I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Great Demon King ตอนที่ 95 ศูนย์บัญชาการองครักษ์ชุดดำ

| Great Demon King | 804 | 2365 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

 

ระหว่างทางในป่าทมิฬ  คลาร์กหลงใหลในตัวแฟนนี่อย่างเห็นได้ชัด  แต่เพราะถูกหานซั่วจัดฉากกลั่นแกล้งจนต้องระเห็จออกจากกลุ่มไป  ใครจะคาดคิดว่าหานซั่วจะได้กลับมาเจอเขาที่วิทยาลัยอีกครั้งหลังผ่านไปเพียงไม่กี่เดือน

ดุ๊คและคลาร์กกำลังพูดคุยกันอยู่ในเรือนรับรองหลังหนึ่งที่อยู่ในสำนักอัศวิน  พร้อมด้วยนักดาบระดับสูงที่กำลังยืนรักษาความปลอดภัยอยู่บริเวณประตูหน้าราวกับกลัวว่าจะมีใครสักคนมารบกวนคนทั้งคู่

ดุ๊คสร้างเวทย์กำแพงลมไว้ภายในตัวอาคาร  ทำให้ปีศาจปฐมภูมิของหานซั่วไม่สามารถเข้าไปใกล้เพราะสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังมนตราเบาบางในบริเวณนั้น    อีกทั้งยังไม่สามารถได้ยินบทสนทนาใด  ๆ  ของทั้งสองคน  นอกจากจะทำได้เพียงจับตามองเอริค  นักดาบระดับสูงที่ยืนเฝ้าอยู่ด้านนอกเท่านั้น

เมื่อตอนที่ดุ๊คและคามิลล่าพบกันเมื่อครั้งก่อนในห้องเรียนของสาขาเวทมนตร์ธาตุมืด  ซึ่งพวกเขาเลือกที่จะพบกันในเวลากลางดึกด้วยคิดว่าคงจะไม่มีใครรู้  ทำให้ไม่ได้เตรียมมาตรการป้องกันใด  ๆ  มากนัก  แต่เมื่อตอนนี้ยังเป็นเวลากลางวัน  และยังไม่รวมถึงเหตุผลที่สถานที่นี้เป็นใจกลางสำนักอัศวินของวิทยาลัย  จึงไม่แปลกใจที่ดุ๊คจะทำการด้วยความรอบคอบระมัดระวังถึงเพียงนี้

ไม่นานนัก  ดุ๊คและคลาร์คก็เดินออกมาจากเรือนรับรอง  ก่อนที่ดุ๊คจะเดินออกจากสำนักอัศวินไป  โดยมีปีศาจปฐมภูมิของหานซั่วห้อยตามหลังดุ๊คและเอริคไปติด  ๆ  จนถึงอาคารเรียนของสาขาเวทมนตร์ธาตุลม  ในขณะที่คลาร์กยังคงอยู่ในสนามฝึกซ้อมของสำนักอัศวินเพื่อฝึกฝนการต่อสู้ของตนเองต่อไป

ขณะนั้นเป็นเวลาฝึกซ้อมการต่อสู้ช่วงกลางวันของเหล่านักเรียนอัศวินพอดี  หานซั่วจึงไม่ได้อยู่ที่เดิมเพื่อเฝ้าสังเกตการณ์ต่อ  แต่ตรงไปยังสนามฝึกซ้อมเพื่อตามหาลอว์เรนซ์ตามเป้าหมายเดิม

นอกจากอาวุธนานาชนิดที่อยู่ในสนามฝึกซ้อมแล้ว  ยังมีม้าศึกหุ้มเกราะดูน่ากลัวอยู่อีกกลุ่มหนึ่ง  ความแตกต่างที่ชัดเจนที่สุดระหว่างอัศวินและนักดาบก็คือ  อัศวินจะใช้ม้าในการต่อสู้เป็นหลัก  ความสามารถในการควบคุมม้าเป็นทักษะสำคัญที่อัศวินทุกคนจะต้องเชี่ยวชาญ  เพราะจะทำให้สามารถใช้ประโยชน์จากม้าศึกทั้งเรื่องความรวดเร็วว่องไว  และพละกำลังอันหนักหน่วงของมันมาเสริมในการต่อสู้

 

 

ตอนนั้นเอง  ลอว์เรนซ์แต่งกายในชุดเกราะสีเงินเป็นประกายพร้อมด้วยอาวุธหอกยาวคู่ใจ  และกำลังฝึกซ้อมการต่อสู้อยู่ในสนาม  ในขณะที่ม้าศึกของเขาก็กำลังกระโดดข้ามสิ่งกีดขวางหลายชิ้น  เมื่อทั้งคู่พุ่งตัวไปข้างหน้า  หอกยาวในมือของเขาก็ฟาดฟันด้วยความเร็วราวสายฟ้า  พร้อมด้วยประกายแสงของออร่าต่อสู้อันสวยสดงดงามของเขาที่สว่างวาบขึ้นกลางอากาศ

“หวัดดี  ลอว์เรนซ์!”

หานซั่วยืนอยู่ตรงหน้าประตู  เฝ้ามองอยู่ครู่หนึ่ง  ก่อนจะเอ่ยปากทักทาย

ลอว์เรนซ์บังคับม้าให้หมุนตัวหันมาหลังจากที่มันส่งเสียงร้องเบา  ๆ  ก่อนที่จะหันหอกยาวในมือพุ่งมาทางหานซั่วทันที  …หอกยาวของลอว์เรนซ์พุ่งเป้ามาที่หน้าอกของหานซั่ว  ตามมาด้วยเสียงควบของเกือกม้าที่ทำด้วยเหล็ก

แม้การโจมตีนั้นจะรุนแรงอย่างไม่มีข้อกังขา  หานซั่วก็ยังไม่ขยับหนีจนกระทั่งลอว์เรนซ์บนหลังม้าพุ่งมาอยู่ตรงหน้าเขา  และตอนนั้นเองที่หานซั่วงัดคมมีดพิชิตมารออกมา  ก่อนจะผสานมันรวมกับพลังอันโหดร้ายป่าเถื่อนของปราณปีศาจ  และแทงเข้าใส่หอกยาวนั้นอย่างรุนแรง

ด้วยแรงปะทะของคมมีดพิชิตมาร  หอกยาวนั้นก็ถูกผ่าออกเป็นสองซีกทันทีโดยเริ่มแตกออกตั้งแต่ส่วนปลายแหลมของมัน  นับว่าโชคดีที่ลอว์เรนซ์ปล่อยมือออกทันเวลา  มิเช่นนั้นแล้ว  คมมีดพิชิตมารอาจจะทำให้มือของเขาบาดเจ็บต่อจากหอกยาวนั่นก็เป็นได้

อย่างไรก็ตาม  เมื่อรวมกับพละกำลังอันแข็งแกร่งและความว่องไวของม้าศึก  ทำให้หานซั่วรับการโจมตีค่อนข้างยาก  เพราะพลังที่ยากจะต้านทานยามเข้าปะทะนั้นถึงกับทำให้แขนของหานซั่วข้างที่ถือคมมีดพิชิตมารสั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้

ลอว์เรนซ์ดึงบังเหียนเพื่อหยุดม้า  ก่อนจะกระโดดลงมาอยู่ตรงหน้าหานซั่วด้วยท่าทีตื่นเต้นดีใจหลังจากถอดชุดเกราะหนักออกแล้ว  สายตาทั้งคู่ของลอว์เรนซ์จับจ้องมาที่คมมีดพิชิตมารในมือของหานซั่ว  และอุทานด้วยความประหลาดใจ

“นั่นมันอาวุธประหลาดอะไรกัน  คมชะมัด!”

“ฮะ  ๆ  ๆ  ทั้งเหล็กสีนิล  เหล็กไหล  และแร่โลหะหายากหลาย  ๆ  อย่างผสมรวมกันสร้างเป็นอาวุธชนิดนี้ขึ้นมาน่ะ  ทำขึ้นเป็นพิเศษด้วยฝีมือของพวกคนแคระเองเลย  ถ้าไม่คมก็แปลกแล้วล่ะ!”

หานซั่วเก็บคมมีดพิชิตมารกลับไป  และหันมาอธิบายลอว์เรนซ์

ลอว์เรนซ์หยิบผ้าขนหนูออกมาเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก

“อย่างงี้นี่เอง  อาวุธของเจ้านี่ไม่ธรรมดาจริง  ๆ  อ้อ  จริงสิ  ที่เจ้ามาหาข้าถึงนี่  เพราะเจ้าหาเหล็กสีนิลให้ข้าได้แล้วละสิ?”

หานซั่วพยักหน้า  และหยิบเอาเหล็กสีนิลที่เพิ่งขุดได้เมื่อวานออกมาจากแหวนมิติ

“ใช่แล้วล่ะ  เหล็กสีนิลก้อนนี้น่าจะตรงตามที่ท่านต้องการพอดี  งั้นเราก็มาตกลงธุรกิจของพวกเรากันให้เสร็จเถอะ”

“ไม่มีปัญหา  เอาตราสารคริสตัลของเจ้ามาสิ  ข้าจะโอนย้ายเงิน  5,000  เหรียญทองไปให้”

ลอว์เรนซ์มองเหล็กสีนิลในมือของหานซั่วอย่างดีอกดีใจ  และกระตือรือร้นจนแทบอดใจไม่ไหว

เมื่อหานซั่วและลอว์เรนซ์แลกเปลี่ยนกันเสร็จแล้ว  หานซั่วก็พบว่ามีเงินเพิ่มอีก  5,000  เหรียญทองปรากฏอยู่บนตราสารของเขา  จนถึงกับยิ้มออกมาเล็กน้อย

ในขณะที่ทั้งคู่ต่างกำลังพึงพอใจอยู่นั้นเอง  คลาร์ก  อัศวินปฐพีก็เดินเข้ามาในสนามและทำทีจะพูดอะไรบางอย่าง  แต่แล้วเมื่อสังเกตเห็นหานซั่ว  สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที  ก่อนจะตะโกนออกมา

“เจ้าน่ะเอง!”

หานซั่วหันขวับไปตามเสียงร้องทันที  และพบกับคลาร์กที่กำลังเดินเข้ามา  หานซั่วรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย  ก่อนจะน้อมศีรษะให้คลาร์ก  และจะทักทายกลับไป

“สวัสดี  ท่านอัศวินคลาร์ก  ไม่เจอกันซะนาน  ทำไมในป่าทมิฬคราวที่แล้วท่านถึงได้จากโดยไปไม่บอกไม่กล่าวอะไรเลยล่ะ?”

“เหอะ!  ก็ข้าถูกกลั่นแกล้งจากคนชั่วช้าเลวทรามบางคนน่ะสิ  ข้าถึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องเดินทางจากไป”

ด้วยเวลาที่ผ่านไปนานมากทีเดียว  และคลาร์กเองก็ต้องเข้าใจถึงความจริงที่เกิดขึ้นแล้วอย่างแน่นอน  ถึงได้พูดประชดประชันทันทีที่เห็นหานซั่วราวกับคิดว่าเจาะจงได้ถูกคน

คลาร์กนิ่งไปครู่หนึ่ง  ก่อนจะมองหน้าหานซั่ว

“อาจารย์แฟนนี่เป็นยังไงบ้าง?  ข้าอยากแวะไปเยี่ยมเธอสักหน่อย  และอยากไปขอโทษเธอด้วย”

“อาจารย์แฟนนี่สบายดีมาก  ๆ  และไม่จำเป็นให้ท่านต้องเป็นห่วงหรอก!”

หานซั่วตอบกลับแทบจะทันทีพร้อมทำสีหน้าเย็นชาเมื่อรู้ว่าคลาร์กยังไม่ลืมแฟนนี่

“เฮ้  ๆ  ๆ  ทั้ง  2  คน  เกิดอะไรขึ้นเนี่ย?  เอ๋?  รุ่นพี่คลาร์ก    ท่านเรียนจบไปแล้วไม่ใช่เหรอครับ?  ท่านกลับมาทำอะไรที่นี่เหรอ?  แล้วท่านรู้จักไบรอันได้ยังไงกัน?”

ลอว์เรนซ์เห็นว่าทั้ง  2  คนทำท่าราวกับจะพ่นไฟใส่กันจึงรีบพูดดักคอไว้ก่อน

“ข้ากลับมาที่สำนักอัศวินเพื่อตามสืบเกี่ยวกับการหายตัวไปของ  คล็อด  น้องชายของข้า  ดูเหมือนน้องชายข้าจะเคยมีเรื่องกับไบรอันในเมืองดรอลมาก่อน  ถ้าข้ารู้ว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของคล็อดล่ะก็  ข้าจะทำให้เขาต้องชดใช้อย่างสาสมเลยล่ะ”

สีหน้าของคลาร์กเข้มขึ้นด้วยความไม่พอใจทันทีขณะตอบลอว์เรนซ์กลับไป

หานซั่วรู้สึกหัวใจหล่นวูบทันที  พลางมองคลาร์กด้วยท่าทีตกตะลึง  เพราะไม่คาดคิดมาก่อนว่าคล็อดจะเป็นน้องชายของคลาร์ก  แปลว่าเขาคือบุตรชายคนโตของหัวหน้าหน่วยกริฟฟ่อนแห่งจักรวรรดินั่นเอง  แต่ย้อนไปที่เมืองดรอลเมื่อคราวนั้น  หานซั่วก็มีเพียงแต่เหตุการณ์ที่ยืนยันความบริสุทธิ์ใจ  เพราะก่อนหน้านั้น  คล็อดก็เพียงแค่พบกับหานซั่วในบาร์ของโรงแรมแห่งหนึ่งเท่านั้น  หากคลาร์กคิดจะสืบสวนเรื่องนี้จริง  ๆ  ก็คงเป็นไปได้ยากเอาการ

“เรื่องนั้นเกี่ยวอะไรกับข้าด้วยล่ะ?  ข้าไม่ได้สนิทกับคล็อดซะหน่อย  อีกอย่าง  ทักษะการต่อสู้ของเขาก็ถือว่าสูงพอตัวทีเดียว  จะเกิดอะไรขึ้นกับเขาง่าย  ๆ  ได้ยังไงกัน?”

หานซั่วตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย  จากนั้นจึงหันไปหาลอว์เรนซ์หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง

“เอาล่ะข้าเองก็ไม่มีธุระอะไรแล้ว  วันนี้พวกเราพอกันก่อนก็แล้วกัน”

หานซั่วไม่รอให้ลอว์เรนซ์ตอบ  แต่กลับเดินออกจากสนามฝึกซ้อมไปทันทีที่พูดจบ  ขณะเดินออกไปเขาก็ค่อย  ๆ  เร่งความเร็วมากขึ้นเรื่อย  ๆ

ปีศาจปฐมภูมิทั้ง  3  ตนถูกเรียกตัวกลับมาในร่างของหานซั่วจากระยะไกลทันที  เมื่อรู้ถึงตัวตนของคลาร์กแล้ว  หานซั่วก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่างไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับเรื่องนี้

ในฐานะบุตรชายคนโตของหัวหน้าหน่วยกริฟฟ่อนของจักรวรรดิ  ทำไมเขาถึงต้องทำตัวลับ  ๆ  ล่อ  ๆ  ขณะพูดคุยกับคนของจักรวรรดิคาซีแบบนั้น?  แม้ว่าจะไม่รู้ว่าทั้งสองคนพูดคุยกันถึงเรื่องอะไร  แต่หานซั่วก็รู้สึกว่าเขาควรรายงานถึงสิ่งที่เขาไม่สามารถควบคุมได้ในครั้งนี้กับพวกผู้บริหารของ  “องครักษ์ชุดดำ”  เพื่อให้พวกนั้นเป็นฝ่ายวิตกกังวลแทนจะดีกว่า

มีคฤหาสน์หลังใหญ่อยู่หลังหนึ่งทางตอนเหนือของเมือง  ห่างไปจากบ้านพักที่พังทลายไปแล้วของฟีบี้เพียงเล็กน้อย  หานซั่วหยิบตราสัญลักษณ์ของ  “องครักษ์ชุดดำ”  ออกมาเพื่อยืนยันตัวตน  และตัดสินใจเคาะประตูโลหะหลังจากตรวจจับไม่พบสิ่งผิดปกติใด  ๆ  บริเวณรอบนอก  ไม่นานนัก  ก็มีเด็กตัวเตี้ย  ๆ  ผอมแห้งคนหนึ่งมาเปิดประตูให้

เขามองหานซั่วตั้งแต่หัวจรดเท้าเพื่อพิจารณา  ก่อนจะถามหานซั่วด้วยน้ำเสียงห้วน  ๆ

“ท่านมาพบใครรึ?”

หานซั่วไม่ได้พูดอะไรมาก  เพียงแต่ยื่นเหรียญตราให้เด็กคนนั้นดู  และเขาก็เบี่ยงตัวไปยืนข้าง  ๆ  เพื่อหลบให้หานซั่วเดินผ่านเข้าไป  เด็กคนนั้นคืนเหรียญตราให้หานซั่ว  ก่อนจะผ่อนคลายสีหน้าของตัวเองลงและพูดอย่างเจื่อน  ๆ

“ท่านเพิ่งเข้าร่วมกับเราใช่มั้ย?  ข้าไม่เคยเห็นท่านมาก่อนเลย  เพราะเหรียญตราของท่านก็เป็นสัญลักษณ์ของสมาชิกใหม่  ใครเป็นนายของท่านเหรอ?”

ขณะที่เดินตามเด็กคนนั้นเข้าไปในคฤหาสน์  หานซั่วกลับพบว่าไม่ปรากฏเขตแดนเวทมนตร์หรือกลไกใด  ๆ  ภายในคฤหาสน์หลังนั้นเลย  ทำให้หานซั่วรู้สึกประหลาดใจขณะสำรวจสิ่งรอบข้างต่าง  ๆ  อย่างใกล้ชิดยิ่งกว่าเดิม  ก่อนจะตอบกลับไปอย่างไม่ใส่ใจ

“ข้าเพิ่งเข้าร่วมได้ไม่กี่วัน  ลุงแก่  ๆ  คนหนึ่งที่ชื่อคานไดด์เป็นคนดูแลข้าน่ะ”

“อ…อะไรนะ?  ท่านแน่ใจเหรอ?  ท่านคานไดด์เป็นผู้ดูแลท่านทั้ง  ๆ  ที่ท่านเพิ่งเข้าร่วมเป็นสมาชิกใหม่เนี่ยนะ?”

เด็กหนุ่มตกตะลึงเป็นอย่างยิ่งทันทีพลางถามหานซั่วกลับไปด้วยเสียงแผ่วเบา

หานซั่วพยักหน้า  และถามเขาด้วยความสับสน

“ใช่  มีปัญหาอะไรเหรอ?”

“อ่า…  ก็ไม่ใช่ปัญหาอะไรหรอก  เพียงแต่ท่านคานไดด์เป็นหนึ่งในสามผู้ทรงอิทธิพลและถืออำนาจสิทธิ์ขาดในองค์กร  “องครักษ์ชุดดำ”  ของเราน่ะ  ท่านสามารถเคลื่อนกำลังพลกองทัพของเมืองทุกเมืองในจักรวรรดิโดยไม่จำเป็นต้องขอพระราชานุญาตจากองค์จักรพรรดิเลยด้วยซ้ำ  แถมยังสั่งฆ่าพวกขุนนางหรือนายทหารชั้นผู้ใหญ่ได้โดยตรง  ท่านเพิ่งเป็นสมาชิกใหม่  แต่ได้อยู่ใต้การควบคุมดูแลโดยท่านคานไดด์  เหลือเชื่อจริง  ๆ!”

หานซั่วยักไหล่

“ข้าเองก็ไม่รู้หรอก  ข้ารู้แค่ว่าเขาเป็นคนดึงข้ามาเข้าร่วมกับที่นี่เท่านั้นเอง  วันนี้ข้าก็มาพบเขานี่แหละ  จริงสิ  ข้าลองมองไปทั่วแล้ว  เห็นว่าที่นี่เป็นศูนย์บัญชาการลับไม่ใช่รึ?  ทำไมถึงไม่มีการป้องกันอะไรเลยล่ะ  เกิดอะไรขึ้นรึเปล่า?”

“ฮ่า  ๆ  ๆ  ท่านนี่สมกับเป็นสมาชิกใหม่จริง  ๆ  ตามข้ามาเถอะ  ข้าจะพาท่านเดินดูรอบ  ๆ  เอง!”

เด็กหนุ่มคนนั้นทำเสียงเป็นผู้ใหญ่ขึงขัง  ก่อนจะเดินนำหน้าหานซั่วไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

 


ติดตามอัพเดทและอ่านตอนต่อไปทันที ที่นี่ >>> Facebook :

** ปรับเวลาลงนิยายหน้าเพจหลัก เป็นอาทิตย์ละ 2 ตอน จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงแจ้งให้ทราบน้า **

 

(0 votes) 0/10
ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments