ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
หลังจากเดินไปตามทางในคฤหาสน์ได้ระยะหนึ่ง หานซั่วก็รู้จักเด็กหนุ่มผอมเก้งก้างคนนี้ในชื่อ เชสเตอร์ ซึ่งมีอาชีพเป็นโจร และได้เรียนรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันขององครักษ์ชุดดำจากเขา
องค์กร “องครักษ์ชุดดำ” ถูกแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ ดาราทมิฬ จันทราทมิฬ และสุริยันทมิฬ ตามปริมาณผลงานที่ทำเพื่อองค์กร ดวงดาราที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วผืนแผ่นท้องฟ้ายามราตรี เปรียบเสมือนกับสมาชิกของกลุ่มดาราทมิฬที่มีอยู่ทั่วไปทุกซอกมุมของจักรวรรดิ ส่วนกลุ่มจันทราทมิฬจะเหนือขึ้นมาอีกขั้น แต่คนกลุ่มนี้จะไม่สามารถพบเห็นได้ภายใต้แสงสว่างในเวลากลางวัน ต้องใช้ชีวิตอยู่ในเงามืดเพียงเท่านั้น ในขณะที่สมาชิกของกลุ่มสุริยันทมิฬ สามารถส่องแสงสว่างสดใสราวกับดวงตะวันในการปรากฏตัวต่อสาธารณชนได้อย่างสง่าผ่าเผย
และใน 3 กลุ่มทั้งดารา จันทรา และสุริยันนั้น ยังแบ่งออกไป 5 ลำดับชั้นย่อยตามผลงานที่ทำเพื่อจักรวรรดิ สำหรับหานซั่วในปัจจุบัน เป็นสมาชิกระดับดาราทมิฬ และดาวดวงเล็ก ๆ บนด้านหลังเหรียญตราของเขาแสดงให้เห็นว่าเขาเป็นสมาชิกระดับหนึ่งดาว ซึ่งเป็นระดับล่างสุดของกลุ่มดาราทมิฬ
เมื่อมีผลงานที่ทำเพื่อจักรวรรดิเพิ่มมากขึ้น เหรียญตรานั้นจะค่อย ๆ เพิ่มจำนวนดวงดาวบนเหรียญ เป็น 2 ดวง 3 ดวง 4 ดวง และสุดท้ายคือ 5 ดวง และเมื่อใดที่สมาชิกทำผลงานได้จนครบ 5 ดวง ก็จะได้รับการเลื่อนขั้นเข้าสู่กลุ่มจันทราทมิฬ จากนั้นจึงจะทำการเลื่อนระดับในรูปแบบเดียวกันด้วยการสะสมผลงานจนกลายเป็นสมาชิกจันทราทมิฬระดับ 5 ดาว ก่อนจะได้รับการเลื่อนขั้นเข้าสู่การเป็นสมาชิกในระดับสุริยันทมิฬซึ่งเป็นระดับสูงที่สุด
ยิ่งสมาชิกก้าวขึ้นสู่ระดับที่สูงขึ้น ไม่เพียงแต่ผลตอบแทนรายเดือนจะสูงขึ้นอย่างมาก แต่ยังสามารถดื่มด่ำกับสิทธิพิเศษมากมายของ “องครักษ์ชุดดำ” ได้อีกด้วย และเมื่อขึ้นไปสู่จุดที่สูงที่สุดเช่นเดียวกับคานไดด์ ก็จะสามารถรับคำสั่งจากองค์จักรพรรดิได้โดยตรง เท่ากับว่าอยู่ใต้อำนาจองค์จักรพรรดิเพียงพระองค์เดียว ในขณะที่มีอาจารเหนือประชาชนนับหมื่น ทำให้ทั้งทรัพย์สมบัติ และความร่ำรวยมั่งคั่งทุกอย่างจะอยู่ใกล้แค่เอื้อม
“ถึงแล้วล่ะ!”
หลังจากเดินมาค่อนข้างไกล ในที่สุด เชสเตอร์ก็พาหานซั่วมาถึงยังเบื้องหน้าของห้องรับรองแห่งหนึ่งที่อยู่ในใจกลางคฤหาสน์
หานซั่วปลดปล่อยปีศาจปฐมภูมิทั้ง 3 ตนออกไปตามโถงทางเดิน และพบว่าไม่มีใครอยู่ในบริเวณนั้นนอกจากเชสเตอร์และตัวเขาเอง รวมทั้งยังไม่มีกลไกป้องกันใด ๆ ติดตั้งไว้รอบ ๆ คฤหาสน์กว้างใหญ่แห่งนี้แม้เพียงสักอย่างเดียว ทำให้หานซั่วยังรู้สึกแปลกใจไม่หาย
ห้องนั้นไม่ได้มีขนาดใหญ่โตนัก และเมื่อมองไปรอบ ๆ ก็ยังไม่พบสิ่งผิดปกติอะไร เขาจึงถามเชสเตอร์ด้วยท่าทีประหลาดใจ
“ที่นี่มีอะไรต่างไปจากปกติงั้นรึ?”
“หึหึหึ แน่นอนว่าที่นี่ย่อมมีความแตกต่างบางอย่าง คฤหาสน์ทั้งหลังก็เป็นอย่างที่ท่านสังเกตเห็นนั่นแหละ ไม่มีกลไกป้องกันหรืออะไรเลย แต่คฤหาสน์นี่เป็นแค่เปลือกนอกเท่านั้นเอง ฐานลับของ “องครักษ์ชุดดำ” ที่แท้จริงน่ะไม่ใช่ที่นี่หรอก”
เชสเตอร์อธิบายพร้อมรอยยิ้มจาง ๆ ก่อนที่จะทันไปง่วนทำอะไรบางอย่าง และตอนนั้นเอง เสียง แกร๊ก ก็ดังลั่นขึ้น เผยให้เห็นทางเข้าปรากฏบนพื้นเรียบลื่นของห้องนั้น
“ว่าแล้วว่าต้องมีกลไกอะไรซ่อนไว้สักอย่าง ฮะ ๆ ๆ ทางเข้านี่จะพาไปที่ไหนเหรอ?”
หานซั่วถามอย่างอดไม่ได้เมื่อเห็นทางลับปรากฏขึ้นมา
“ตามมาเลย ข้าจะพาท่านไปยังศูนย์บัญชาการลับของ “องครักษ์ชุดดำ” ที่แท้จริงเอง!”
เชสเตอร์ยิ้มกว้าง ก่อนจะกระโดดลงไปยังทางลับสว่างจ้าตรงหน้า และเรียกหานซั่วให้ตามเขาลงไป
เมื่อลงไปแล้ว หานซั่วก็รู้สึกว่าพื้นที่เขากระโดดลงไปค่อนข้างนิ่ม มีกำแพงหนารายล้อมรอบด้าน และคลื่นมนตราทรงพลังแผ่ซ่านออกมาจากภายในสถานที่แห่งนั้นอย่างชัดเจนทันที
แล้วกำแพงหนาก็ปริแยกออกกลายเป็นประตูขนาดใหญ่พร้อมด้วยเสียงทุ้มนุ่ม แล้วก็เผยให้เห็นเส้นทางเดินสว่างจ้าที่คดเคี้ยววกวนราวเขาวงกตต่อหน้าคนทั้งคู่ …ทางเดินหลายเส้นเชื่อมต่อกันไปมาในหลายทางแยกเบื้องหน้า คลื่นพลังมนตราแผ่ซ่านออกมาจากผนังในแต่ละด้าน และยังมีหน้าไม้ทรงพลังไม่ทราบชนิดตรึงไว้กับผนังพร้อมขึ้นสายเตรียมยิงจู่โจมได้ทุกขณะ ปลายลูกดอกคมกริบของมันส่องประกายวับวาวชี้ลงมาจากทุกทิศทุกทาง
“ทำไมข้าถึงรู้สึกว่าที่นี่มันเหมือนถ้ำซะมากกว่าแฮะ?”
หานซั่วโพล่งออกมาอย่างไม่ตั้งใจหลังจากมองไปรอบ ๆ
เชสเตอร์เดินออกมาจากข้างในและเรียกให้หานซั่วตามเข้าไป พลางอธิบาย
“ความรู้สึกของท่านก็ถูกต้องแล้วล่ะ ที่นี่คือภูเขาออร์ดัส ที่อยู่ด้านหลังปราสาทของจักรวรรดิ ภูเขาสูงตระหง่านนี้เป็นเขตหวงห้ามและไม่ได้อนุญาตให้ใครผ่านเข้ามาง่าย ๆ ศูนย์บัญชาการลับของ “องครักษ์ชุดดำ” ของพวกเราตั้งอยู่ในใจกลางภูเขาลูกนี้ และภายในเขตนี้แหละที่มาตรการรักษาความปลอดภัยต่าง ๆ ก็ติดตั้งไว้ตามจุดต่าง ๆ และยังมีหน่วยทหารของจักรวรรดิประจำการอยู่รอบ ๆ ภูเขาด้วยนะ เพราะในฐานะองค์กรลับขององค์จักรพรรดิ ที่นี่จึงเป็นศูนย์รวมของคนมีพรสวรรค์มากมาย รวมทั้งเอกสารลับต่าง ๆ ถูกเก็บเอาไว้เช่นกัน ที่นี่ไม่เคยมีเหตุร้ายอะไรเกิดขึ้นมานานมากแล้วล่ะ เพราะความปลอดภัยของที่นี่ก็เทียบเท่ากับการรักษาความปลอดภัยในปราสาทขององค์จักรพรรดิเลยทีเดียวเชียว”
หานซั่วรู้สึกได้จริง ๆ ว่าความปลอดภัยของที่นี่มีความหนาแน่นสูงมาก อีกทั้งยังเต็มไปด้วยคลื่นพลังมนตราที่พลังแข็งแกร่ง ทำให้เขาไม่กล้าที่จะปลดปล่อยขุนพลปีศาจอย่างปีศาจปฐมภูมิออกมาในสถานที่แบบนี้ หานซั่วจึงทำได้เพียงใช้ประสาทรับรู้ที่ดีเป็นพิเศษของตัวเองในการสัมผัสถึงอันตรายมากมายที่อาจซ่อนเร้นอยู่ในบริเวณโดยรอบ
หานซั่วเดินตามหลังเชสเตอร์เข้าไปตามทาง พบปะกับสมาชิกคนอื่น ๆ ขององครักษ์ชุดดำบ้างประปราย และห้องที่สร้างจากหินจำนวนหนึ่งก็เรียงรายกันไปตลอดทาง หานซั่วสัมผัสได้ถึงเสียงลมหายใจและเสียงหัวใจเต้น จึงรู้ทันทีว่ามีคนอยู่ในห้องหินเหล่านั้น
“ท่านคานไดด์เป็นหนึ่งในสามผู้ยิ่งใหญ่ของ “องครักษ์ชุดดำ” ของพวกเรา แต่ข้าไม่มีคุณสมบัติพอที่จะนำท่านให้ไปพบท่านคานไดด์ได้ด้วยตัวเอง แต่ถึงอย่างนั้น ข้าก็พอจะรายงานเรื่องของท่านได้อยู่นะ ถ้าท่านอยู่ภายใต้การดูแลของท่านคานไดด์จริง ๆ ล่ะก็ ท่านคานไดด์จะต้องยินดีที่จะได้พบท่านแน่!”
เชสเตอร์มองหานซั่วด้วยสายตาอิจฉาตาร้อนเล็กน้อย ที่เขาโชคดีได้อยู่ในการดูแลของคานไดด์
“ข้าได้ยินเจ้าพูดถึงสามผู้ยิ่งใหญ่ขององครักษ์ชุดดำมาหลายครั้งแล้ว นอกจากคานไดด์แล้ว อีก 2 คนที่เหลือคือใครเหรอ?”
หานซั่วถามขณะเดินไปตามทาง
“ลอร์ดอามีส กับ เลดี้เซซิเลีย น่ะ เลดี้เซซิเลียจะเป็นคนคอยดูแลธุระต่าง ๆ ภายนอกจักรวรรดิขององครักษ์ชุดดำ ว่ากันว่าเป็นผู้หญิงที่สวยงามและมีเสน่ห์มากคนหนึ่งทีเดียวเลยล่ะ ฮะ ๆ ๆ น่าเสียดายที่คนต่ำต้อยอย่างข้าไม่เคยได้พบเธอเลยสักครั้งในชีวิต ส่วนลอร์ดอามีสกับลอร์ดคานไดด์จะคอยดูแลธุระที่เหลือภายในจักรวรรดิ แต่ลอร์ดอามีสจะควบคุมเรื่องการสอดส่องและสืบสวนเหล่าขุนนางและพวกเจ้าหน้าที่ของทางการระดับสูง ๆ ในจักรวรรดิมากเป็นพิเศษ และเป็นชายคนเดียวที่มีตัวตนอยู่ในสายตาของสาธารณะชนในนามขององค์กรเราอย่างแท้จริงเลยล่ะ”
“และเมื่อใดก็ตามที่ผลการสืบสวนของท่านสรุปออกมาได้ว่า เจ้าหน้าที่ของทางการผู้นั้นทำอะไรบางอย่างที่ตรงกันข้ามกับผลประโยชน์ของจักรวรรดิ ท่านอามีสสามารถจับกุมคนผู้นั้นได้ทันทีแล้วค่อยกลับมารายงานองค์จักรพรรดิทีหลัง หรือแม้แต่สังหารพวกขุนนางระดับล่างบางคนได้ทันทีโดยไม่ต้องขอพระราชานุญาตจากพระองค์ก่อน สำหรับเหล่าขุนนางในจักรวรรดิแล้ว ลอร์ดอามีสถือว่าเป็นฝันร้ายสำหรับพวกเขาเลยล่ะ ส่วนท่านลอร์ดคานไดด์ก็ดูแลควบคุมกิจกรรมภายในต่าง ๆ รวมถึงการตามล่าหาพวกสายลับที่แอบแฝงอยู่ภายในจักรวรรดิและฆ่าทิ้งซะ แต่ก่อนหน้านั้นก็รีดเอาองค์ความรู้ต่าง ๆ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อจักรวรรดิ กับสอบสวนเอาแผนการต่าง ๆ ที่ซ่อนอยู่อันจะเป็นภัยคุกคามต่าง ๆ ต่อจักรวรรดิด้วย”
เชสเตอร์อธิบายรายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับสามผู้ยิ่งใหญ่ขององครักษ์ชุดดำขณะเดินไปด้วยกัน
ขณะอธิบายไปเรื่อย ๆ ทั้งคู่เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าประตูโลหะบานหนึ่ง เชสเตอร์บอกให้หานซั่วหยุดรอ ก่อนจะพูดผ่านรูเล็ก ๆ ที่ประตู
“มีสมาชิกระดับดาราทมิฬทื่ชื่อไบรอันมาขอพบท่านลอร์ดคานไดด์ครับ เขาบอกว่าอยู่ในการดูแลของท่านคานไดด์โดยตรงครับ!”
“รอเดี๋ยวนะ ข้าไปถามลอร์ดคานไดด์ก่อน”
น้ำเสียงเย็นชาไร้อารมณ์เสียงหนึ่งดังขึ้นจากอีกด้านของประตูผ่านรูเล็ก ๆ นั้น แล้วประตูโลหะนั้นก็แทบจะเปิดออกในทันทีหลังผ่านไปประมาณ 2 นาที เผยให้เห็นแท่นทรงกลมหลายชิ้น หนึ่งในนั้นมีคลื่นพลังมนตราแผ่ซ่านออกมา แล้วเสียงนั้นก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“ไบรอันเข้ามาได้ เจ้ายืนบนแท่นทรงกลมได้เลย ส่วนเชสเตอร์ เจ้ารออยู่ข้าวนอก เมื่อไบรอันกลับมาเมื่อไหร่ เจ้าค่อยพาเขากลับไปตามทางเดิม”
“ครับผม”
เชสเตอร์ตอบและอธิบายเพิ่มเติมด้วยเสียงแผ่วเบา
“ตอนแรก พวกเราเข้ามาที่นี่ผ่าน มิติเวทมนตร์เคลื่อนย้ายระยะสั้น ซึ่งเหมือนกันกับวงมิติเวทมนตร์อันใหญ่ที่อยู่ใจกลางภูเขานั่นแหละ เขาจะจัดการเองว่าต้องส่งเจ้าไปที่ไหน”
หานซั่วพยักหน้ารับเป็นเชิงเข้าใจ ก่อนจะเดินขึ้นไปยังหน้าปัดทรงกลมที่เป็นรูปสัญลักษณ์มนตราสวยงามน่าอัศจรรย์ เพราะมิติเวทมนตร์เคลื่อนย้ายระยะสั้นนั้นจัดตั้งได้ไม่ยากนัก เพียงนักเวทย์ห้วงมิติคนใดก็ตามที่เป็นนักเวทย์ระดับสูงขึ้นไปสามารถสร้างขึ้นเองได้ ตราบใดที่มีวัตถุดิบเพียงพอ
แต่ในส่วนของมิติเวทมนตร์เคลื่อนย้ายทางไกล เหมือนมิติที่อยู่ในสุสานแห่งความตายกลางป่าทมิฬ ซึ่งอยู่ห่างออกไปหลายพันไมล์ ไม่ใช่สิ่งที่นักเวทย์ทั่วไปจะสามารถสร้างขึ้นเองได้ และไม่เพียงแต่ต้องการนักเวทย์ระดับจอมขมังเวทย์ขึ้นไปเท่านั้น ยังต้องการวัตถุดิบเวทมนตร์อีกจำนวนมากอีกด้วย และหากปราศจากพลังเวทมนตร์ที่ทรงพลังแล้ว ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะสร้างมิติเวทมนตร์ระดับนี้ขึ้นมาได้
หลังจากที่หานซั่วถอนหายใจด้วยความปลื้มในความมหัศจรรย์ของสุสานแห่งความตาย เขาก็มายืนอยู่บนแท่นมนตรา ก่อนจะมาปรากฏกายในห้องที่ทำจากหินขนาดกว้างขวางแห่งหนึ่ง ห้องนั้นประดับตกแต่งด้วยสีสันสว่าง เต็มไปด้วยความสะดวกสบาย และหรูหราว่าห้องในสมาคมพ่อค้าตระกูลบูซท์เสียอีก สัญลักษณ์เวทมนตร์มากมายถูกสลักอยู่บนผนังรอบห้องที่มีภาพเขียนรูปวิวทิวทัศน์แขวนอยู่ประปราย โคมระยะเหนือศีรษะส่องแสงกระจ่างตา สาดส่องความสว่างไปทั่วผนังหินทุกมุมของห้อง
คานไดด์กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะทางด้านหน้าของห้องนั้น พลางพลิกอ่านตำราเวทมนตร์ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ในขณะที่หานซั่วหันไปสังเกตรอบ ๆ ห้อง ก่อนจะมาหยุดมองที่คานไดด์ ซึ่งคานไดด์วางตำราในมือลงทันที ก่อนจะหันหน้างองุ้มของเขามาทางหานซั่ว และเอ่ยถามด้วยเสียงเย็นชา
“เกิดอะไรขึ้น? เจ้าค้นพบอะไรงั้นรึ?”
หานซั่วพยักหน้า ก่อนจะเล่าเรื่องราวที่ผ่านมาเมื่อไม่กี่วันก่อนให้คานไดด์ฟัง รวมทั้งเรื่องที่ดุ๊คแอบพบเพื่อพูดคุยกันกับคามิลล่า การสนทนาถึงเรื่องของ “เนตรอสูร” และคลาร์ก บุตรชายของหัวหน้าหน่วยกริฟฟ่อนแห่งจักรวรรดิที่มาพบดุ๊ค โดยหานซั่วเล่าถึงรายละเอียดถี่ยิบในทุกประเด็น
ขณะที่หานซั่วกำลังอธิบายต่อไปเรื่อย ๆ สีหน้าปกติของคานไดด์ก็ค่อย ๆ ดูบิดเบี้ยวและชั่วร้ายมากยิ่งขึ้น ซึ่งคานไดด์นิ่งเงียบไม่พูดอะไรจนกระทั่งหานซั่วพูดจบ คิ้วของเขาขมวดเป็นปมแน่นราวกับกำลังพิจารณาอะไรบางอย่าง
หลังจากนั้นไม่นาน เมื่อหานซั่วเริ่มอดทนรอต่อไปไม่ไหว คานไดด์ก็ยิ้มออกมาและพูดกับหานซั่ว
“ไบรอัน เจ้าทำได้ดีมาก ดีซะจนข้าเองยังตกใจ ดูเหมือนว่าเจ้าจะเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ทีเดียว ด้วยความสามารถระดับเจ้า ข้าประหลาดใจจริง ๆ ที่เจ้าสามารถหาข้อมูลที่มีค่ามากได้ในเวลาอันสั้นถึงเพียงนี้ ดุ๊คเป็นถึงจอมขมังเวทย์ธาตุลม แม้แต่คามิลล่าก็เป็นนักเวทย์ธาตุมืดระดับสูง และคลาร์กก็ยังเป็นอัศวินปฐพีผู้เกรียงไกร แต่เจ้ากลับทำได้โดยที่คนพวกนั้นไม่สงสัยเลยแม้แต่นิดเดียว ถ้าจะหาคำใดมาบรรยายศักยภาพของเจ้าที่ใกล้เคียงที่สุดก็คงเป็นคำว่าปาฏิหาริย์แล้วล่ะ”
“ท่านก็ชมข้าเกินไป”
หานซั่วตอบอย่างนอบน้อม
“เจ้าไม่จำเป็นต้องถ่อมตัวไปหรอก เพราะเจ้าจัดการเรื่องนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบจริง ๆ ถึงแม้จะสงสัยว่าเจ้าทำได้ยังไง แต่เจ้าเป็นคนของข้า และข้าก็จะไม่ก้าวก่ายหรือถามเรื่องส่วนตัวของเจ้าหรอก หึหึหึ และเจ้าก็ไม่จำเป็นต้องเป็นกังวลเรื่องหลังจากนี้แล้วล่ะ เพราะข้าจะส่งใครบางคนไปจัดการกับเรื่องนี้เอง”
คานไดด์มองหานซั่วด้วยสายตาราวกับคนที่กำลังจ้องมองปีศาจก็ไม่ปาน ก่อนจะกล่าวชื่นชมเขา
หานซั่วถอนหายใจอย่างโล่งอก เนื่องจากสิ่งที่เขากังวลมากที่สุดคือเกรงว่าคานไดด์จะนึกสงสัยความสัตย์จริงในคำพูดของเขา เพราะการปิดบังตัวตนจากคนหลายคนที่มีพลังและความแข็งแกร่งมากมายทั้ง ๆ ที่ระดับของตัวเขาเองไม่มีทางเทียบได้นนับเป็นภารกิจที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำ หานซั่วจึงนึกขอบคุณคานไดด์ที่ไม่สงสัยในความจริงใจของเขา เพราะการที่เขาไม่ถามเลยว่าหานซั่วได้ข้อมูลทั้งหมดมายังไง เป็นสิ่งที่ทำให้หานซั่วแปลกใจเป็นอย่างมาก
“เจ้าไม่ต้องคิดว่ามันแปลกเกินไปหรอก องครักษ์ชุดดำอย่างพวกเราน่ะ ต้องการเพียงผลลัพธ์สุดท้ายของภารกิจนั้นเท่านั้น เราไม่สนใจเรื่องวิธีหรือกระบวนการ เพราะสมาชิกแต่ละคนก็มีหนทางของตัวเอง ขอแค่ทำภารกิจให้สำเร็จตามที่ได้รับมอบหมายก็พอ เพราะแบบนี้แหละ เจ้าจึงไม่จำเป็นต้องเป็นกังวลอะไร อย่างที่ข้าเคยบอก ถ้าไม่ใช่เรื่องธุรกิจแล้ว พวกเราก็จะไม่ส่งผลกระทบใด ๆ ในชีวิตเจ้า ทำตามกิจวัตรประจำวันได้ตามเดิม และมีความสุขกับการได้เป็นตัวของตัวเองต่อไปได้ตามปกติเลย”
ราวกับว่าคานไดด์อ่านใจหานซั่วได้อย่างทะลุปรุโปร่ง จึงอธิบายให้เขาฟังอย่างอดทน
“เข้าใจล่ะ งั้นแปลว่าระหว่างนี้ ก็ยังไม่มีอะไรให้ข้าทำใช่มั้ยครับ?”
หานซั่วค่อนข้างยอมรับธรรมเนียมปฏิบัติขององครักษ์ชุดดำอย่างเต็มใจ ก่อนจะตอบกลับไปอย่างร่าเริง
“ส่งเหรียญตราประจำตัวของเจ้ามาให้ข้าสิ ข้าจะบันทึกผลงานความสามารถอันสำคัญนี้ไว้ในเหรียญตราและแฟ้มประวัติขององค์กร ข้าจะมอบดาวให้กับเจ้า 2 ดวง สมาชิกบางคนไม่ได้แม้แต่ดาวดวงเดียวแม้จะพยายามแลกกับข้อมูลนับสิบชิ้นก็ตาม แต่จากข้อมูลอันมีค่าที่เจ้าได้มา ก็มีค่าเพียงพอที่จะทำให้เจ้าได้รับดาวทั้ง 2 ดวงนี้”
คานไดด์มองหานซั่วพร้อมกับยิ้ม
คานไดด์หยิบเหรียญตราของหานซั่วไป ก่อนจะทำอะไรบางอย่างกับมันและส่งคืนให้หานซั่ว ดาวดวงน้อย ๆ จำนวน 2 ดวงปรากฏเพิ่มขึ้นมาบนด้านหลังของเหรียญตรา แปลว่าหานซั่วได้กระโดดข้ามไปถึง 2 ระดับ และกลายเป็นสมาชิกดาราทมิฬระดับ 3 ดาวทันที
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ข้าขอตัวนะครับ”
หานซั่วดีอกดีใจไม่น้อยเมื่อเห็นว่าเพียงภารกิจเดียวก็ทำให้เขาได้เลื่อนขึ้นเป็นสมาชิกระดับ 3 ดาวเหมือนกับเชสเตอร์ พลางยิ้มขณะพูด
คานไดด์พยักหน้ารับ
“เจ้าไปได้แล้วล่ะ แต่เจ้าต้องกลับมารายงานตัวที่องค์กรเป็นประจำทุกเดือนนะ แต่ถ้าระหว่างนี้เจ้าพบเรื่องใด ๆ ที่อาจจะเป็นประโยชน์ หรือเป็นผลเสียต่อจักรวรรดิ เจ้าก็กลับมารายงานโดยตรงได้ทันที แล้วผลตอบแทนของเจ้าก็จะได้รับการประเมินอย่างแม่นยำตามผลงานที่ถูกบันทึกไว้ในแฟ้มประวัติขององค์กร…”
“…หึหึหึ สมาชิกดาราทมิฬหลายคนก็พยายามทำผลงานให้ก้าวหน้าก็เพราะเหตุผลนี้ล่ะ เจ้าต้องรายงานตัวทุกเดือน ถึงแม้ว่าจะไม่มีข้อมูลใด ๆ เลยก็ตาม เพราะจะทำให้องค์กรรับรู้ถึงสถานภาพปัจจุบันของเจ้า และคอยดูว่ามีภารกิจใดที่เหมาะสมกับเจ้ารึเปล่าให้ด้วย แน่นอน เจ้ามีสิทธิ์ที่จะเลือกภารกิจได้บ้างบางอย่าง และปฏิเสธได้บางภารกิจเช่นกัน”
คานไดด์กล่าวเสริม
หานซั่วพยักหน้ารับเพื่อบ่งบอกว่าเขาเข้าใจเป็นอย่างดี เขาไม่พูดอะไรต่อ และเตรียมตัวจะออกห้องไป แต่เมื่อเดินไปถึงประตู คานไดด์ก็เหมือนจะมีหัวข้อสนทนาแปลกประหลาดบางอย่าง จึงร้องเรียกออกไป
“รอเดี๋ยวไบรอัน”
หานซั่วชะงักฝีเท้า ก่อนที่หานซั่วจะหันกลับมามองคานไดด์ด้วยสายตางุนงง
“เจ้าต้องจัดการความสัมพันธ์ระหว่างเจ้ากับลอว์เรนซ์ให้เป็นไปได้ด้วยดีนะ เพราะอาจจะทำให้เกิดผลกระทบยิ่งใหญ่บางอย่างกับเจ้าในอนาคต ตัวตนของลอว์เรนซ์ค่อนข้างยุ่งยากซับซ้อนเกินจินตนาการ ข้าบอกเจ้าได้เพียงเท่านี้ล่ะ ลองกลับไปคิดเรื่องที่ข้าบอกดูนะ”
ด้วยฐานะของคานไดด์ดูเหมือนทำให้เขาพูดลำบาก และหยุดชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบกลับไป
“ข้าเคยได้ยินว่าเขาเป็นลูกชายของรัฐมนตรีกระทรวงการคลังเท่านั้นเอง ท่านมีอะไรที่อยากบอกข้ารึเปล่าครับ?”
หานซั่วจำได้ว่าเคยได้ยินลิซ่าพูดถึงลอว์เรนซ์มก่อน จึงเอ่ยปากถามคานไดด์อีกครั้ง
คานไดด์พยักหน้าในทีแรก แต่แล้วก็ส่ายศีรษะ ก่อนจะพูดขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็นสีหน้างุนงงของหานซั่ว
“หลายคนรู้เพียงว่าลอว์เรนซ์เป็นลูกชายของรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง แต่นอกเหนือจากนั้นแล้ว ก็ลอว์เรนซ์ก็ไม่มีตัวตนอื่นแอบแฝงอยู่อีกเลย เพราะตัวตนของเขาทั้งลึกลับและยิ่งใหญ่เกินไป ระดับสมาชิกของเจ้าในตอนนี้ยังไม่มีสิทธิ์ถามได้ลึกถึงขนาดนั้น และข้าเองก็ไม่มีอำนาจที่จะเปิดเผยข้อมูลมากไปกว่านั้นได้ จึงอยากเตือนเจ้าให้คอยระวังให้ดี ๆ เพื่อที่เจ้าจะได้ไม่ตกอยู่ในสภาวะไม่พึงประสงค์บางอย่างที่เจ้าไม่ควรอยู่”
แล้วคานไดด์ก็ผายมือเป็นการบอกอนุญาตให้เขาไปได้ แม้จะไม่มั่นใจนัก แต่เขาก็รับรู้เกี่ยวกับกฎต่าง ๆ ขององครักษ์ชุดดำเพิ่มมากขึ้นเล็กน้อย และไม่ได้ถามอะไรต่อ เขาพยักหน้าตอบรับความเข้าใจ ก่อนจะออกจากห้องของคานไดด์
“ไง ได้อะไรบ้างรึเปล่า?”
เชสเตอร์ถามหานซั่วด้วยความตื่นเต้น เมื่อพบกันอีกครั้ง
“ก็ไม่มีอะไรมากหรอก แค่ท่านคานไดด์ให้ดาวข้าเพิ่มมา 2 ดวง ตอนนี้ข้าก็เป็นสมาชิกดาราทมิฬระดับ 3 ดาวเท่าเจ้าแล้วนะ ฮะ ๆ ๆ!”
หานซั่วคิดว่าไม่จำเป็นต้องปกปิดอะไรกับเชสเตอร์ จึงบอกความจริงเรื่องที่เกิดขึ้น
เชสเตอร์ตกตะลึงและอิจฉาหานซั่วเกินบรรยายเมื่อได้ยินที่เขาพูด เขาถอนหานใจพลางส่ายหัว
“อยู่กับลอร์ดคานไดด์แล้ว ความก้าวหน้าของเจ้าเร็วจนแทบจะเชื่อไม่ลงเลยจริง ๆ ขนาดข้าเข้าร่วมกับองครักษ์ชุดดำตั้งแต่เมื่อ 3 ปีก่อน รายงานข้อมูลไปประมาณ 20 ครั้ง กว่าจะได้มาเป็นสมาชิกระดับ 3 ดาวได้เนี่ย แต่เจ้าเพิ่งเข้าร่วมมาได้ไม่ถึงอาทิตย์ ก็ได้ขึ้นมาเป็นสมาชิกระดับเดียวกับข้าซะแล้ว เฮ้อ… น่าหดหู่ชะมัด การปฏิบัติช่างแตกต่างกันจริง ๆ พอมาเทียบกันว่าใครเป็นผู้ดูแล”
หานซั่วยักไหล่ และไม่ได้พูดอะไรหรือทำอะไรต่อตามที่เชสเตอร์แนะนำ แม้ว่าผลตอบแทนที่ได้รับมาจะบ่งบอกถึงระดับความแข็งแกร่งของตัวเขาเอง แต่เรื่องนี้ก็ถือว่ายังอธิบายได้ยากเกินไป จึงตัดสินใจไม่เล่าอะไรให้ใครฟังมากนัก
“ถ้า… อนาคตข้างหน้ามีภารกิจไหนที่ต้องใช้คน 2 คนล่ะก็ ท่านพาข้าไปด้วยได้มั้ย? เหมือนไปเป็นตัวช่วยท่านอีกแรงน่ะ?”
เชสเตอร์ถอนหายใจอย่างเต็มไปด้วยอารมณ์ พลางเกาหัว และพูดหัวข้อนี้ขึ้นมาด้วยความเขินอาย
“ได้สิ”
หานซั่วตอบตกลงอย่างไม่ลังเล
“ขอบคุณมากเลย! ข้าจะจำท่านไว้และพยายามอย่างเต็มที่ตามคำชี้แนะของท่านครับ”
เชสเตอร์ดีใจอย่างสุขล้นและมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที เขายังคงอธิบายเรื่องราวต่าง ๆ เกี่ยวกับองครักษ์ชุดดำให้หานซั่วฟัง ก่อนจะพาเขามาส่งยังคฤหาสน์เงียบเหงาในเขตทางตอนเหนือของเมืองอีกครั้ง
ติดตามอัพเดทและอ่านตอนต่อไปทันที ที่นี่ >>> Facebook :
(อัพเดท 8 ต.ค. 60 #กลุ่มGDK_2 #ตอนที่174)(0 votes) 0/10