของ
“
ปีศาจเงา
”
ที่รวมกลุ่มกับนักดาบอีก
2
คนพร้อมด้วยเอลลิซ ก็เริ่มเปิดฉากปะทะเข้ากับกองกำลังของหน่วยทหารรับจ้างเพลิงสงคราม
ดาบใหญ่ของแคนดิซกวัดแกว่งไปมา ราวกับลิ้นขนาดใหญ่ที่ลุกเป็นไฟ มันฟาดฟันไปทั่วทุกทิศทางที่เธอเคลื่อนไหว และในที่สุด
ดาบใหญ่ที่ส่องประกายแสงสว่างจ้าท่ามกลางความมืดของรัตติกาลก็โจมตีเข้าใส่เอลลิซนักเวทย์ธาตุลมจนต้องถอยหลังไปอย่างต่อเนื่อง
ท่วงท่าของเอลลิซนั่นรวดเร็วว่องไวเพราะพลังเวทย์สายลมสนับสนุน เขาจึงถอยหลังไปด้วยความคล่องแคล่ว ในขณะที่ร่ายเวทย์คมมีดวาตภัยถาโถมโจมตีเข้าใส่แคนดิซไม่ยั้ง ตอนนั้นเองที่นักดาบ
2
คนพุ่งเข้ามาขนาบข้างเอลลิซเพื่อเสริมกำลังให้เขาสู้กับแคนดิซ จนเธอที่เคยเป็นฝ่ายได้เปรียบก็เริ่มรู้สึกกดดันขึ้นมาทันที
ขณะเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นฝั่งของฟีบี้ หรือแม้แต่ฝั่งของเอลลิซและเหล่านักฆ่า
“
ปีศาจเงา
”
ก็ได้เผยตัวออกมาจนครบทุกคนแล้วในสนามที่เต็มไปด้วยการต่อสู้สับสนวุ่นวาย หานซั่วเพียงคนเดียวที่ยังซ่อนตัวอยู่ในความมืดแม้จะถูกเวทย์คมมีดวายุโจมตีเข้าไปถึง
2
ครั้ง เพื่อเฝ้ารอโอกาสที่เหมาะเจาะที่สุดก่อนจะเปิดฉากโจมตี
ทั้งฟีบี้และแคนดิซกำลังตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ความคาดหวังเล็กน้อยก็เริ่มผุดขึ้นในใจที่เริ่มจะสิ้นหวังของพวกเธอเมื่อหานซั่วยังไม่ยอมปรากฏตัวออกมาเสียที แต่เพราะหญิงสาวทั้ง
2
คนฉลาดพอ จึงคาดเดาไว้เรียบร้อยแล้วว่าหานซั่วจะต้องวางแผนการอะไรบางอย่างเอาไว้ขณะที่กำลังบาดเจ็บอยู่แน่ เธอทั้งคู่ต่อสู้ราวกับรู้ใจกันโดยไม่ต้องพูดอะไร และล่อลวงศัตรูให้เข้ามาที่ต้นไม้ใหญ่นั่นทันที
ไม่นานนัก ทั้งฟีบี้และแคนดิซที่ถูกต้อนเข้ามาจนมุมใต้ต้นไม้ใหญ่ที่หานซั่วซ่อนตัวอยู่ และถูกล้อมไปด้วยจอมขมังเวทย์ เอลลิซ
และเหล่านักฆ่าคนอื่น ๆ
“
คุณหนูฟีบี้ที่น่ารัก หลังจากประมือมาด้วยกันหลายครั้ง ข้าชื่นชมในความแข็งแกร่งของท่านมาก แต่คราวนี้ท่านคงไม่มีโอกาสรอดแล้วล่ะ ข้าขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งเลยจริง ๆ
!”
เอลลิซทำทีเป็นหัวเราะอย่างสุภาพ ทันทีที่เขาพูดจบ ก็ตามมาด้วยเสียงฟ้าร้องครืนครั่น และก่อร่างเป็นพายุที่โหมกระหน่ำอย่างรุนแรงเบื้องหน้าเขา ทั้งกิ่งไม้ที่ถูกฟันหักลงมาในทีแรกและก้อนหินที่อยู่รอบ ๆ บริเวณนั้นล้วนถูกกลืนเข้าไปใจกลางพายุที่กำลังเคลื่อนตัวเข้าใกล้ฟีบี้และแคนดิซมากขึ้นเรื่อย ๆ
แต่จอมขมังเวทย์กลับไม่พูดอะไรขณะวาดมือซ้ายออกไป และกำแพงดินก็ยกตัวสูงขึ้นมาล้อมรอบฟีบี้และแคนดิซเอาไว้ทั้ง
4
ทิศราวกับกรงขัง
ทันใดนั้น ดาบยาวในมือของฟีบี้ก็สว่างวาบไปด้วยแสงสีขาวบริสุทธิ์ของออร่าต่อสู้ของเธอ ก่อนจะก่อร่างเป็นแสงรูปไม้กางเขนและระเบิดกำแพงด้านหนึ่งจนพังทลาย ฟีบี้และแคนดิซรีบกระโดดออกไปจากกำแพงดินที่ล้อมไว้ทันที ในขณะที่เอลลิซซึ่งมีรอยยิ้มชั่วร้ายปรากฏบนใบหน้า ก็รีบรวบรวมสมาธิสั่งการให้เวทย์วายุของเขาค่อย ๆ เคลื่อนตัวไปดูดกลืนเธอทั้งคู่ทันที
ในตอนนั้นเอง ลูกดอกหน้าไม้ดอกหนึ่งก็พุ่งตัวแทรกผ่านอากาศและตรงเข้าใส่จอมขมังเวทย์ธาตุดินในชุดคลุมสีดำผู้นั้นทันที จอมขมังเวทย์เบี่ยงตัวหลบไปทางด้านข้าง และนักดาบคนหนึ่งที่อยู่ใกล้ ๆ ก็ฟันลูกดอกนั้นจนแตกกระตาย ตามมาด้วยเวทย์คมหอกกระดูกที่อยู่ดี ๆ ก็ก่อร่างขึ้นกลางอากาศ และพุ่งเข้าใส่จอมขมังเวทย์ด้วยเสียงแทรกผ่านอากาศดังลั่น
จอมขมังเวทย์รู้สึกรำคาญเพียงเล็กน้อย ก่อนจะค่อย
ๆ วาดมือซ้ายเพื่อปลดปล่อยเวทมนตร์ธาตุดินอีกครั้ง ตอนนั้นเอง
ที่ดินจากพื้นเบื้องล่างลอยตัวขึ้นมา
ก่อนจะพุ่งเข้าใส่จนคมหอกกระดูกหักออกเป็นสองท่อน
จอมขมังเวทย์ถอนหายใจด้วยความโล่งใจ ก่อนจะเริ่มมองหาศัตรูที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืด ในขณะที่จู่
ๆ ก็มีเสียงกรีดร้องอย่างโหยหวนดังลั่นขึ้นมา แล้วเอลลิซที่อยู่ห่างออกไปไม่มากนัก ก็เอามือกุมหน้าอกเอาไว้และมองไปที่ต้นไม้ใหญ่ด้วยสีหน้าที่กำลังตกใจกลัวสุดขีด แล้วอาวุธชิ้นหนึ่งก็ทะลุออกมาจากหน้าอกของเขาพร้อมด้วยเสียงของชิ้นเนื้อที่ถูกกรีดด้วยของมีคม
ส่วบ
!!
เลือดสาดกระเซ็นออกมาทั่วทุกทิศทางจากหน้าอกของเอลลิซขณะที่เขาเงยหน้าแหงนมองท้องฟ้า ก่อนที่เข่าของเขาจะทรุดร่างลงนั่งอย่างไร้ชีวิต และหงายหลังล้มตึงนอนแน่นิ่งไปบนพื้น
………………………………………