ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป“ท่านผู้เฒ่าคาลวิน พวกโทรลล์ป่ารู้จักตำแหน่งของหมู่บ้านด้วยเหรอครับ?”
ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงของหานซั่วจริงจังขึ้นมาทันทีเมื่อเขาหันไปถามคาลวิน
“หาน ทำไมอยู่ดี ๆ ถึงถามขึ้นมาแบบนั้นล่ะ? ช่วงระยะหลัง ๆ มานี่ก็มีต่อสู้กับพวกมันไปบ้าง ล่าสุดก็ไม่กี่วันมานี่เอง แต่พวกเราเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกมันรู้อะไรเข้าหรือเปล่า”
คาลวินสะดุ้งตกใจพลางรีบอธิบาย
ด้วยพลังการมองเห็นผ่านปีศาจปฐมภูมิ ทำให้หานซั่วมองเห็นฝูงโทรลล์ป่าร่วม 600 ตนที่ยกมาเป็นกองทัพครบสรรพ ทั้งนักรบ นักล่า และนักบวช พวกมันทั้งหมดสามารถทำตามคำสั่ง และร่วมไม้ร่วมมือกันได้เป็นอย่างดี แสดงว่าโทรลล์ป่าพวกนี้ต้องมาจากฝูงที่แข็งแกร่งและเชี่ยวชาญการสู้รบมากทีเดียว เพราะจำนวนของโทรลล์นักล่าและโทรลล์นักบวชถูกจัดเป็นกลุ่มได้อย่างเหมาะสมเพื่อสนับสนุนกองทัพทั้งหมด
ในขณะที่ในหมู่บ้านคนแคระ มีเพียง 50 – 60 คนเท่านั้นที่แข็งแรงพอจะสู้รบได้ แม้จะรวมหานซั่วและเอลฟ์อีกจำนวนหนึ่ง ความแข็งแกร่งของพวกเขาทั้งหมดก็สู้จำนวนของโทรลล์ไม่ได้อยู่ดี หานซั่วจึงรู้ทันทีว่าอันตรายในครั้งนี้ยากเกินต่อกรยิ่งนัก
“โทรลล์ป่าเกือบ 600 ตนกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ ดูเหมือนพวกมันจะรู้ตำแหน่งหมู่บ้านของพวกท่านแล้วล่ะครับ”
หานซั่วถอนหายใจและบอกความจริงออกไปด้วยเสียงแผ่วเบา
เบเนดิคฟังคำที่หานซั่วพูดอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง แต่กลุ่มของคนแคระภายใต้การนำของคาลวินกลับตกตะลึงทันทีที่รู้ถึงการมาของโทรลล์ป่าเกือบ 600 ตน ทุกคนต่างทำอะไรไม่ถูกและพยายามคิดหาหนทางกันจ้าละหวั่น
“ทำยังไงดี? พวกเราควรทำยังไงกันดี?”
ค้อนเหล็กในมือของเบ็นเน็ตต์โบกไปมาอย่างร้อนรน พลางมองไปยังพวกผู้หญิงและเด็กที่ยืนอยู่ด้านหลังของเขาด้วยสายตาเป็นกังวลและสิ้นหวัง
แม้คนแคระจะไม่ใช่เผ่าพันธุ์ที่ขี้ขลาดหรือหวั่นเกรงต่ออันตราย แต่ยามใดที่อันตรายกล้ำกรายมาถึง สิ่งแรกที่พวกเขาคิดคือไม่ว่ายังไงก็ต้องปกป้องพวกผู้หญิงและเด็ก ๆ ให้ได้เสมอ
“หัวหน้าเผ่าคาลวิน ข้ารู้ว่าหมู่บ้านของท่านซ่อนอยู่ในหุบเขา แต่มีทางอื่นที่จะหนีออกไปจากหุบเขานี่ได้มั้ยครับ? ไม่ว่าที่แห่งนี้จะเหมาะสมต่อการอยู่อาศัยแค่ไหน แต่ข้าว่าพวกเราต้องอพยพออกไปให้เร็วที่สุดแล้วล่ะ พวกเราคงสู้กำลังของพวกโทรลล์ป่าเกือบ 600 ตนนั่นลำบากเกินไปจริง ๆ”
หานซั่วพยายามพูดโน้มน้าวใจ
แล้วคิ้วของคาลวินที่กำลังร้อนรนใจก็เริ่มขมวดเป็นปม หลังจากไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็หันไปพูดกับเบ็นเน็ตต์
“ไปเรียกคนในหมู่บ้านทั้งหมดให้มารวมตัวกัน ประกาศให้รีบเก็บข้าวของที่จำเป็น และเตรียมตัวอพยพไปทางด้านหลังของหุบเขา ส่วนพวกเราจะยันไว้ตรงนี้ มาดูกัน ว่าจะจัดการต้อนรับเจ้าพวกชั่วนั่นได้ยังไงบ้าง”
เบ็นเน็ตต์รีบไปตามคำสั่งของคาลวินทันที พลางร้องเรียกไปตามบ้านหลังต่าง ๆ เพื่อให้พวกชาวบ้านรีบขนอาวุธ เสบียง ข้าวของจำเป็น และเตรียมทิ้งทุกอย่างไว้เบื้องหลัง
ในตอนนั้นเอง คนแคระสองคนที่ยืนยามอยู่หน้าหมู่บ้านก็รีบวิ่งเข้ามาด้วยสีหน้าตื่นกลัวสุดขีด พวกเขาร้องตะโกนเสียงดังก่อนจะวิ่งมาถึงที่ ๆ กลุ่มของคาลวินยืนอยู่เสียอีก
“แย่แล้ว! โทรลล์ป่าฝูงใหญ่กำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ ในป่ามีพวกมันเต็มไปหมดเลย!”
เบเนดิคที่ตอนแรกรู้สึกลังเลใจ ตอนนี้เขาก็ไม่สงสัยในคำพูดของหานซั่วอีกต่อไปแล้ว กลุ่มเอลฟ์ที่มีเบเนดิคเป็นผู้นำต่างชักอาวุธของตนเองออกมาด้วยท่าทีสงบ ส่วนเบเนดิคก็ถือธนูในมือในท่าเตรียมพร้อมที่จะยิงใส่ศัตรูได้ทุกเมื่อ
“พวกโทรลล์ป่าเป็นศัตรูตามธรรมชาติของเอลฟ์อย่างพวกเราอยู่แล้ว ข้าเองก็อยากให้พวกมันได้ลิ้มลองพลังของพวกเราในคราวนี้เหมือนกัน”
เบเนดิคไม่ได้มีท่าทีหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย แต่กลับดูกระตือรือร้นที่จะสู้เสียมากกว่า
ในตอนนั้น เบ็นเน็ตต์ก็ออกคำสั่งคนแคระทั้งหมดเสร็จเรียบร้อย ส่วนหานซั่วก็เฝ้ามองผ่านปีศาจปฐมภูมิ และเห็นว่าฝูงโทรลล์มาจนถึงปากทางเข้าหมู่บ้านแล้ว เขาหันไปพูดกับเหล่าคนแคระที่อยู่ด้านหลัง
“ข้าคิดว่าตอนนี้พวกเราควรออกไปตั้งแนวป้องกันไว้ที่ทางแคบช่วงก่อนถึงตัวหมู่บ้านครับ จะได้ซื้อเวลาให้พวกผู้หญิงและเด็ก ๆ ได้หนีออกไปกันให้หมดก่อน”
หานซั่วพยักหน้าให้คาลวินและออกวิ่งโดยไม่รอคำตอบ และแม้เบเนดิคจะลังเล แต่เขาก็ให้สัญญาณกับเหล่าเอลฟ์ที่เหลือ และตามหลังหานซั่วไปยังทางเข้าหมู่บ้านทันที
กระทั่งตอนนี้ หานซั่วก็ค่อนข้างแน่ใจว่าโทรลล์ป่าฝูงนี้เล็งเป้าหมายมายังพวกคนแคระ มิเช่นนั้นแล้ว พวกมันคงไม่มาปรากฏตัวที่นี่ด้วยความบังเอิญขนาดนี้ ในตอนนั้นเอง พวกโทรลล์ป่าทุกตนกำลังค้นตามสุมทุมพุ่มไม้ทุกแห่งเพื่อค้นหาตำแหน่งที่เป็นทางเข้าหมู่บ้านคนแคระ ภายใต้เสียงตะโกนสั่งของโทรลล์ร่างยักษ์
เมื่อประเมินจากสถานการณ์แล้ว ทั้งพุ่มไม้และใบไม้ที่เคยปกคลุมอยู่ คงซ่อนเร้นทางเข้าหมู่บ้านได้อีกไม่นานนัก เมื่อหานซั่วมาถึง เขาก็ไม่มีอาการตระหนกตกใจแต่อย่างใด เขาร่ายเวทย์อย่างต่อเนื่อง และนักรบโครงกระดูกจำนวนหนึ่ง พร้อมด้วยนักรบผีดิบร่างบึกบึนอีก 2 ตนก็ปรากฏกายเบื้องหน้าเขา
“ระหว่างนี้พวกเราจะรีบชิงวางกับดักง่าย ๆ ไว้ก่อนครับ อีกไม่นานพวกมันคงพบทางเข้าจนได้ แต่จุดนี้พื้นที่ค่อนข้างแคบพวกเราเลยพอจะได้เปรียบและสร้างปัญหาให้พวกมันได้บ้าง”
หานซั่วอธิบายด้วยน้ำเสียงราบเรียบขณะที่อสูรมิติมืดกำลังปรากฏกายทีละตัว ๆ
แล้วพวกนักรบโครงกระดูกและนักรบผีดิบก็เริ่มขุดกับดักตามคำสั่งของหานซั่ว นักรบผีดิบที่มีร่างกายและพละกำลังที่แข็งแรงกว่ารับหน้าที่แบกหินมากองเพื่อกั้นเส้นทางเข้าเอาไว้ และเดิมทีนั้นพวกคนแคระได้วางกับดักไว้บริเวณนั้นอยู่บ้างแล้ว แต่เมื่อมีหานซั่วมาช่วยเพิ่มให้อีก คนแคระทุกคนจึงช่วยเขาวางกับดักมือเป็นระวิง
“เวทมนตร์ศาสตร์แห่งความตายเป็นศาสตร์ที่น่าขยะแขยงที่สุด มนุษย์อย่างเจ้านี่น่ารังเกียจจริง ๆ!”
ท่าทีของเบเนดิคดูชิงชังอย่างเห็นได้ชัดขณะพูด
แต่หานซั่วไม่สะทกสะท้านต่อเสียงบ่นของเบเนดิคเลยแม้แต่น้อย เขายังคงง่วนอยู่กับการวางกับดักต่อไป เมื่อเห็นวางกับดักทุกอย่างเรียบร้อยและเตรียมพร้อมดีแล้ว หานซั่วก็เอาหน้าไม้จำนวนหนึ่งออกมาจากแหวนมิติและส่งให้เหล่าคนแคระที่ยืนอยู่รอบ ๆ พลางบอกให้พวกเขาถอยไปซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้ด้านหลัง
แม้คนแคระจะเชี่ยวชาญในการสร้างอาวุธ แต่การสร้างธนูไม่ได้ต้องการทักษะในการสร้างชั้นสูงอะไรมากมาย เพียงแต่เน้นการออกแบบลักษณะรูปร่างและลวดลายที่สวยงามเท่านั้น ซึ่งการยิงของหน้าไม้ในปัจจุบันค่อนข้างทรงพลังและมีระยะยิงที่ไกลมาก ถือเป็นการพัฒนาสิ่งประดิษฐ์ที่โดดเด่นที่สุดของมนุษย์ในรอบหลายปี แต่พวกมันยังค่อนข้างหนัก และยิงได้ไม่ไวมากนัก เพราะหน้าไม้ทุกชนิดจำเป็นต้องใช้เวลาเล็กน้อยในการนำลูกดอกขึ้นสายก่อนยิงเสมอ ไม่เหมือนคันธนูที่ยิงลูกธนูออกไปได้ไวและต่อเนื่องกว่า
หานซั่วมีร่างกายที่แข็งแรง เขาจึงยกหน้าไม้หนัก ๆ ได้อย่างง่ายดาย ส่วนคนแคระที่แม้จะมีข้อจำกัดเรื่องความสูง แต่เรื่องพละกำลังนั้นถือว่าพอ ๆ กับหานซั่วทีเดียว หน้าไม้หนัก ๆ จึงไม่ใช่ปัญหาของพวกเขาแต่อย่างใด
เมื่อหานซั่วและเหล่าคนแคระยืนพร้อมในแนวป้องกันแล้ว เสียงโทรลล์ป่าตนหนึ่งร้องตะโกนดังขึ้นมาจากทิศเบื้องหน้า ตามมาด้วยเสียงโห่ร้องดีใจของโทรลล์ป่าตนอื่น ๆ เมื่อหานซั่วมองผ่านปีศาจปฐมภูมิ เขาก็รู้ทันทีว่ามีโทรลล์ป่าตนหนึ่งค้นพบทางเข้าที่ถูกซ่อนไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
และก็เป็นจริงตามนั้น หัวหน้าโทรลล์ป่าตนใหม่รีบออกคำสั่งแก่ตนอื่น ๆ เป็นภาษาโทรลล์ทันที แล้วโทรลล์ป่ากว่า 100 ตนก็รีบพุ่งเข้ามาพร้อมด้วยอาวุธในมือ โดยมีโทรลล์นักรบเป็นกองหน้า ในขณะที่มีโทรลล์นักล่าและโทรลล์นักบวชจำนวนหนึ่งตามสมทบเพื่อคอยสนับสนุนจากด้านหลัง แล้วพวกมันก็ช่วยกันค่อย ๆ กวาดสุมทุมพุ่มไม้ที่ปกคลุมทางเข้าอยู่ออกไป
หานซั่วคำรามเบา ๆ และไม่รีรอให้ฝูงโทรลล์ป่าเดินผ่านเข้ามา หน้าไม้ในมือของเขายิงออกไปทันที ตามด้วยการยิงหน้าไม้ของเหล่าคนแคระที่ยืนข้าง ๆ เขา ลูกดอกหน้าไม้ทุกดอกพุ่งออกไปพร้อมเสียงวัตถุแทรกผ่านอากาศเสียงดังลั่น
ตอนนั้นเอง โทรลล์ป่าไม่กี่ตนที่เพิ่งผ่านทางเข้ามาและยังไม่ทันได้ป้องกันตัวก็กระเด็นออกไปตามแรงยิงอันมหาศาลของลูกดอกหน้าไม้ทันที ในขณะที่โทรลล์ป่าตัวหนึ่งที่หานซั่วยิงโดนก็ถูกลูกดอกเสียบทะลุงร่างจนตัวมันทั้งตัวกระเด็นไปปักคาต้นไม้ใหญ่ขนาดสองคนโอบที่อยู่ด้านหลัง
“ดูพลังลูกธนูวิเศษของข้าซะก่อน”
เบเนดิคชำเลืองมองหานซั่วอย่างดูถูก ก่อนจะง้างสายคันธนูอย่างสุดแขน คลื่นพลังมนตราจาง ๆ แผ่ซ่านออกมาจากลูกธนูในมือ และเริ่มเกิดการเผาไหม้อย่างรุนแรงกลางอากาศหลังจากที่ถูกยิงออกไป เมื่อลูกธนูนั้นปักลงกลางลำตัวของโทรลล์ป่าตัวหนึ่ง มันก็ระเบิดขึ้นทันทีพร้อมกับแสงสว่างวาบ แล้วโทรลล์ป่ากว่า 10 ตนที่กำลังผ่านทางเข้ามาก็หยุดชะงักเพราะการโจมตีและถูกไฟลุกไหม้ไปทั้งตัว… 3 ตนในนั้นไม่สามารถดับไฟได้ทันเวลาจึงถูกไฟคลอกตายคาที่
หานซั่วประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะไม่เคยคิดมาก่อนว่าลูกธนูจะมีพลังได้มากถึงเพียงนี้ จึงหันไปมองเบเนดิคอย่างไม่ตั้งใจด้วยสีหน้าตกตะลึง
“เบเนดิค เจ้าไม่ควรสิ้นเปลืองลูกธนูเวทมนตร์ของเราไปกับโทรลล์ป่าชั้นต่ำพวกนี้นะ เจ้าก็รู้ดีนี่นาว่าลูกธนูทุกดอกมีค่ามากแค่ไหน!”
เอลฟ์หญิงตนหนึ่งมองเบเนดิคที่จงใจแสดงพลังอย่างโกรธเคืองพลางตักเตือนเขา
เบเนดิคแลบลิ้นยียวนใส่เอลฟ์หญิงที่ตักเตือนเขาพลางพูดกับหานซั่วอย่างอวดดี
“เจ้าเห็นรึเปล่า? ลูกธนูเวทมนตร์ที่ได้รับการปลุกเสกมนตราโดยเอลฟ์ผู้อาวุโสของพวกเราและถูกยิงออกไปโดยคันธนูเวทมนตร์น่ะมีพลังแข็งแกร่งมากแค่ไหน ถ้าอาวุธของเหล่าคนแคระได้รับการปลุกเสกโดยเวทมนตร์ของเผ่าเรา มันจะกลายเป็นอาวุธเวทมนตร์ที่ทรงพลังมากทันที คิดดูสิว่าจะจัดการเจ้าโทรลล์ป่าน่าสมเพชพวกนี้ได้มากขนาดไหน เจ้าควรมอบอาวุธนั่นพวกเรานะ!”
ดูเหมือนว่าแม้กระทั่งตอนนี้เหล่าเอลฟ์ก็ยังไม่ลืมหน้าที่ และยังคงใช้ถ้อยคำอันไร้เดียงสาและน่าขันพูดจาเกลี้ยกล่อมหานซั่ว น่าเสียดายที่พวกเขาเผลอมองหานซั่วด้วยความหยามเหยียดตั้งแต่ทีแรก หานซั่วจึงเพิกเฉยต่อเบเนดิคอย่างสิ้นเชิง และหันไปกำกับเหล่าคนแคระที่อยู่รอบข้างด้วยสีหน้าสงบนิ่ง
หลังจากที่โทรลล์ป่ากลุ่มแรกได้รับบาดเจ็บอย่างหนักไปตาม ๆ กัน พวกมันก็เริ่มระมัดระวังตัวมากขึ้นในการพยายามบุกเข้ามาในหนที่สอง โดยส่งให้โทรลล์นักรบนำหน้ามาก่อน ตามด้วยโทรลล์นักบวชคอยตามร่ายเวทย์สนับสนุนจากด้านหลัง เมื่อร่างกายของพวกมันทั้งว่องไวและแข็งแรงแล้ว พวกโทรลล์ป่านักรบที่ได้รับเวทย์เสริมแกร่งก็ฟาดฟันเหล่าวัชพืชต่าง ๆ ที่ปกคลุมทางเข้าอยู่อย่างบ้าคลั่ง
ในตอนนั้น หน้าไม้ในมือของหานซั่วและเหล่าคนแคระก็ระดมยิงลูกดอกพุ่งผ่านกอหญ้าสูงอย่างต่อเนื่อง แต่เมื่อลูกธนูของหานซั่วยิงออกไป ก็มีหอกยาวของโทรลล์นักล่าพุ่งผ่านอากาศตรงมายังที่ซ่อนตัวของพวกหานซั่วทันที
แต่เพราะหน้าไม้มีระยะการยิงที่ไกลกว่า ทำให้พวกโทรลล์ป่าเล็งเป้าหมายได้ยาก หอกยาวจึงตกลงบนพื้นเบื้องหน้ากลุ่มของหานซั่วโดยไม่ได้สร้างความบาดเจ็บใด ๆ ให้เลยแม้แต่น้อย
หลังจากเสียโทรลล์นักรบไปหลายชีวิต พวกโทรลล์ป่าก็สามารถกวาดอุปสรรคขวางทางเข้าทั้งหมดได้สำเร็จ หัวหน้าโทรลล์ป่าร้องตะโกนดังลั่นอีกครั้ง แล้วพวกมันทุกตนก็พุ่งตัวผ่านเข้ามาพร้อมด้วยอาวุธในมือ
ตอนนั้นเอง กับดักที่วางไว้บริเวณทางเข้าหมู่บ้านก็เริ่มแสดงให้เห็นพลังทำลายล้างของมันทันที โทรลล์ป่าในแนวหน้าร่วงหล่นลงไปในหลุมกับดักที่มีไม้แหลมปักรอไว้เบื้องล่าง พวกมันร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด และเมื่อทางเข้าหมู่บ้านถูกทำลาย จำนวนโทรลล์ป่าที่บุกเข้ามาก็ไม่ได้ลดน้อยลงแต่อย่างใด
“พวกโทรลล์ป่ามีมากเกินไป พวกเราถอยก่อนดีกว่าครับ”
หานซั่วที่กำลังมองทางเข้าหมู่บ้านที่แน่นขนัดไปด้วยฝูงโทรลล์ป่าที่เบียดตัวกันเข้ามาก็รู้ทันทีว่าพวกเขาแตกต่างเรื่องจำนวนมากเกินไป จนหานซั่วส่ายศีรษะพลางถอนใจ
แม้แต่เบเนดิคเองก็เริ่มมีท่าทางตื่นตระหนกเล็กน้อย และพยักหน้าเชิงเห็นด้วยกับคำพูดของหานซั่ว
“ใช่ พวกเราควรถอยก่อน และรอให้ข้ากลับไปที่เผ่าเพื่อตามคนของเรามา ถึงตอนนั้นเมื่อไหร่ พวกมันได้เห็นดีกันแน่”
เมื่อหานซั่วและเบเนดิคพูดจบ เหล่าคนแคระกว่า 10 คนก็ลดอาวุธลงแม้จะดูผิดหวังเล็กน้อย ก่อนที่หนึ่งในนั้นจะพูดขึ้นมา
“หัวหน้าเผ่าบอกให้พวกเราเชื่อฟังหาน ถ้าหานอยากให้พวกเราถอย เราก็จะถอย”
หานซั่วยิ้มเจื่อน ๆ เล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดของคนแคระผู้นั้น
“งั้นทุกคนก็มาด้วยกันเถอะครับ ไม่อย่างนั้นพวกเราคงเจอปัญหาใหญ่แน่”
และเหล่าคนแคระที่ตามปกติจะสู้ไม่ถอยจนกว่าจะตายกันไปข้าง ก็ถอนกำลังและถอยกลับไปยังด้านหลังของหมู่บ้านตามที่หานซั่วบอก ในขณะที่หน้าไม้ในมือยังคงยิงออกไปอย่างต่อเนื่องเพื่อโจมตีโทรลล์ป่ากองหน้า ลูกดอกหน้าไม้โจมตีโดนเป้าหมายทุกดอกโดยไม่จำเป็นต้องเล็งเลยแม้แต่น้อย
เมื่อเห็นว่าเหล่าคนแคระยอมถอยแล้ว บางคนก็คอยยืนโจมตีสนับสนุนจากด้านหลังอย่างมีชั้นเชิง หานซั่วคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะร่ายเวทย์อัญเชิญเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กออกมา เพราะต้องการใช้เดือยกระดูก 7 ชิ้นบนหลังของเจ้าตัวเล็กเพื่อโจมตีฝูงออร์คให้เลือดสาดกระจาย
อย่างไรก็ตาม โดยที่หานซั่วไม่คาดคิด ทันทีที่เจ้าโครงกระดูกตัวเล็กพร้อมกริชกระดูกในมือปรากฏตัวขึ้นที่ทางเข้าหมู่บ้าน และยังไม่ทันได้ปล่อยเดือยกระดูกออกไปโจมตี เหล่าโทรลล์ป่าทุกตนที่ได้เห็นต่างมีแสดงท่าทีตื่นเต้นดีใจ พวกมันทิ้งอาวุธในมือลงกับพื้น และก้มตัวลงไปคุกเข่าพร้อมกับชูมือทั้งสองข้างขึ้นสูง และร้องตะโกนดังลั่นเป็นเสียงเดียวกันอย่างต่อเนื่อง
“ดาทาร่า… ดาทาร่า… ดาทาร่า…”
หานซั่วตกตะลึงและช็อกจนยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูก เพราะไม่รู้ว่าทำไมอยู่ดี ๆ พวกโทรลล์ป่าถึงได้ทำท่าสักการะบูชาเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กด้วยความเลื่อมใสศรัทธาถึงขนาดนั้น…
……………………………………
(0 votes) 0/10