ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
เดิมทีนั้น ปีศาจปฐมภูมิของหานซั่วถูกสร้างขึ้นมาจากเจตภูต ซึ่งเจตภูตเป็นวิญญาณที่สามารถเป็นตาอีกคู่ให้กับผู้อัญเชิญได้อยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ในฐานะอสูรอัญเชิญของนักเวทย์ผู้ใช้ความตาย เจตภูตจะทิ้งรังสีของความตายไว้เป็นร่องรอย และร่างของมันเองก็จะเป็นลายเส้นสีขาวหรือสีเทา ทำให้ใครก็ตามที่มีความสามารถและประสาทสัมผัสที่สูงพอ จะค้นพบร่องรอยของพวกมันได้ไม่ยากนัก
แต่ปีศาจปฐมภูมิของหานซั่วได้รับการบ่มเพาะเป็นพิเศษโดยการหล่อหลอมของแก่นมนตรา ทำให้พวกมันไม่มีร่องรอยเกี่ยวกับเวทมนตร์ใด ๆ เลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังอยู่ในสถานะไร้รูปร่าง ตราบใดที่พวกมันไม่สัมผัสกับเขตแดนเวทมนตร์เข้า ก็ทำให้ยากเกินไปที่จะตรวจจับได้ถึงตัวตนของพวกมัน และเพราะปีศาจปฐมภูมิเป็นหนึ่งใน “ขุนพลปีศาจ” และมีพลังจิตสื่อสารได้โดยตรงกับนักเวทย์ผู้อัญเชิญ พวกมันจึงถูกสั่งให้ไปทำงานในระยะไกลได้ และมีความสามารถในการโจมตีที่ไม่เหมือนใคร ดังนั้น ไม่ว่าใครจะคิดอย่างไร ปีศาจปฐมภูมิก็ถือว่ามีประโยชน์ที่ใช้การได้มากกว่าเจตภูต
เมื่อเจตภูตของฟิทช์ลอยเข้ามาในห้องของหานซั่ว มันก็วนเวียนไปรอบ ๆ ห้อง ก่อนจะลอยไปหยุดอยู่ที่ด้านหน้าของหน้าต่างห้อง เพื่อแอบสังเกตการณ์ความเคลื่อนไหวของหานซั่วอยู่เงียบ ๆ
หานซั่วกำลังนอนตะแคงข้างและหายใจอย่างสม่ำเสมอ ด้วยท่าทีที่แสดงให้เห็นว่ากำลังหลับลึก แต่ทว่าจริง ๆ แล้ว กลับตื่นตัวและสามารถรับรู้ถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นรอบตัวได้อย่างชัดเจน ฟิทช์วางมือลงบนลูกบิดประตู และค่อย ๆ แง้มประตูออก ก่อนที่ประตูจะเปิดอ้าจนมีเสียงดังแอ๊ดเบา ๆ
ฟิทช์ถือถุงใบหนึ่งไว้ในมือ ก่อนที่เขาจะเปิดห่อกระดาษเล็ก ๆ ออกและเป่าผงอะไรบางอย่างเข้ามาผ่านทางประตูห้อง ผงเหล่านั้นจางหายไปในอากาศทันที ทิ้งไว้เพียงกลิ่นหอมจาง ๆ
ยาพิษหลอนวิญญาณ !!
ตอนนี้ หานซั่วพอมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับยาพิษมาบ้างพอสมควร เขาจึงจำกลิ่นของยาพิษได้ทันทีแม้ว่ามันจะจางหายไปได้ในเวลาอันรวดเร็ว หานซั่วหัวเราะอย่างเยือกเย็น และไม่ได้กลั้นหายใจอีกต่อไป หากแต่ยังคงหายใจเข้าออกอย่างเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ซึ่งจากความแข็งแกร่งที่ร่างกายของหานซั่วได้รับมาตั้งแต่เมื่อเริ่มเข้าสู่อาณาจักรพลังระดับที่ 3 ผงยาพิษชั้นต่ำเหล่านี้ซึ่งเดิมทีจะมีฤทธิ์ทำให้เกิดอาการประสาทหลอน ก็ไม่สามารถทำอะไรเขาได้เลยแม้แต่น้อย
รอยยิ้มชั่วร้ายปรากฏบนใบหน้าของหานซั่ว ในขณะที่ฟิทช์เองก็กำลังยิ้มอย่างพอใจ ก่อนจะค่อย ๆ เดินไปหาหานซั่วอย่างแผ่วเบา และจ้องมองเขาด้วยแววตามุ่งร้าย แม้ในตอนนั้นก็ไม่มีใครสักคนรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
เพราะอาศัยประโยชน์จากพลังการมองเห็นของเหล่าปีศาจปฐมภูมิ ทำให้หานซั่วสามารถมองเห็นสีหน้าของฟิทช์ได้อย่างชัดเจนแม้ว่ากำลังหลับตา และถึงแม้ว่าหานซั่วจะอยู่ในท่านอนหลับอย่างสบายใจ หานซั่วก็เตรียมตัวไว้เรียบร้อบแล้ว เขาพร้อมที่จะเคลื่อนไหวทันทีหากมีสถานการณ์บางอย่างเริ่มแย่ลง และหานซั่วเองก็เตรียมพร้อมที่จะฆ่าได้ทันทีหากฟิทช์แตะต้องเขา
อย่างไรก็ตาม ฟิทช์เองก็ไม่ได้โง่อย่างที่หานซั่วคิด เขาจ้องมองหานซั่วก่อนจะพึมพำกับตัวเอง
“เจ้าทาสชั้นต่ำ เจ้ามันไม่คู่ควรกับอาจารย์แฟนนี่เลยสักนิด ข้าน่าจะกำจัดเจ้าทิ้งไปซะตั้งนานแล้ว แต่อยู่ดี ๆ เจ้าก็หายตัวไปนาน จนแม้แต่ข้าเองก็หาไม่เจอ ช่างเถอะ ครั้งนี้เรามาดูกันซิว่าข้าจะจัดการอะไรกับเจ้าได้บ้าง ในวันพรุ่งนี้ ทุกคนก็จะได้รับรู้ว่าเจ้ามันเป็นคนสารเลวหื่นกามมากแค่ไหน ต่อให้อาจารย์แฟนนี่จะพยายามช่วยเจ้า แต่ยังไงฝ่ายบริหารวิทยาลัยก็จะไล่เจ้าออกจากสาขาศาสตร์แห่งความตายอยู่ดี ข้าเสียสละทั้งตัวเองและเวลาในการเตรียมการทั้งหมดนี้เพื่อมาจัดการเจ้าโดยเฉพาะเลยนะ หึหึหึ”
ฟิทช์พึมพำกับตัวเองขณะที่ดึงถุงใหญ่ใบหนึ่งออกมา ก่อนที่จะค่อย ๆ ผลักมันเข้าไปไว้ใต้เตียง ฟิทช์ค่อย ๆ ย่องออกจากห้องไปและหันมามองหานซั่วด้วยสีหน้าระแวดระวังและปลาบปลื้มใจจนหัวเราะออกมาอย่างแผ่วเบา
เมื่อแน่ใจว่าฟิทช์ออกไปและกลับไปยังห้องนอนของตัวเองเรียบร้อยแล้ว หานซั่วก็ผุดลุกขึ้นนั่งทันที ก่อนที่จะพบถุงใบหนึ่งซ่อนอยู่ใต้เตียงที่มองได้ยากมากทีเดียว และไม่สามารถเดาได้อย่างถูกต้องว่ามันคืออะไร
และหานซั่วก็ดึงถุงนั้นออกมา และเปิดมันออก ก่อนจะตกตะลึงกับสิ่งที่เห็น
ชุดสะสมกางเกงในตัวบางของผู้หญิงโผล่มาทักทายสายตาของเขาทันทีที่เปิดถุงออก ไม่ว่าจะเป็นแบบหลากสีสัน หรือลายลูกไม้ตัวจิ๋วที่ทำจากผ้าชิ้นเล็กมาก ๆ ถ้าไม่ใช่เป็นแบบน่ารัก ก็จะเป็นแบบเซ็กซี่ไปเลย กางเกงในทั้งหมดผ่านการซักมาแล้ว ในขณะที่มีเพียง 2 ตัวที่ดูเหมือนเพิ่งถูกถอดออกจากร่างของผู้เป็นเจ้าของที่ยังไม่มีเวลานำไปซัก จนมีร่องรอยบางอย่างของผู้หญิงหลงเหลืออยู่บนกางเกงในตัวนั้น
หานซั่วจ้องมองกองกางเกงในภายในถุงใบนั้นก่อนจะกวาดตามองซ้ำไปมาถึงสองรอบ พลางถอนหายใจและคิดว่าฟิทช์ช่างหาวิธีแก้แค้นได้อย่างน่าทึ่งทีเดียว จนเริ่มจะชื่นชมฟิทช์อยู่ไม่น้อย อย่างไรก็ตาม สิ่งที่หานซั่วชื่นชมกลับไม่ใช่แผนการแก้แค้นของฟิทช์ แต่ชื่นชมวิธีการของเขาต่างหาก ใครจะไปคาดคิดว่าฟิทช์จะสามารถแอบขโมยกางเกงในของพวกผู้หญิงมาได้อย่างเงียบ ๆ และจำนวนมากมายขนาดนี้ได้ และสงสัยว่าในกองนี้ อาจมีสักตัวทีเป็นของอาจารย์แฟนนี่?
หานซั่วส่ายศีรษะพลางหัวเราะออกมาอย่างไม่ตั้งใจ เพราะเขารู้ดีว่า เมื่อใดก็ตามที่พวกนักเรียนหญิงในโรงเรียนรู้ว่ากางเกงในของพวกเธอหายไป วันรุ่งขึ้นพวกเธอต้องลุกฮือรวมตัวกันทำอะไรสักอย่างแน่นอน และฟิทช์เองก็น่าจะเตรียมทางหนีทีไล่สำหรับตัวเองไว้เรียบร้อยแล้ว บางทีอาจจะถึงกับค้นห้องนอนพวกผู้ชายไปทีละห้อง ๆ และถ้าพวกเธอพบถุงนี่อยู่ใต้เตียงในห้องของหานซั่ว เขาจะต้องได้รับฉายา “จ้าวแห่งปีศาจจอมลามก” แน่ ๆ และอาจไม่ต้องรอให้ฝ่ายบริหารวิทยาลัยเป็นฝ่ายไล่เขาออก เพราะเขาเองนั่นแหละที่จะไม่มีหน้าไปพบใครต่อใครในวิทยาลัยได้อีกเลย
“ข้าคงไม่ทำอะไรกับเจ้า ตราบใดที่เจ้าไม่ทำอะไรข้าก่อนแบบนี้หรอกนะ ฟิทช์เอ๋ย ฟิทช์ ถ้าหนนี้ข้าทำอะไรร้ายแรงกับเจ้าลงไป เจ้าคงโทษข้าไม่ได้แล้วล่ะ”
หานซั่วหยิบถุงนั้นไปด้วยขณะที่แอบย่องออกจากห้อง เพื่อตรงไปยังห้องของฟิทช์โดยมีปีศาจปฐมภูมิช่วยนำทาง
หานซั่วใช้วิธีเดียวกันกับวิธีการของฟิทช์ โดยอาศัยพลังจากปีศาจปฐมภูมิช่วยเฝ้าสังเกตการณ์ ในขณะที่ตัวเขาเองแอบเอาถุงนั้นยัดเข้าไปซ่อนไว้ใต้เตียงของฟิทช์อย่างไร้สุ้มเสียง ก่อนจะออกจากห้องไปโดยที่ไม่มีใครล่วงรู้
เมื่อภารกิจสำเร็จไปหนึ่งอย่างด้วยความน่าพอใจ หานซั่วก็กลับไปยังห้องของตัวเอง แต่ยังไม่ได้เข้านอนในทันที เพราะเขาส่งปีศาจปฐมภูมิอีกตนออกไปสังเกตความเคลื่อนไหวของดุ๊ค
เมื่อดุ๊คลอยตัวไปถึงอาคารเรียนเวทมนตร์สายธาตุมืด เขาก็ตรงไปยังห้องเรียนห้องหนึ่งที่อยู่บนชั้น 4 ทันที ในตึกเรียนนั้นไม่มีใครอยู่ในเวลาดึกขนาดนี้ เมื่อก้าวเข้าไปในห้อง ดุ๊คก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ อีกเลย เขาเพียงแต่ยืนนิ่ง ๆ เป็นหนึ่งเดียวกับความมืด
หานซั่วเองก็เพ่งมองดุ๊คจากความมืดเช่นกัน ผ่านดวงตาของปีศาจปฐมภูมิที่กำลังแอบซ่อนอยู่ในเงาของต้นไม้ใหญ่ แต่ดุ๊คยังไม่ขยับแม้แต่น้อย ทำให้หานซั่วรู้สึกสับสน เพราะคิดไม่ออกจริง ๆ ว่าดุ๊คจะเข้ามาทำอะไรในอาคารเรียนกลางดึกแบบนี้
ไม่นานนัก เมื่อหานซั่วเริ่มรู้สึกหมดความอดทน กลุ่มเมฆเรืองแสงสีดำจาง ๆ ก้อนหนึ่งก็ปรากฏขึ้นห่างออกไป และค่อย ๆ เลื่อนตัวเข้าใกล้อาคารเรียนหลังนั้น
แต่กลุ่มเมฆนั้นก็ยากที่จะมองเห็นได้อย่างชัดเจนท่ามกลางความมืดเช่นนี้หากไม่เพ่งสมาธิให้มากพอ หานซั่วจึงสะบัดหัวเพื่อเริ่มตั้งสติใหม่อีกครั้ง และเพ่งสมาธิให้มากขึ้นกว่าเดิม เขาค่อย ๆ สังเกตความเคลื่อนไหวภายในใจกลางของกลุ่มเมฆนั้น แต่มวลแสงสีดำกลับหนาเกินไป ทำให้หานซั่วยังคงมองไม่เห็นสิ่งที่อยู่ภายในเช่นเดิม
เมื่อดุ๊คที่ยังยืนนิ่งไม่ขยับตรวจจับกลุ่มเมฆมวลแสงนั้นได้ทันทีที่มันลอยตัวเข้ามายังอาคารเรียน ดุ๊คจึงกระแอมไอเบา ๆ
แล้วกลุ่มเมฆเรืองแสงนั้นก็หยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงไออย่างแผ่วเบาของดุ๊ค ก่อนนจะรีบเคลื่อนตัวขึ้นไปยังห้องที่เขาอยู่ทันที
ในที่สุด ดุ๊คและกลุ่มเมฆนั้นก็ได้พบกัน ดุ๊คหันไปมองกลุ่มเมฆที่ลอยตัวนิ่ง ๆ อยู่บริเวณประตูห้อง ก่อนจะยิ้มออกมาและพูดอย่างอ่อนโยน
“องค์กร “อเวจีทมิฬ” ของจักรวรรดิเรานี่แฝงตัวอยู่ทุกหนทุกแห่งจริง ๆ สินะ ไม่เว้นแม้แต่ในวิทยาลัยแห่งนี้ ยินดีเหลือเกินที่ได้พบเจ้า ข้าว่าตอนนี้เจ้าคงเปิดเผยตัวตนได้แล้วล่ะ”
“ข้าอยู่ในวิทยาลัยแห่งนี้มานานหลายปีแล้ว ซึ่งตอนนั้นก็ลงทุนทรัพยากรขององค์กรเราไปไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ กว่าจะได้เข้ามาที่นี่ตั้งแต่แรก ตัวตนของข้าไม่สามารถเปิดเผยได้ไม่ว่ากรณีใด ๆ เพราะในวิทยาลัยเวทมนตรและศาสตร์แห่งพลังบาบิโลนแห่งนี้มีจอมขมังเวทย์เช่นเดียวกับท่านมากเกินไป และอาจารย์ใหญ่ของที่นี่ยังเป็นถึงจ้าวแห่งเวทมนตร์ คงไม่ใช่เรื่องดีแน่หากจะไปทำให้หล่อนสงสัยเข้า”
เสียงที่คุ้นเคยเสียงหนึ่งดังออกมาจากภายในมวลแสงสีดำนั้น ก่อนที่มวลแสงจะค่อย ๆ จางหายไป เผยให้เห็นร่างของแม่มดชรา อาจารย์ประจำสาขาเวทมนตร์ธาตุมืด — คามิลล่านั่นเอง
หล่อนนี่เอง! หานซั่วสะดุ้งตกใจทันที และเริ่มเฝ้าสังเกตการณ์ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นภายในนั้นอย่างใจจดใจจ่อ เพื่อไม่ให้พลาดบทสนทนาของพวกเขาแม้เพียงประโยคเดียว
ในเมื่อในอาณาจักรลานซล็อตมีองค์กร “องครักษ์ชุดดำ” จึงไม่น่าแปลกใจที่จะมีองค์กรรูปแบบเดียวกันในจักรวรรดิคาซี ดูเหมือนว่าคามิลล่าเองก็มาจากจักรวรรดิคาซี และเป็นหนึ่งในสมาชิกขององค์กร “อเวจีทมิฬ” ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสนใจไม่น้อย
“เจ้านั่นเอง ฮ่า ๆ ๆ วันนี้ข้าก็เห็นเจ้าด้วยนี่นา… นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะเป็นพวกเดียวกับเรา “อเวจีทมิฬ” นี่รอบคอบดีจริง ๆ ดูเหมือนว่าภารกิจของข้าในครั้งนี้จะง่ายกว่าที่คาดไว้เยอะเลยสินะ”
ดุ๊คประหลาดใจทันทีที่คามิลล่าเผยตัวตนต่อหน้าเขา
“อันตรายเกินไปที่พวกเราจะมาพบกันที่นี่ “องครักษ์ชุดดำ” ของจักรวรรดิแลนซล็อตไม่ใช่พวกที่รับมือได้ง่าย ๆ ขนาดอยู่ที่นี่ก็เคยสร้างปัญหาให้ข้ามาบ้าง และถ้าตัวตนของข้าถูกเปิดเผยล่ะก็ ไม่เพียงแต่ข้าจะถูกฆ่าตายอย่างโหดร้ายทารุณ จักรวรรดิก็คงไม่ยอมให้ข้าได้มีชีวิตอยู่ต่อด้วยเช่นกัน แต่เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะ ท่านมีธุระอะไรกับข้างั้นรึ ถึงได้เรียกข้าออกมาแบบนี้?”
คามิลล่ารีบเร่งเร้าดุ๊คให้พูดเข้าเรื่อง
ดุ๊คพยักหน้าและพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“ข้ามีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบมากมายตามคำสั่งที่ให้เดินทางมายังจักรวรรดิแลนซล็อตแห่งนี้ แต่หากไม่ใช่เพราะข้าจนปัญญาที่จะแก้ไขปัญหาด้วยตัวเองแล้ว ข้าก็คงไม่กล้าติดต่อเรียกสายลับ “อเวจีทมิฬ” อย่างเจ้าออกมาหรอก วันนี้ข้าไปหาอาจารย์แฟนนี่ที่สาขาศาสตร์แห่งความตายมา และได้ยินเรื่องห้องสมุดที่แยกตัวออกมาจากห้องสมุดเวทมนตร์สาขาอื่น ๆ …ที่นี่มีห้องสมุดลับจริง ๆ รึ? ข้าจำเป็นต้องหาข้อมูล ก็เลยมาถามเจ้าว่าห้องสมุดนั่นตั้งอยู่ที่ไหน และพวกเราจะเข้าไปได้ยังไงน่ะ”
“ห้องสมุดลับมีอยู่จริง และมีตำราหายากมากมายจากสาขาวิชาต่าง ๆ ถูกเก็บรักษาไว้ที่นั่น ข้าไม่เพียงแต่เคยได้ยิน แต่เคยได้รับสิทธิพิเศษในการเข้าไปข้างในมาแล้วหนหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ในห้องสมุดนั้น อาจารย์ใหญ่ได้ร่ายเวทย์สร้างเขตแดนคุ้มกันเอาไว้ ทำให้ใคร ๆ ก็ไม่สามารถเข้าไปในนั้นได้เลยถ้าอาจารย์ใหญ่ไม่อนุญาต
“ครั้งที่แล้ว ข้าจำเป็นต้องศึกษาคำสาปบางอย่างของเวทมนตร์ธาตุมืด จึงถือว่ามีความจำเป็น ข้าจึงได้เข้าไปโดยมีท่านอาจารย์ใหญ่ตามเข้าไป ซึ่งข้ารู้ว่าหากท่านพยายามเข้าไปให้ได้ล่ะก็ ท่านคงถูกจับได้ไม่ยากเลย ข้าคิดว่าท่านลองหาแผนอื่นดูก่อนดีกว่านะ”
ดุ๊คคิดใคร่ครวญหลังจากได้ยินที่คามิลล่าพูดอยู่ครู่หนึ่ง
“ถ้าเช่นนั้น ข้าเองก็คงต้องขอให้เจ้าช่วยหาทางเข้าไปข้างในแทนข้าแล้วล่ะ เพราะจักรวรรดิต้องการข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับ “เนตรอสูร” ถ้าเจ้าเข้าไปได้แล้วก็ลองหาดูว่ามีอะไรระบุถึงสิ่งนี้บ้างหรือเปล่า และก่อนที่ข้าจะเดินทางมายังที่นี่ ผู้บริหารสูงสุดของ “อเวจีทมิฬ” เคยบอกกับข้าไว้ก่อนแล้วด้วย ว่าถ้าเกิดเรื่องด่วนอะไรให้ข้าติดต่อเจ้าทันที หวังว่าเจ้าจะเข้าใจนะ”
“ถ้าจักรวรรดิต้องการสืบหาข้อมูลเรื่องนี้แล้วล่ะก็ “อเวจีทมิฬ” ก็สั่งการข้ามาโดยตรงเลยก็ได้นี่นา ทำไมถึงต้องรบกวนท่านให้เดินทางมาไกลถึงขนาดนี้ด้วยล่ะ?”
คามิลล่ามองดุ๊คด้วยความสับสน และไม่เห็นด้วยในทันที ก่อนจะหันไปถามเขาอีกครั้ง
“ตอนนี้เจ้ายังไม่ต้องรู้รายละเอียดในจุดนั้นมากนักหรอก จักรวรรดิมีวิธีการของตัวเอง ถึงได้ตัดสินใจส่งพวกเรามา เจ้าก็แค่เข้าไปในห้องสมุดลับนั่นให้ได้ และช่วยข้าหาข้อมูลทุกอย่างที่มีเกี่ยวกับ “เนตรอสูร” เท่านั้นเอง”
ดุ๊คนิ่วหน้าและพูดอย่างไม่พอใจ
“มันคืออะไรงั้นรึ? ฟังดูเหมือนจะเป็นของที่มาจากเวทมนตร์ธาตุมืดของเรา ท่านช่วยบอกข้าหน่อยว่ามันคืออะไร รวมทั้งข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับมันด้วยค่ะ”
“มันไม่ใช่ของเวทมนตร์ธาตุมืดหรอก แต่มันเป็นสิ่งที่ถูกนักเวทย์ผู้ใช้ความตายสร้างขึ้นในยุคสมัยที่ศาสตร์แห่งความตายเจริญรุ่งเรือง ความลับในการเปิดประตูสู่สุสานแห่งความตายซ่อนอยู่ในนั้น ว่ากันว่าสุสานแห่งความตายนับเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับเหล่านักเวทย์ผู้ใช้ความตาย หลายปีก่อน ที่นักเวทย์แห่งความตายเคยเหิมเกริมคุกคามประชาชนไปทั่วอาณาจักร จนสุสานแห่งความตายเป็นชื่อที่ทุกคนไม่อยากได้ยิน เพราะฉะนั้นความลี้ลับของเวทมนตร์ศาสตร์แห่งความตายจะต้องซ่อนอยู่ในสถานที่แห่งนั้นแน่ ๆ เจ้าจึงจำเป็นต้องเข้าใจความลับทุกอย่างของ “เนตรอสูร” ให้ได้อย่างสุดความสามารถของเจ้า!”
สีหน้าของคามิลล่าเปลี่ยนไปเล็กน้อย พลางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“ถ้าเป็นเช่นนั้น ข้าจะลองหาวิธีเข้าไปข้างในให้ได้เอง แต่จำไว้นะ ว่าอาจารย์ใหญ่จะตามเข้าไปกับข้าเสมอ ข้าจึงรับปากได้เพียงว่าจะทำอย่างเต็มที่ที่สุดเท่านั้น”
“เอาล่ะ เป็นอันตกลง ถ้าเจ้าเข้าไปได้แล้วรีบมาบอกข้าทันทีก็แล้วกัน แต่ไม่ว่าเจ้าจะได้ข้อมูลหรือไม่ก็ตาม อนาคตอันใกล้นี้ ข้าจะอยู่ที่สาขาเวทมนตร์ธาตุลม เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกับเวทมนตร์ธาตุลมระหว่างวิทยาลัย แบบนั้นเจ้าจะได้มาหาข้าได้อย่างเปิดเผยด้วย”
เมื่อทั้งสองคนได้ข้อสรุปร่วมกัน และไม่ได้สนทนาในเรื่องใดกันต่อ จึงรีบออกไปจากอาคารเรียนทันที โดยแยกกันไปคนละทิศทาง
เมื่อหานซั่วเรียกปีศาจปฐมภูมิกลับมาจนหมด เขาก็ลองคิดทบทวนบทสนทนาทั้งหมดที่ได้ยินอีกครั้ง ก่อนจะนิ่วหน้าอย่างใช้ความคิด และค่อย ๆ ผล็อยหลับไปในที่สุด
ติดตามอัพเดทและอ่านตอนต่อไปทันที ที่นี่ >>> Facebook :
(0 votes) 0/10