ขบวนฉลองค่อย ๆ เดินตามหลังโทรลล์นักบวชชรา และใช้เวลาถึงครึ่งวันในการเดินทางผ่านเส้นทางแคบๆบริเวณรอยแยกของภูเขาหิน เข้าไปเรื่อย ๆ จนมาหยุดอยู่ที่ริมแม่น้ำแห่งหนึ่ง
ริมแม่น้ำแห่งนั้น เป็นที่ตั้งของหมู่บ้านที่เต็มไปด้วยบ้านเรือนที่ทำจากไม้ทั้งหลังในรูปทรงแบบชนเผ่าดั้งเดิม บริเวณใกล้เคียงมีกับดักวางอยู่กระจัดกระจาย รวมทั้งต้นไม้แปลก ๆ ยืนต้นสูงตระหง่านหลายต้น เมื่อพวกเขามาถึง ปีศาจปฐมภูมิที่เคยถูกส่งไปจับตามองเหล่าคนแคระก็กลับมา เพราะระยะทางระหว่างหานซั่วและกลุ่มคนแคระห่างไกลเกินไป แล้วมันก็เริ่มลาดตระเวนพื้นที่โดยรอบทุกซอกทุกมุม
ด้วยพลังของปีศาจปฐมภูมิทั้ง 3 ตน ทำให้หานซั่วสามารถมองเห็นทั่วทั้งพื้นที่ และพบว่าที่นั่นมีอาณาเขตกว้างขวางมากทีเดียว เขาลองประเมินคร่าว ๆ ซึ่งคาดว่าน่าจะมีกระท่อมอยู่หลายร้อยหลัง และเป็นแหล่งกบดานของเหล่าโทรลล์ป่า …โทรลล์ป่าผิวสีเขียวหลายตนล้วนถืออาวุธในมือ ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือเด็ก ต่างถูกฝึกให้เป็นโทรลล์ป่านักรบที่แข็งแกร่ง
จากที่พวกเอลฟ์เคยพูดให้ฟัง หานซั่วก็เข้าใจว่าเหล่าโทรลล์ป่าเป็นเผ่าพันธุ์ที่มีสัญชาติญาณตามธรรมชาติในการลักขโมยและปล้นชิงทรัพย์มาแต่กำเนิด และไม่เคยมีอะไรที่พวกมันพยายามทำหรือช่วยเหลือตนเองเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะเป็นเสบียงอาหาร น้ำดื่ม
หรือของใช้ต่าง ๆ พวกมันล้วนคิดว่าของเหล่านั้นต้องได้มาจากการขโมยจากผู้อื่นเท่านั้น จึงทำให้พวกมัน ซึ่งบูชา
ดาทาร่า เทพปีศาจแห่งการลักขโมย และปฏิบัติกับโทรลล์หญิงและโทรลล์เด็ก ๆ ในฐานะเป้าซ้อมรบที่จะช่วยในการฝึกซ้อมเพิ่มความแข็งแกร่งเพื่อปล้นชิงทรัพย์ได้ง่ายขึ้น
เมื่อโทรลล์นักบวชชรามาถึง มันก็ตะโกนลั่นเป็นคำพูดบางอย่างในภาษาโทรลล์ แล้วโทรลล์ทุกตนไม่ว่าจะเป็นโทรลล์เด็ก โทรลล์แก่เฒ่า
หรือโทรลล์เพศหญิงต่างตื่นเต้นดีใจและหยิบวัตถุบรรจุของบางอย่างที่ผูกติดไว้กับตัวออกมาโบกไปมาในอากาศ พลางร้องเรียกเป็นเสียงเดียวกัน
“ดาทาร่า
…!!
ดาทาร่า…
!!
”
หลังจากที่ทุกตนพร้อมใจกันกู่ร้องด้วยเสียงอันดังชั่วระยะเวลาหนึ่ง โทรลล์นักบวชชราก็หันมาสื่อสารกับหานซั่วในภาษามนุษย์
“ตามมา
ข้าจะพาท่านเทพดาทาร่าและผู้สื่อสารของท่านไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์”
“อืม เร็ว ๆ เข้าล่ะ เทพดาทาร่าไม่ใช่เทพที่อดทนได้เก่งสักเท่าไหร่”
หานซั่วพูดด้วยสีหน้าชั่วร้าย
พวกมันแบกเสลี่ยงบรรทุกเจ้าโครงกระดูกตัวเล็ก ในขณะที่หานซั่วยังคงเดินเท้าไปตามทาง ไกลออกไป
เขาเห็นพวกโทรลล์ป่ากำลังขนแพที่ทำจากไม้มาจำนวนหนึ่ง แล้วหานซั่วกับเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กก็ขึ้นไปบนแพตามที่โทรลล์นักบวชชราบอก ไม่นานนัก
เหล่าโทรลล์ก็ล่องแพออกไปตามกระแสของแม่น้ำ
กลุ่มของแพไม้ค่อย ๆ ลอยไปข้างหน้าอย่างเอื่อยเฉื่อย หลังจากผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง พวกมันก็พายมาเกยฝั่งชื้นแฉะแห่งหนึ่ง หานซั่วเดินตามหลังโทรลล์นักบวชชราขึ้นฝั่งไป และพบว่าบริเวณนั้นเต็มไปด้วยต้นไม้สูงและมีขนาดใหญ่โตเป็นอย่างมาก เหล่าต้นหญ้าและพุ่มไม้ต่าง ๆ ก็ขึ้นหนาแน่นจนสูงมิดหัวแทบมองคนไม่เห็น แม้แต่วัชพืชเองก็ขึ้นไปทั่วทุกหัวระแหงของพื้นที่
พืชทุกชนิดในบริเวณนั้นดูเหมือนจะเจริญงอกงามมากผิดปกติจนเกิดเป็นบรรยากาศแปลกประหลาดฟุ้งกระจายตลบอบอวลในอากาศ กลุ่มโทรลล์จำนวนหนึ่งเป็นผู้นำโดยฝ่าฟันกลุ่มพุ่มไม้หนาเพื่อเปิดทางให้ โทรลล์นักบวชชราชี้ไปยังเส้นทางเบื้องหน้า ก่อนจะบอกให้หานซั่วตามมันไปเพื่อเข้าไปยังส่วนลึกของป่าแห่งนั้น
ขณะที่กำลังเข้าไปลึกขึ้นเรื่อย ๆ ความรู้สึกประหลาดบางอย่างก็ผุดขึ้นในจิตใจของหานซั่ว ราวกับว่าเขาเคยได้ยินเรื่องของสถานที่นี้มาจากที่ไหนสักแห่งมาก่อน แล้วหานซั่วก็มาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเคหาสน์หลังหนึ่งที่ถูกยกสูงขึ้นไปโดยต้นไม้ใหญ่ยักษ์ในลักษณะที่ดูน่าสับสนพอสมควร
กิ่งที่เต็มไปด้วยใบไม้ดกหนาของต้นไม้สูงตระหง่านจำนวน 5 – 6 ต้นในบริเวณนั้นเกี่ยวกระหวัดซึ่งกันและกัน กลายเป็นฐานรองรับของเคหาสน์ขนาดใหญ่หลังหนึ่งสูงขึ้นไปกลางอากาศ
และบริเวณโดยรอบโคนต้นไม้เหล่านั้นก็มีพืชเจริญงอกงามมากเป็นพิเศษ แม้กระทั่งดอกไม้ประหลาดที่ออกผลเป็นผลไม้ป่าหน้าตาพิลึกไม่ต่างกัน
หานซั่วมองไปรอบ ๆ และอึ้งไปชั่วขณะ ก่อนที่หัวใจจะเต้นระรัวจนเขาร้องออกมากด้วยความประหลาดใจ
“แดนป่าสัมบูรณ์
!
ฮ่า ๆ ๆ ที่นี่ต้องใช่แดนป่าสัมบูรณ์แน่ ๆ
!
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพืชพรรณนานาชนิดถึงได้เจริญงอกงามอย่างสมบูรณ์แบบได้ถึงขนาดนี้
!
”
แดนป่าสัมบูรณ์
คือสถานที่ที่มีพลังของธาตุไม้วนเวียนอยู่ และจะอบอวลหนาแน่นมากกว่าที่ใด ๆ จึงทำให้เหล่าพฤกษานานาพรรณในแดนป่าสัมบูรณ์เจริญงอกงามดารดาษไปทั่ว โดยที่ผืนป่าทั่วไปมิอาจเทียบได้ แม้เหล่าโทรลล์ป่าจะนับถือบูชาดาทาร่า เทพปีศาจแห่งการลักขโมย แต่ตามตำนานก็เล่าว่าพวกมันเป็นเผ่าพันธุ์ที่ถือกำเนิดมาจากต้นไม้ จึงทำให้พวกมันมีความรู้สึกผูกพันอันแน่นแฟ้นต่อป่าโดยธรรมชาติ
“แม้แต่อากาศที่นี่ก็ยังบริสุทธิ์มากกว่าที่อื่น ๆ บรรพบุรุษของเราใช้ความเพียรพยายามค้นหาสถานที่แห่งนี้มายาวนานหลายต่อหลายปี ก่อนจะมาพบที่นี่เข้า และได้สร้างปราสาทในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ขึ้น ซึ่งด้านในมีรูปสลักหินของท่านดาทาร่าที่สร้างขึ้นสำหรับสักการบูชาพร้อมด้วยของบรรณาการเป็นประจำทุกปี ด้วยหวังว่าท่านผู้ยิ่งใหญ่จะอำนวยอวยชัยให้พวกเราออกล่าเพื่อปล้นชิงทรัพย์ได้โดยสำเร็จ”
โทรลล์นักบวชชราคุกเข่าลงน้อมคำนับและจ้องมองไปยังเคหาสน์ที่อยู่เหนือขึ้นไปด้วยความศรัทธา และพูดอย่างอ่อนโยน
หลังจากใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง โทรลล์นักบวชชราก็เพิ่งรู้สึกตัวว่าไม่บังควรที่จะทำความเคารพรูปสลักหินในเคหาสน์ทั้ง ๆ ที่เทพปีศาจองค์จริงอยู่ข้าง ๆ แล้ว มันจึงรีบน้อมคำนับเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กทันที ก่อนจะหันไปพูดกับโทรลล์นักรบที่แบกเสลี่ยงของเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กอยู่ด้วยภาษาโทรลล์ที่ฟังไม่ออก แล้วโทรลล์นักรบก็ค่อย ๆ วางเสลี่ยงลงและเชื้อเชิญให้เจ้าโครงกระดูกตัวเล็กก้าวลงมา
ในตอนนั้นเอง
หานซั่วก็ครุ่นคิดทันทีว่าตอนนี้ ผีดิบธาตุไม้ชั้นยอด ของเขาอยู่แค่เอื้อมแล้ว
เขาจึงรู้สึกตื่นเต้นดีใจอย่างยากที่จะเชื่อ และเกือบลืมออกคำสั่งเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กไปเสียสนิท เพราะแม้โทรลล์นักบวชพยายามเชื้อเชิญอยู่หลายครั้ง แต่เจ้าโครงกระดูกตัวเล็กกลับนั่งแน่นิ่งอยู่บนเสลี่ยงอย่างไม่มีทีท่าว่าจะขยับ จนโทรลล์นักบวชคิ้วขมวดแน่นเป็นปม และคุกเข่าลงอย่างอ่อนแรงเบื้องหน้าหานซั่ว
“เจ้าผู้สื่อสาร ทำไมท่านเทพดาทาร่าถึงไม่ยอมลงจากเสลี่ยงล่ะ? พวกข้าทำอะไรผิดไปงั้นรึ?”
จุดนี้เองที่คำพูดของโทรลล์นักบวชชราทำให้หานซั่วสะดุ้งตกใจและตื่นจากฝันกลางวัน
เขาหันหน้ามาและพบว่าเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กยังคงนั่งอยู่ที่เดิมอย่างเกียจคร้านและสบายอารมณ์ ราวกับเผลอหลับไป หานซั่วรีบออกคำสั่ง แล้วขาของมันก็เหยียดตรงและผุดลุกขึ้นทันที พลางมองไปมองมารอบ ๆ พร้อมกับกริชกระดูกในมือด้วยอารามตกใจ
“เมื่อกี้ดาทาร่ากำลังคิดใคร่ครวญอยู่ ไม่ได้ยินที่เจ้าเรียกหรอก มาเถอะ
ขึ้นไปกันได้แล้ว”
หานซั่วแอบขำพรืดในใจ แต่หันไปพูดกับโทรลล์นักบวชชราด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
โทรลล์นักบวชชราไม่กล้าเอ่ยถามสิ่งใดอีก ได้แต่พยักหน้ารับเงียบ ๆ มันเดินไปยังด้านหลังของต้นไม้สูงตระหง่านต้นหนึ่ง ก่อนจะดึงบันไดที่ถักทอจากกิ่งต้นไม้ออกมาและเริ่มปีนป่าย โดยมีหานซั่วปีนตามขึ้นไปติด ๆ
ทันใดนั้นเอง
เจ้าโครงกระดูกตัวเล็กก็ลงมาจากเสลี่ยง
และเดินห่างออกไปด้วยตัวมันเองโดยที่หานซั่วยังไม่ทันได้ออกคำสั่ง และสิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปล้วนอยู่นอกเหนือความคาดหมายของทุกตนในบริเวณนั้น เจ้าโครงกระดูกตัวเล็กย่อตัวลง ก่อนจะกระโดดถีบตัวและพุ่งตัวขึ้นไป ลำตัวของมันเหยียดตรง ในขณะที่เดือยกระดูกทั้ง 7 ชิ้นบนหลังกะพือพลิ้วในอากาศ แล้วมันก็ร่อนลงตรงหน้าประตูของเคหาสน์หลังใหญ่เบื้องบน ก่อนที่หานซั่วและโทรลล์นักบวชชราจะปีนขึ้นไปถึงเสียอีก
ร่างของเจ้าโครงกระดูกเซไปเซมาเพราะร่อนลงในท่ายืนที่ไม่มั่นคงนัก แต่เมื่อมันทรงตัวได้ มันก็ส่ายหัวไปมาอย่างไม่พอใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะดึงประตูเพื่อเปิดออกและก้าวเข้าไป ตามมาด้วยเสียงรื้อค้นข้าวของกระจุยกระจายดังลั่นออกมาจากเคหาสน์หลังนั้น
“ดาทาร่า
!
ดาทาร่า
!
”
โทรลล์นักบวชชราร้องขึ้นด้วยความตื่นเต้น ก่อนจะร้องเป็นคำพูดอะไรบางอย่างออกมาที่ฟังไม่ได้ศัพท์
ในที่สุด
โทรลล์นักบวชชราและหานซั่วก็ปีนขึ้นมาถึง
ในขณะที่โทรลล์ป่าตนอื่น ๆ ได้แต่ยืนยามอยู่ด้านล่าง และไม่มีสักตนที่ได้รับอนุญาตให้ตามขึ้นไป
หานซั่วเดินตามโทรลล์นักบวชชราเข้าไปในเคหาสน์หลังนั้น และพบกับรูปสลักหินของโครงกระดูกขนาดใหญ่อยู่ใจกลางห้อง ซึ่งมีลักษณะตรงตามภาพที่หานซั่วเคยเห็นในตำราโบราณของโทรลล์นักบวชชราก่อนหน้านี้ แต่สิ่งที่ต่างออกไป คือโครงกระดูกร่างยักษ์ที่มีผ้าปิดตาข้างเดียวนั้นกำลังถือเคียวคมกริบคล้ายเคียวของยมทูตอยู่ในมือขวา ในขณะที่มือซ้ายถือถุงใบใหญ่ที่เต็มตุงราวกับกำลังบรรจุของมากมายหลายชิ้นที่เพิ่งขโมยมา
ภายในเคหาสน์นั้นมีแสงประกายงดงาม เพราะเต็มไปด้วยเพชรพลอยหลากสีสันฝังประดับอยู่ภายในกำแพงไม้ ในขณะที่ทองและเครื่องประดับอัญมณีมากมายกองอยู่ทุกตารางนิ้วทั่วพื้นห้อง หานซั่วในตอนนี้ซึ่งรู้จักความร่ำรวยมั่งคั่งเป็นอย่างดี เขาจึงรู้ว่าอัญมณีมากมายที่ส่องประกายแสงระยิบระยับในกำแพงไม้นั่นมีราคาที่มิอาจจะประเมินค่าได้ แม้แต่จานชามเครื่องใช้ต่าง ๆ ที่จัดไว้บนโต๊ะหยกก็ทำจากหยกและทองคำวับวามสวยงาม
เจ้าโครงกระดูกตัวเล็กยังคงกุมกริชกระดูกในมือข้างหนึ่งไว้แน่น ในขณะที่มืออีกข้างลูบหัวกระโหลกของตัวเองวนไปมาครู่หนึ่ง ก่อนจะยื่นมือข้างเดิมไปลูบคลำรูปสลักหินขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางเคหาสน์ จากนั้นจึงยื่นไปจับปีกกระดูกเปลือยเปล่าไร้ซึ่งขนนกที่อยู่ด้านหลังของรูปปั้น และชักมือกลับมาจับเดือยกระดูก 7 ชิ้นที่หลังของตัวเอง ราวกับกำลังฉงนสงสัยเป็นอย่างยิ่งว่าทำไมรูปสลักหินขนาดใหญ่นั่นถึงดูคล้ายตัวมันเองนัก
เว้นเพียงแต่ว่า เมื่อเทียบกับรูปสลักหินนั่นแล้ว เจ้าโครงกระดูกตัวเล็กนั้นมีขนาดความสูงเพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้น จนเกิดเป็นภาพแปลกประหลาดของโครงกระดูกตัวเล็กที่ยืนเคียงข้างกับโครงกระดูกขนาดใหญ่
เมื่อหานซั่วและโทรลล์นักบวชแก่ชราเข้าไปยังด้านในเคหาสน์แล้ว พวกเขาก็จ้องมองอย่างสับสนที่เห็นเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กเดินวนไปมารอบรูปสลักหินของดาทาร่า เมื่อหานซั่วลองสังเกตดู และก็ต้องประหลาดใจที่เจ้าโครงกระดูกตัวเล็กมีท่าทีเหมือนมนุษย์
และทำให้ไม่สามารถออกคำสั่งใด ๆ กับมันได้ หานซั่วจึงทำได้เพียงตกตะลึง และเฝ้ามองอย่างกระวนกระวายใจว่าเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กจะทำอะไรต่อไป
และก็เป็นไปตามนั้น อยู่ดี
ๆ เจ้าโครงกระดูกตัวเล็กก็มาหยุดยืนอยู่ตรงหน้ารูปสลักหินของเทพปีศาจดาทาร่า ดวงตากลวงโบ๋ของมันก็จับจ้องไปที่ผ้าคาดตาที่ครอบโพรงลูกตาด้านซ้ายของดาทาร่าอยู่ มันยกมือขึ้นมาสัมผัสไปที่โพรงลูกตาของตัวเอง ราวกับนึกสงสัยว่าทำไมมันถึงไม่มีผ้าคาดตาบ้าง
ทันใดนั้นเอง
เจ้าโครงกระดูกตัวเล็กก็กระโดดสูงขึ้น
มันยื่นมือออกไปปลดผ้าคาดตาของดาทาร่าออก
แล้วร่างของมันร่วงถึงพื้นพร้อมด้วยผ้าคาดตาที่ถืออยู่ในมือ เผยให้เห็นอัญมณีสีม่วงเป็นประกายอยู่ในโพรงลูกตาด้านซ้ายที่ไร้ซึ่งผ้าคาดตาอีกต่อไปแล้วของดาทาร่า จากรูปสลักหินเทพปีศาจดาทาร่าที่ดูแข็งทื่อก็ดูราวกับมีชีวิตขึ้นมาทันทีเมื่อมีอัญมณีสีม่วงปรากฏให้เห็นเพิ่มขึ้นมา ทำให้หานซั่วรู้สึกราวกับว่ารูปสลักนั้นกำลังจ้องมองมาที่เขา
ในตอนนั้นเอง
ลูกตาอัญมณีสีม่วงก็เหมือนจะหมุนกลิ้งอยู่ในเบ้าครั้งหนึ่ง และค่อย
ๆ ส่องแสงสีม่วงอ่อน ๆ วาบขึ้น ราวกับอยู่ดี
ๆ เทพดาทาร่าก็มีชีวิตขึ้นมา
“โอ เทพดาทาร่าผู้ยิ่งใหญ่เปิด “เนตรปีศาจสีม่วง”
ออกแล้ว
เทพดาทาร่าตรัสรู้แจ้งเห็นจริงแล้ว
!
”
โทรลล์นักบวชชรามีท่าทีปลาบปลื้มปิติ และตื่นเต้นยินดีอย่างบ้าคลั่ง ก่อนจะกดหัวของตัวมันเองแนบลงกับพื้นทั้ง ๆ ที่ยังโห่ร้องดีใจด้วยเสียงดังลั่น
แล้วเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กที่ยืนอึ้งอยู่ในทีแรก จู่ ๆ มันก็ขยับโต๊ะที่อยู่เยื้องออกไปมาที่ด้านหน้าของรูปสลักหินและปีนขึ้นไป มันยืนเขย่งปลายเท้าและยื่นมือข้างหนึ่งไปที่โพรงลูกตาด้านซ้ายของรูปสลักหินดาทาร่า ขณะเดียวกันที่หานซั่วรู้สึกชาไปทั้งหัว เจ้าโครงกระดูกตัวเล็กหยิบเอาดวงตาปีศาจสีม่วงออกมา และชูมันขึ้นสูงเพื่อเพ่งพินิจพิจารณาให้ชัด ๆ ก่อนจะใส่เข้าไปในโพรงลูกตาด้านซ้ายของตัวมันเอง
แม้แต่หานซั่วก็รู้สึกทำอะไรไม่ถูก แต่ก่อนที่เขาจะทันได้คิดว่าควรทำอย่างไรต่อไป จู่ ๆ หานซั่วก็รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นในหัว เขาหันไปมองเจ้าโครงกระดูกตัวเล็ก และรู้สึกทันทีว่าเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กได้ฝังเนตรปีศาจสีม่วงเข้าไปในในโพรงลูกตาด้านซ้ายของหานซั่วด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม
เมื่อเนตรปีศาจสีม่วงฝังลงไปในโพรงลูกตาด้านซ้าย เจ้าโครงกระดูกตัวเล็กก็ดูเหมือนจะรู้สึกเจ็บปวดทรมานมากเช่นกัน ร่างของมันร่วงลงไปนอนสั่นเทาอยู่บนพื้น พลางเอามือกุมหัวและดิ้นพราดด้วยความเจ็บปวด ซึ่งในฐานะร่างของผู้เป็นนาย หานซั่วจึงมีจิตที่เชื่อมต่อถึงกันระหว่างตัวเขาเองและเจ้าโครงกระดูกตัวเล็ก ทำให้ทั้งคู่รับรู้ถึงความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นพร้อมกัน เพราะจู่
ๆ ก็มีพลังงานแปลกประหลาดจากมิติอื่นแผ่ซ่านออกมาจากเนตรปีศาจสีม่วงก้อนนั้น ราวกับว่ากำลังพยายามสิงสู่เพื่อที่จะควบคุมร่างของทั้งเจ้าโรงกระดูกตัวเล็กและร่างของหานซั่ว
“ท่านเทพดาทาร่า… เจ้าผู้สื่อสาร… เกิดอะไรขึ้นกับพวกท่านทั้งคู่น่ะ
!
?”
โทรลล์นักบวชชราเงยหน้าขึ้นมาดูความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับหานซั่วและเจ้าโครงกระดูกตัวเล็ก จึงร้องขึ้นด้วยความสงสัย
“ออกไป
ออกไปก่อน เดี๋ยวนี้เลย
!
เทพดาทาร่ามีอะไรบางอย่างต้องทำ
!
”
หานซั่วคำรามในขณะที่พยายามทนต่อความเจ็บปวดที่โจมตีเขาอย่างกะทันหัน
โทรลล์นักบวชชราสะดุ้งตกใจและค่อย ๆ ถอยออกจากเคหาสน์ด้วยความสับสน และยืนอยู่ข้างนอกเพื่อเฝ้าระวังสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
หานซั่วยกมือขึ้นกุมศีรษะทันทีเมื่อโทรลล์นักบวชชราออกไป เขาม้วนตัวงอด้วยความเจ็บปวดเช่นเดียวกันกับเจ้าโครงกระดูกตัวเล็ก ในใจของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว พลางคิดว่าหากเนตรปีศาจสีม่วงนี้เป็นของเทพปีศาจดาทาร่า แสดงว่าพลังงานประหลาดที่พยายามรุกล้ำกล้ำกรายร่างของเขา ปีศาจถือเป็นเทพเช่นกัน และพลังอำนาจของมันก็ไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์สามารถต่อกรได้ในตอนนี้
พลังงานมหาศาลแผ่ซ่านออกมาจากเนตรปีศาจสีม่วงข้างที่อยู่ในโพรงลูกตาด้านซ้ายของเจ้าโครงกระดูกตัวเล็ก หานซั่วพยายามสั่งให้มันเอาหยิบเอาเนตรปีศาจสีม่วงนั่นออก แต่ก็เหมือนว่าเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กจะยัดไว้ข้างในแบบที่ไม่มีใครสามารถหยิบออกได้อีก
ในขณะที่มนุษย์และโครงกระดูกกำลังกลิ้งไปมาด้วยความเจ็บปวดภายในห้องนั้น ก็ปรากฏเป็นพลังงานประหลาดอีกรูปแบบหนึ่งแผ่ซ่านออกมาจากผ้าคาดตาที่เจ้าโครงกระดูกตัวเล็กถือไว้มาโดยตลอด และเพราะสมองกำลังเจ็บปวดทรมานอย่างถึงที่สุด ทำให้ประสาทการรับรู้ของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างน่ามหัศจรรย์ ทำให้เขาสังเกตสิ่งผิดปกติบางอย่างขึ้นมาได้ทันที เขาพยายามตั้งสติและรวมรวมกำลังสมาธิทั้งหมดที่มีภายใต้ความตระหนกตกใจนั้น และสั่งให้เจ้าโครงกระดูกตัวเล็กสวมผ้าคาดตานั่นทันที
แล้วพลังวิเศษแปลกประหลาดที่พยายามรุกล้ำและสิงสู่ร่างของพวกเขาก็จางหายไปทันทีทันใดอย่างไร้ร่องรอยเมื่อเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กสวมผ้าคาดตาตามที่สั่ง หานซั่วซึ่งเหงื่อออกเต็มตัวก็ค่อย ๆ กลับสู่ภาวะปกติ
ผ้าคาดตานั้นดูราวกับสร้างมาเพื่อรูปสลักหินของเทพปีศาจดาทาร่าโดยเฉพาะ แต่มันก็ใหญ่เกินไปสำหรับเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กอย่างเห็นได้ชัด เพราะผ้าคาดตานั้นแทบจะคาดทับครึ่งซีกหน้าด้านซ้ายของมันจนหมด ทำให้มันดูตลกและน่าขันเป็นอย่างยิ่ง
“ไม่ว่ายังไง ห้ามถอดผ้าคาดตานั่นออกเชียวนะ”
หานซั่วพยายามรวบรวมสติอีกครั้งและเพิกเฉยต่อสถานการณ์แปลกประหลาดทั้งหมดที่เกิดขึ้น และรีบกำชับเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กทันที
…………………………………………
ประกาศ : กลุ่ม GDK#2 (116-180) ลงครบทุกตอนแล้วนะคะ
ติดตามอัพเดทและอ่านตอนต่อไปทันที ที่นี่ >>> Facebook :
(0 votes)
0/10
ตอนที่แล้ว
ตอนต่อไป