I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Great Demon King ตอนที่ 94 ความเร็วอันน่ามหัศจรรย์ของพลังจิต

| Great Demon King | 752 | 2339 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

 

วันรุ่งขึ้น  ณ  สนามฝึกซ้อมของสาขาเวทมนตร์ธาตุมืด

สาขาเวทมนตร์ธาตุมืดเป็นสาขาใหญ่สาขาหนึ่งในวิทยาลัย  และสนามฝึกซ้อมของสาขานี้ก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันมากกว่าสนามของสาขาศาสตร์แห่งความตาย  แม้แต่ขนาดของสนามก็ยังกว้างขวางกว่า  เมื่อหานซั่วไปถึง  เขาก็พบว่ามีคนจำนวนหนึ่งมารวมตัวกันอยู่ข้างในสนามแล้ว  ทั้งพวกคนที่มาเข้ารับการทดสอบ  และกลุ่มที่มาเพื่อดูการแสดงเฉย  ๆ  ภายในสนามแห่งนั้นจึงเต็มไปด้วยเสียงดังระงม

ในฐานะอาจารย์ประจำสาขาศาสตร์แห่งความตาย  แฟนนี่จึงนั่งรวมอยู่กับอาจารย์ของสาขาเวทมนตร์ธาตุมืดคนอื่น  ๆ  และกำลังง่วนอยู่กับข้อมูลของนักเรียนที่กำลังจะเข้ารับการทดสอบ  ส่วนแม่มดชราคามิลล่าที่ประจำสาขาเวทมนตร์ธาตุมืดกลับไม่แสดงตัวในวันนี้  แต่ยังคงสอนอยู่ในสาขาภายใต้การสังเกตการณ์โดยปีศาจปฐมภูมิของหานซั่ว

หลังจากที่เดินเข้าไป  หานซั่วก็มองไปรอบ  ๆ  และเจอเพียงเอมี่และอาธีน่าเพียงสองคนที่คุ้นตาจากสาขาศาสตร์แห่งความตาย  จึงเดินเข้าไปหาพวกเธอ

“เอ๋?  เจ้าก็มาสอบเหมือนกันเหรอ?”

เอมี่โบกมือทักทายเมื่อเห็นหานซั่วกำลังเดินเข้ามา

หานซั่วพยักหน้ารับและตอบกลับไป

“ใช่  ข้ายังไม่เคยผ่านการสอบสักครั้งเลย  ข้าต้องทำยังไงบ้างเหรอ?”

“การสอบนี่ไม่มีอะไรต้องพิจารณามากหรอก  ก็แค่ทดสอบพลังจิตของเจ้า  แล้วก็ร่ายเวทมนตร์ไม่กี่อย่างให้พวกเขาดูก็เท่านั้นเอง  อ้อ  จริงสิ  พวกสาขาศาสตร์แห่งความตายอย่างเราต้องแสดงการควบคุมอสูรมิติมืดที่อัญเชิญมาด้วย  ไม่ค่อยน่ากังวลเท่าไหร่หรอก  จะมีก็แต่การทดสอบของนักเวทย์ระดับสูงเท่านั้นแหละ  ที่จะเป็นการทดสอบขั้นสูงและซับซ้อนมากกว่านี้ขึ้นไปอีก  นอกเหนือจากการทดสอบขั้นพื้นฐานทั่วไปแล้ว  เจ้าก็แค่ต้องรู้จักเคล็ดวิธีต่าง  ๆ  เพื่อแสดงว่าเจ้าเข้าใจแก่นแท้ของทฤษฎีเวทมนตร์นั้นจริง  ๆ  เจ้าก็จะสอบผ่านได้เองล่ะ  และเมื่อเจ้ามีคุณสมบัติพร้อมทุกอย่างที่การทดสอบต้องการ  เจ้าก็จะได้รับการประกาศว่าสอบผ่านอย่างเป็นทางการ”

อาธีน่าชำเลืองมองหานซั่วขณะอธิบาย

ขณะยืนอยู่ด้านนอก  หานซั่วก็เฝ้าสังเกตการสอบไปเรื่อย  ๆ  และเห็นนักเรียนบางคนจากสาขาเวทมนตร์ธาตุมืดค่อย  ๆ  เข้าทดสอบเวทมนตร์ของตนเองไปทีละคน  ๆ  อาจารย์บางคนก็สัมภาษณ์โดยการถามคำถามบางอย่างเพื่อที่จะวัดว่าพวกเขาเข้าใจหลักสำคัญของเวทมนตร์ในระดับปัจจุบันของตนเองแล้วจริง  ๆ  ก่อนที่จะประเมินลงคะแนนให้ตามความสามารถ

“ไบรอัน  เจ้ามาสอบวัดระดับของนักเวทย์ฝึกหัดใช่มั้ย?”

อาธีน่าถามเมื่อเห็นว่าหานซั่วไม่พูดอะไร  ได้แต่เฝ้าสังเกตการสอบของนักเรียนคนอื่นในสนามฝึกซ้อมอยู่เงียบ  ๆ

“เปล่า  ข้ามาสอบเพื่อดูว่าข้าจะผ่านไปถึงเกณฑ์ของนักเวทย์ระดับเริ่มต้นรึเปล่าน่ะ”

หานซั่วตอบขณะกำลังมองไปยังแฟนนี่ที่กำลังนั่งอย่างเรียบร้อยอยู่ไกล  ๆ

“อะไรนะ?  เจ้าล้อเล่นใช่มั้ย?  ถ้าข้าจำไม่ผิด  ไม่กี่เดือนก่อน  เจ้ายังเป็นแค่ทาสรับใช้ของสาขาศาสตร์แห่งความตายอยู่เลย  จะเป็นไปได้ยังไงกันถ้าเจ้าจะบรรลุเกณฑ์ของนักเวทย์ระดับเริ่มต้นได้ไวขนาดนั้น?”

อาธีน่าตกใจถามเสียงแหลมขณะมองหานซั่วอย่างไม่เชื่อสายตา

“ล้อกันเล่นแน่  ๆ”

เอมี่เองก็อุทานออกมาเบา  ๆ

หานซั่วยิ้มน้อย  ๆ  ก่อนจะพยักหน้าอย่างหนักแน่นและอธิบายกลับไป

“ข้าก็แค่อยากลองดูเท่านั้นแหละ  อาจจะไม่ผ่านก็ได้”

แม้หานซั่วจะพูดไปอย่างนั้น  เอมี่และอาธีน่าก็ไม่เชื่ออยู่ดีว่าเขาจะมาสอบวัดเกณฑ์ของนักเวทย์ระดับเริ่มต้น  เด็กสาวทั้งสองคนต่างพูดคุยถกเถียงกันอย่างไม่รู้จบ  แต่แล้วก็ต้องหยุดเมื่อถึงตาของเอมี่เข้ารับการทดสอบ

“โชคดีนะ  เอมี่!  ข้าเชื่อว่ารอบนี้เจ้าจะสอบผ่านเป็นนักเวทย์ระดับเริ่มต้นได้แน่  ๆ”

อาธีน่าให้กำลังใจเอมี่เมื่อได้ยินชื่อของเอมี่ถูกประกาศเรียก  หานซั่วเองก็เอาใจช่วยหวังว่าเธอจะโชคดีจริง  ๆ  เช่นกัน

เอมี่เดินเข้าไปเพื่อทดสอบระดับพลังจิตของเธอต่อหน้าผู้คนที่นั่งรวมตัวกันอยู่  จากนั้นจึงร่ายเวทมนตร์    3  อย่างที่นักเวทย์ระดับเริ่มต้นจะพึงเชี่ยวชาญ  ได้แก่  คำสาปกรีดวิญญาณ  เวทย์คมหอกกระดูก  และการอัญเชิญนักรบผีดิบ  จากนั้นเธอจึงควบคุมผีดิบให้โจมตีใส่เป้าหมายที่ตั้งอยู่ในสนามฝึกซ้อมได้อย่างแม่นยำ  ในที่สุด  แฟนนี่และอาจารย์ประจำสาขาเวทมนตร์ธาตุมืดคนอื่น  ๆ  ก็ถามคำถามเพื่อทดสอบความเข้าใจด้านทฤษฎีเวทมนตร์

ไม่นานนัก  แฟนนี่ก็ประกาศออกมา

“ยินดีด้วยนะ  เอมี่  ตั้งแต่วันนี้ไป  เจ้าได้เป็นนักเวทย์ระดับเริ่มต้นแล้วล่ะ  ข้อมูลทุกอย่างที่บันทึกไว้ในแฟ้มประวัติของสมาคมนักเวทย์จะได้รับการเปลี่ยนแปลงภายในวันนี้นะจ๊ะ”

แล้วอาธีน่าก็เดินเข้ามาขณะที่เอมี่กำลังเฉลิมฉลองอย่างดีอกดีใจ  อาธีน่าได้รับการทดสอบในรูปแบบเดียวกัน    แต่อาจเป็นเพราะความตื่นเต้นระหว่างที่กำลังร่ายเวทย์คมหอกกระดูก  ทำให้เวทย์ที่ยิงออกไประเบิดแตกออกเมื่อยิงไปได้แค่ครึ่งทาง  และนอกจากนี้เธอก็ตอบคำถามทฤษฎีเวทมนตร์อย่างตะกุกตะกัก

จึงไม่น่าแปลกใจที่อาธีน่าถูกประกาศว่าไม่ผ่านการทดสอบ  เธอเดินไปสมทบกับเอมี่ด้วยท่าทีเศร้าสร้อย  หานซั่วไม่มีเวลาพูดปลอบใจเธอเพราะแฟนนี่ประกาศเรียกชื่อของเขาเป็นชื่อต่อไปพอดี

หานซั่วเดินอย่างไม่รีบร้อนเข้าไปภายในสนามและพบกับสิ่งกวนใจเล็กน้อย  เพราะนักเรียนสาขาเวทมนตร์ธาตุมืดที่ยืนดูอยู่รอบ  ๆ  ต่างประหลาดใจที่เห็นหานซั่ว  ที่แต่เดิมเคยเป็นเพียงทาสรับใช้  กลับมาปรากฏตัวอยู่ในโถงใหญ่ของสนามฝึกซ้อม  พวกนั้นทุกคนจึงเริ่มกระซิบกระซาบพูดคุยถกเถียงกันด้วยเสียงแผ่วเบา  ในขณะที่หลายคนในนั้นเฝ้ารอดูสิ่งที่จะเกิดขึ้นด้วยท่าทีเย้ยหยันอย่างเห็นได้ชัด

“ฮะ  ๆ  ๆ  ไม่ต้องตื่นเต้นไปล่ะ  ทำตามคนที่เพิ่งสอบไปก่อนหน้านี้นั่นแหละ  แค่พยายามทำให้ผ่านไปทีละขั้น  ข้าเชื่อในความสามารถของเจ้านะ  ว่าเจ้าจะสอบผ่านเกณฑ์ของนักเวทย์ระดับเริ่มต้นได้จริง  ๆ”

แฟนนี่พูดให้กำลังใจหานซั่ว

การทดสอบพลังจิตคือขั้นตอนแรก  หานซั่วรวบรวมพลังจิตขณะเผชิญหน้ากับลูกแก้วทดสอบที่ทำขึ้นจากวัตถุเวทมนตร์ชนิดพิเศษที่อาจารย์จากสาขาเวทมนตร์ธาตุมืดคนหนึ่งเป็นผู้ถือเอาไว้เพื่อวัดระดับพลังจิตของเขา

ตอนนั้นเอง  พลังจิตของเขาก็รวมตัวกันด้วยความเร็วสูงตามศักยภาพของสมองที่เขาบ่มเพาะมาก่อนหน้านี้  ตามปกติแล้ว  หากเป็นนักเรียนคนอื่น  ๆ  ลูกแก้วทดสอบจะค่อย  ๆ  สว่างขึ้นทีละน้อย  ๆ  จนกว่าจะหยุดและสว่างอย่างสงบนิ่งในจุดหนึ่งเมื่อถึงระดับพลังจิตที่แท้จริงของนักเรียนคนนั้น

อย่างไรก็ตาม  ในกรณีของหานซั่วนั้นกลับต่างออกไป  ลูกแก้วทดสอบสีหม่นนั้นไม่ได้ค่อย  ๆ  สว่างขึ้นอย่างต่อเนื่อง  แต่กลับสว่างวาบขึ้นทันทีเพียงสองอึดใจขณะที่หานซั่วกำลังรวบรวมพลังจิต  และสว่างอย่างสงบนิ่งโดยไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงใด  ๆ  อีก

“นี่…  นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย?”

อาจารย์หลายคนในสาขาเวทมนตร์ธาตุมืดต่างแสดงท่าทีประหลาดใจขณะที่นั่งเฝ้ามองอยู่ที่โต๊ะอาจารย์  ราวกับว่าไม่เคยพบปฏิกิริยาแปลกประหลาดของลูกแก้วทดสอบแบบนั้นมาก่อน

หานซั่วผ่อนพลังจิตของตนเองลงทันที  และเริ่มรู้สึกตระหนกอยู่ในใจเมื่อเห็นท่าทีตกตะลึงของผู้คนรอบข้าง  เพราะเขาเกรงว่าตนเองอาจมีพลังจิตไม่เพียงพอ  ถึงได้ทุ่มพลังทั้งหมดที่มี  และหานซั่วเองก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าพลังจิตของเขาจะสามารถรวมตัวกันได้อย่างรวดเร็วถึงเพียงนี้  ด้วยความที่ตั้งใจจะไม่เปิดเผยตัวตนอะไรมากตามที่ได้ยินแฟนนี่พูดเมื่อวาน  เขาจึงทำได้แต่ยิ้มเจื่อน  ๆ  และตอบกลับไป

“บางทีลูกแก้วทดสอบอาจจะมีอะไรผิดปกติก็ได้นะครับ  ทำไมท่านไม่ลองดูอีกครั้งล่ะ?”

“อย่าพูดจาเหลวไหล  ลูกแก้วทดสอบจะผิดปกติไปได้ยังไงกัน?!”

อาจารย์สาขาเวทมนตร์ธาตุมืดที่ถือลูกแก้วทดสอบอยู่จ้องหน้าหานซั่วและพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“จิตของเขาเคยถูกโจมตีโดยคำสาปกรีดวิญญาณมาก่อนค่ะ  จึงทำให้สติของเขาผิดเพี้ยนไปพักใหญ่  นั่นอาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้เกิดความผิดปกติบางอย่างในสมองของเขาก็เป็นได้  ข้าคิดว่าเราไม่จำเป็นต้องใส่ใจเรื่องนี้กันก็ได้นะคะ”

แฟนนี่มองค้อนหานซั่วมาแต่ไกลเพราะคิดว่าเขาตั้งใจจะอวดพลังให้เห็น  ก่อนจะหันไปพูดกับอาจารย์คุมสอบคนอื่นพร้อมรอยยิ้มเจื่อน  ๆ

“อย่างงี้นี่เอง  ข้าว่าข้าก็เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน  มาคิด  ๆ  ดูแล้ว  คำสาปกรีดวิญญาณของสาขาศาสตร์แห่งความตายของเจ้านี่ก็มีผลลัพธ์ที่น่าอัศจรรย์ดีเหมือนกันนะ  น่าสนใจจริง  ๆ”

อาจารย์คนที่ถือลูกแก้วทดสอบอยู่นิ่วหน้าพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงแปลก  ๆ

“ถ้าอาจารย์อเล็กซ์สนใจล่ะก็  ข้าจะลองสาปท่านดูก็ได้นะคะ  ฮะ  ๆ  ๆ  แต่ข้าไม่รับรองนะว่าท่านจะไม่เสียสติไปซะก่อน”

แฟนนี่หัวเราะเบา  ๆ  พลางพูดเย้าแหย่เขา

“ม…ไม่  ไม่เป็นไรดีกว่า  ข้าไม่บ้าบิ่นถึงขนาดนั้นหรอก  เอาล่ะ  งั้นการทดสอบตรงนี้ก็ให้ผ่านไปก่อน  ไปต่อกันที่การทดสอบลำดับถัดไปได้เลย”

อาจารย์อเล็กซ์ของสาขาเวทมนตร์ธาตุมืดไม่เสียเวลาอีกต่อไป  เขาจึงพยักหน้าให้หานซั่วเป็นเชิงยอมรับ

ก่อนหน้านี้  อาธีน่าทำพลาดไปเพราะความตื่นเต้น  ในขณะที่หานซั่วเองก็ผ่านความทุกข์ยากมามากมาย  และการฝึกฝนพลังจิตของเขาก็ยิ่งไม่ธรรมดา  เขาจึงไม่รู้สึกตื่นเต้นเลยแม้แต่น้อย

แล้วหานซั่วก็สามารถร่ายเวทมนตร์ทั้ง  3  อย่างที่นักเวทย์ระดับเริ่มต้นควรจะใช้ได้อย่างลื่นไหลไร้ที่ติ  เมื่ออัญเชิญนักรบผีดิบออกมาแล้ว  หานซั่วก็สั่งการมันได้อย่างเชี่ยวชาญมากกว่าเอมี่เสียอีก  เพราะการเคลื่อนไหวของผีดิบที่ทุกคนเห็นนั้นไม่ได้งุ่มง่ามเงอะงะ  หากแต่คล่องแคล่วว่องไวราวกับมนุษย์ธรรมดา

 

 

และเมื่อถึงการทดสอบภาคทฤษฎี  หานซั่วก็สามารถตอบคำถามทุกข้อได้อย่างง่ายดาย  โดยมีผู้สัมภาษณ์หลักคือแฟนนี่  ซึ่งแฟนนี่รู้ดีอยู่แล้วว่าหานซั่วเข้าใจทฤษฎีเวทมนตร์ต่าง  ๆ  เป็นอย่างดี  เธอจึงไม่ได้ถามอะไรเขามากนัก  เพียงแต่ถามเขาไม่กี่คำถามที่เขาเคยเข้ามาปรึกษาเธอเมื่อ  2  วันก่อนอย่างไม่ใส่ใจ  และให้เขาผ่านไปอย่างง่ายดาย

ในเมื่อหานซั่วสามารถผ่านการทดสอบคุณสมบัติของนักเวทย์ระดับเริ่มต้นได้อย่างไร้ที่ติ  แฟนนี่จึงยิ้มและประกาศออกมา

“ยินดีด้วยนะไบรอัน  จากนี้ไป  ข้อมูลของเจ้าจะถูกบันทึกไว้ในแฟ้มประวัติของสมาคมนักเวทย์  ฮะ  ๆ  ๆ  ถึงตอนนี้จะมีนักเวทย์ระดับเริ่มต้นอยู่มากมายแล้ว  แต่เจ้าสามารถหางานดี  ๆ  ให้ตัวเองทำได้ต่อไปในอนาคตแน่  ๆ  แต่ไม่ว่ายังไง  ข้าคิดว่าด้วยศักยภาพของเจ้าตอนนี้  แค่นี้คงยังไม่ใช่ขีดจำกัดความสามารถของเจ้าหรอก”

หานซั่วเดินออกจากสนามฝึกซ้อมไปด้วยความร่าเริงพร้อมคำอวยพรของแฟนนี่  ก่อนจะตรงไปยังสำนักอัศวิน  เพื่อแลกเปลี่ยนเหล็กสีนิลกับเงินเหรียญทองของลอว์เรนซ์ที่นั่น

ตามที่ชูชางหลานทิ้งคำแนะนำบางอย่างในการผสมผสานวัตถุดิบพิเศษในการสร้างผีดิบชั้นยอดทั้งห้าธาตุเอาไว้วัตถุดิบบางอย่างที่หานซั่วรู้จักในโลกนี้ก็มีราคาแพงมาก  ทำให้หานซั่วรู้ทันทีว่าเขาต้องทุ่มเงินจำนวนมหาศาลพอตัวเลยทีเดียวหากต้องการจะสร้าง    ผีดิบธาตุดินชั้นยอด    ขึ้นมา  เงินเหรียญทองจึงกลายเป็นสิ่งเดียวที่เขาหมกมุ่นถึงในตอนนี้

แต่ในตอนนั้นเอง  ในขณะที่หานซั่วเพิ่งไปได้เพียงครึ่งทาง  ปีศาจปฐมภูมิที่กำลังจับตามองดุ๊คที่เคยอยู่แต่ในสาขาเวทมนตร์ธาตุลมมาโดยตลอด  ก็เห็นว่าเขากำลังมุ่งหน้ามาทางสำนักอัศวินเช่นกันในเวลาราว  ๆ  เที่ยงวัน  ทำให้หานซั่วที่เคยตั้งใจจะมาหาลอว์เรนซ์ต้องพับความคิดนั้นไปก่อน  และมาคอยสั่งการปีศาจปฐมภูมิให้คอยจับตาดูความเคลื่อนไหวของดุ๊คแทน

หลังจากที่หานซั่วแอบตามดุ๊คมาจนถึงสำนักอัศวิน  ดุ๊คก็พบกับเอริคซึ่งหายหน้าหายตาไปก่อนหน้านี้ประมาณ  2  –  3  วัน  และนอกจากดุ๊คและเอริคแล้ว  ยังมีอีกคนหนึ่งที่อยู่กับพวกเขาด้วย  ซึ่งก็คือคลาร์ก  อัศวินปฐพีที่เขาเคยเจอในป่าทมิฬนั่นเอง  ทำให้หานซั่วรู้สึกประหลาดใจอย่างที่สุด

 


ติดตามอัพเดทและอ่านตอนต่อไปทันที ที่นี่ >>> Facebook :

(0 votes) 0/10
ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments