ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
ระหว่างทางในป่าทมิฬ คลาร์กหลงใหลในตัวแฟนนี่อย่างเห็นได้ชัด แต่เพราะถูกหานซั่วจัดฉากกลั่นแกล้งจนต้องระเห็จออกจากกลุ่มไป ใครจะคาดคิดว่าหานซั่วจะได้กลับมาเจอเขาที่วิทยาลัยอีกครั้งหลังผ่านไปเพียงไม่กี่เดือน
ดุ๊คและคลาร์กกำลังพูดคุยกันอยู่ในเรือนรับรองหลังหนึ่งที่อยู่ในสำนักอัศวิน พร้อมด้วยนักดาบระดับสูงที่กำลังยืนรักษาความปลอดภัยอยู่บริเวณประตูหน้าราวกับกลัวว่าจะมีใครสักคนมารบกวนคนทั้งคู่
ดุ๊คสร้างเวทย์กำแพงลมไว้ภายในตัวอาคาร ทำให้ปีศาจปฐมภูมิของหานซั่วไม่สามารถเข้าไปใกล้เพราะสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังมนตราเบาบางในบริเวณนั้น อีกทั้งยังไม่สามารถได้ยินบทสนทนาใด ๆ ของทั้งสองคน นอกจากจะทำได้เพียงจับตามองเอริค นักดาบระดับสูงที่ยืนเฝ้าอยู่ด้านนอกเท่านั้น
เมื่อตอนที่ดุ๊คและคามิลล่าพบกันเมื่อครั้งก่อนในห้องเรียนของสาขาเวทมนตร์ธาตุมืด ซึ่งพวกเขาเลือกที่จะพบกันในเวลากลางดึกด้วยคิดว่าคงจะไม่มีใครรู้ ทำให้ไม่ได้เตรียมมาตรการป้องกันใด ๆ มากนัก แต่เมื่อตอนนี้ยังเป็นเวลากลางวัน และยังไม่รวมถึงเหตุผลที่สถานที่นี้เป็นใจกลางสำนักอัศวินของวิทยาลัย จึงไม่แปลกใจที่ดุ๊คจะทำการด้วยความรอบคอบระมัดระวังถึงเพียงนี้
ไม่นานนัก ดุ๊คและคลาร์คก็เดินออกมาจากเรือนรับรอง ก่อนที่ดุ๊คจะเดินออกจากสำนักอัศวินไป โดยมีปีศาจปฐมภูมิของหานซั่วห้อยตามหลังดุ๊คและเอริคไปติด ๆ จนถึงอาคารเรียนของสาขาเวทมนตร์ธาตุลม ในขณะที่คลาร์กยังคงอยู่ในสนามฝึกซ้อมของสำนักอัศวินเพื่อฝึกฝนการต่อสู้ของตนเองต่อไป
ขณะนั้นเป็นเวลาฝึกซ้อมการต่อสู้ช่วงกลางวันของเหล่านักเรียนอัศวินพอดี หานซั่วจึงไม่ได้อยู่ที่เดิมเพื่อเฝ้าสังเกตการณ์ต่อ แต่ตรงไปยังสนามฝึกซ้อมเพื่อตามหาลอว์เรนซ์ตามเป้าหมายเดิม
นอกจากอาวุธนานาชนิดที่อยู่ในสนามฝึกซ้อมแล้ว ยังมีม้าศึกหุ้มเกราะดูน่ากลัวอยู่อีกกลุ่มหนึ่ง ความแตกต่างที่ชัดเจนที่สุดระหว่างอัศวินและนักดาบก็คือ อัศวินจะใช้ม้าในการต่อสู้เป็นหลัก ความสามารถในการควบคุมม้าเป็นทักษะสำคัญที่อัศวินทุกคนจะต้องเชี่ยวชาญ เพราะจะทำให้สามารถใช้ประโยชน์จากม้าศึกทั้งเรื่องความรวดเร็วว่องไว และพละกำลังอันหนักหน่วงของมันมาเสริมในการต่อสู้
ตอนนั้นเอง ลอว์เรนซ์แต่งกายในชุดเกราะสีเงินเป็นประกายพร้อมด้วยอาวุธหอกยาวคู่ใจ และกำลังฝึกซ้อมการต่อสู้อยู่ในสนาม ในขณะที่ม้าศึกของเขาก็กำลังกระโดดข้ามสิ่งกีดขวางหลายชิ้น เมื่อทั้งคู่พุ่งตัวไปข้างหน้า หอกยาวในมือของเขาก็ฟาดฟันด้วยความเร็วราวสายฟ้า พร้อมด้วยประกายแสงของออร่าต่อสู้อันสวยสดงดงามของเขาที่สว่างวาบขึ้นกลางอากาศ
“หวัดดี ลอว์เรนซ์!”
หานซั่วยืนอยู่ตรงหน้าประตู เฝ้ามองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยปากทักทาย
ลอว์เรนซ์บังคับม้าให้หมุนตัวหันมาหลังจากที่มันส่งเสียงร้องเบา ๆ ก่อนที่จะหันหอกยาวในมือพุ่งมาทางหานซั่วทันที …หอกยาวของลอว์เรนซ์พุ่งเป้ามาที่หน้าอกของหานซั่ว ตามมาด้วยเสียงควบของเกือกม้าที่ทำด้วยเหล็ก
แม้การโจมตีนั้นจะรุนแรงอย่างไม่มีข้อกังขา หานซั่วก็ยังไม่ขยับหนีจนกระทั่งลอว์เรนซ์บนหลังม้าพุ่งมาอยู่ตรงหน้าเขา และตอนนั้นเองที่หานซั่วงัดคมมีดพิชิตมารออกมา ก่อนจะผสานมันรวมกับพลังอันโหดร้ายป่าเถื่อนของปราณปีศาจ และแทงเข้าใส่หอกยาวนั้นอย่างรุนแรง
ด้วยแรงปะทะของคมมีดพิชิตมาร หอกยาวนั้นก็ถูกผ่าออกเป็นสองซีกทันทีโดยเริ่มแตกออกตั้งแต่ส่วนปลายแหลมของมัน นับว่าโชคดีที่ลอว์เรนซ์ปล่อยมือออกทันเวลา มิเช่นนั้นแล้ว คมมีดพิชิตมารอาจจะทำให้มือของเขาบาดเจ็บต่อจากหอกยาวนั่นก็เป็นได้
อย่างไรก็ตาม เมื่อรวมกับพละกำลังอันแข็งแกร่งและความว่องไวของม้าศึก ทำให้หานซั่วรับการโจมตีค่อนข้างยาก เพราะพลังที่ยากจะต้านทานยามเข้าปะทะนั้นถึงกับทำให้แขนของหานซั่วข้างที่ถือคมมีดพิชิตมารสั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้
ลอว์เรนซ์ดึงบังเหียนเพื่อหยุดม้า ก่อนจะกระโดดลงมาอยู่ตรงหน้าหานซั่วด้วยท่าทีตื่นเต้นดีใจหลังจากถอดชุดเกราะหนักออกแล้ว สายตาทั้งคู่ของลอว์เรนซ์จับจ้องมาที่คมมีดพิชิตมารในมือของหานซั่ว และอุทานด้วยความประหลาดใจ
“นั่นมันอาวุธประหลาดอะไรกัน คมชะมัด!”
“ฮะ ๆ ๆ ทั้งเหล็กสีนิล เหล็กไหล และแร่โลหะหายากหลาย ๆ อย่างผสมรวมกันสร้างเป็นอาวุธชนิดนี้ขึ้นมาน่ะ ทำขึ้นเป็นพิเศษด้วยฝีมือของพวกคนแคระเองเลย ถ้าไม่คมก็แปลกแล้วล่ะ!”
หานซั่วเก็บคมมีดพิชิตมารกลับไป และหันมาอธิบายลอว์เรนซ์
ลอว์เรนซ์หยิบผ้าขนหนูออกมาเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก
“อย่างงี้นี่เอง อาวุธของเจ้านี่ไม่ธรรมดาจริง ๆ อ้อ จริงสิ ที่เจ้ามาหาข้าถึงนี่ เพราะเจ้าหาเหล็กสีนิลให้ข้าได้แล้วละสิ?”
หานซั่วพยักหน้า และหยิบเอาเหล็กสีนิลที่เพิ่งขุดได้เมื่อวานออกมาจากแหวนมิติ
“ใช่แล้วล่ะ เหล็กสีนิลก้อนนี้น่าจะตรงตามที่ท่านต้องการพอดี งั้นเราก็มาตกลงธุรกิจของพวกเรากันให้เสร็จเถอะ”
“ไม่มีปัญหา เอาตราสารคริสตัลของเจ้ามาสิ ข้าจะโอนย้ายเงิน 5,000 เหรียญทองไปให้”
ลอว์เรนซ์มองเหล็กสีนิลในมือของหานซั่วอย่างดีอกดีใจ และกระตือรือร้นจนแทบอดใจไม่ไหว
เมื่อหานซั่วและลอว์เรนซ์แลกเปลี่ยนกันเสร็จแล้ว หานซั่วก็พบว่ามีเงินเพิ่มอีก 5,000 เหรียญทองปรากฏอยู่บนตราสารของเขา จนถึงกับยิ้มออกมาเล็กน้อย
ในขณะที่ทั้งคู่ต่างกำลังพึงพอใจอยู่นั้นเอง คลาร์ก อัศวินปฐพีก็เดินเข้ามาในสนามและทำทีจะพูดอะไรบางอย่าง แต่แล้วเมื่อสังเกตเห็นหานซั่ว สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที ก่อนจะตะโกนออกมา
“เจ้าน่ะเอง!”
หานซั่วหันขวับไปตามเสียงร้องทันที และพบกับคลาร์กที่กำลังเดินเข้ามา หานซั่วรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนจะน้อมศีรษะให้คลาร์ก และจะทักทายกลับไป
“สวัสดี ท่านอัศวินคลาร์ก ไม่เจอกันซะนาน ทำไมในป่าทมิฬคราวที่แล้วท่านถึงได้จากโดยไปไม่บอกไม่กล่าวอะไรเลยล่ะ?”
“เหอะ! ก็ข้าถูกกลั่นแกล้งจากคนชั่วช้าเลวทรามบางคนน่ะสิ ข้าถึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องเดินทางจากไป”
ด้วยเวลาที่ผ่านไปนานมากทีเดียว และคลาร์กเองก็ต้องเข้าใจถึงความจริงที่เกิดขึ้นแล้วอย่างแน่นอน ถึงได้พูดประชดประชันทันทีที่เห็นหานซั่วราวกับคิดว่าเจาะจงได้ถูกคน
คลาร์กนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะมองหน้าหานซั่ว
“อาจารย์แฟนนี่เป็นยังไงบ้าง? ข้าอยากแวะไปเยี่ยมเธอสักหน่อย และอยากไปขอโทษเธอด้วย”
“อาจารย์แฟนนี่สบายดีมาก ๆ และไม่จำเป็นให้ท่านต้องเป็นห่วงหรอก!”
หานซั่วตอบกลับแทบจะทันทีพร้อมทำสีหน้าเย็นชาเมื่อรู้ว่าคลาร์กยังไม่ลืมแฟนนี่
“เฮ้ ๆ ๆ ทั้ง 2 คน เกิดอะไรขึ้นเนี่ย? เอ๋? รุ่นพี่คลาร์ก ท่านเรียนจบไปแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ท่านกลับมาทำอะไรที่นี่เหรอ? แล้วท่านรู้จักไบรอันได้ยังไงกัน?”
ลอว์เรนซ์เห็นว่าทั้ง 2 คนทำท่าราวกับจะพ่นไฟใส่กันจึงรีบพูดดักคอไว้ก่อน
“ข้ากลับมาที่สำนักอัศวินเพื่อตามสืบเกี่ยวกับการหายตัวไปของ คล็อด น้องชายของข้า ดูเหมือนน้องชายข้าจะเคยมีเรื่องกับไบรอันในเมืองดรอลมาก่อน ถ้าข้ารู้ว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของคล็อดล่ะก็ ข้าจะทำให้เขาต้องชดใช้อย่างสาสมเลยล่ะ”
สีหน้าของคลาร์กเข้มขึ้นด้วยความไม่พอใจทันทีขณะตอบลอว์เรนซ์กลับไป
หานซั่วรู้สึกหัวใจหล่นวูบทันที พลางมองคลาร์กด้วยท่าทีตกตะลึง เพราะไม่คาดคิดมาก่อนว่าคล็อดจะเป็นน้องชายของคลาร์ก แปลว่าเขาคือบุตรชายคนโตของหัวหน้าหน่วยกริฟฟ่อนแห่งจักรวรรดินั่นเอง แต่ย้อนไปที่เมืองดรอลเมื่อคราวนั้น หานซั่วก็มีเพียงแต่เหตุการณ์ที่ยืนยันความบริสุทธิ์ใจ เพราะก่อนหน้านั้น คล็อดก็เพียงแค่พบกับหานซั่วในบาร์ของโรงแรมแห่งหนึ่งเท่านั้น หากคลาร์กคิดจะสืบสวนเรื่องนี้จริง ๆ ก็คงเป็นไปได้ยากเอาการ
“เรื่องนั้นเกี่ยวอะไรกับข้าด้วยล่ะ? ข้าไม่ได้สนิทกับคล็อดซะหน่อย อีกอย่าง ทักษะการต่อสู้ของเขาก็ถือว่าสูงพอตัวทีเดียว จะเกิดอะไรขึ้นกับเขาง่าย ๆ ได้ยังไงกัน?”
หานซั่วตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย จากนั้นจึงหันไปหาลอว์เรนซ์หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“เอาล่ะข้าเองก็ไม่มีธุระอะไรแล้ว วันนี้พวกเราพอกันก่อนก็แล้วกัน”
หานซั่วไม่รอให้ลอว์เรนซ์ตอบ แต่กลับเดินออกจากสนามฝึกซ้อมไปทันทีที่พูดจบ ขณะเดินออกไปเขาก็ค่อย ๆ เร่งความเร็วมากขึ้นเรื่อย ๆ
ปีศาจปฐมภูมิทั้ง 3 ตนถูกเรียกตัวกลับมาในร่างของหานซั่วจากระยะไกลทันที เมื่อรู้ถึงตัวตนของคลาร์กแล้ว หานซั่วก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่างไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับเรื่องนี้
ในฐานะบุตรชายคนโตของหัวหน้าหน่วยกริฟฟ่อนของจักรวรรดิ ทำไมเขาถึงต้องทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ ขณะพูดคุยกับคนของจักรวรรดิคาซีแบบนั้น? แม้ว่าจะไม่รู้ว่าทั้งสองคนพูดคุยกันถึงเรื่องอะไร แต่หานซั่วก็รู้สึกว่าเขาควรรายงานถึงสิ่งที่เขาไม่สามารถควบคุมได้ในครั้งนี้กับพวกผู้บริหารของ “องครักษ์ชุดดำ” เพื่อให้พวกนั้นเป็นฝ่ายวิตกกังวลแทนจะดีกว่า
มีคฤหาสน์หลังใหญ่อยู่หลังหนึ่งทางตอนเหนือของเมือง ห่างไปจากบ้านพักที่พังทลายไปแล้วของฟีบี้เพียงเล็กน้อย หานซั่วหยิบตราสัญลักษณ์ของ “องครักษ์ชุดดำ” ออกมาเพื่อยืนยันตัวตน และตัดสินใจเคาะประตูโลหะหลังจากตรวจจับไม่พบสิ่งผิดปกติใด ๆ บริเวณรอบนอก ไม่นานนัก ก็มีเด็กตัวเตี้ย ๆ ผอมแห้งคนหนึ่งมาเปิดประตูให้
เขามองหานซั่วตั้งแต่หัวจรดเท้าเพื่อพิจารณา ก่อนจะถามหานซั่วด้วยน้ำเสียงห้วน ๆ
“ท่านมาพบใครรึ?”
หานซั่วไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงแต่ยื่นเหรียญตราให้เด็กคนนั้นดู และเขาก็เบี่ยงตัวไปยืนข้าง ๆ เพื่อหลบให้หานซั่วเดินผ่านเข้าไป เด็กคนนั้นคืนเหรียญตราให้หานซั่ว ก่อนจะผ่อนคลายสีหน้าของตัวเองลงและพูดอย่างเจื่อน ๆ
“ท่านเพิ่งเข้าร่วมกับเราใช่มั้ย? ข้าไม่เคยเห็นท่านมาก่อนเลย เพราะเหรียญตราของท่านก็เป็นสัญลักษณ์ของสมาชิกใหม่ ใครเป็นนายของท่านเหรอ?”
ขณะที่เดินตามเด็กคนนั้นเข้าไปในคฤหาสน์ หานซั่วกลับพบว่าไม่ปรากฏเขตแดนเวทมนตร์หรือกลไกใด ๆ ภายในคฤหาสน์หลังนั้นเลย ทำให้หานซั่วรู้สึกประหลาดใจขณะสำรวจสิ่งรอบข้างต่าง ๆ อย่างใกล้ชิดยิ่งกว่าเดิม ก่อนจะตอบกลับไปอย่างไม่ใส่ใจ
“ข้าเพิ่งเข้าร่วมได้ไม่กี่วัน ลุงแก่ ๆ คนหนึ่งที่ชื่อคานไดด์เป็นคนดูแลข้าน่ะ”
“อ…อะไรนะ? ท่านแน่ใจเหรอ? ท่านคานไดด์เป็นผู้ดูแลท่านทั้ง ๆ ที่ท่านเพิ่งเข้าร่วมเป็นสมาชิกใหม่เนี่ยนะ?”
เด็กหนุ่มตกตะลึงเป็นอย่างยิ่งทันทีพลางถามหานซั่วกลับไปด้วยเสียงแผ่วเบา
หานซั่วพยักหน้า และถามเขาด้วยความสับสน
“ใช่ มีปัญหาอะไรเหรอ?”
“อ่า… ก็ไม่ใช่ปัญหาอะไรหรอก เพียงแต่ท่านคานไดด์เป็นหนึ่งในสามผู้ทรงอิทธิพลและถืออำนาจสิทธิ์ขาดในองค์กร “องครักษ์ชุดดำ” ของเราน่ะ ท่านสามารถเคลื่อนกำลังพลกองทัพของเมืองทุกเมืองในจักรวรรดิโดยไม่จำเป็นต้องขอพระราชานุญาตจากองค์จักรพรรดิเลยด้วยซ้ำ แถมยังสั่งฆ่าพวกขุนนางหรือนายทหารชั้นผู้ใหญ่ได้โดยตรง ท่านเพิ่งเป็นสมาชิกใหม่ แต่ได้อยู่ใต้การควบคุมดูแลโดยท่านคานไดด์ เหลือเชื่อจริง ๆ!”
หานซั่วยักไหล่
“ข้าเองก็ไม่รู้หรอก ข้ารู้แค่ว่าเขาเป็นคนดึงข้ามาเข้าร่วมกับที่นี่เท่านั้นเอง วันนี้ข้าก็มาพบเขานี่แหละ จริงสิ ข้าลองมองไปทั่วแล้ว เห็นว่าที่นี่เป็นศูนย์บัญชาการลับไม่ใช่รึ? ทำไมถึงไม่มีการป้องกันอะไรเลยล่ะ เกิดอะไรขึ้นรึเปล่า?”
“ฮ่า ๆ ๆ ท่านนี่สมกับเป็นสมาชิกใหม่จริง ๆ ตามข้ามาเถอะ ข้าจะพาท่านเดินดูรอบ ๆ เอง!”
เด็กหนุ่มคนนั้นทำเสียงเป็นผู้ใหญ่ขึงขัง ก่อนจะเดินนำหน้าหานซั่วไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
ติดตามอัพเดทและอ่านตอนต่อไปทันที ที่นี่ >>> Facebook :
** ปรับเวลาลงนิยายหน้าเพจหลัก เป็นอาทิตย์ละ 2 ตอน จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงแจ้งให้ทราบน้า **
(0 votes) 0/10