ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปองค์ที่ 3 องค์รักษ์ชุดดำ
GDK ตอนที่ 87 เข้าร่วมกองกำลังองค์รักษ์ชุดดำ
เมื่อผละจากฟีบี้มา หานซั่วก็มุ่งหน้าไปยังวิทยาลัยทันที แต่อย่างไรก็ตาม เขาก็เลี่ยงที่จะเข้าวิทยาลัยผ่านประตูทางเข้าหลัก และเลือกใช้เส้นทางเปลี่ยวที่เชื่อมกับภูเขาด้านหลังแทนทันใดนั้นเอง เมื่อหานซั่วมาถึงชายป่าที่ซึ่งเขาเคยใช้เวลาอยู่กับฟีบี้ อยู่ ๆ เขาก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกบางอย่างที่อธิบายไม่ได้ที่ผุดขึ้นมาในจิตใจ อารามตกใจอย่างกะทันหันนั้นเองทำให้หานซั่วปลดปล่อยปีศาจปฐมภูมิทั้ง 3 ตนออกมาทันที พวกมันล่องลอยออกมาจากด้านหลังคอของเขา ก่อนจะพุ่งตัวออกไปลาดตระเวนทั่วทุกพื้นที่ป่า แต่กลับไม่พบอะไรแต่ความรู้สึกเป็นกังวลและกระสับกระส่ายในจิตใจก็ยังไม่หายไป แม้ว่าปีศาจปฐมภูมิจะไม่พบสิ่งผิดปกติใด ๆ เลยก็ตาม ความรู้สึกดังกล่าวกลับทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ จนหานซั่วสับสนและอึดอัดใจจนเกินบรรยายหานซั่วกุมคมมีดพิชิตมารไว้แน่นในมือ เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อสงบท่าทีและสีหน้าอารมณ์ให้ได้มากที่สุด จากนั้นจึงพยายามใช้ประสาทสัมผัสของตนเองเพื่อตรวจจับสิ่งผิดปกติรอบกาย ก่อนจะร้องออกไป“นั่นใครน่ะ? ออกมาเดี๋ยวนี้นะ !”หานซั่วเพียงตะโกนประโยคนั้นออกไปโดยไม่ได้คาดหวังจริงจังว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น เพราะหากเป็นศัตรู พวกนั้นก็คงไม่เปิดเผยตัวตนเพียงเพราะเขาร้องเรียกให้ออกมาแบบนั้นแน่นอนแต่ทว่า สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ทันทีที่เขาพูดจบ เสียงหัวเราะที่แผ่วเบาจนน่าขนลุกเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นภายในป่า แล้วร่างของมนุษย์คนหนึ่งก็ปรากฏให้เห็นแก่สายตาเบื้องหน้าของหานซั่วภายใต้เงามืดของต้นไม้ใหญ่“พ่อหนุ่ม ประสาทรับรู้ของเจ้านี่ไม่เลวเลยทีเดียว เจ้าสัมผัสถึงตัวตนของข้าได้ยังไงกัน?”ร่างในเงาต้นไม้นั้นค่อย ๆ ก้าวออกมาปรากฏให้เห็นชัดเจนขึ้นอย่างช้า ๆ กลายเป็นชายชราหน้าตาอำมหิตผู้หนึ่ง พร้อมด้วยร่างกายที่ทั้งผอม และสูงตระหง่านในชุดคลุมสีเทาทั้งชุด แม้แต่เครายาวของเขาก็เป็นสีเทา และดวงตาก็ยังฉาบไปด้วยสีเทาของเถ้าธุลี ราวกับไร้ซึ่งชีวิตอย่างสิ้นเชิง“ใช้สัญชาติญาณเอาน่ะ ท่านเป็นใคร?”หานซั่วกำคมมีดพิชิตมารแน่นขึ้นกว่าเดิม ขณะเฝ้ามองชายชราที่กำลังใกล้เข้ามาด้วยสายตาเป็นปฏิปักษ์ และพร้อมที่จะเคลื่อนไหวได้ทุกชั่วขณะ“ข้ามาเพื่อมอบโอกาสทั้งชีวิตให้กับเจ้า ข้าเป็นคนรู้จักของผู้ที่เป็นอาจารย์ของแม่หนูฟีบี้ และไม่ได้มีเจตนาร้าย เจ้าไม่จำเป็นต้องระวังตัวถึงขนาดนั้นหรอก”หานซั่วสัมผัสได้ถึงรังสีแห่งอันตรายที่แผ่ซ่านออกมาจากบุคคลผู้นี้อย่างแรงกล้า บางที เขาอาจจะเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดที่เขาเคยเจอ
ตั้งแต่แรกก้าวเข้ามายังโลกใบนี้เลยก็ว่าได้
พลางคิดว่าหากแม้เป็นชายชราเองที่เป็นฝ่ายเคลื่อนไหวก่อน หานซั่วก็คงยากที่จะหนีให้พ้น“ฟีบี้รึ…? งั้นก็แปลว่าฟีบี้ส่งท่านมาสินะ แล้วที่ท่านพูดมาทั้งหมดเมื่อกี้มันหมายความว่ายังไง?”ระหว่างนั้น หานซั่วก็เตรียมพร้อมที่จะหนีไปให้ไกลจากชายชรา ก่อนจะถามขึ้นด้วยสีหน้ามุ่งร้ายทันใดนั้นเอง ชายชราก็หยุดเดิน เขาเพียงยืนอยู่ตรงนั้น และมองหานซั่วอย่างพินิจพิจารณาราวกับว่าเขาเป็นสินค้าที่ได้รับการตีราคาว่าจะนำไปขายได้ในราคาสูง จากนั้นจึงพยักหน้าด้วยความพอใจอย่างต่อเนื่อง ก่อนจะยิ้มกว้างออกมา แต่ทว่า
รอยยิ้มกว้างที่ปรากฏบนหน้าตาท่าทางอำมหิตเช่นนั้น กลับทำให้สีหน้าของเขาดูชั่วร้ายโหดเหี้ยมมากยิ่งขึ้นไปอีก“ฟีบี้ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าข้ามีตัวตนอยู่ แต่ข้า…รู้ทุกความเคลื่อนไหวของเจ้าในระยะหลัง ๆ มานี่ แม้กระทั่งบทสนทนาระหว่างเจ้าและฟีบี้เมื่อครู่ ข้าจึงมีข้อเสนอมาให้เจ้าพิจารณา แต่หากเจ้าเลือกเส้นทางนี้ แม้เจ้าจะได้ในทุกอย่างที่เจ้าต้องการ แต่มันก็อาจทำให้เจ้าตายเร็วขึ้นด้วยเช่นกัน”ชายชราพูดอย่างเชื่องช้าขณะมองหน้าหานซั่ว“ท่านเป็นใคร?”หานซั่วเริ่มสับสนงุนงงไปหมด และคิดไม่ออกเลยว่าชายชราต้องการอะไรจากเขา หานซั่วจึงถามขึ้นอีกครั้ง“ไบรอัน… พ่อแม่ตายตั้งแต่ตอนที่ยังเป็นเด็ก และถูกลุงแท้
ๆ ของตัวเองนำมาขายให้วิทยาลัยเวทมนตร์และศาสตร์แห่งพลังบาบิโลนในฐานะทาส ซึ่งหลังจากทำงานเป็นทาสรับใช้มาเป็นเวลา 6 ปี ก็เริ่มแสดงทักษะความสามารถพิเศษผิดธรรมดาให้เห็นขณะออกไปฝึกตนในป่าทมิฬ และดูเหมือนว่าจะครอบครองพลังมหัศจรรย์บางอย่างที่ฝึกฝนเพิ่มเติมนอกเหนือจากเวทมนตร์ศาสตร์แห่งความตายอยู่อีกด้วย…”หานซั่วรู้สึกเหมือนใจหล่นวูบมากขึ้นเรื่อย ๆ ขณะฟังชายชราร่ายยาวรายละเอียดเรื่องราวในชีวิตของเขา นอกเหนือจากความลับบางอย่าง ทั้งเรื่องเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กและสุสานแห่งความตายแล้ว สิ่งที่เขาทำและประสบการณ์ต่าง ๆ ในระหว่างนี้ถูกค้นพบจนหมด ราวกับว่ามีดวงตาบางคู่ที่แฝงเร้นในเงามืดคอยจับตาดูเขามาโดยตลอด จนความหวาดกลัวเริ่มผุดขึ้นในใจ“ข้าถามว่า…ท่านเป็นใคร?”นี่เป็นหนที่สามแล้วที่เขาถามชายชรา“ข้าชื่อคานไดด์ เป็นสมาชิกของกองกำลัง “องค์รักษ์ชุดดำ” ที่ขึ้นตรงกับองค์จักรพรรดิ หึหึหึ
ไม่ว่าจะเป็นอาณาจักรไหน ๆ ต่างก็มีองค์กรลับอยู่เบื้องหลังกันทั้งนั้น ข้าคิดว่าเจ้าน่าจะเข้าใจดีถึงเหตุผลการมีตัวตนขององค์กรแบบนั้น ระยะหลัง
ๆ มานี่ คนจากองค์กรลอบสังหารอย่าง “ปีศาจเงา”
ปรากฏตัวขึ้นภายในสมาคมพ่อค้าตระกูลบูซท์อยู่บ่อยครั้ง และพวกเจ้าก็สร้างความวุ่นวายปั่นป่วนให้พวกนั้นตั้งมากมาย คิดว่าพวกเราไม่รู้อะไรเลยจริง ๆ งั้นรึ?”ชายชรามองหานซั่วพร้อมแสยะยิ้ม ขณะพูดกับเขาอย่างเชื่องช้าหานซั่วสะดุ้งตกใจทันทีที่ได้ยินคำพูดเหล่านั้น เขาถอนหายใจอย่างแผ่วเบา พลางคิดว่าตนเองช่างอ่อนต่อโลกยิ่งนัก แม้จะไม่เคยได้ยินชื่อ “องค์รักษ์ชุดดำ” มาก่อน
แต่เขาก็เข้าใจทันทีที่ได้ยินคานไดด์อธิบาย ซึ่งองค์กรที่ว่าน่าจะคล้ายกันกับ “องครักษ์เสื้อแพร”** ในสมัยราชวงศ์หมิงอยู่ไม่น้อย** …”หน่วยสืบราชการลับ” ที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในประวัติศาสตร์จีน คือ “จินหยีเว่ย” หรือที่รู้จักกันในชื่อ “องครักษ์เสื้อแพร” หรือในอีกชื่อว่า “องครักษ์เกราะทอง” กองกำลังนี้เป็นหน่วยองครักษ์พิเศษของจักรพรรดิหมิงไท่จู่ หรือหมิงหวงอู่ – จูหยวนจาง – ปฐมจักรพรรดิราชวงศ์หมิง ทรงจัดตั้งขึ้นมาเพื่อจัดการกับเหล่าขุนนางที่คิดทรยศหรือเป็นภัยต่อราชบัลลังก์ โดยกองกำลังนี้ถือว่ามีหน้าที่ในการจับกุม สอบสวน
และลงทัณฑ์ผู้ต้องสงสัยและผู้ต้องหาได้ในทันที ไม่ต้องไปเสนอส่งตัวนักโทษหรือผู้ต้องสงสัยให้กับฝ่ายตุลาการแต่อย่างใด ถือเป็น
“องค์กรอิสระ” ที่อยู่เหนือทุกกรมกองใด ๆ ในราชสำนักทั้งสิ้น… (ที่มา FB
Penedge)“เข้าใจล่ะ แล้วท่านต้องการอะไรจากข้า?”“ข้าอยากมาชวนเจ้าเข้าร่วมกองกำลัง “องครักษ์ชุดดำ” ของเรา
ข้าสืบประวัติทุกอย่างของเจ้ามาดีแล้ว
และคิดว่าน่าจะไม่เป็นปัญหาอะไร และหลังจากที่ข้าเฝ้ามองรูปแบบการทำงานและความสามารถพิเศษของเจ้าในช่วงที่ผ่านมา ข้าคิดว่าภารกิจของ “องครักษ์ชุดดำ” ของเรา ก็เหมาะมือเจ้าอยู่ไม่น้อย ซึ่งถ้าเจ้าตกลงเข้าร่วมล่ะก็ เจ้าจะได้รับหน้าที่อันทรงเกียรติในการทำภารกิจเพื่อจักรวรรดิ ซึ่งจะทำให้เจ้าได้มาในทุกสิ่งที่เจ้าต้องการไงล่ะ”คานไดด์ยังคงมองหน้าหานซั่วและเริ่มเชื้อเชิญคิ้วของหานซั่วขมวดเป็นปมเพราะกำลังใช้ความคิดไตร่ตรองอย่างรอบคอบที่สุด แม้จะรู้ว่าข้อเสนอของคานไดด์ไม่ได้ดูธรรมดาเรียบง่ายเหมือนอย่างที่เห็น แต่ด้วยสถานะและความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้ หากองค์กรใหญ่อย่าง “องครักษ์ชุดดำ” คิดจะทำอะไรกับเขาล่ะก็ ในอนาคต
คงมีเพียงความตายเท่านั้นที่รอเขาอยู่ในเมื่อมีเส้นทางปูรออยู่เบื้องหน้า แม้ว่าจะทั้งอันตราย มีจุดหมายปลายทางอันแสนไกล และเต็มไปด้วยความจริงที่ไม่แน่นอนอยู่มากมายนับไม่ถ้วน มันก็ยังถือว่าเป็นโอกาสอันดี เป็นสิ่งเย้ายวนสำหรับหานซั่วผู้ที่ตั้งใจและมีความทะเยอทะยานอย่างแรงกล้า หลังจากที่ประเมินผลดีผลเสียแล้ว หานซั่วก็รู้ดีว่าเขามีตัวเลือกไม่มากนักไม่นานนัก หานซั่วก็พยักหน้าและตอบด้วยความหนักแน่น“ตกลง ข้าจะเข้าร่วม”“เยี่ยมไปเลย ! แม้ว่าหนทางเบื้องหน้าจะมีอันตรายมากมายรอเจ้าอยู่ แต่ตราบใดที่เจ้าปีนป่ายขึ้นไปได้สูงพอ เจ้าจะได้มีโอกาสเห็นสิ่งสวยงามที่หลายคนไม่มีวันได้เห็นแม้เพียงสักครั้งในชีวิตเลยล่ะ”คานไดด์หัวเราะอย่างแผ่วเบา ก่อนจะหยิบเหรียญตราที่ทำด้วยเงินชิ้นหนึ่งออกมา และยื่นให้หานซั่ว“นี่คือตราสัญลักษณ์ เป็นเครื่องหมายที่บ่งบอกว่าเจ้าเป็นสมาชิกของกองกำลัง “องค์รักษ์ชุดดำ” เก็บไว้ให้ดีล่ะ และจากวันนี้ไป เจ้าทำงานใต้คำสั่งของข้าแล้ว ภารกิจแรกของเจ้า คือการจับตาดูความเคลื่อนไหวของดุ๊คไว้ให้ดี อ้อ เขาก็คือจอมขมังเวทย์ธาตุลมที่ลอยตัวออกมาจากบ้านหลังที่เจ้าล่อลวง “ปีศาจเงา”
ให้เข้าปะทะเมื่อคืนนั่นแหละ”เหรียญตราเงินสีดำนั้นค่อนข้างมีน้ำหนัก สลักคำว่า
“องครักษ์ชุดดำ” ไว้ที่ด้านหลังพร้อมรูปมงกุฎ ซึ่งมงกุฏนั้นกำลังลอยอยู่เหนือหมู่เมฆทะมึนที่เป็นสีดำเช่นเดียวกัน“ดุ๊คเป็นใคร ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน และข้าจะคอยจับตาดูการเคลื่อนไหวของเขาได้ยังไง?”หานซั่วตื่นตกใจมากทันที พลางนึกสงสัยว่าจะเป็นยังไงหากดุ๊ครู้ตัวว่าหานซั่วกำลังจับตามองเขาอยู่ จนดุ๊คอาจเดาได้ว่า “เนตรอสูร”
อยู่ที่เขา
ซึ่งจะทำให้หานซั่วตกอยู่ในความเสี่ยงอย่างมหาศาลคานไดด์ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเริ่มอธิบาย“ดุ๊คไม่ใช่ประชาชนในจักรวรรดิลานสล็อตของพวกเรา แต่เขามาจากจักรวรรดิคาซี และมาที่นี่เพื่อเป็นตัวแทนของ โรงเรียนเวทย์มนตร์มายา แห่งจักรวรรดิคาซีในโครงการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างวิทยาลัยของเจ้า แต่พวกนี้ล้วนเป็นข้ออ้างทั้งนั้น เป้าหมายที่แท้จริงของเขาต้องไม่ใช่เรื่องนี้แน่ และเขาก็แอบซ่อนมันไว้อย่างดีเสียด้วย เราไม่อาจรู้ได้เลยว่าพวกนั้นกำลังวางแผนทำอะไรกันอยู่ จึงต้องการคนให้มาช่วยจับตาดูพวกเขาไว้”“เพราะอย่างนั้น ช่วงนี้
ดุ๊คก็จะมาเยี่ยมวิทยาลัยของเจ้าบ่อยขึ้นหน่อยล่ะ และในเมื่อเจ้าเป็นนักเรียน เจ้าจึงเป็นผู้ที่เหมาะสมที่สุดในภารกิจจับดูเขาไว้
โอ…จริงสิ ในเมื่อเจ้าเข้าร่วม “องครักษ์ชุดดำ” แล้ว จะไม่มีนักฆ่าจาก “ปีศาจเงา”
มาตามรังควานเจ้าอีกแล้วล่ะ ข้าจะบอกพวกนั้นให้คอยทำตัวดี ๆ เอง”หานซั่วพยักหน้าตอบรับ“ถ้าอย่างนั้นก็เป็นอันเข้าใจ ข้าจะคอยตับตาดูความเคลื่อนไหวของดุ๊คตามที่ท่านบอก แต่ถ้าข้าพบอะไรผิดปกติ ข้าจะไปหาและรายงานท่านด้วยวิธีไหนล่ะ?”“ในจักรวรรดิ มีศูนย์บัญชาการของพวกเราทั้งหมด 3 แห่ง ทำลายนี่ทิ้งซะด้วยเมื่อเจ้าอ่านและจำขึ้นใจแล้ว เหรียญตราจะระบุตัวตนของเจ้า และเจ้าสามารถใช้มันเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลกับคนอื่น ๆ ในศูนย์บัญชาการได้ อย่างไรก็ตาม
เพราะเจ้าเป็นสมาชิกระดับล่าง เจ้าจึงยังไม่มีสิทธิ์ถามอะไรได้มากนัก หากเจ้าก้าวหน้าขึ้นเรื่อย ๆ จนอยู่ในระดับสูงขึ้นมาเมื่อไหร่ เจ้าจะสามารถใช้ทรัพยากรทุกอย่างที่มีในกองกำลัง “องครักษ์ชุดดำ” และแม้แต่จะสามารถสั่งการกองทัพของจักรวรรดิได้เลยทีเดียว หึหึหึ
แต่เจ้าก็ต้องพยายามอย่างหนักหน่อยล่ะ”คานไดด์พูดหานซั่วรับกระดาษแผ่นบางใบหนึ่งมาไว้ในมือ เขากวาดตามองและทำความเข้าใจเพียงครู่เดียว เมื่อมั่นใจว่าจำสถานที่ไว้ได้ทั้งหมด เขาก็ฉีกกระดาษแผ่นนั้นออกเป็นชิ้น ๆ ต่อหน้าคานไดด์ ก่อนจะพูดออกมา“เอาล่ะ ตอนนี้ในสมองของข้าสับสนไปหมด ข้าอาจต้องขอเวลาพักใช้ความคิดอีกสักหน่อย แล้วข้าจะไปรายงานท่านทันทีถ้าพบว่าดุ๊คมีความผิดปกติอะไร”“อืม ข้าเองก็จะไปแล้วเหมือนกัน สมาชิกของ
“องครักษ์ชุดดำ” น่ะ มีอิสระและเสรีภาพมากมาย พวกเราจะไม่เข้าไปแทรกแซงเรื่องส่วนตัวของเจ้า และจะมาพบเจ้าเองก็ต่อเมื่อมีภารกิจให้ทำเท่านั้น ในสถานการณ์ปกติ พวกเราแทบไม่มีผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของเจ้าหรอก”เมื่อพูดจบ ร่างคานไดด์ก็ปกคลุมไปด้วยกลุ่มควันสีดำ ก่อนที่ร่างของเขาจะค่อยจางหายไปทุกที ๆ คลื่นพลังมนตราเบาบางแผ่กระจายออกมาจากกลุ่มควันนั้น แล้วจู่
ๆ คานไดด์ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยดั่งสายลมพัดผ่าน ราวกับว่าไม่เคยมีใครอยู่ตรงนั้นมาก่อนหานซั่วจำได้ว่าเขาประกาศอย่างชัดเจนถึงสิ่งที่ต้องการตอนที่ฟีบี้เชิญชวนเขาเมื่อครู่ ใครจะคาดคิดว่าอยู่ดี ๆ จะมีส้มหล่นตรงหน้าแทบจะทันทีที่เขาผละจากฟีบี้ออกมา และเขาก็เข้าร่วมกับ “องครักษ์ชุดดำ” หลังจากพูดคุยกับคานไดด์ได้เพียงไม่กี่ประโยค ทั้งหมดนี้จึงทำให้หานซั่วรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติ และเริ่มสงสัยว่า การที่ฟีบี้ไม่รู้ถึงตัวตนของคานไดด์นั้นเป็นความจริงหรือไม่ เพราะทุกอย่างดูเหมือนจะบังเอิญมากเหลือเกิน
แต่ถ้า ฟีบี้และคานไดด์รู้จักกันจริง ๆ โกรเวอร์ก็คงไม่กล้าต่อกรและเผชิญหน้ากับอิทธิพลอันยิ่งใหญ่ของคานไดด์แน่ ๆ และฟีบี้เองก็ไม่ต้องฝ่าฟันปัญหาอุปสรรคมากมายอย่างที่เคยเป็น ข้อเท็จจริงนี้ทำให้หานซั่วสับสนไม่น้อยเช่นกันหานซั่วค่อย ๆ คิดหาเหตุผลไปเรื่อย ทบทวนทั้งเหตุการณ์และเรื่องราวในช่วงที่ผ่านมาขณะเดินทางผ่านป่าแห่งนั้น ก่อนที่จะตรงไปยังเส้นทางสู่วิทยาลัยอีกครั้งด้วยสายตาเด็ดเดี่ยว
…………………………………………….ขออนุญาตแจ้งอัพเดทกลุ่ม GDK#1 ตอนที่ 51-115 ลงครบแล้ว ลดเหลือ 50 บาทกลุ่ม GDK#2 ตอนที่ 116-180 ปัจจุบัน 16 ก.ย. 60 ลงถึงตอนที่ 142
…………………………………
ติดตามอัพเดทและอ่านตอนต่อไปทันที ที่นี่ >>> Facebook :
(0 votes) 0/10