I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Great Demon King ตอนที่ 99 เจ้าโครงกระดูกตัวเล็กผู้ถูกบูชา

| Great Demon King | 797 | 2334 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

“ท่านผู้เฒ่าคาลวิน  พวกโทรลล์ป่ารู้จักตำแหน่งของหมู่บ้านด้วยเหรอครับ?”

ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงของหานซั่วจริงจังขึ้นมาทันทีเมื่อเขาหันไปถามคาลวิน

“หาน  ทำไมอยู่ดี  ๆ  ถึงถามขึ้นมาแบบนั้นล่ะ?  ช่วงระยะหลัง  ๆ  มานี่ก็มีต่อสู้กับพวกมันไปบ้าง  ล่าสุดก็ไม่กี่วันมานี่เอง  แต่พวกเราเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกมันรู้อะไรเข้าหรือเปล่า”

คาลวินสะดุ้งตกใจพลางรีบอธิบาย

ด้วยพลังการมองเห็นผ่านปีศาจปฐมภูมิ  ทำให้หานซั่วมองเห็นฝูงโทรลล์ป่าร่วม  600  ตนที่ยกมาเป็นกองทัพครบสรรพ  ทั้งนักรบ  นักล่า  และนักบวช  พวกมันทั้งหมดสามารถทำตามคำสั่ง  และร่วมไม้ร่วมมือกันได้เป็นอย่างดี  แสดงว่าโทรลล์ป่าพวกนี้ต้องมาจากฝูงที่แข็งแกร่งและเชี่ยวชาญการสู้รบมากทีเดียว  เพราะจำนวนของโทรลล์นักล่าและโทรลล์นักบวชถูกจัดเป็นกลุ่มได้อย่างเหมาะสมเพื่อสนับสนุนกองทัพทั้งหมด

ในขณะที่ในหมู่บ้านคนแคระ  มีเพียง  50  –  60  คนเท่านั้นที่แข็งแรงพอจะสู้รบได้  แม้จะรวมหานซั่วและเอลฟ์อีกจำนวนหนึ่ง  ความแข็งแกร่งของพวกเขาทั้งหมดก็สู้จำนวนของโทรลล์ไม่ได้อยู่ดี  หานซั่วจึงรู้ทันทีว่าอันตรายในครั้งนี้ยากเกินต่อกรยิ่งนัก

“โทรลล์ป่าเกือบ  600  ตนกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้  ดูเหมือนพวกมันจะรู้ตำแหน่งหมู่บ้านของพวกท่านแล้วล่ะครับ”

หานซั่วถอนหายใจและบอกความจริงออกไปด้วยเสียงแผ่วเบา

เบเนดิคฟังคำที่หานซั่วพูดอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง  แต่กลุ่มของคนแคระภายใต้การนำของคาลวินกลับตกตะลึงทันทีที่รู้ถึงการมาของโทรลล์ป่าเกือบ  600  ตน  ทุกคนต่างทำอะไรไม่ถูกและพยายามคิดหาหนทางกันจ้าละหวั่น

“ทำยังไงดี?  พวกเราควรทำยังไงกันดี?”

ค้อนเหล็กในมือของเบ็นเน็ตต์โบกไปมาอย่างร้อนรน  พลางมองไปยังพวกผู้หญิงและเด็กที่ยืนอยู่ด้านหลังของเขาด้วยสายตาเป็นกังวลและสิ้นหวัง

แม้คนแคระจะไม่ใช่เผ่าพันธุ์ที่ขี้ขลาดหรือหวั่นเกรงต่ออันตราย  แต่ยามใดที่อันตรายกล้ำกรายมาถึง  สิ่งแรกที่พวกเขาคิดคือไม่ว่ายังไงก็ต้องปกป้องพวกผู้หญิงและเด็ก  ๆ  ให้ได้เสมอ

“หัวหน้าเผ่าคาลวิน  ข้ารู้ว่าหมู่บ้านของท่านซ่อนอยู่ในหุบเขา  แต่มีทางอื่นที่จะหนีออกไปจากหุบเขานี่ได้มั้ยครับ?  ไม่ว่าที่แห่งนี้จะเหมาะสมต่อการอยู่อาศัยแค่ไหน  แต่ข้าว่าพวกเราต้องอพยพออกไปให้เร็วที่สุดแล้วล่ะ  พวกเราคงสู้กำลังของพวกโทรลล์ป่าเกือบ  600  ตนนั่นลำบากเกินไปจริง  ๆ”

หานซั่วพยายามพูดโน้มน้าวใจ

แล้วคิ้วของคาลวินที่กำลังร้อนรนใจก็เริ่มขมวดเป็นปม  หลังจากไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง  เขาก็หันไปพูดกับเบ็นเน็ตต์

“ไปเรียกคนในหมู่บ้านทั้งหมดให้มารวมตัวกัน  ประกาศให้รีบเก็บข้าวของที่จำเป็น  และเตรียมตัวอพยพไปทางด้านหลังของหุบเขา  ส่วนพวกเราจะยันไว้ตรงนี้  มาดูกัน  ว่าจะจัดการต้อนรับเจ้าพวกชั่วนั่นได้ยังไงบ้าง”

เบ็นเน็ตต์รีบไปตามคำสั่งของคาลวินทันที  พลางร้องเรียกไปตามบ้านหลังต่าง  ๆ  เพื่อให้พวกชาวบ้านรีบขนอาวุธ  เสบียง  ข้าวของจำเป็น  และเตรียมทิ้งทุกอย่างไว้เบื้องหลัง

ในตอนนั้นเอง  คนแคระสองคนที่ยืนยามอยู่หน้าหมู่บ้านก็รีบวิ่งเข้ามาด้วยสีหน้าตื่นกลัวสุดขีด  พวกเขาร้องตะโกนเสียงดังก่อนจะวิ่งมาถึงที่  ๆ  กลุ่มของคาลวินยืนอยู่เสียอีก

“แย่แล้ว!  โทรลล์ป่าฝูงใหญ่กำลังมุ่งหน้ามาทางนี้  ในป่ามีพวกมันเต็มไปหมดเลย!”

เบเนดิคที่ตอนแรกรู้สึกลังเลใจ  ตอนนี้เขาก็ไม่สงสัยในคำพูดของหานซั่วอีกต่อไปแล้ว  กลุ่มเอลฟ์ที่มีเบเนดิคเป็นผู้นำต่างชักอาวุธของตนเองออกมาด้วยท่าทีสงบ  ส่วนเบเนดิคก็ถือธนูในมือในท่าเตรียมพร้อมที่จะยิงใส่ศัตรูได้ทุกเมื่อ

“พวกโทรลล์ป่าเป็นศัตรูตามธรรมชาติของเอลฟ์อย่างพวกเราอยู่แล้ว  ข้าเองก็อยากให้พวกมันได้ลิ้มลองพลังของพวกเราในคราวนี้เหมือนกัน”

เบเนดิคไม่ได้มีท่าทีหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย  แต่กลับดูกระตือรือร้นที่จะสู้เสียมากกว่า

ในตอนนั้น  เบ็นเน็ตต์ก็ออกคำสั่งคนแคระทั้งหมดเสร็จเรียบร้อย  ส่วนหานซั่วก็เฝ้ามองผ่านปีศาจปฐมภูมิ  และเห็นว่าฝูงโทรลล์มาจนถึงปากทางเข้าหมู่บ้านแล้ว  เขาหันไปพูดกับเหล่าคนแคระที่อยู่ด้านหลัง

“ข้าคิดว่าตอนนี้พวกเราควรออกไปตั้งแนวป้องกันไว้ที่ทางแคบช่วงก่อนถึงตัวหมู่บ้านครับ  จะได้ซื้อเวลาให้พวกผู้หญิงและเด็ก  ๆ  ได้หนีออกไปกันให้หมดก่อน”

หานซั่วพยักหน้าให้คาลวินและออกวิ่งโดยไม่รอคำตอบ  และแม้เบเนดิคจะลังเล  แต่เขาก็ให้สัญญาณกับเหล่าเอลฟ์ที่เหลือ  และตามหลังหานซั่วไปยังทางเข้าหมู่บ้านทันที

กระทั่งตอนนี้  หานซั่วก็ค่อนข้างแน่ใจว่าโทรลล์ป่าฝูงนี้เล็งเป้าหมายมายังพวกคนแคระ  มิเช่นนั้นแล้ว  พวกมันคงไม่มาปรากฏตัวที่นี่ด้วยความบังเอิญขนาดนี้  ในตอนนั้นเอง  พวกโทรลล์ป่าทุกตนกำลังค้นตามสุมทุมพุ่มไม้ทุกแห่งเพื่อค้นหาตำแหน่งที่เป็นทางเข้าหมู่บ้านคนแคระ  ภายใต้เสียงตะโกนสั่งของโทรลล์ร่างยักษ์

เมื่อประเมินจากสถานการณ์แล้ว  ทั้งพุ่มไม้และใบไม้ที่เคยปกคลุมอยู่  คงซ่อนเร้นทางเข้าหมู่บ้านได้อีกไม่นานนัก  เมื่อหานซั่วมาถึง  เขาก็ไม่มีอาการตระหนกตกใจแต่อย่างใด  เขาร่ายเวทย์อย่างต่อเนื่อง  และนักรบโครงกระดูกจำนวนหนึ่ง  พร้อมด้วยนักรบผีดิบร่างบึกบึนอีก  2  ตนก็ปรากฏกายเบื้องหน้าเขา

“ระหว่างนี้พวกเราจะรีบชิงวางกับดักง่าย  ๆ  ไว้ก่อนครับ  อีกไม่นานพวกมันคงพบทางเข้าจนได้  แต่จุดนี้พื้นที่ค่อนข้างแคบพวกเราเลยพอจะได้เปรียบและสร้างปัญหาให้พวกมันได้บ้าง”

หานซั่วอธิบายด้วยน้ำเสียงราบเรียบขณะที่อสูรมิติมืดกำลังปรากฏกายทีละตัว  ๆ

แล้วพวกนักรบโครงกระดูกและนักรบผีดิบก็เริ่มขุดกับดักตามคำสั่งของหานซั่ว  นักรบผีดิบที่มีร่างกายและพละกำลังที่แข็งแรงกว่ารับหน้าที่แบกหินมากองเพื่อกั้นเส้นทางเข้าเอาไว้  และเดิมทีนั้นพวกคนแคระได้วางกับดักไว้บริเวณนั้นอยู่บ้างแล้ว  แต่เมื่อมีหานซั่วมาช่วยเพิ่มให้อีก  คนแคระทุกคนจึงช่วยเขาวางกับดักมือเป็นระวิง

“เวทมนตร์ศาสตร์แห่งความตายเป็นศาสตร์ที่น่าขยะแขยงที่สุด  มนุษย์อย่างเจ้านี่น่ารังเกียจจริง  ๆ!”

ท่าทีของเบเนดิคดูชิงชังอย่างเห็นได้ชัดขณะพูด

แต่หานซั่วไม่สะทกสะท้านต่อเสียงบ่นของเบเนดิคเลยแม้แต่น้อย  เขายังคงง่วนอยู่กับการวางกับดักต่อไป  เมื่อเห็นวางกับดักทุกอย่างเรียบร้อยและเตรียมพร้อมดีแล้ว  หานซั่วก็เอาหน้าไม้จำนวนหนึ่งออกมาจากแหวนมิติและส่งให้เหล่าคนแคระที่ยืนอยู่รอบ  ๆ  พลางบอกให้พวกเขาถอยไปซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้ด้านหลัง

แม้คนแคระจะเชี่ยวชาญในการสร้างอาวุธ  แต่การสร้างธนูไม่ได้ต้องการทักษะในการสร้างชั้นสูงอะไรมากมาย  เพียงแต่เน้นการออกแบบลักษณะรูปร่างและลวดลายที่สวยงามเท่านั้น  ซึ่งการยิงของหน้าไม้ในปัจจุบันค่อนข้างทรงพลังและมีระยะยิงที่ไกลมาก  ถือเป็นการพัฒนาสิ่งประดิษฐ์ที่โดดเด่นที่สุดของมนุษย์ในรอบหลายปี  แต่พวกมันยังค่อนข้างหนัก  และยิงได้ไม่ไวมากนัก  เพราะหน้าไม้ทุกชนิดจำเป็นต้องใช้เวลาเล็กน้อยในการนำลูกดอกขึ้นสายก่อนยิงเสมอ  ไม่เหมือนคันธนูที่ยิงลูกธนูออกไปได้ไวและต่อเนื่องกว่า

หานซั่วมีร่างกายที่แข็งแรง  เขาจึงยกหน้าไม้หนัก  ๆ  ได้อย่างง่ายดาย  ส่วนคนแคระที่แม้จะมีข้อจำกัดเรื่องความสูง  แต่เรื่องพละกำลังนั้นถือว่าพอ  ๆ  กับหานซั่วทีเดียว  หน้าไม้หนัก  ๆ  จึงไม่ใช่ปัญหาของพวกเขาแต่อย่างใด

เมื่อหานซั่วและเหล่าคนแคระยืนพร้อมในแนวป้องกันแล้ว  เสียงโทรลล์ป่าตนหนึ่งร้องตะโกนดังขึ้นมาจากทิศเบื้องหน้า  ตามมาด้วยเสียงโห่ร้องดีใจของโทรลล์ป่าตนอื่น  ๆ  เมื่อหานซั่วมองผ่านปีศาจปฐมภูมิ  เขาก็รู้ทันทีว่ามีโทรลล์ป่าตนหนึ่งค้นพบทางเข้าที่ถูกซ่อนไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

และก็เป็นจริงตามนั้น  หัวหน้าโทรลล์ป่าตนใหม่รีบออกคำสั่งแก่ตนอื่น  ๆ  เป็นภาษาโทรลล์ทันที  แล้วโทรลล์ป่ากว่า  100  ตนก็รีบพุ่งเข้ามาพร้อมด้วยอาวุธในมือ  โดยมีโทรลล์นักรบเป็นกองหน้า  ในขณะที่มีโทรลล์นักล่าและโทรลล์นักบวชจำนวนหนึ่งตามสมทบเพื่อคอยสนับสนุนจากด้านหลัง  แล้วพวกมันก็ช่วยกันค่อย  ๆ  กวาดสุมทุมพุ่มไม้ที่ปกคลุมทางเข้าอยู่ออกไป

หานซั่วคำรามเบา  ๆ  และไม่รีรอให้ฝูงโทรลล์ป่าเดินผ่านเข้ามา  หน้าไม้ในมือของเขายิงออกไปทันที  ตามด้วยการยิงหน้าไม้ของเหล่าคนแคระที่ยืนข้าง  ๆ  เขา  ลูกดอกหน้าไม้ทุกดอกพุ่งออกไปพร้อมเสียงวัตถุแทรกผ่านอากาศเสียงดังลั่น

ตอนนั้นเอง  โทรลล์ป่าไม่กี่ตนที่เพิ่งผ่านทางเข้ามาและยังไม่ทันได้ป้องกันตัวก็กระเด็นออกไปตามแรงยิงอันมหาศาลของลูกดอกหน้าไม้ทันที  ในขณะที่โทรลล์ป่าตัวหนึ่งที่หานซั่วยิงโดนก็ถูกลูกดอกเสียบทะลุงร่างจนตัวมันทั้งตัวกระเด็นไปปักคาต้นไม้ใหญ่ขนาดสองคนโอบที่อยู่ด้านหลัง

“ดูพลังลูกธนูวิเศษของข้าซะก่อน”

เบเนดิคชำเลืองมองหานซั่วอย่างดูถูก  ก่อนจะง้างสายคันธนูอย่างสุดแขน  คลื่นพลังมนตราจาง  ๆ  แผ่ซ่านออกมาจากลูกธนูในมือ  และเริ่มเกิดการเผาไหม้อย่างรุนแรงกลางอากาศหลังจากที่ถูกยิงออกไป  เมื่อลูกธนูนั้นปักลงกลางลำตัวของโทรลล์ป่าตัวหนึ่ง  มันก็ระเบิดขึ้นทันทีพร้อมกับแสงสว่างวาบ  แล้วโทรลล์ป่ากว่า  10  ตนที่กำลังผ่านทางเข้ามาก็หยุดชะงักเพราะการโจมตีและถูกไฟลุกไหม้ไปทั้งตัว…  3  ตนในนั้นไม่สามารถดับไฟได้ทันเวลาจึงถูกไฟคลอกตายคาที่

 

 

หานซั่วประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง  เพราะไม่เคยคิดมาก่อนว่าลูกธนูจะมีพลังได้มากถึงเพียงนี้  จึงหันไปมองเบเนดิคอย่างไม่ตั้งใจด้วยสีหน้าตกตะลึง

“เบเนดิค  เจ้าไม่ควรสิ้นเปลืองลูกธนูเวทมนตร์ของเราไปกับโทรลล์ป่าชั้นต่ำพวกนี้นะ  เจ้าก็รู้ดีนี่นาว่าลูกธนูทุกดอกมีค่ามากแค่ไหน!”

เอลฟ์หญิงตนหนึ่งมองเบเนดิคที่จงใจแสดงพลังอย่างโกรธเคืองพลางตักเตือนเขา

เบเนดิคแลบลิ้นยียวนใส่เอลฟ์หญิงที่ตักเตือนเขาพลางพูดกับหานซั่วอย่างอวดดี

“เจ้าเห็นรึเปล่า?  ลูกธนูเวทมนตร์ที่ได้รับการปลุกเสกมนตราโดยเอลฟ์ผู้อาวุโสของพวกเราและถูกยิงออกไปโดยคันธนูเวทมนตร์น่ะมีพลังแข็งแกร่งมากแค่ไหน  ถ้าอาวุธของเหล่าคนแคระได้รับการปลุกเสกโดยเวทมนตร์ของเผ่าเรา  มันจะกลายเป็นอาวุธเวทมนตร์ที่ทรงพลังมากทันที  คิดดูสิว่าจะจัดการเจ้าโทรลล์ป่าน่าสมเพชพวกนี้ได้มากขนาดไหน  เจ้าควรมอบอาวุธนั่นพวกเรานะ!”

ดูเหมือนว่าแม้กระทั่งตอนนี้เหล่าเอลฟ์ก็ยังไม่ลืมหน้าที่  และยังคงใช้ถ้อยคำอันไร้เดียงสาและน่าขันพูดจาเกลี้ยกล่อมหานซั่ว  น่าเสียดายที่พวกเขาเผลอมองหานซั่วด้วยความหยามเหยียดตั้งแต่ทีแรก  หานซั่วจึงเพิกเฉยต่อเบเนดิคอย่างสิ้นเชิง  และหันไปกำกับเหล่าคนแคระที่อยู่รอบข้างด้วยสีหน้าสงบนิ่ง

หลังจากที่โทรลล์ป่ากลุ่มแรกได้รับบาดเจ็บอย่างหนักไปตาม  ๆ  กัน  พวกมันก็เริ่มระมัดระวังตัวมากขึ้นในการพยายามบุกเข้ามาในหนที่สอง  โดยส่งให้โทรลล์นักรบนำหน้ามาก่อน  ตามด้วยโทรลล์นักบวชคอยตามร่ายเวทย์สนับสนุนจากด้านหลัง  เมื่อร่างกายของพวกมันทั้งว่องไวและแข็งแรงแล้ว  พวกโทรลล์ป่านักรบที่ได้รับเวทย์เสริมแกร่งก็ฟาดฟันเหล่าวัชพืชต่าง  ๆ  ที่ปกคลุมทางเข้าอยู่อย่างบ้าคลั่ง

ในตอนนั้น  หน้าไม้ในมือของหานซั่วและเหล่าคนแคระก็ระดมยิงลูกดอกพุ่งผ่านกอหญ้าสูงอย่างต่อเนื่อง  แต่เมื่อลูกธนูของหานซั่วยิงออกไป  ก็มีหอกยาวของโทรลล์นักล่าพุ่งผ่านอากาศตรงมายังที่ซ่อนตัวของพวกหานซั่วทันที

แต่เพราะหน้าไม้มีระยะการยิงที่ไกลกว่า  ทำให้พวกโทรลล์ป่าเล็งเป้าหมายได้ยาก  หอกยาวจึงตกลงบนพื้นเบื้องหน้ากลุ่มของหานซั่วโดยไม่ได้สร้างความบาดเจ็บใด  ๆ  ให้เลยแม้แต่น้อย

หลังจากเสียโทรลล์นักรบไปหลายชีวิต  พวกโทรลล์ป่าก็สามารถกวาดอุปสรรคขวางทางเข้าทั้งหมดได้สำเร็จ  หัวหน้าโทรลล์ป่าร้องตะโกนดังลั่นอีกครั้ง  แล้วพวกมันทุกตนก็พุ่งตัวผ่านเข้ามาพร้อมด้วยอาวุธในมือ

ตอนนั้นเอง  กับดักที่วางไว้บริเวณทางเข้าหมู่บ้านก็เริ่มแสดงให้เห็นพลังทำลายล้างของมันทันที  โทรลล์ป่าในแนวหน้าร่วงหล่นลงไปในหลุมกับดักที่มีไม้แหลมปักรอไว้เบื้องล่าง  พวกมันร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด  และเมื่อทางเข้าหมู่บ้านถูกทำลาย  จำนวนโทรลล์ป่าที่บุกเข้ามาก็ไม่ได้ลดน้อยลงแต่อย่างใด

“พวกโทรลล์ป่ามีมากเกินไป  พวกเราถอยก่อนดีกว่าครับ”

หานซั่วที่กำลังมองทางเข้าหมู่บ้านที่แน่นขนัดไปด้วยฝูงโทรลล์ป่าที่เบียดตัวกันเข้ามาก็รู้ทันทีว่าพวกเขาแตกต่างเรื่องจำนวนมากเกินไป  จนหานซั่วส่ายศีรษะพลางถอนใจ

แม้แต่เบเนดิคเองก็เริ่มมีท่าทางตื่นตระหนกเล็กน้อย  และพยักหน้าเชิงเห็นด้วยกับคำพูดของหานซั่ว

“ใช่  พวกเราควรถอยก่อน  และรอให้ข้ากลับไปที่เผ่าเพื่อตามคนของเรามา  ถึงตอนนั้นเมื่อไหร่  พวกมันได้เห็นดีกันแน่”

เมื่อหานซั่วและเบเนดิคพูดจบ  เหล่าคนแคระกว่า  10  คนก็ลดอาวุธลงแม้จะดูผิดหวังเล็กน้อย  ก่อนที่หนึ่งในนั้นจะพูดขึ้นมา

“หัวหน้าเผ่าบอกให้พวกเราเชื่อฟังหาน  ถ้าหานอยากให้พวกเราถอย  เราก็จะถอย”

หานซั่วยิ้มเจื่อน  ๆ  เล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดของคนแคระผู้นั้น

“งั้นทุกคนก็มาด้วยกันเถอะครับ  ไม่อย่างนั้นพวกเราคงเจอปัญหาใหญ่แน่”

และเหล่าคนแคระที่ตามปกติจะสู้ไม่ถอยจนกว่าจะตายกันไปข้าง ก็ถอนกำลังและถอยกลับไปยังด้านหลังของหมู่บ้านตามที่หานซั่วบอก  ในขณะที่หน้าไม้ในมือยังคงยิงออกไปอย่างต่อเนื่องเพื่อโจมตีโทรลล์ป่ากองหน้า  ลูกดอกหน้าไม้โจมตีโดนเป้าหมายทุกดอกโดยไม่จำเป็นต้องเล็งเลยแม้แต่น้อย

เมื่อเห็นว่าเหล่าคนแคระยอมถอยแล้ว  บางคนก็คอยยืนโจมตีสนับสนุนจากด้านหลังอย่างมีชั้นเชิง  หานซั่วคิดอยู่ครู่หนึ่ง  ก่อนจะร่ายเวทย์อัญเชิญเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กออกมา  เพราะต้องการใช้เดือยกระดูก  7  ชิ้นบนหลังของเจ้าตัวเล็กเพื่อโจมตีฝูงออร์คให้เลือดสาดกระจาย

อย่างไรก็ตาม  โดยที่หานซั่วไม่คาดคิด  ทันทีที่เจ้าโครงกระดูกตัวเล็กพร้อมกริชกระดูกในมือปรากฏตัวขึ้นที่ทางเข้าหมู่บ้าน  และยังไม่ทันได้ปล่อยเดือยกระดูกออกไปโจมตี  เหล่าโทรลล์ป่าทุกตนที่ได้เห็นต่างมีแสดงท่าทีตื่นเต้นดีใจ  พวกมันทิ้งอาวุธในมือลงกับพื้น  และก้มตัวลงไปคุกเข่าพร้อมกับชูมือทั้งสองข้างขึ้นสูง  และร้องตะโกนดังลั่นเป็นเสียงเดียวกันอย่างต่อเนื่อง

“ดาทาร่า…  ดาทาร่า…  ดาทาร่า…”

หานซั่วตกตะลึงและช็อกจนยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูก  เพราะไม่รู้ว่าทำไมอยู่ดี  ๆ  พวกโทรลล์ป่าถึงได้ทำท่าสักการะบูชาเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กด้วยความเลื่อมใสศรัทธาถึงขนาดนั้น…

 

……………………………………

(0 votes) 0/10
ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments