ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปเมื่อมาถึงสุสานแห่งความตาย หานซั่วก็ไม่อ้อยอิ่งแต่อย่างใด และรีบตรงไปยังหมู่บ้านคนแคระทันที ซึ่งเมื่อไปถึงก็เป็นเวลาใกล้ค่ำแล้ว
ทั้งเบ็นเน็ตและคนแคระคนอื่น ๆ ยังคงเป็นมิตรที่ดีกับเขาเช่นเคย และรีบนำเอาอาหารที่มีอยู่อย่างจำกัดออกมาต้อนรับหานซั่วทันทีเมื่อเขามาถึง พร้อมทั้งคอยรินถ้วยของหานซั่วให้เต็มไปด้วยไวน์ผลไม้ที่พวกเขาบ่มเป็นพิเศษอยู่ตลอดเวลา
“เจ้าไม่ได้แวะมาตั้งหลายวันเลยนะนี่ สบายดีรึเปล่า?”
เบ็นเน็ตต์มองหานซั่วพร้อมกับถาม
“ขอบคุณที่เป็นห่วงครับ ข้าสบายดีทีเดียว ข้าเอาเสบียงอาหารมาให้ตามที่สัญญาไว้น่ะ”
หานซั่วนำกระสอบที่เต็มไปด้วยเสบียงอาหารที่อยู่ข้างในแหวนมิติออกมา กระสอบเหล่านั้นเต็มไปด้วยข้าวสาลี นม ขนมปัง และเนื้อตากแห้งอีกจำนวนหนึ่ง
“โอ สหายผู้แสนวิเศษของข้า ทั้งหมู่บ้านจะต้องขอบคุณในน้ำใจและความเอื้อเฟื้อของเจ้าในครั้งนี้แน่ ๆ”
เบ็นเน็ตต์อุทานด้วยเสียงแผ่วเบา เมื่อเขาเห็นกระสอบที่บรรจุอาหารจำนวนมากวางกองอยู่บนพื้นหลังจากแหวนมิติของหานซั่วสว่างวาบขึ้น และรู้สึกเหลือเชื่อยิ่งนัก เพราะเพียงไม่กี่วันที่ผ่านมาช่างผ่านพ้นกันมาได้อย่างยากเย็นเหลือเกิน
เหล่าผู้หญิงและเด็ก ๆ ที่อยู่ในบริเวณโดยรอบต่างวางมือจากสิ่งที่กำลังทำอยู่และเข้ามารุมล้อมพื้นที่นั้นพร้อมส่งเสียงตะโกนอย่างมีความสุข พวกเขาต่างพากันดีอกดีใจและโอบกอดกันด้วยใบหน้าที่รื้นไปด้วยน้ำตาอันอบอุ่น
เมื่อเห็นว่าเหล่าคนแคระมีท่าทีตื่นเต้นดีใจกับเสบียงอาหารตรงหน้า หานซั่วก็รู้ทันทีว่าชีวิตของพวกเขาต้องลำบากกันมามากแน่ ๆ และทุกฤดูหนาวคงเป็นช่วงเวลาแห่งความทุกข์ทรมานสำหรับพวกเขามากพอดู แต่ในเมื่อมีหานซั่วอยู่ ปีนี้พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องที่ต้องเอาตัวรอดให้ได้ไปวัน ๆ อีกต่อไป
ในขณะที่หัวหน้าเผ่าคาลวินกำลังนำเหล่าคนแคระหนุ่มผู้แข็งแรงกำยำของหมู่บ้านไปยังโรงตีเหล็ก ก็รู้สึกประหลาดใจทันทีเมื่อได้ยินเสียงตะโกนโห่ร้องด้วยความดีใจดังมาแต่ไกล เมื่อเข้ามาใกล้และเห็นเสบียงอาหารวางอยู่บนพื้นเป็นกองภูเขาย่อม ๆ เขาก็รีบขอบคุณหานซั่วด้วยสีหน้าจริงจังและซาบซึ้งสุดหัวใจ
“ท่านผู้เฒ่า นี่ข้าแค่มาส่งของรอบแรกเท่านั้นเอง เพราะแหวนมิติของข้าใส่ของมากขนาดนั้นไม่ได้ ก็เลยกะว่าจะต้องทยอยขนเสบียงอาหารมาให้ท่านอีกหลายรอบ แต่ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ข้าจะรีบขนเสบียงรอบต่อไปมาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้เลย ข้าคิดว่าพวกท่านทุกคนคงไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องเสบียงอาหารสำหรับฤดูหนาวในครั้งนี้อีกแล้วล่ะ”
หานซั่วยิ้มและอธิบายให้คาลวินฟังอย่างนอบน้อม
ในตอนนั้นเอง มีเสียงดังมาจากด้านนอกของหมู่บ้าน และเหล่าคนแคระที่ยืนยามอยู่หน้าทางเข้าก็พาเอลฟ์เดินเข้ามากลุ่มหนึ่ง เอลฟ์เหล่านี้รูปร่างหน้าตางดงามทั้งชายและหญิง พวกเขาสวมอาภรณ์ที่มีลวดลายวิจิตรตระการตา พร้อมด้วยมงกุฎดอกไม้ใบหญ้าเป็นเครื่องประดับศีรษะ และถือคันธนูและคทาเวทมนตร์ต่างอาวุธในมือ
“เหล่าสหายคนแคระที่รัก พวกเรานำอัญมณีเลอค่ามากมายมาให้ท่านเพื่อแลกเปลี่ยนกับอาวุธที่ท่านสร้างขึ้น ซึ่งเราจะใช้อาวุธเหล่านั้นขับไล่อสูรกินคนให้ออกไปไกลจากที่นี่ ท่านยินดีจะขายอาวุธให้พวกเราหรือไม่?”
เอลฟ์หนุ่มที่อยู่ด้านหน้าสุดเอ่ยปากถามอย่างสง่างาม
“ขอโทษนะ เบเนดิค ข้าคิดว่าข้าเคยพูดไปชัดเจนมากพอแล้ว อาวุธที่พวกเราสร้างขึ้นนั้นขายให้ท่านไม่ได้จริง ๆ ไม่ว่าท่านจะเสนอราคามาสูงแค่ไหน พวกเราก็ไม่สามารถรับข้อตกลงได้หรอก”
คาลวินส่ายศีรษะและปฏิเสธเบเนดิคเอลฟ์หนุ่มอย่างเด็ดขาด
เบเนดิคหน้าเสียขึ้นมาทันทีที่ได้ยิน และพูดขึ้นอย่างร้อนรนใจ
“ทำไมกัน? ข้ารู้ว่าในหมู่บ้านของท่านมีคนอยู่ประมาณร้อยคน แต่อาวุธที่ท่านสร้างขึ้นในช่วงนี้มีปริมาณมากกว่าร้อยเสียอีก พวกท่านคงไม่ได้ใช้เองแน่ ๆ ถ้านำอาวุธที่พวกท่านสร้างขึ้นโดยใช้เหล็กสีนิลมาหลอมรวมกับเวทมนตร์เอลฟ์ของพวกเรา มันจะยิ่งกลายเป็นอาวุธเวทมนตร์ที่ทรงพลังมากขึ้นอีก ทำไมท่านถึงไม่ยอมขายให้ทั้ง ๆ ที่พวกท่านไม่จำเป็นต้องใช้กันล่ะ ราคาที่พวกเราเสนอมาไม่สูงพองั้นรึ?”
“เพราะอาวุธเหล่านี้ พวกเราสร้างขึ้นไว้สำหรับหาน สหายรักของพวกเรา รวมทั้งไวน์ทั้งหมดก็เป็นของเขาด้วยเหมือนกัน ข้าเสียใจ เบเนดิค ข้าว่าพวกเราคงแลกเปลี่ยนอาวุธกับอัญมณีเหล่านี้ไม่ได้จริง ๆ”
คาลวินแสดงความเสียใจต่อเบเนดิค ก่อนจะหันไปเรียกเบ็นเน็ตต์
“เบ็นเน็ตต์ พาคนอื่น ๆ ไปช่วยกันขนอาวุธที่พวกเราสร้างไว้ออกมาให้หมด พวกเราจะได้ส่งมอบให้หานวันนี้เลย”
“เข้าใจแล้วครับ หัวหน้าเผ่า!”
เบ็นเน็ตต์ตอบด้วยน้ำเสียงสดใสและชัดเจน ก่อนจะพาเหล่าคนแคระหนุ่มจำนวนหนึ่งตรงไปยังโรงตีเหล็กทันที แม้แต่คนแคระทุกคนในหมู่บ้านก็เพิกเฉยต่อเหล่าอัญมณีของเหล่าเอลฟ์ตรงหน้าอย่างสิ้นเชิง
“ขอโทษนะ คนผู้นี้คือ หาน ที่พวกท่านพูดถึงกันงั้นรึ? ในป่าทมิฬแห่งนี้ มนุษย์ถือว่าเป็นเผ่าพันธุ์ที่น่าต่ำช้าและเลวทรามมากที่สุด ท่านกลับเชื่อใจมนุษย์มากกว่าเผ่าพันธุ์แห่งธรรมชาติอย่างพวกเรา ท่านผู้เฒ่าคาลวิน ท่านทำอย่างนี้ได้อย่างไรกัน!”
เมื่อเหล่าเอลฟ์เห็นคาลวินชี้ไปที่หานซั่ว พร้อมกับสั่งให้เบ็นเน็ตต์และคนอื่น ๆ นำอาวุธทั้งหมดมาให้หานซั่ว พวกเขาก็เริ่มรำพึงรำพันราวกับเจ็บปวดใจสุดขีด
“หานต่างจากมนุษย์คนอื่น พวกเราเชื่อใจและคอยช่วยเหลือกันและกัน ข้าเสียใจจริง ๆ เบเนดิค แต่พวกเราจะไม่แลกเปลี่ยนอาวุธกับพวกท่าน”
คาลวินยังคงยืนยันหนักแน่นและไม่สนใจต่อเสียงรำพันของเหล่าเอลฟ์
ครั้งสุดท้ายที่หานซั่วออกจากหมู่บ้านคนแคระไป เขาไม่ได้ตั้งใจจะแลกเปลี่ยนเสบียงอาหารทั้งหมดกับอาวุธที่พวกคนแคระสร้างเลยแม้แต่น้อย แต่เหล่าคนแคระไม่ยอม และจะยอมรับเสบียงอาหารจากหานซั่วก็ต่อเมื่อแลกเปลี่ยนกันตามสมควรแล้วเท่านั้น ซึ่งเขาเองก็ไม่คาดคิดว่าจะมีเอลฟ์ที่สนใจในอาวุธที่ทำจากเหล็กสีนิลเหล่านี้เช่นกันหลังจากเวลาผ่านไปเพียงไม่นาน และที่ประหลาดใจยิ่งกว่านั้น คือการที่เหล่าคนแคระยืนยันจะปฏิเสธข้อเสนอของเบเนดิคอย่างเด็ดขาด และดึงดันที่จะเก็บอาวุธทั้งหมดไว้ให้หานซั่วเท่านั้น
“ท่านผู้เฒ่า ท่านตัดสินใจเรื่องอาวุธพวกนี้ด้วยตัวท่านเองได้เลยนะครับ ข้าเองก็ไม่ได้ต้องการอาวุธของพวกท่านหรอก เพราะข้าตั้งใจจะมอบเสบียงอาหารพวกนี้ให้เป็นของขวัญอยู่แล้ว”
หานซั่วคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะอธิบายให้คาลวินฟังอย่างจริงใจ
คาลวินพยักหน้าให้หานซั่ว และยิ้มน้อย ๆ
“เจ้าไม่ต้องอธิบายหรอก หาน เราซาบซึ้งในเจตนาของเจ้าดี แต่ไม่ว่ายังไง พวกเราก็รับของจากเจ้าโดยไม่มีเหตุผลไม่ได้จริง ๆ บรรพบุรุษของพวกเราสอนไว้ว่า ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนได้มาด้วยการทำงานหนัก ถ้าเรารับของขวัญของเจ้ามาเปล่า ๆ มันก็จะเป็นเหมือนการทำลายมรดกคำสอนเหล่านั้น จนนำพาสิ่งไม่ดีต่าง ๆ เข้ามาสู่หมู่บ้านของเราในที่สุด เจ้าเข้าใจที่ข้าพูดใช่มั้ย?”
ขณะที่หานซั่วและคาลวินกำลังพูดคุยกันอยู่ เบ็นเน็ตต์และคนแคระคนอื่น ๆ ก็หอบอาวุธกลับมากว่า 10 ชิ้น ทั้งมีดสั้น ดาบ หอกยาว กระบอง ค้อนสองคม และอาวุธอีกหลากชนิด ทุกชิ้นล้วนส่องประกายสีเงินยามต้องแสง ทั้งกระบองและค้อนแลดูทั้งหนาและหนัก ในขณะที่คมมีดสั้น ดาบ และหอกยาวดูคมกริบมากทีเดียว
เมื่อเบเนดิคและเหล่าผู้ติดตามเห็นอาวุธ ดวงตาของพวกเขาทุกคนก็เป็นประกายด้วยความตื่นเต้นทันที อย่างไรก็ตาม เมื่ออีกฝ่ายพูดอย่างหนักแน่น หานซั่วก็ทำได้เพียงถอนหายใจอย่างยอมจำนน
“ในเมื่อท่านผู้เฒ่าว่าอย่างนั้น ข้าก็คงต้องรับไว้อย่างเสียไม่ได้ล่ะครับ”
แล้วอาวุธราว 10 ชิ้นที่เหล่าคนแคระสร้างขึ้นด้วยส่วนประกอบของเหล็กสีนิล ก็ถูกใส่ไปในแหวนมิติของหานซั่ว ภายใต้สายตาละโมบของเบเนดิคและเอลฟ์คนอื่น ๆ
“สหายมนุษย์ เจ้ายินดีจะแลกเปลี่ยนอาวุธของเหล่าคนแคระนี้กับเราหรือไม่? พวกเรากำลังจะเตรียมทำสงครามครั้งใหญ่ในการล้างบางพวกโทรลล์ป่า ถ้าเราได้อาวุธพวกนี้มา และให้ผู้อาวุโสเผ่าเอลฟ์ทำการผนึกพลังมนตราให้ พวกมันจะกลายเป็นอาวุธเวทมนตร์ที่ทรงพลังอย่างคาดไม่ถึงเลยทีเดียว และความแข็งแกร่งของพวกเราก็จะเพิ่มมากขึ้นอย่างมหาศาล เรายินดีที่จะแลกเปลี่ยนด้วยอัญมณีเหล่านี้ ท่านคิดว่าไงล่ะ?”
ประกายแห่งความผิดหวังฉาบขึ้นบนดวงตาของเบเนดิคทันที เมื่อเห็นว่าอาวุธเหล่านั้นถูกส่งให้หานซั่ว เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะนึกออกว่าอาจจะง่ายกว่าหากจะเจรจาแลกเปลี่ยนกับหานซั่ว จึงรีบพูดกับเขาด้วยความตื่นเต้นทันที
“…ในป่าทมิฬแห่งนี้ มนุษย์ถือว่าเป็นเผ่าพันธุ์ที่ต่ำช้าและเลวทรามมากที่สุด เอลฟ์ผู้สูงส่งอย่างพวกท่านจะลดตัวลงมาเจรจากับเผ่าพันธุ์ผู้ต่ำต้อยแบบนี้ได้ยังไงกัน?”
หานซั่วยิ้มแปลก ๆ ขณะมองหน้าเบเนดิค ก่อนจะตอกคำพูดเดิมกลับไปให้เขา
“เพื่อให้พวกโทรลล์ป่าจอมละโมบไร้ยางอายได้ชดใช้อย่างสาสม เอลฟ์ผู้สูงส่งอย่างพวกเราจึงยินดีที่จะผ่อนผัน และอนุญาตให้มนุษย์อย่างเจ้าทำการแลกเปลี่ยนกับพวกเราได้เป็นกรณีพิเศษน่ะ”
หานซั่วถึงกับช็อก เพราะดูเหมือนว่าเบเนดิคจะไม่สนใจคำพูดเหน็บแนมของเขาเลยแม้แต่น้อย แต่กลับแสดงท่าทีของเผ่าพันธุ์อันทรงเกียรติอย่างเต็มภาคภูมิ
“ขอโทษที ข้าไม่คิดจะแลกเปลี่ยนอะไรกับเอลฟ์ผู้สูงส่งอย่างพวกท่านหรอก!”
หานซั่วรู้สึกสับสนในทีแรก แต่เมื่อรับรู้ถึงความยโสโอหังของพวกเอลฟ์แล้ว หานซั่วก็อดไม่ได้ที่จะส่ายศีรษะและปฏิเสธพวกนั้นไปอย่างไม่ใยดี
ทันใดนั้นเอง หานซั่วก็ได้ยินเสียงกิ่งไม้หักไกลออกไป ราวกับกำลังมีคนจำนวนมากกำลังใกล้เข้ามา ก่อนที่เบเนดิคจะทันตอบอะไรไป หานซั่วก็นิ่วหน้าและถามขึ้นทันที
“มีเอลฟ์ผู้ติดตามของท่านกำลังมาทางนี้อีกรึเปล่า?”
“ไม่…. พวกเรามากันแค่นี้ ทำไมรึ?”
เบเนดิคถามด้วยความสงสัย
ความคิดของหานซั่วโลดแล่นอย่างรวดเร็วทันที แล้วปีศาจปฐมภูมิทั้ง 3 ตนก็ล่องลอยออกไปใน 3 ทิศทางด้านนอกของหมู่บ้าน ไม่นานนัก เขาก็ใช้พลังการรับรู้ของปีศาจปฐมภูมิ มองเห็นกองทัพโทรลล์ป่าร่างใหญ่โตจำนวนกว่า 500 – 600 ตนกำลังดาหน้าตรงมายังที่ ๆ พวกเขาอยู่
หัวหน้าโทรลล์ป่าที่หานซั่วเคยพบเมื่อครั้งก่อนกำลังทำทีประจบประแจงกับโทรลล์ป่าอีกตนหนึ่งที่ร่างกายกำยำล่ำสันยิ่งกว่าและดูมีสถานะหรือตำแหน่งที่สูงกว่าอย่างเห็นได้ชัด มันกำลังอธิบายบางอย่างให้โทรลล์ตนนั้นฟัง และหานซั่วก็รับรู้ได้ทันที ว่าปัญหาครั้งใหญ่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่ชั่วอึดใจข้างหน้า
……………………………………………..
(0 votes) 0/10