ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
วันรุ่งขึ้น ณ สนามฝึกซ้อมของสาขาเวทมนตร์ธาตุมืด
สาขาเวทมนตร์ธาตุมืดเป็นสาขาใหญ่สาขาหนึ่งในวิทยาลัย และสนามฝึกซ้อมของสาขานี้ก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันมากกว่าสนามของสาขาศาสตร์แห่งความตาย แม้แต่ขนาดของสนามก็ยังกว้างขวางกว่า เมื่อหานซั่วไปถึง เขาก็พบว่ามีคนจำนวนหนึ่งมารวมตัวกันอยู่ข้างในสนามแล้ว ทั้งพวกคนที่มาเข้ารับการทดสอบ และกลุ่มที่มาเพื่อดูการแสดงเฉย ๆ ภายในสนามแห่งนั้นจึงเต็มไปด้วยเสียงดังระงม
ในฐานะอาจารย์ประจำสาขาศาสตร์แห่งความตาย แฟนนี่จึงนั่งรวมอยู่กับอาจารย์ของสาขาเวทมนตร์ธาตุมืดคนอื่น ๆ และกำลังง่วนอยู่กับข้อมูลของนักเรียนที่กำลังจะเข้ารับการทดสอบ ส่วนแม่มดชราคามิลล่าที่ประจำสาขาเวทมนตร์ธาตุมืดกลับไม่แสดงตัวในวันนี้ แต่ยังคงสอนอยู่ในสาขาภายใต้การสังเกตการณ์โดยปีศาจปฐมภูมิของหานซั่ว
หลังจากที่เดินเข้าไป หานซั่วก็มองไปรอบ ๆ และเจอเพียงเอมี่และอาธีน่าเพียงสองคนที่คุ้นตาจากสาขาศาสตร์แห่งความตาย จึงเดินเข้าไปหาพวกเธอ
“เอ๋? เจ้าก็มาสอบเหมือนกันเหรอ?”
เอมี่โบกมือทักทายเมื่อเห็นหานซั่วกำลังเดินเข้ามา
หานซั่วพยักหน้ารับและตอบกลับไป
“ใช่ ข้ายังไม่เคยผ่านการสอบสักครั้งเลย ข้าต้องทำยังไงบ้างเหรอ?”
“การสอบนี่ไม่มีอะไรต้องพิจารณามากหรอก ก็แค่ทดสอบพลังจิตของเจ้า แล้วก็ร่ายเวทมนตร์ไม่กี่อย่างให้พวกเขาดูก็เท่านั้นเอง อ้อ จริงสิ พวกสาขาศาสตร์แห่งความตายอย่างเราต้องแสดงการควบคุมอสูรมิติมืดที่อัญเชิญมาด้วย ไม่ค่อยน่ากังวลเท่าไหร่หรอก จะมีก็แต่การทดสอบของนักเวทย์ระดับสูงเท่านั้นแหละ ที่จะเป็นการทดสอบขั้นสูงและซับซ้อนมากกว่านี้ขึ้นไปอีก นอกเหนือจากการทดสอบขั้นพื้นฐานทั่วไปแล้ว เจ้าก็แค่ต้องรู้จักเคล็ดวิธีต่าง ๆ เพื่อแสดงว่าเจ้าเข้าใจแก่นแท้ของทฤษฎีเวทมนตร์นั้นจริง ๆ เจ้าก็จะสอบผ่านได้เองล่ะ และเมื่อเจ้ามีคุณสมบัติพร้อมทุกอย่างที่การทดสอบต้องการ เจ้าก็จะได้รับการประกาศว่าสอบผ่านอย่างเป็นทางการ”
อาธีน่าชำเลืองมองหานซั่วขณะอธิบาย
ขณะยืนอยู่ด้านนอก หานซั่วก็เฝ้าสังเกตการสอบไปเรื่อย ๆ และเห็นนักเรียนบางคนจากสาขาเวทมนตร์ธาตุมืดค่อย ๆ เข้าทดสอบเวทมนตร์ของตนเองไปทีละคน ๆ อาจารย์บางคนก็สัมภาษณ์โดยการถามคำถามบางอย่างเพื่อที่จะวัดว่าพวกเขาเข้าใจหลักสำคัญของเวทมนตร์ในระดับปัจจุบันของตนเองแล้วจริง ๆ ก่อนที่จะประเมินลงคะแนนให้ตามความสามารถ
“ไบรอัน เจ้ามาสอบวัดระดับของนักเวทย์ฝึกหัดใช่มั้ย?”
อาธีน่าถามเมื่อเห็นว่าหานซั่วไม่พูดอะไร ได้แต่เฝ้าสังเกตการสอบของนักเรียนคนอื่นในสนามฝึกซ้อมอยู่เงียบ ๆ
“เปล่า ข้ามาสอบเพื่อดูว่าข้าจะผ่านไปถึงเกณฑ์ของนักเวทย์ระดับเริ่มต้นรึเปล่าน่ะ”
หานซั่วตอบขณะกำลังมองไปยังแฟนนี่ที่กำลังนั่งอย่างเรียบร้อยอยู่ไกล ๆ
“อะไรนะ? เจ้าล้อเล่นใช่มั้ย? ถ้าข้าจำไม่ผิด ไม่กี่เดือนก่อน เจ้ายังเป็นแค่ทาสรับใช้ของสาขาศาสตร์แห่งความตายอยู่เลย จะเป็นไปได้ยังไงกันถ้าเจ้าจะบรรลุเกณฑ์ของนักเวทย์ระดับเริ่มต้นได้ไวขนาดนั้น?”
อาธีน่าตกใจถามเสียงแหลมขณะมองหานซั่วอย่างไม่เชื่อสายตา
“ล้อกันเล่นแน่ ๆ”
เอมี่เองก็อุทานออกมาเบา ๆ
หานซั่วยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะพยักหน้าอย่างหนักแน่นและอธิบายกลับไป
“ข้าก็แค่อยากลองดูเท่านั้นแหละ อาจจะไม่ผ่านก็ได้”
แม้หานซั่วจะพูดไปอย่างนั้น เอมี่และอาธีน่าก็ไม่เชื่ออยู่ดีว่าเขาจะมาสอบวัดเกณฑ์ของนักเวทย์ระดับเริ่มต้น เด็กสาวทั้งสองคนต่างพูดคุยถกเถียงกันอย่างไม่รู้จบ แต่แล้วก็ต้องหยุดเมื่อถึงตาของเอมี่เข้ารับการทดสอบ
“โชคดีนะ เอมี่! ข้าเชื่อว่ารอบนี้เจ้าจะสอบผ่านเป็นนักเวทย์ระดับเริ่มต้นได้แน่ ๆ”
อาธีน่าให้กำลังใจเอมี่เมื่อได้ยินชื่อของเอมี่ถูกประกาศเรียก หานซั่วเองก็เอาใจช่วยหวังว่าเธอจะโชคดีจริง ๆ เช่นกัน
เอมี่เดินเข้าไปเพื่อทดสอบระดับพลังจิตของเธอต่อหน้าผู้คนที่นั่งรวมตัวกันอยู่ จากนั้นจึงร่ายเวทมนตร์ 3 อย่างที่นักเวทย์ระดับเริ่มต้นจะพึงเชี่ยวชาญ ได้แก่ คำสาปกรีดวิญญาณ เวทย์คมหอกกระดูก และการอัญเชิญนักรบผีดิบ จากนั้นเธอจึงควบคุมผีดิบให้โจมตีใส่เป้าหมายที่ตั้งอยู่ในสนามฝึกซ้อมได้อย่างแม่นยำ ในที่สุด แฟนนี่และอาจารย์ประจำสาขาเวทมนตร์ธาตุมืดคนอื่น ๆ ก็ถามคำถามเพื่อทดสอบความเข้าใจด้านทฤษฎีเวทมนตร์
ไม่นานนัก แฟนนี่ก็ประกาศออกมา
“ยินดีด้วยนะ เอมี่ ตั้งแต่วันนี้ไป เจ้าได้เป็นนักเวทย์ระดับเริ่มต้นแล้วล่ะ ข้อมูลทุกอย่างที่บันทึกไว้ในแฟ้มประวัติของสมาคมนักเวทย์จะได้รับการเปลี่ยนแปลงภายในวันนี้นะจ๊ะ”
แล้วอาธีน่าก็เดินเข้ามาขณะที่เอมี่กำลังเฉลิมฉลองอย่างดีอกดีใจ อาธีน่าได้รับการทดสอบในรูปแบบเดียวกัน แต่อาจเป็นเพราะความตื่นเต้นระหว่างที่กำลังร่ายเวทย์คมหอกกระดูก ทำให้เวทย์ที่ยิงออกไประเบิดแตกออกเมื่อยิงไปได้แค่ครึ่งทาง และนอกจากนี้เธอก็ตอบคำถามทฤษฎีเวทมนตร์อย่างตะกุกตะกัก
จึงไม่น่าแปลกใจที่อาธีน่าถูกประกาศว่าไม่ผ่านการทดสอบ เธอเดินไปสมทบกับเอมี่ด้วยท่าทีเศร้าสร้อย หานซั่วไม่มีเวลาพูดปลอบใจเธอเพราะแฟนนี่ประกาศเรียกชื่อของเขาเป็นชื่อต่อไปพอดี
หานซั่วเดินอย่างไม่รีบร้อนเข้าไปภายในสนามและพบกับสิ่งกวนใจเล็กน้อย เพราะนักเรียนสาขาเวทมนตร์ธาตุมืดที่ยืนดูอยู่รอบ ๆ ต่างประหลาดใจที่เห็นหานซั่ว ที่แต่เดิมเคยเป็นเพียงทาสรับใช้ กลับมาปรากฏตัวอยู่ในโถงใหญ่ของสนามฝึกซ้อม พวกนั้นทุกคนจึงเริ่มกระซิบกระซาบพูดคุยถกเถียงกันด้วยเสียงแผ่วเบา ในขณะที่หลายคนในนั้นเฝ้ารอดูสิ่งที่จะเกิดขึ้นด้วยท่าทีเย้ยหยันอย่างเห็นได้ชัด
“ฮะ ๆ ๆ ไม่ต้องตื่นเต้นไปล่ะ ทำตามคนที่เพิ่งสอบไปก่อนหน้านี้นั่นแหละ แค่พยายามทำให้ผ่านไปทีละขั้น ข้าเชื่อในความสามารถของเจ้านะ ว่าเจ้าจะสอบผ่านเกณฑ์ของนักเวทย์ระดับเริ่มต้นได้จริง ๆ”
แฟนนี่พูดให้กำลังใจหานซั่ว
การทดสอบพลังจิตคือขั้นตอนแรก หานซั่วรวบรวมพลังจิตขณะเผชิญหน้ากับลูกแก้วทดสอบที่ทำขึ้นจากวัตถุเวทมนตร์ชนิดพิเศษที่อาจารย์จากสาขาเวทมนตร์ธาตุมืดคนหนึ่งเป็นผู้ถือเอาไว้เพื่อวัดระดับพลังจิตของเขา
ตอนนั้นเอง พลังจิตของเขาก็รวมตัวกันด้วยความเร็วสูงตามศักยภาพของสมองที่เขาบ่มเพาะมาก่อนหน้านี้ ตามปกติแล้ว หากเป็นนักเรียนคนอื่น ๆ ลูกแก้วทดสอบจะค่อย ๆ สว่างขึ้นทีละน้อย ๆ จนกว่าจะหยุดและสว่างอย่างสงบนิ่งในจุดหนึ่งเมื่อถึงระดับพลังจิตที่แท้จริงของนักเรียนคนนั้น
อย่างไรก็ตาม ในกรณีของหานซั่วนั้นกลับต่างออกไป ลูกแก้วทดสอบสีหม่นนั้นไม่ได้ค่อย ๆ สว่างขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่กลับสว่างวาบขึ้นทันทีเพียงสองอึดใจขณะที่หานซั่วกำลังรวบรวมพลังจิต และสว่างอย่างสงบนิ่งโดยไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงใด ๆ อีก
“นี่… นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย?”
อาจารย์หลายคนในสาขาเวทมนตร์ธาตุมืดต่างแสดงท่าทีประหลาดใจขณะที่นั่งเฝ้ามองอยู่ที่โต๊ะอาจารย์ ราวกับว่าไม่เคยพบปฏิกิริยาแปลกประหลาดของลูกแก้วทดสอบแบบนั้นมาก่อน
หานซั่วผ่อนพลังจิตของตนเองลงทันที และเริ่มรู้สึกตระหนกอยู่ในใจเมื่อเห็นท่าทีตกตะลึงของผู้คนรอบข้าง เพราะเขาเกรงว่าตนเองอาจมีพลังจิตไม่เพียงพอ ถึงได้ทุ่มพลังทั้งหมดที่มี และหานซั่วเองก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าพลังจิตของเขาจะสามารถรวมตัวกันได้อย่างรวดเร็วถึงเพียงนี้ ด้วยความที่ตั้งใจจะไม่เปิดเผยตัวตนอะไรมากตามที่ได้ยินแฟนนี่พูดเมื่อวาน เขาจึงทำได้แต่ยิ้มเจื่อน ๆ และตอบกลับไป
“บางทีลูกแก้วทดสอบอาจจะมีอะไรผิดปกติก็ได้นะครับ ทำไมท่านไม่ลองดูอีกครั้งล่ะ?”
“อย่าพูดจาเหลวไหล ลูกแก้วทดสอบจะผิดปกติไปได้ยังไงกัน?!”
อาจารย์สาขาเวทมนตร์ธาตุมืดที่ถือลูกแก้วทดสอบอยู่จ้องหน้าหานซั่วและพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“จิตของเขาเคยถูกโจมตีโดยคำสาปกรีดวิญญาณมาก่อนค่ะ จึงทำให้สติของเขาผิดเพี้ยนไปพักใหญ่ นั่นอาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้เกิดความผิดปกติบางอย่างในสมองของเขาก็เป็นได้ ข้าคิดว่าเราไม่จำเป็นต้องใส่ใจเรื่องนี้กันก็ได้นะคะ”
แฟนนี่มองค้อนหานซั่วมาแต่ไกลเพราะคิดว่าเขาตั้งใจจะอวดพลังให้เห็น ก่อนจะหันไปพูดกับอาจารย์คุมสอบคนอื่นพร้อมรอยยิ้มเจื่อน ๆ
“อย่างงี้นี่เอง ข้าว่าข้าก็เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน มาคิด ๆ ดูแล้ว คำสาปกรีดวิญญาณของสาขาศาสตร์แห่งความตายของเจ้านี่ก็มีผลลัพธ์ที่น่าอัศจรรย์ดีเหมือนกันนะ น่าสนใจจริง ๆ”
อาจารย์คนที่ถือลูกแก้วทดสอบอยู่นิ่วหน้าพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงแปลก ๆ
“ถ้าอาจารย์อเล็กซ์สนใจล่ะก็ ข้าจะลองสาปท่านดูก็ได้นะคะ ฮะ ๆ ๆ แต่ข้าไม่รับรองนะว่าท่านจะไม่เสียสติไปซะก่อน”
แฟนนี่หัวเราะเบา ๆ พลางพูดเย้าแหย่เขา
“ม…ไม่ ไม่เป็นไรดีกว่า ข้าไม่บ้าบิ่นถึงขนาดนั้นหรอก เอาล่ะ งั้นการทดสอบตรงนี้ก็ให้ผ่านไปก่อน ไปต่อกันที่การทดสอบลำดับถัดไปได้เลย”
อาจารย์อเล็กซ์ของสาขาเวทมนตร์ธาตุมืดไม่เสียเวลาอีกต่อไป เขาจึงพยักหน้าให้หานซั่วเป็นเชิงยอมรับ
ก่อนหน้านี้ อาธีน่าทำพลาดไปเพราะความตื่นเต้น ในขณะที่หานซั่วเองก็ผ่านความทุกข์ยากมามากมาย และการฝึกฝนพลังจิตของเขาก็ยิ่งไม่ธรรมดา เขาจึงไม่รู้สึกตื่นเต้นเลยแม้แต่น้อย
แล้วหานซั่วก็สามารถร่ายเวทมนตร์ทั้ง 3 อย่างที่นักเวทย์ระดับเริ่มต้นควรจะใช้ได้อย่างลื่นไหลไร้ที่ติ เมื่ออัญเชิญนักรบผีดิบออกมาแล้ว หานซั่วก็สั่งการมันได้อย่างเชี่ยวชาญมากกว่าเอมี่เสียอีก เพราะการเคลื่อนไหวของผีดิบที่ทุกคนเห็นนั้นไม่ได้งุ่มง่ามเงอะงะ หากแต่คล่องแคล่วว่องไวราวกับมนุษย์ธรรมดา
และเมื่อถึงการทดสอบภาคทฤษฎี หานซั่วก็สามารถตอบคำถามทุกข้อได้อย่างง่ายดาย โดยมีผู้สัมภาษณ์หลักคือแฟนนี่ ซึ่งแฟนนี่รู้ดีอยู่แล้วว่าหานซั่วเข้าใจทฤษฎีเวทมนตร์ต่าง ๆ เป็นอย่างดี เธอจึงไม่ได้ถามอะไรเขามากนัก เพียงแต่ถามเขาไม่กี่คำถามที่เขาเคยเข้ามาปรึกษาเธอเมื่อ 2 วันก่อนอย่างไม่ใส่ใจ และให้เขาผ่านไปอย่างง่ายดาย
ในเมื่อหานซั่วสามารถผ่านการทดสอบคุณสมบัติของนักเวทย์ระดับเริ่มต้นได้อย่างไร้ที่ติ แฟนนี่จึงยิ้มและประกาศออกมา
“ยินดีด้วยนะไบรอัน จากนี้ไป ข้อมูลของเจ้าจะถูกบันทึกไว้ในแฟ้มประวัติของสมาคมนักเวทย์ ฮะ ๆ ๆ ถึงตอนนี้จะมีนักเวทย์ระดับเริ่มต้นอยู่มากมายแล้ว แต่เจ้าสามารถหางานดี ๆ ให้ตัวเองทำได้ต่อไปในอนาคตแน่ ๆ แต่ไม่ว่ายังไง ข้าคิดว่าด้วยศักยภาพของเจ้าตอนนี้ แค่นี้คงยังไม่ใช่ขีดจำกัดความสามารถของเจ้าหรอก”
หานซั่วเดินออกจากสนามฝึกซ้อมไปด้วยความร่าเริงพร้อมคำอวยพรของแฟนนี่ ก่อนจะตรงไปยังสำนักอัศวิน เพื่อแลกเปลี่ยนเหล็กสีนิลกับเงินเหรียญทองของลอว์เรนซ์ที่นั่น
ตามที่ชูชางหลานทิ้งคำแนะนำบางอย่างในการผสมผสานวัตถุดิบพิเศษในการสร้างผีดิบชั้นยอดทั้งห้าธาตุเอาไว้วัตถุดิบบางอย่างที่หานซั่วรู้จักในโลกนี้ก็มีราคาแพงมาก ทำให้หานซั่วรู้ทันทีว่าเขาต้องทุ่มเงินจำนวนมหาศาลพอตัวเลยทีเดียวหากต้องการจะสร้าง ผีดิบธาตุดินชั้นยอด ขึ้นมา เงินเหรียญทองจึงกลายเป็นสิ่งเดียวที่เขาหมกมุ่นถึงในตอนนี้
แต่ในตอนนั้นเอง ในขณะที่หานซั่วเพิ่งไปได้เพียงครึ่งทาง ปีศาจปฐมภูมิที่กำลังจับตามองดุ๊คที่เคยอยู่แต่ในสาขาเวทมนตร์ธาตุลมมาโดยตลอด ก็เห็นว่าเขากำลังมุ่งหน้ามาทางสำนักอัศวินเช่นกันในเวลาราว ๆ เที่ยงวัน ทำให้หานซั่วที่เคยตั้งใจจะมาหาลอว์เรนซ์ต้องพับความคิดนั้นไปก่อน และมาคอยสั่งการปีศาจปฐมภูมิให้คอยจับตาดูความเคลื่อนไหวของดุ๊คแทน
หลังจากที่หานซั่วแอบตามดุ๊คมาจนถึงสำนักอัศวิน ดุ๊คก็พบกับเอริคซึ่งหายหน้าหายตาไปก่อนหน้านี้ประมาณ 2 – 3 วัน และนอกจากดุ๊คและเอริคแล้ว ยังมีอีกคนหนึ่งที่อยู่กับพวกเขาด้วย ซึ่งก็คือคลาร์ก อัศวินปฐพีที่เขาเคยเจอในป่าทมิฬนั่นเอง ทำให้หานซั่วรู้สึกประหลาดใจอย่างที่สุด
ติดตามอัพเดทและอ่านตอนต่อไปทันที ที่นี่ >>> Facebook :
(0 votes) 0/10