ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
“ดาทาร่า… ดาทาร่า… ดาทาร่า…”
แม้แต่โทรลล์ป่าที่ยืนอยู่ในแนวหลังต่างคุกเข่าลงไปอย่างพร้อมเพรียง และเริ่มร้องตะโกนเสียงดังตาม ๆ กัน
“นี่มัน… นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย?”
ไม่เพียงแต่หานซั่ว แต่ทั้งคนแคระและเอลฟ์รอบกายเขาต่างก็ตกตะลึงสุดขีดกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นตรงหน้าอย่างกะทันหัน จนคนแคระคนหนึ่งถึงกับอุทานออกมาด้วยความงุนงง
“ดูเหมือนว่านักรบโครงกระดูกที่มีปีกจะคล้ายคลึงกับปีศาจที่พวกโทรลล์ป่านับถืออยู่ ว่ากันว่าปีศาจตนนั้นทั้งชั่วร้ายอย่างที่สุดและชื่นชอบการยึดครองทุกสิ่งทุกอย่างมาเป็นของตนเอง ข้าเคยได้ยินท่านผู้อาวุโสในเผ่าของเราเคยพูดถึงปีศาจที่พวกโทรลล์ป่าบูชา ชื่อว่า ดาทาร่า!”
เบเนดิคดูเหมือนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ และรีบร้องออกมา
ห่างออกไปไม่ไกลนัก โทรลล์นักบวชตนหนึ่ง ซึ่งแก่ชรามากเสียจนอาจหลับตาและตายจากโลกนี้ไปได้ทุกเมื่อ มันคลานเข่าเดินเข้ามาหาเจ้าโครงกระดูกตัวเล็ก หานซั่วตกใจทีเดียวเพราะแม้มันจะมีสภาพเช่นนั้นแต่กลับคลานได้รวดเร็วมากจนเข้าถึงตัวเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กในเวลาเพียงชั่วพริบตา แล้วมันก็พึมพำบางอย่างกับเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กในภาษาของโทรลล์
เจ้าโครงกระดูกตัวเล็กเองก็ยืนอึ้งทำอะไรไม่ถูก มันเกาหัวกะโหลกโล้นเหม่งของตัวเองดังแกร่ก ๆ ราวกับงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ก่อนจะหันหน้ามามองหานซั่วด้วยดวงตากลวงโบ๋ว่างเปล่ายิ่งกว่าเดิม เพื่อรอให้หานซั่วออกคำสั่งว่ามันควรทำอะไรต่อไป
ตามที่หานซั่วได้ยินเบเนดิคพูด ความคิดบรรเจิดอย่างหนึ่งก็วาบเข้ามาในหัวของเขาทันที โทรลล์ป่าพวกนี้ต้องคิดว่าเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กเป็นปีศาจที่มันนับถืออยู่แน่ ดูจากท่าทางเจ้าโทรลล์แก่หง่อมนั่นแล้ว ก็เหมือนจะอยากพาเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กไปที่ไหนสักแห่ง ในขณะที่โทรลล์ป่าทุกตนที่อยู่ด้านหลังล้วนนั่งนิ่งในท่าสักการะอยู่บนพื้น ดูเหมือนจะไม่มีสักตนที่คิดจะรุกรานหมู่บ้านคนแคระอีกต่อไปแล้ว
“หาน เกิดอะไรขึ้นน่ะ พวกเราควรทำยังไงกันต่อดี?”
คนแคระผู้หนึ่งมองหานซั่วและถามด้วยความงุนงง
หานซั่วกำลังคิดจนสมองแทบแตกตอนที่ได้ยินคนแคระถามขึ้นมา หัวของเขาปวดไปหมดเพราะสถานการณ์ยาก ๆ ที่เกิดขึ้นทำให้ตัดสินใจลำบาก หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง แม้จะไม่มั่นใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป หานซั่วก็พูดกับพวกคนแคระ
“ข้าจะลองหาวิธีถ่วงเวลาโทรลล์ป่าเอาไว้ พวกท่านรีบออกไปจากหุบเขาเดี๋ยวนี้เลยครับ ไปหาที่ปลอดภัยอยู่กับท่านหัวหน้าเผ่าและเบ็นเน็ตต์ให้ได้ก่อน แล้วข้าจะไปตามหาพวกท่านให้เจอเองทีหลัง!”
“แบบนั้นไม่อันตรายเกินไปสำหรับเจ้ารึ?”
คนแคระรู้สึกไม่สบายใจที่ต้องทิ้งหานซั่วไป จึงพูดขึ้นด้วยท่าทีกระอักกระอ่วน
“ไม่ต้องห่วงครับ ข้ามีวิธีจัดการพวกมัน เบเนดิค ข้าเองก็คิดว่าพวกเจ้าควรรีบไปเหมือนกัน โครงกระดูกของข้าแค่มีรูปร่างแปลกเฉย ๆ มันไม่ใช่ปีศาจที่พวกโทรลล์ป่าบูชากันจริงๆหรอก ข้าเองก็คาดเดาไม่ได้ว่าสถานการณ์หลังจากนี้จะเป็นยังไงต่อไป แต่ข้าว่าพวกเจ้าจะปลอดภัยกว่าถ้ารีบออกไปพร้อมกับพวกคนแคระ”
หานซั่วพยายามเกลี้ยกล่อมพวกคนแคระและเหล่าเอลฟ์
“ตกลงตามนั้น ที่นี่อันตรายเกินไป ข้าคิดว่าพวกเราควรรีบกลับไปแจ้งให้พวกท่านอาวุโสทราบก่อนดีกว่า”
เบเนดิคไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน พยักหน้าเชิงตอบรับให้หานซั่ว ก่อนจะถอนกำลังออกไปพร้อมกับเหล่าเอลฟ์คนอื่น ๆ ทันทีที่พูดจบ
เมื่อหานซั่วเร่งเร้า พวกคนแคระก็ค่อย ๆ ถอยไปยังด้านหลังของหุบเขาอย่างไม่เต็มใจนัก ในขณะที่ปีศาจปฐมภูมิตนหนึ่งซึ่งเฝ้ามองฝูงโทรลล์ป่าอยู่ก็ถอนตัวจากตำแหน่งเดิม และล่องลอยตามเหล่าคนแคระที่กำลังถอยหนีไปทันที ทำให้หานซั่วสามารถมองเห็นเส้นทางที่คนแคระใช้หนีได้อย่างชัดเจน
ไม่นานนัก บริเวณทางเข้าหมู่บ้านก็ไม่หลงเหลือใครอีกนอกจากหานซั่วและเจ้าโครงกระดูกตัวเล็ก ปีศาจปฐมภูมิที่เฝ้ามองการเคลื่อนไหวของเหล่าคนแคระทำให้หานซั่วเห็นว่าพวกเขากำลังลัดเลาะไปตามลำธารเย็นเยียบที่ไหลผ่านรอยแยกตามแนวทแยงมุมของหุบเขาด้านหลัง
“มีใครตรงนี้พูดภาษาหลักของอาณาจักรได้บ้าง?”
หานซั่วเดินออกมาจากเงามืดด้านหลัง ก่อนจะเดินมายืนอยู่เคียงข้างเจ้าโครงกระดูกตัวเล็ก และร้องถามออกไปในภาษามนุษย์
โทรลล์นักบวชแก่หง่อมที่คุกเข่าอยู่เบื้องหน้าเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กและพึมพำเป็นภาษาโทรลล์เมื่อครู่ จู่ ๆ ก็เงยหน้าขึ้นมองหานซั่ว และพูดภาษามนุษย์ในสำเนียงแปร่ง ๆ
“เจ้า… มากับท่านดาทาร่าผู้ยิ่งใหญ่รึ… ทำไมถึงเป็นเจ้า… มนุษย์จอมลวงโลกได้ล่ะ…?”
“เจ้าแน่ใจรึ ว่านี่คือดาทาร่าของพวกเจ้า?”
หานซั่วสะดุ้ง พลางส่ายศีรษะและรู้สึกสิ้นหวังทันทีที่อยู่ดี ๆ เขาก็ถามอะไรแปลก ๆ ออกไปอย่างไม่รู้ตัว
ใบหน้าของโทรลล์ป่าตนนั้นเป็นสีเขียวอย่างน่ากลัว ผิวหนังที่ทั้งแห้งและหยาบกร้านแขวนห้อยอยู่บนร่างราวกับเปลือกของต้นไม้เก่าแก่ที่กรำแดดกรำฝนมาเป็นเวลาหลายปี มันจ้องมองหานซั่วด้วยสายตาดูแคลนเป็นอย่างยิ่ง
“แน่นอน… ข้ามองไม่ผิดแน่ นี่คือร่างอวตารของท่านเทพดาทาร่า… ร่างอวตารที่อยู่บนโลกนี้…”
เมื่อโทรลล์นักบวชพูดจบ มันก็หยิบตำราโบราณเล่มหนึ่งออกมาจากกระเป๋าหนัง มือเหี่ยวย่นของมันค่อย ๆ พลิกหน้าตำรา นอกเหนือจากบรรทัดตัวหนังสือยึกยือของภาษาโทรลล์ที่ยากเกินกว่าจะเข้าใจแล้ว ก็ปรากฏเป็นภาพวาดของโครงกระดูกขนาดยักษ์ที่มีปีกอยู่บนหลัง โครงกระดูกร่างนั้นเป็นสีขาวบริสุทธิ์ ในขณะที่ปีกด้านหลังปราศจากซึ่งขนนกใด ๆ มีเพียงกระดูกเปล่า ๆ ละม้ายคล้ายคลึงกับเดือยกระดูกบนหลังของเจ้าโครงกระดูกตัวเล็ก
ใต้เท้าของโครงกระดูกยักษ์นั่นเป็นภูเขาลูกหนึ่งที่ยอดของมันเต็มไปด้วยทองคำ เงิน และเพชรพลอยมีค่ามากมายสุมกองอยู่นับไม่ถ้วน ตาของมันข้างหนึ่งกลวงโบ๋ ในขณะที่มีผ้าคาดตาสีดำคาดทับโพรงลูกตาอีกข้างไว้ ปรากฏเป็นภาพโครงกระดูกโจรสลัดตาเดียวที่พร้อมจะทำลายล้าง ลักขโมย และชิงเอาทรัพย์ทุกอย่างที่ขวางหน้า
“นี่คือภาพเทพดาทาร่าของพวกเรา ไม่ผิดแน่ นั่นคือร่างอวตารของเทพดาทาร่าบนโลกนี้ และท่านจะนำทองคำ เงิน และเพชรพลอยมากมายมาสู่เรา พวกเราจะมีทั้งของมีค่าและอาหารโดยไม่ต้องอดอยากหิวโหยอีกต่อไป และในที่สุด ท่านเทพดาทาร่าจะนำพาเผ่าของเรา ยึดครองดินแดนพวกมนุษย์จอมเจ้าเล่ห์ได้สำเร็จ!”
น้ำเสียงของโทรลล์นักบวชยิ่งแปร่งเพี้ยนมากขึ้นเมื่อมันพยายามตะโกนด้วยเสียงอันดัง
นอกจากขนาดตัวที่เล็กกว่า และไม่ได้เป็นสีขาว เจ้าโครงกระดูกตัวเล็กก็คล้ายคลึงกับรูปวาดของดาทาร่าที่อยู่ในตำราเก่าแก่นั่นมากทีเดียว จึงไม่แปลกใจที่เหล่าโทรลล์ป่าจอมละโมบถึงได้คิดว่าเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กคือร่างอวตารของดาทาร่า เทพแห่งการลักขโมยที่พวกมันนับถือ
แม้สถานการณ์ประหลาดจนยากเกินจินตนาการในครั้งนี้จะทำให้หานซั่วรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก แต่ความคิดวูบหนึ่งก็ผุดขึ้นมา ขณะที่เขาใคร่ครวญอยู่เงียบ ๆ รอยยิ้มประหลาดก็ปรากฏขึ้นตรงมุมปากของหานซั่ว ก่อนจะออกคำสั่งเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กในใจ
จากเดิมที่เจ้าโครงกระดูกตัวเล็กได้แต่ยืนอึ้งทำอะไรไม่ถูก มันก็กวัดแกว่งกริชกระดูกที่ถืออยู่ในมือ ในขณะที่มือซ้ายที่ยังว่างอยู่อีกข้างก็โบกมือในท่าทางที่แปลได้ว่าให้ทุกคนลุกขึ้นยืน
“โอ! ท่านดาทาร่าสดับฟังคำวอนของพวกเราแล้ว!”
โทรลล์นักบวชชราตนนั้นร้องขึ้นอย่างตื่นเต้นดีใจสุดขีด พลางย่ำเท้าและโบกไม้โบกมือไปมา และพรุ่งพรูคำพูดบางอย่างออกมาเป็นภาษาโทรลล์ด้วยเสียงแผ่วเบา
พวกโทรลล์ป่าที่กำลังนั่งในท่าสักการบูชาต่างก็ตะโกนโห่ร้องเสียงดังและลุกขึ้นยืนจากพื้น ก่อนจะหยิบเอาอะไรบางอย่างที่มัดติดอยู่กับตัวออกมา และเขย่ามันอย่างรุนแรง
เจ้าโครงกระดูกตัวเล็กรอจนกว่าพวกโทรลล์ป่าลุกขึ้นยืนจนหมด และใช้มือซ้ายของมันชี้ไปที่หานซั่ว ตามที่หานซั่วสั่ง ก่อนจะใช้มือข้างเดิมกลับมาชี้ที่ตัวมันเอง ซึ่งพวกโทรลล์ป่าได้เห็นแล้วก็งงไปตาม ๆ กัน
“เขาต้องการให้ข้าเป็นตัวกลางสื่อสารระหว่างพวกเจ้าน่ะ”
หานซั่วยืดอกและพูดอย่างอวดดีกับโทรลล์นักบวชแก่ชราตนนั้น ส่วนเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กก็พยักหน้าตามจังหวะรับส่งคำพูดอย่างเหมาะเจาะตามที่หานซั่วสั่ง เพื่อยืนยันแก่พวกโทรลล์ว่ามันหมายความตามนั้น
“ทำไมกัน… ทำไมต้องยอมให้เจ้ามนุษย์จอมเจ้าเล่ห์เพทุบายนี่เป็นผู้สื่อสารแทนท่านด้วยล่ะ?”
โทรลล์นักบวชแก่ชราดูจะรับไม่ได้อย่างยิ่งและรีบถามออกไปด้วยความสับสนทันที
แต่ในตอนนั้นเอง เจ้าโครงกระดูกตัวเล็กก็ยื่นกริชกระดูกออกไปจ่อที่คอของโทรลล์นักบวชชราทันทีที่มันพูดจบ เจ้าโครงกระดูกตัวเล็กพยายามยืนเขย่งปลายเท้าเพื่อทำให้ตัวมันดูสูงขึ้นกว่าเดิม ดวงตากลวงโบ๋ของมันจ้องเขม็งไปในตาของโทรลล์นักบวช แล้วความรู้สึกเย็นวาบเสียดแทงกระดูกแผ่ซ่านเข้าไปในร่างของโทรลล์ตนนั้นจนเสียงฟันขบกระทบกันรัว ๆ ดังออกมาจากในปาก
โทรลล์นักบวชชรารู้สึกสะพรึงกลัวจนสูญเสียเรี่ยวแรงในร่างกายไปจนสิ้น มันร่วงไปกองลงบนพื้นเพื่อคำนับอย่างน้อบน้อมอีกครั้ง มันชูมือทั้งสองข้างขึ้นสูงและรีบร้องออกมาอย่างหวาดกลัว
“ข้าจะไม่สงสัยในความปรารถนาของท่านอีกแล้ว ได้โปรด อย่ายึดทุกอย่างไปจากเราเลย!”
โทรลล์ป่าที่ยืนอยู่รอบ ๆ ทุกตนไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว เมื่อเห็นว่านักบวชชราผู้ที่พวกมันเคารพนับถือมากที่สุดในเผ่าถูกคุกคามต่อหน้าและทำได้เพียงก้มหน้าก้มตาพรั่งพรูคำพูดออกมาในภาษาโทรลล์เท่านั้น
“ลุกขึ้นเถอะ ลุกขึ้น เทพดาทาร่าผู้ยิ่งใหญ่ให้อภัยเจ้าแล้ว ทีนี้ พวกเจ้าคงรู้ซึ้งถึงสถานะผู้สื่อสารของข้าแล้วสินะ?”
โทรลล์นักบวชชรายกมือกุมศีรษะ ก่อนจะพยักหน้าและพูดด้วยความไม่เต็มใจอย่างเห็นได้ชัด
“ท่านเทพดาทาร่าผู้ยิ่งใหญ่และผู้สื่อสารของท่านจะให้เกียรติไปเยี่ยมเยียนเผ่าของเราได้หรือไม่? พวกเรามีของบางอย่างจะถวายให้แก่ท่าน!”
“พวกเจ้าไม่ได้มาปล้นพวกคนแคระหรอกรึ?”
หานซั่วสะดุ้งเล็กน้อย และเอ่ยปากถามด้วยความสงสัย
“เปล่าเลย ตั้งแต่ที่ข้าได้ยินสมาชิกในเผ่าอธิบายลักษณะของท่านผู้ยิ่งใหญ่ที่เจอให้ฟังเมื่อครั้งที่แล้ว ข้าก็บอกในเผ่าของข้าทันทีให้รีบตามหาตัวท่าน เจ้าคนแคระน่ารำคาญพวกนั้นเป็นแค่หมู่บ้านเล็ก ๆ กับคนแค่ร้อยเดียว ไม่คุ้มค่าพอที่จะส่งเหล่าหัวกะทิของเผ่าเราออกมาให้เปลืองแรงหรอก แต่เราได้ยินว่าท่านผู้ยิ่งใหญ่ปรากฏตัวขึ้นแถวนี้ พวกเราก็เลยส่งบรรดาหัวกะทิในเผ่าของพวกเราออกมาจำนวนมาก เพื่อที่จะได้ต้อนรับท่านผู้ยิ่งใหญ่กลับไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของท่าน”
โทรลล์นักบวชชราส่ายศีรษะพลางอธิบายกับหานซั่ว
“ดินแดนศักดิ์สิทธิ์? …ดินแดนศักดิ์สิทธิ์อะไรกัน?”
หานซั่วถามด้วยความประหลาดใจ
“ปราสาทที่เผ่าของเราสร้างขึ้นเป็นพิเศษเพื่อท่านผู้ยิ่งใหญ่ เป็นปราสาทโบราณที่ส่งต่อให้ดูแลรักษาจากรุ่นสู่รุ่น ว่ากันว่าเดิมทีก็เป็นปราสาทของท่านผู้ยิ่งใหญ่อยู่แล้ว ดังนั้น พวกเราก็เลยตั้งใจจะส่งคืนให้กับท่าน”
โทรลล์นักบวชชรามองหานซั่วด้วยสายตารังเกียจ แต่ไม่กล้าที่จะขัดคำสั่งของเจ้าโครงกระดูกตัวเล็ก จึงต้องจำใจอธิบายให้หานซั่วฟังอย่างเลี่ยงไม่ได้
“ดีมาก ดีจริง ๆ! งั้นก็รีบไปกันเถอะ!”
หานซั่วดีใจจนเนื้อเต้นเมื่อได้ยินโทรลล์ผู้เฒ่าพูด จึงรีบเร่งเร้าให้เหล่าโทรลล์ป่านำทางไปยังที่แห่งนั้น
โทรลล์นักบวชชราไม่ได้พูดอะไร แต่โบกมือเป็นสัญญาณครั้งหนึ่ง แล้วโทรลล์ป่าร่างยักษ์ที่ยืนอยู่ไกล ๆ ก็เดินเข้ามาหาด้วยท่าทางนอบน้อม หลังจากทั้งสองตนคุยกันในภาษาที่หานซั่วฟังไม่รู้เรื่องแล้ว หัวหน้าโทรลล์ป่าก็หันไปออกคำสั่งกองทัพโทรลล์ป่าร่วม 600 ตนให้เลิกค้นหาหมู่บ้านคนแคระ และเตรียมมุ่งหน้ากลับไปยังส่วนลึกของป่าทมิฬในรูปขบวนฉลองอย่างยิ่งใหญ่ทันที
โทรลล์ร่างสูงและบึกบึนจำนวน 4 ตนก็ถือเสลี่ยงหยกสีดำที่ประดับไปด้วยเพชรพลอยแวววาวระยิบระยับหลากชนิด พร้อมด้วยขนนกขนาดใหญ่จำนวนมากประดับอยู่ด้านหลังเสลี่ยง ราวกับเตรียมพร้อมไว้ให้เจ้าโครงกระดูกตัวเล็กขึ้นไปนั่งบนนั้นขณะเดินทางไปยังส่วนลึกของป่าทมิฬ
แล้วเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กก็ขึ้นไปนั่งอย่างสบายอารมณ์ พลางหันมองไปทางนั้นทีทางนี้ที …ในฐานะผู้สื่อสาร หานซั่วไม่สามารถได้รับความสะดวกสบายเช่นนั้นได้ จึงจำต้องเดินเท้าไปกับเหล่าโทรลล์ป่าเท่านั้น พวกเขาเจอสัตว์วิเศษหลากหลายชนิดระหว่างทาง แต่สัตว์วิเศษระดับธรรมดาไม่กล้าเข้าใกล้พวกโทรลล์ป่าที่มีจำนวนมากขนาดนั้น แม้แต่สัตว์วิเศษระดับ 3 หรือระดับ 2 เองก็ยังไม่กล้าคิดเหิมเกริม พวกมันเลือกที่จะเฝ้ามองอยู่ห่าง ๆ รอให้ขบวนฉลองจำนวนมากของชนเผ่าจอมชั่วร้ายฝูงนี้ผ่านไปให้ไกลที่สุด
ในพื้นที่ชายขอบรอบนอกของป่าทมิฬ ซึ่งเป็นถิ่นหากินของโทรลล์ป่าจอมละโมบ ซึ่งเป็นเผ่าพันธุ์ที่ชื่นชอบในการปล้นชิงทรัพย์และมีชื่อเสียงในด้านเลวระบือไกลไปทั่วแคว้น บริเวณนั้นยังเป็นถิ่นของโทรลล์ป่าหลากหลายเผ่า ที่เหล่านักผจญภัยและพ่อค้าที่ท่องไปในป่าทมิฬมักถูกดักปล้นทุกครั้งที่ได้เจอเข้ากับพวกมัน
นอกเหนือจากรูปแบบชีวิตไม่กี่ชนิดที่อาศัยอยู่ในส่วนลึกของป่าทมิฬแล้ว เผ่าโทรลล์ป่ายังเป็นผู้ที่ถูกเกลียดชังมากที่สุด …ในฐานะศัตรูคู่อาฆาต เหล่าเอลฟ์ได้ต่อสู้เป็นจำนวนนับครั้งไม่ถ้วนกับพวกโทรลล์ป่า แต่ยังไม่เคยได้รับชัยชนะ เพราะไม่เคยมีใครสามารถหยุดยั้งการดักปล้นอย่างต่อเนื่องของพวกมันได้แม้เพียงสักครั้ง
แต่ขณะที่พวกมันค่อย ๆ ผ่านเข้าไปยังส่วนลึกของป่าทมิฬมากขึ้นเรื่อย ๆ แม้แต่โทรลล์ป่าที่ดูน่าข่มขวัญมากที่สุดเมื่อครู่ก็เริ่มที่จะระแวดระวังภัย ราวกับเกรงว่าจะไปรบกวนอะไรบางอย่างเข้า
“ทำไม… ยิ่งเข้ามาลึกเท่าไหร่ พวกเจ้าถึงได้ดูสงบเสงี่ยมกันมากกกว่าปกติแบบนี้ล่ะ?
หานซั่วผิดสังเกตอากัปกริยาของเหล่าโทรลล์ป่า จึงอดไม่ได้ที่จะถามโทรลล์นักบวชชราที่เดินอยู่ข้าง ๆ เขา
โทรลล์นักบวชชรากวาดสายตามองไปรอบ ๆ ก่อนจะหันมาอธิบาย
“เราเข้าสู่ใจกลางป่าทมิฬแล้ว ที่นี่มีทั้งสัตว์ระดับสูง และเผ่าพันธุ์วิเศษอื่น ๆ อีกมากมาย พวกมนุษย์ที่ฝ่ามาถึงจุดนี้ได้ก็ไม่ใช่พวกที่รับมือได้ง่าย ๆ ก็เลยหวังว่าจะไม่ไปเจอพวกนั้นเข้า มิเช่นนั้น พวกเราคงเจอปัญหาใหญ่แน่”
ทันใดนั้นเอง เสียงครึกโครมราวฟ้าผ่าก็ดังลั่นเหนือพื้นขึ้นไปเพียง 6 – 7 เมตร แล้วยักษ์หินสีขาวตัวใหญ่มหึมาก็ค่อย ๆ เคลื่อนตัวผ่านไปโดยมีต้นไม้ใหญ่ปลิวผ่านไหล่ของมัน ขณะเดียวกัน ก็มีเสียงครางต่ำเสียงหนึ่งลั่นสะเทือนไปทั่วฟ้า และมีเงาดำเงาหนึ่งทอดยาวลงมาบนพื้นเบื้องล่าง ปรากฏเป็นเงาของคอยาวระหงจำนวน 2 คอให้เห็นอย่างชัดเจน
“ตัวที่เต็มไปด้วยผงธุลีสีขาว คือ ยักษ์สันบรรพต ธรรมชาติของมันจะเป็นพวกที่รักสงบและไม่ชอบการต่อสู้ แต่ถ้าเจ้าทำให้มันโกรธล่ะก็ สิ่งเดียวที่เจ้าจะได้เจอคือหายนะ… ส่วนตัวที่เพิ่งบินผ่านหัวเราไปเป็นมังกรสองหัวระดับล่างสุด จริง ๆ พวกมันไม่ใช่มังกรหรอก เป็นแค่สัตว์วิเศษระดับ 2 แต่มันก็พ่นพิษได้ และรับมือยากอยู่พอสมควร”
โทรลล์นักบวชชราอธิบายให้หานซั่วฟังเมื่อเห็นว่าเขากำลังตกตะลึงกับสิ่งที่เห็น
หานซั่วพยักหน้าตอบรับ และถอนหายใจอย่างชื่นชม
“ข้าเข้าใจสักทีว่าทำไมพวกเจ้าถึงได้กล้าทำตัวป่าเถื่อนเฉพาะตอนอยู่แถวชายขอบรอบนอกของป่าทมิฬ”
…………………………………..
อัพเดท 15 ต.ค. 60 กลุ่ม GDK#2 (116-180) ลงครบทุกตอน
>>> FB :
(0 votes) 0/10