I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Great Demon King ตอนที่ 98 เอลฟ์ผู้หยิ่งทระนง

| Great Demon King | 838 | 2361 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

เมื่อมาถึงสุสานแห่งความตาย  หานซั่วก็ไม่อ้อยอิ่งแต่อย่างใด  และรีบตรงไปยังหมู่บ้านคนแคระทันที  ซึ่งเมื่อไปถึงก็เป็นเวลาใกล้ค่ำแล้ว

ทั้งเบ็นเน็ตและคนแคระคนอื่น  ๆ  ยังคงเป็นมิตรที่ดีกับเขาเช่นเคย  และรีบนำเอาอาหารที่มีอยู่อย่างจำกัดออกมาต้อนรับหานซั่วทันทีเมื่อเขามาถึง  พร้อมทั้งคอยรินถ้วยของหานซั่วให้เต็มไปด้วยไวน์ผลไม้ที่พวกเขาบ่มเป็นพิเศษอยู่ตลอดเวลา

“เจ้าไม่ได้แวะมาตั้งหลายวันเลยนะนี่  สบายดีรึเปล่า?”

เบ็นเน็ตต์มองหานซั่วพร้อมกับถาม

“ขอบคุณที่เป็นห่วงครับ  ข้าสบายดีทีเดียว  ข้าเอาเสบียงอาหารมาให้ตามที่สัญญาไว้น่ะ”

หานซั่วนำกระสอบที่เต็มไปด้วยเสบียงอาหารที่อยู่ข้างในแหวนมิติออกมา  กระสอบเหล่านั้นเต็มไปด้วยข้าวสาลี  นม  ขนมปัง  และเนื้อตากแห้งอีกจำนวนหนึ่ง

“โอ  สหายผู้แสนวิเศษของข้า  ทั้งหมู่บ้านจะต้องขอบคุณในน้ำใจและความเอื้อเฟื้อของเจ้าในครั้งนี้แน่  ๆ”

เบ็นเน็ตต์อุทานด้วยเสียงแผ่วเบา  เมื่อเขาเห็นกระสอบที่บรรจุอาหารจำนวนมากวางกองอยู่บนพื้นหลังจากแหวนมิติของหานซั่วสว่างวาบขึ้น  และรู้สึกเหลือเชื่อยิ่งนัก  เพราะเพียงไม่กี่วันที่ผ่านมาช่างผ่านพ้นกันมาได้อย่างยากเย็นเหลือเกิน

เหล่าผู้หญิงและเด็ก  ๆ  ที่อยู่ในบริเวณโดยรอบต่างวางมือจากสิ่งที่กำลังทำอยู่และเข้ามารุมล้อมพื้นที่นั้นพร้อมส่งเสียงตะโกนอย่างมีความสุข  พวกเขาต่างพากันดีอกดีใจและโอบกอดกันด้วยใบหน้าที่รื้นไปด้วยน้ำตาอันอบอุ่น

เมื่อเห็นว่าเหล่าคนแคระมีท่าทีตื่นเต้นดีใจกับเสบียงอาหารตรงหน้า  หานซั่วก็รู้ทันทีว่าชีวิตของพวกเขาต้องลำบากกันมามากแน่  ๆ  และทุกฤดูหนาวคงเป็นช่วงเวลาแห่งความทุกข์ทรมานสำหรับพวกเขามากพอดู  แต่ในเมื่อมีหานซั่วอยู่  ปีนี้พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องที่ต้องเอาตัวรอดให้ได้ไปวัน  ๆ  อีกต่อไป

ในขณะที่หัวหน้าเผ่าคาลวินกำลังนำเหล่าคนแคระหนุ่มผู้แข็งแรงกำยำของหมู่บ้านไปยังโรงตีเหล็ก    ก็รู้สึกประหลาดใจทันทีเมื่อได้ยินเสียงตะโกนโห่ร้องด้วยความดีใจดังมาแต่ไกล  เมื่อเข้ามาใกล้และเห็นเสบียงอาหารวางอยู่บนพื้นเป็นกองภูเขาย่อม  ๆ  เขาก็รีบขอบคุณหานซั่วด้วยสีหน้าจริงจังและซาบซึ้งสุดหัวใจ

“ท่านผู้เฒ่า  นี่ข้าแค่มาส่งของรอบแรกเท่านั้นเอง  เพราะแหวนมิติของข้าใส่ของมากขนาดนั้นไม่ได้  ก็เลยกะว่าจะต้องทยอยขนเสบียงอาหารมาให้ท่านอีกหลายรอบ  แต่ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ  ข้าจะรีบขนเสบียงรอบต่อไปมาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้เลย  ข้าคิดว่าพวกท่านทุกคนคงไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องเสบียงอาหารสำหรับฤดูหนาวในครั้งนี้อีกแล้วล่ะ”

หานซั่วยิ้มและอธิบายให้คาลวินฟังอย่างนอบน้อม

ในตอนนั้นเอง  มีเสียงดังมาจากด้านนอกของหมู่บ้าน  และเหล่าคนแคระที่ยืนยามอยู่หน้าทางเข้าก็พาเอลฟ์เดินเข้ามากลุ่มหนึ่ง  เอลฟ์เหล่านี้รูปร่างหน้าตางดงามทั้งชายและหญิง  พวกเขาสวมอาภรณ์ที่มีลวดลายวิจิตรตระการตา  พร้อมด้วยมงกุฎดอกไม้ใบหญ้าเป็นเครื่องประดับศีรษะ  และถือคันธนูและคทาเวทมนตร์ต่างอาวุธในมือ 

 

 

“เหล่าสหายคนแคระที่รัก  พวกเรานำอัญมณีเลอค่ามากมายมาให้ท่านเพื่อแลกเปลี่ยนกับอาวุธที่ท่านสร้างขึ้น  ซึ่งเราจะใช้อาวุธเหล่านั้นขับไล่อสูรกินคนให้ออกไปไกลจากที่นี่  ท่านยินดีจะขายอาวุธให้พวกเราหรือไม่?”

เอลฟ์หนุ่มที่อยู่ด้านหน้าสุดเอ่ยปากถามอย่างสง่างาม

“ขอโทษนะ  เบเนดิค  ข้าคิดว่าข้าเคยพูดไปชัดเจนมากพอแล้ว  อาวุธที่พวกเราสร้างขึ้นนั้นขายให้ท่านไม่ได้จริง  ๆ  ไม่ว่าท่านจะเสนอราคามาสูงแค่ไหน  พวกเราก็ไม่สามารถรับข้อตกลงได้หรอก”

คาลวินส่ายศีรษะและปฏิเสธเบเนดิคเอลฟ์หนุ่มอย่างเด็ดขาด

เบเนดิคหน้าเสียขึ้นมาทันทีที่ได้ยิน  และพูดขึ้นอย่างร้อนรนใจ

“ทำไมกัน?  ข้ารู้ว่าในหมู่บ้านของท่านมีคนอยู่ประมาณร้อยคน  แต่อาวุธที่ท่านสร้างขึ้นในช่วงนี้มีปริมาณมากกว่าร้อยเสียอีก  พวกท่านคงไม่ได้ใช้เองแน่  ๆ  ถ้านำอาวุธที่พวกท่านสร้างขึ้นโดยใช้เหล็กสีนิลมาหลอมรวมกับเวทมนตร์เอลฟ์ของพวกเรา  มันจะยิ่งกลายเป็นอาวุธเวทมนตร์ที่ทรงพลังมากขึ้นอีก  ทำไมท่านถึงไม่ยอมขายให้ทั้ง  ๆ  ที่พวกท่านไม่จำเป็นต้องใช้กันล่ะ  ราคาที่พวกเราเสนอมาไม่สูงพองั้นรึ?”

“เพราะอาวุธเหล่านี้  พวกเราสร้างขึ้นไว้สำหรับหาน  สหายรักของพวกเรา  รวมทั้งไวน์ทั้งหมดก็เป็นของเขาด้วยเหมือนกัน  ข้าเสียใจ  เบเนดิค  ข้าว่าพวกเราคงแลกเปลี่ยนอาวุธกับอัญมณีเหล่านี้ไม่ได้จริง  ๆ”

คาลวินแสดงความเสียใจต่อเบเนดิค  ก่อนจะหันไปเรียกเบ็นเน็ตต์

“เบ็นเน็ตต์  พาคนอื่น  ๆ  ไปช่วยกันขนอาวุธที่พวกเราสร้างไว้ออกมาให้หมด  พวกเราจะได้ส่งมอบให้หานวันนี้เลย”

“เข้าใจแล้วครับ  หัวหน้าเผ่า!”

เบ็นเน็ตต์ตอบด้วยน้ำเสียงสดใสและชัดเจน  ก่อนจะพาเหล่าคนแคระหนุ่มจำนวนหนึ่งตรงไปยังโรงตีเหล็กทันที  แม้แต่คนแคระทุกคนในหมู่บ้านก็เพิกเฉยต่อเหล่าอัญมณีของเหล่าเอลฟ์ตรงหน้าอย่างสิ้นเชิง

“ขอโทษนะ  คนผู้นี้คือ  หาน  ที่พวกท่านพูดถึงกันงั้นรึ?  ในป่าทมิฬแห่งนี้  มนุษย์ถือว่าเป็นเผ่าพันธุ์ที่น่าต่ำช้าและเลวทรามมากที่สุด  ท่านกลับเชื่อใจมนุษย์มากกว่าเผ่าพันธุ์แห่งธรรมชาติอย่างพวกเรา  ท่านผู้เฒ่าคาลวิน  ท่านทำอย่างนี้ได้อย่างไรกัน!”

เมื่อเหล่าเอลฟ์เห็นคาลวินชี้ไปที่หานซั่ว  พร้อมกับสั่งให้เบ็นเน็ตต์และคนอื่น  ๆ  นำอาวุธทั้งหมดมาให้หานซั่ว  พวกเขาก็เริ่มรำพึงรำพันราวกับเจ็บปวดใจสุดขีด

“หานต่างจากมนุษย์คนอื่น  พวกเราเชื่อใจและคอยช่วยเหลือกันและกัน  ข้าเสียใจจริง  ๆ  เบเนดิค  แต่พวกเราจะไม่แลกเปลี่ยนอาวุธกับพวกท่าน”

คาลวินยังคงยืนยันหนักแน่นและไม่สนใจต่อเสียงรำพันของเหล่าเอลฟ์

ครั้งสุดท้ายที่หานซั่วออกจากหมู่บ้านคนแคระไป  เขาไม่ได้ตั้งใจจะแลกเปลี่ยนเสบียงอาหารทั้งหมดกับอาวุธที่พวกคนแคระสร้างเลยแม้แต่น้อย  แต่เหล่าคนแคระไม่ยอม  และจะยอมรับเสบียงอาหารจากหานซั่วก็ต่อเมื่อแลกเปลี่ยนกันตามสมควรแล้วเท่านั้น  ซึ่งเขาเองก็ไม่คาดคิดว่าจะมีเอลฟ์ที่สนใจในอาวุธที่ทำจากเหล็กสีนิลเหล่านี้เช่นกันหลังจากเวลาผ่านไปเพียงไม่นาน  และที่ประหลาดใจยิ่งกว่านั้น  คือการที่เหล่าคนแคระยืนยันจะปฏิเสธข้อเสนอของเบเนดิคอย่างเด็ดขาด  และดึงดันที่จะเก็บอาวุธทั้งหมดไว้ให้หานซั่วเท่านั้น

“ท่านผู้เฒ่า  ท่านตัดสินใจเรื่องอาวุธพวกนี้ด้วยตัวท่านเองได้เลยนะครับ  ข้าเองก็ไม่ได้ต้องการอาวุธของพวกท่านหรอก  เพราะข้าตั้งใจจะมอบเสบียงอาหารพวกนี้ให้เป็นของขวัญอยู่แล้ว”

หานซั่วคิดครู่หนึ่ง  ก่อนจะอธิบายให้คาลวินฟังอย่างจริงใจ

คาลวินพยักหน้าให้หานซั่ว  และยิ้มน้อย  ๆ

“เจ้าไม่ต้องอธิบายหรอก  หาน  เราซาบซึ้งในเจตนาของเจ้าดี  แต่ไม่ว่ายังไง  พวกเราก็รับของจากเจ้าโดยไม่มีเหตุผลไม่ได้จริง  ๆ  บรรพบุรุษของพวกเราสอนไว้ว่า  ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนได้มาด้วยการทำงานหนัก  ถ้าเรารับของขวัญของเจ้ามาเปล่า  ๆ  มันก็จะเป็นเหมือนการทำลายมรดกคำสอนเหล่านั้น  จนนำพาสิ่งไม่ดีต่าง  ๆ  เข้ามาสู่หมู่บ้านของเราในที่สุด  เจ้าเข้าใจที่ข้าพูดใช่มั้ย?”

ขณะที่หานซั่วและคาลวินกำลังพูดคุยกันอยู่  เบ็นเน็ตต์และคนแคระคนอื่น  ๆ  ก็หอบอาวุธกลับมากว่า  10  ชิ้น  ทั้งมีดสั้น  ดาบ  หอกยาว  กระบอง  ค้อนสองคม  และอาวุธอีกหลากชนิด  ทุกชิ้นล้วนส่องประกายสีเงินยามต้องแสง  ทั้งกระบองและค้อนแลดูทั้งหนาและหนัก  ในขณะที่คมมีดสั้น  ดาบ  และหอกยาวดูคมกริบมากทีเดียว

เมื่อเบเนดิคและเหล่าผู้ติดตามเห็นอาวุธ  ดวงตาของพวกเขาทุกคนก็เป็นประกายด้วยความตื่นเต้นทันที  อย่างไรก็ตาม  เมื่ออีกฝ่ายพูดอย่างหนักแน่น  หานซั่วก็ทำได้เพียงถอนหายใจอย่างยอมจำนน

“ในเมื่อท่านผู้เฒ่าว่าอย่างนั้น  ข้าก็คงต้องรับไว้อย่างเสียไม่ได้ล่ะครับ”

แล้วอาวุธราว  10  ชิ้นที่เหล่าคนแคระสร้างขึ้นด้วยส่วนประกอบของเหล็กสีนิล  ก็ถูกใส่ไปในแหวนมิติของหานซั่ว  ภายใต้สายตาละโมบของเบเนดิคและเอลฟ์คนอื่น  ๆ

“สหายมนุษย์  เจ้ายินดีจะแลกเปลี่ยนอาวุธของเหล่าคนแคระนี้กับเราหรือไม่?  พวกเรากำลังจะเตรียมทำสงครามครั้งใหญ่ในการล้างบางพวกโทรลล์ป่า  ถ้าเราได้อาวุธพวกนี้มา  และให้ผู้อาวุโสเผ่าเอลฟ์ทำการผนึกพลังมนตราให้  พวกมันจะกลายเป็นอาวุธเวทมนตร์ที่ทรงพลังอย่างคาดไม่ถึงเลยทีเดียว  และความแข็งแกร่งของพวกเราก็จะเพิ่มมากขึ้นอย่างมหาศาล  เรายินดีที่จะแลกเปลี่ยนด้วยอัญมณีเหล่านี้  ท่านคิดว่าไงล่ะ?”

ประกายแห่งความผิดหวังฉาบขึ้นบนดวงตาของเบเนดิคทันที  เมื่อเห็นว่าอาวุธเหล่านั้นถูกส่งให้หานซั่ว  เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง  ก่อนจะนึกออกว่าอาจจะง่ายกว่าหากจะเจรจาแลกเปลี่ยนกับหานซั่ว  จึงรีบพูดกับเขาด้วยความตื่นเต้นทันที

“…ในป่าทมิฬแห่งนี้  มนุษย์ถือว่าเป็นเผ่าพันธุ์ที่ต่ำช้าและเลวทรามมากที่สุด  เอลฟ์ผู้สูงส่งอย่างพวกท่านจะลดตัวลงมาเจรจากับเผ่าพันธุ์ผู้ต่ำต้อยแบบนี้ได้ยังไงกัน?”

หานซั่วยิ้มแปลก  ๆ  ขณะมองหน้าเบเนดิค  ก่อนจะตอกคำพูดเดิมกลับไปให้เขา

“เพื่อให้พวกโทรลล์ป่าจอมละโมบไร้ยางอายได้ชดใช้อย่างสาสม  เอลฟ์ผู้สูงส่งอย่างพวกเราจึงยินดีที่จะผ่อนผัน  และอนุญาตให้มนุษย์อย่างเจ้าทำการแลกเปลี่ยนกับพวกเราได้เป็นกรณีพิเศษน่ะ”

หานซั่วถึงกับช็อก  เพราะดูเหมือนว่าเบเนดิคจะไม่สนใจคำพูดเหน็บแนมของเขาเลยแม้แต่น้อย  แต่กลับแสดงท่าทีของเผ่าพันธุ์อันทรงเกียรติอย่างเต็มภาคภูมิ

“ขอโทษที  ข้าไม่คิดจะแลกเปลี่ยนอะไรกับเอลฟ์ผู้สูงส่งอย่างพวกท่านหรอก!”

หานซั่วรู้สึกสับสนในทีแรก  แต่เมื่อรับรู้ถึงความยโสโอหังของพวกเอลฟ์แล้ว  หานซั่วก็อดไม่ได้ที่จะส่ายศีรษะและปฏิเสธพวกนั้นไปอย่างไม่ใยดี

ทันใดนั้นเอง  หานซั่วก็ได้ยินเสียงกิ่งไม้หักไกลออกไป  ราวกับกำลังมีคนจำนวนมากกำลังใกล้เข้ามา  ก่อนที่เบเนดิคจะทันตอบอะไรไป  หานซั่วก็นิ่วหน้าและถามขึ้นทันที

“มีเอลฟ์ผู้ติดตามของท่านกำลังมาทางนี้อีกรึเปล่า?”

“ไม่….  พวกเรามากันแค่นี้  ทำไมรึ?”

เบเนดิคถามด้วยความสงสัย

ความคิดของหานซั่วโลดแล่นอย่างรวดเร็วทันที  แล้วปีศาจปฐมภูมิทั้ง  3  ตนก็ล่องลอยออกไปใน  3  ทิศทางด้านนอกของหมู่บ้าน  ไม่นานนัก  เขาก็ใช้พลังการรับรู้ของปีศาจปฐมภูมิ  มองเห็นกองทัพโทรลล์ป่าร่างใหญ่โตจำนวนกว่า  500  –  600  ตนกำลังดาหน้าตรงมายังที่  ๆ  พวกเขาอยู่

หัวหน้าโทรลล์ป่าที่หานซั่วเคยพบเมื่อครั้งก่อนกำลังทำทีประจบประแจงกับโทรลล์ป่าอีกตนหนึ่งที่ร่างกายกำยำล่ำสันยิ่งกว่าและดูมีสถานะหรือตำแหน่งที่สูงกว่าอย่างเห็นได้ชัด  มันกำลังอธิบายบางอย่างให้โทรลล์ตนนั้นฟัง  และหานซั่วก็รับรู้ได้ทันที  ว่าปัญหาครั้งใหญ่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่ชั่วอึดใจข้างหน้า

 

……………………………………………..

(0 votes) 0/10
ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments