ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปแปลไทย : XiaoeyuGao , Champe FD
ณ ป่าผืนใหญ่ที่ตั้งอยู่บนภูเขาด้านหลังสำนัก ปรากฏร่างของเด็กหนุ่มคนหนึ่งกำลังนอนทอดกายอยู่ บนผืนหญ้าเขียวชอุ่ม ตรงมุมปากมันปรากฏลอยคราบธารโลหิตไหลเป็นแนวยาวพร้อมกับใบหน้าที่เคียดแค้นจนอัปลักษณ์
หากลองสังเกตดี ๆ จะเห็นได้ว่ามวลอากาศรอบกายของมันกำลังกระเพื่อมเหมือนดั่งภาพวาดทะเลสาบ แห่งหนึ่งที่มีก้อนหินตกลงไปจนปรากฏคลื่นน้ำกระเพื่อมก็มิปาน
ขณะนี้คุณสมบัติร่างกายของ’เต้าหลิง’ได้ผันเปลี่ยนไปราวกับพลิกฝ่ามือ มวลกล้ามเนื้อของมันขยายออกและแข็งแกร่งขึ้นอย่างยิ่ง พลังที่ทะลักออกมาอย่างมากมายจนทำให้มวลอากาศโดยรอบพลันสั่นไหวไม่หยุดหย่อน
พลังที่แฝงอยู่ในโลหิตของกิเลนไฟนั้นรุนแรงยิ่ง ทว่าด้วยความพิเศษของวิชากลืนฟ้านั้นทำให้มันสามารถ แปรเปลี่ยนพลังที่รุนแรงเหล่านั้นให้กลายเป็นพลังเสริมแก่ร่างกายของมันได้ทั้งหมด การเพิ่มพลังที่ก้าวกระโดดเช่นนี้ ช่างน่าหวาดหวั่นยิ่งนัก !
เมื่อ’เต้าหลิง’สัมผัสได้ดังนั้นมันรู้สึกตื่นเต้นยิ่ง ในที่สุดปัญหาด้านพลังกายของมันก็สามารถแก้ไขได้เสียที ทันใดนั้นนัยน์ตาพลันแดงซ่าน ก่อนที่มันจะเงยหน้ามองฟ้าคำรามออกมาด้วยความปีติยินดี
ในที่สุดข้าก็แข็งแกร่ง !
กรอบ !
ปรากฏเสียงกระดูกทั่วร่างมันดังออกมา อวัยวะภายในร่างมันพลันสั่นไหว มัดกล้ามเนื้อบีบรัดกันแน่นก่อนจะขยายตัวออกอย่างต่อเนื่อง พลังของมันแผ่กระจายออกมาอย่างบ้าคลั่งและรุนแรง บัดนี้มันไม่ต่างอันใดกับกับลูกมังกรน้อยที่พึ่งจะฟูมฟักออกมา
“ แข็งแกร่ง ! ”
‘เต้าหลิง’กล่าวพลางมองไปที่ร่างของมัน มันรู้สึกได้ถึงมวลกล้ามเนื้อในร่างของมันหนาแน่นกว่าเมื่อก่อนอยู่มากมายหลายสิบเท่า กล้ามเนื้อแต่ละมัดเต็มไปด้วยพลังที่อัดแน่นพร้อมที่จะระเบิดออกอยู่ภายใน ราวกับว่าสามารถทลายหินยักษ์ให้แหลกเป็นผุยผงได้ในพริบตาเดียว
“ วิชาที่น่ากลัวอย่างนี้ จะมีใครบ้าฝึกมันไหมเนี่ย ? ”
ใบหน้าเล็กของ’เต้าหลิง’พลันเปลี่ยนเป็นกังวลอย่างมาก ในหัวมันคิดย้อนไปถึงคำพูดของสาวลึกลับ
“ หนึ่งแสนจิน จะถึงจริงๆหนะหรอ ? ”
“ ต้องทำได้แน่ ขนาดฝึกวิชาที่ต้องตายแน่ๆอย่างกินเลือดสัตว์อสูรเข้าไปข้ายังทำสำเร็จเลย บางทีอาจจะถึงหนึ่งแสนจินจริงๆก็ได้ ! ”
กล่าวจบมันพลันถอนหายใจออกมาด้วยความวิตก หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป ทั่วทั้งทวีปชิงคงได้สั่นสะเทือนเลือนลั่นแน่
“ ว่าแต่ข้าจะหาเลือดสัตว์อสูรระดับสูงได้ยังไงล่ะ ”
‘เต้าหลิง’ขมวดคิ้วขึ้นทันใด ตามคำแนะนำการฝึก《 วิชากลืนฟ้า》นั้นจำเป็นต้องกลืนโลหิตสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งซึ่งพบหาได้ยากยิ่ง อีกทั้งโลหิตที่กลืนในแต่ละครั้งจะต้องมาจากสัตว์อสูรที่มีความแข็งแกร่งกว่าตัวก่อนๆขึ้นไปเรื่อยๆ
และที่สำคัญที่สุดจะต้องกลืนโลหิตของสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นถึงจะสามารถทลายขีดจำกัดไปได้หรือทะลวงเข้าสู่พลังกายหนึ่งแสนจิน ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้มันปวดหัวยิ่ง สัตว์อสูรศักดิ์สิทธ์มีพลังที่แข็งแกร่งมากทั้งยังหาตัวจับได้ยาก แล้วมันจะไปหาได้ที่ใดเล่า ?
“ สำหรับข้าหนึ่งแสนจินคงจะเป็นไปไม่ได้ ”
มันว่าพลางส่ายหัว หากมันหาโลหิตของสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์มาไม่ได้ ก็คงไม่มีทางทะลวงพลังกายไปถึงหนึ่งแสนจินแน่ แต่ถึงกระนั้นในใจมันก็ยังคงปีติ หากเป็นห้าหมื่นจินมันต้องทำได้แน่ !
“ หวังย่า หวังหลิ่ง ! ”
มันกล่าวออกมาอย่างเคียดแค้นก่อนจะกำหมัดแน่นทุบลงไปบนพื้น ทันใดนั้นผืนดินพลันสั่นไหวจนต้นไม้หนึ่งที่ตั้งอยู่ด้านข้างมันสั่นสะท้าน ใบไม้ต่างหลุดล่วงลอยว่อน ปรากฏไอเย็นปกคลุมรอบตัวมัน อุณหภูมิโดยรอบพลันลดฮวบอย่างรวดเร็ว
‘ ข้าจะฆ่าพวกเจ้า ! ’
มันคิดในใจพลางขบกรามแน่น หากไม่ใช่เพราะว่าวิชา《กลืนฟ้า》สามารถทำให้มันกลืนเลือดสัตว์อสูรได้ล่ะก็ ป่านนี้มันคงกลายเป็นศพไปแล้ว โดยเฉพาะ’หวังย่า’ บังอาจมาล้อเล่นความรู้สึกของมัน มันสมควรตาย !
ตอนที่มันอยู่ในสำนักทุกคนต่างมองมันด้วยสายตาเมินเฉย มันคิดว่าจะหาเพื่อนให้ได้ซักคนหนึ่งก็พอ แต่ทว่ามันกลับไม่คิดเลยว่าเพื่อนเพียงหนึ่งเดียวของมันจะหลอกใช้มันได้
“ รอข้าก่อนเถอะ ! ”
‘เต้าหลิง’ค่อยๆยันกายขึ้นอย่างช้าๆ พร้อมกับใบหน้าที่เยือกเย็น มันขบฟันก่อนจะกล่าวต่อ
“ ข้าจะตอบแทนพวกเจ้าให้อย่างสาสม คนอย่างข้าเต้าหลิงไม่ใช่คนที่ใครจะมารังแกได้ง่ายๆ ! ”
กล่าวจบ มันพยามควบคุมอารมณ์โกรธของมันให้สงบลงพลางถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง ก่อนจะคิดในว่า
‘ เพียงแค่ดื่มเลือดสัตว์อสูรไปเรื่อยๆ พลังของข้าต้องเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วแน่ ยังไงก็ต้องหาเลือดสัตว์อสูรมาให้ได้ ’
จากนั้นมันก็ขบคิดไปเรื่อย จนกระทั้งนึกถึงผลึกหินฟ้า มันก็อดสงสัยขึ้นมาไม่ได้ในทันที
“ แร่หินที่พ่อข้าไปเอามาจากเหมือง มันเป็นของล้ำค่าขนาดไหนกันเชียว ? ”
ในตอนที่’หวังหลิ่ง’เห็นผลึก หินฟ้ามันก็แสดงความละโมบออกมาขนาดนั้น หรือแม้แต่หวังย่าที่ยอมเสียเวลาตั้งนานพูดคุยหลอกล่อ มัน ดูแล้วผลึกหินฟ้านี้คงจะล้ำค่ามากจริง ๆ
แต่ที่น่าแปลกก็คือที่บ้านของมันยังมีอีกตั้งเป็นเข่ง อีกทั้งบิดาของมันยังทิ้งๆขว้างๆ บ้างก็เอาไปขัดหม้อ บ้างก็เอาไปขัดแคะซอกเท้า หรือไม่ก็เอาไปหนุนโต๊ะ…
ทั้งนี้ผลึกหินฟ้านั่นก็ไม่ใช่แร่หินที่ดีที่สุด มันมีไว้ใช้ขัดแคะเท้าเท่านั้นแหละ ความจริงแล้วที่บ้านมันยังมีแร่หินอีกหลายก้อนเลยที่เปล่งประกายแสงสวยงามกว่าผลึกหินฟ้านั่นเสียอีก แร่หินที่สวยงามเหล่านั้นส่วนใหญ่จะถูกนำไปทำเป็นลูกแก้วเอาไว้ดูเล่น และในตอนที่บิดามันนอนหลับบิดาก็มักจะนำแร่หินเหล่านั้นวางไว้ตามซอกต่างๆ ของร่างกาย และนี่ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่มันสงสัยมาโดยตลอดว่าทำไม จะว่าไปบิดามันก็ไม่ใช่คนที่ขี้หวงอะไรนัก
“ ถ้าเอาไปขายอันหนึ่ง ต้องหาเลือดสัตว์อสูรมาได้จำนวนมากแน่ ! ”
ใบหน้า’เต้าหลิง’พลันยกขึ้น ปรากฏรอยยิ้มตรงมุมปากทันที
“ เฮ้ย ไอ้เทพแห่งการนอน เจ้ามาทำอะไรที่นี่ ? ”
ทันใดนั้นปรากฏเสียงหนึ่งดังขึ้นมาพร้อมกับเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาด้วยใบหน้าหยิ่งผยอง สายตาจ้องมองอย่างเหยียดหยาม ในใจมันไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าเหตุใดวันนี้อาจารย์ถึงปล่อยมันไป
เพียงเห็นคนที่พึ่งเดินเข้ามา นัยน์ตา’เต้าหลิง’พลันเรียบเฉย มันผู้นั้นคือน้องชายของ’เฉียนหลิน’ พลังกายประมาณสามพันจิน นอกจากนี้มันยังชอบสร้างปัญหาให้แก่’เต้าหลิง’อยู่บ่อยๆ
“ ข้าจะทำอะไรก็เรื่องของข้า ทำไมข้าต้องบอกเจ้า ? ”
‘เต้าหลิง’กำหมัดแน่นทันที ยามนี้มันรู้สึกได้ถึงพลังที่พร้อมจะระเบิดออกมาจากมัดกล้ามเนื้อได้เลย ใบหน้ามันพลันเปลี่ยนเป็นปีติ บัดนี้มันเข้าใจแล้วว่าในโลกใบนี้ ขอแค่มีพลังที่แข็งแกร่งก็จะไม่ถูกใครรังแกอีก
“ ปากดี เจ้ากล้าพูดอย่างนี้กับข้างั้นรึ ? ข้าว่าเจ้าคงเบื่อโลกอยากตายล่ะสิ ! ”
ใบหน้า’เฉียนอี้’เปลี่ยนเป็นขึงขังทันที ก่อนจะกล่าวต่อ
“ หากวันนี้ข้าไม่ได้ตบตีเจ้า เห็นทีคงจะไม่ได้ ! ”
นัยน์ตามันฉายแววโกรธเกรี้ยว หมัดทั้งสองข้างกำแน่น ก่อนจะพุ่งทะยานร่างเข้าใส่’เต้าหลิง’อย่างรวดเร็ว พร้อมตะโกนดังออกมา
“ จำเอาไว้ ยังไงเจ้าก็เป็นขยะอยู่วันยังค่ำ ยังไงก็ต้องถูกข้าตบตีตลอดไป ! ”
สายตายังคงจับจ้องไปที่ร่างหนึ่งที่พุ่งเข้ามา ‘เต้าหลิง’ส่งเสียงหึในลำคอออกมาเย็นๆครั้งหนึ่ง หากเป็นเมื่อก่อนมันคงต้องถูกตบตีบาดเจ็บหนักแน่ แต่ว่าตอนนี้มันคนละเรื่องกันเลย ดีเหมือนกันมันจะได้ทดสอบพลังของมันตอนนี้ว่าเป็นเช่นไร
‘เฉียนอี้’พุ่งเข้ามาพร้อมกระโดดขึ้นสูง รวบรวมพลังไว้ที่กำปั้นก่อนจะปล่อยหมัดตรงไปที่คาง’เต้าหลิง’ ดูท่าฟัน’เต้าหลิง’คงต้องหักออกไปหลายซี่แน่
ทว่าใบหน้าของ’เต้าหลิง’ยังคงเคร่งขรึม หมัดทั้งสองกำแน่นจนปรากฏเสียงกระดูกกระทบกันดังออกมา ก่อนที่มันจะปล่อยหมัดสวนเข้าไปในทันที
“ ฮ่า ๆ ขยะยังไงก็คือขยะ มาดูกันว่าวันนี้ข้าจะหักแขนของเจ้ายังไง ! ”
ทันทีที่’เฉียนอี้’เห็น’เต้าหลิง’โจมตีสวนมา มันไม่โกรธแต่กลับยิ้มออกมา เจ้าเทพแห่งการนอนมันคิดว่าจะชนะข้าได้อย่างนั้นหรอ ?
พริบตาเดียวหมัดทั้งสองก็ปะทะกันอย่างรุนแรง ก่อนที่จะปรากฏเสียงกระดูกแตกหักดังออกมาลั่น ร่างของ’เฉียนอี้’แข็งค้าง มันรู้สึกว่ากำปั้นของมันในตอนนี้ไม่ใช่ของมันอีกแล้ว (ผู้แปล : แขนหักควบคุมแขนไม่ได้ )
ทั่วร่างของ’เฉียนอี้’พลันสั่นเทา ขาของมันค่อยๆทรุดลงกับพื้นอยู่ในท่าคุกเข่าเหมือนกับกุ้งตัวหนึ่งก็มิปาน ส่วนมือของมันปรากฏบาดแผลฉีกออกโลหิตทะลักอาบชโลมทั่ว
‘เต้าหลิง’ดึงหมัดกลับมา ก่อนจะผุดรอยยิ้มแห่งชัยชนะออกมา สายตามันยังคงจับจ้องไปที่ร่างของ’เฉียนอี้’ที่กำลังสั่นเทาก่อนจะกล่าวต่อว่า
“ เจ้าหาเรื่องใส่ตัวเองนะ ”
ได้ยินดังนั้น’เฉียนอี้’รีบยันกายขึ้นมาอย่างรวดเร็วพร้อมกล่าวอย่างโกรธเกรี้ยวว่า
“ ไอ้ขยะนี่เจ้ากล้าตบตีข้างั้นรึ เจ้าก่อเรื่องใหญ่เข้าแล้ว เจ้าตายแน่ ! ”
“ เฉียนอี้ เจ้ามันกระจอกเช่นนี้ยังกล้ามาเรียกข้าว่าขยะอีกงั้นหรือ ข้าว่าเจ้าต่างหากเล่าที่เป็นขยะ ”
‘เต้าหลิง’เดินเข้ามาพลางส่ายหน้าเบาๆ
“ เจ้าหาที่ตายเองนะไอ้ระยำ เจ้านั่นแหละที่เป็นขยะ ! ”
‘เฉียนอี้’โกรธเกรี้ยวสุดๆ มันยังตะโกนด่าทอออกมาอีกว่า
“ เจ้านั่นแหละที่เป็นขยะ เจ้าซวยแน่ ! ”
ได้ยินดังนั้น’เต้าหลิง’พลันหุบยิ้มลงในทันที ก่อนจะกล่าว
“ หึ ห่วงตัวเองดีกว่ามั้ง ”
‘เต้าหลิง’กล่าวจบมันกระตุกมุมปากขึ้นผุดรอยยิ้มอันสุดแสนเจ้าเล่ห์ออกมา ก่อนจะใช้ฝ่าเท้าของมันฟาดเป็นแนวขวางเข้าไปประดุจฝักกระบี่ที่แหลมคมเข้าอย่างจังที่ร่างของ’เฉียนอี้’ที่กำลังมองมาด้วยสายตาตกตะลึง แรงปะทะดังกล่าวทำให้มวลอากาศโดยรอบพลันระเบิดกระจายออกเป็นวงกว้างทันที
“ ปัง ! ”
ปรากฏเสียงระเบิดดังสนั่น ก่อนที่ร่างของ’เฉียนอี้’จะลอยขึ้นไปบนอากาศและตกลงในพุ่มไม้หนึ่ง โลหิตสดๆถูกขากออกมาเป็นกองใหญ่พร้อมกับปรากฏเสียงร้องโหยหวนเจ็บปวดสุดแสนดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
‘เฉียนอี้’ร้องครวญครางออกมาด้วยความเจ็บปวด สายตาของมันยังคงจับจ้องไปที่เต้าหลิงอย่างเคียดแค้น แต่ทว่ามันกลับต้องสะดุ้งตกใจเสียเอง เมื่อมันจับจ้องไปที่นัยน์ตาที่แสนจะเหี้ยมโหดของเต้าหลิง แต่ถึงกระนั้นมันก็ยังใจดีสู้เสือตะโกนออกไปว่า
“ รอข้าก่อนเถอะไอ้เต้าหลิง เจ้ากล้าตบตีข้าเช่นนี้ยังไงก็ไม่มีใครช่วยเจ้าได้ ข้าจะไปฟ้องพี่ข้าให้ฆ่าเจ้าเสีย เตรียมตัวตายได้เลย ! ”
แม้’เฉียนอี้’จะกล่าวออกไปด้วยความโกรธแค้นแต่ถึงกระนั้นมันก็ยังมีความหวาดกลัวแฝงอยู่ด้วย หรือว่ามันจะไม่ใช่ขยะ ? แรงหมัดเมื่อซักครู่ของมันช่างรุนแรงยิ่ง จะเป็นไปได้อย่างไรกัน ?
“ ข้าก็อยากจะรู้เหมือนกัน ว่าข้าจะตายอย่างไร ”
‘เต้าหลิง’กล่าวพลางมองไปที่ร่างของ’เฉียนอี้’ที่กำลังหนีไปอย่างหัวซุกหัวซุน จากนั้นมันก็กำหมัดจนแน่น มันรู้สึกได้เลยว่าตอนนี้มัดกล้ามเนื้อของมันตอนนี้แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก จะว่าไปเมื่อซักครู่มันยังใช้แรงออกไปไม่เต็มที่เลย
“ ดูท่าคงต้องรีบเพิ่มพลังซะแล้ว หากหวังหลิ่งกับนางสารเลวนั่นมันรู้ว่าข้ายังไม่ตาย พวกมันต้องมาสร้างปัญหาให้ข้าอีกแน่ ”
‘เต้าหลิง’สูดลมหายใจเข้าไปลึก ก่อนจะย่ำฝีเท้ามุ่งกลับไปที่บ้านของมัน
ณ เขตผู้ยากไร้
ปรากฏบ้านหลังเล็กหนึ่งขนาดประมาณหนึ่งห้องใหญ่เห็นจะได้ตั้งอยู่ในเขตผู้ยากไร้ คงจะไม่มีใครคาดคิดหรอกว่าภายในบ้านเล็กๆหลังนี้จะมีแร่หินที่ล้ำค่าซุกซ่อนอยู่ภายใน
‘เต้าหลิง’เดินเข้ามาในห้องหนึ่งก่อนจะก้มลงไปที่ใต้เตียงอย่างชำนาญ ครู่เดียวมันก็หยิบเข่งไม้หนึ่งออกมา ซึ่งด้านในเข่งไม้ก็เต็มไปด้วยแร่หินที่ส่องประกายแสงหลากสีกันเต็มไปหมดเลย บ้างก็มีสีแดงฉานประดุจ โลหิต บ้างก็มีสีเขียวมรกตประดุจหยก บ้างก็ส่องประกายแวววับดั่งดวงดาว
สายตาของ’เต้าหลิง’ยังคงจับจ้องไปที่หินเหล่านั้นอย่างไม่วางตา มันเกาหัวสองสามครั้งก่อนจะนำเข่งไม้ นั้นกลับคืนที่เดิมแล้วพูดขึ้นว่า
“ หินพวกนี้ข้าไม่ไปยุ่งกับมันจะดีกว่า หากคนอื่นเห็นเข้าคงต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ ไว้รอให้พ่อกลับมาก่อนดีกว่าข้าจะได้ถามว่าเอาแร่หินพวกนี้มาจากไหน ”
ไม่นาน’เต้าหลิง’ก็มาปรากฏตัวอยู่ที่ห้องครัว สายตามันจ้องมองไปที่หินสีทองแดงก้อนหนึ่ง ซึ่งบิดาของมันใช้หินก้อนนี้ในการขัดหม้อ ขนาดของมันประมาณนิ้วหัวแม่มือขนาดใหญ่เห็นจะได้
“ เอาอันนี้แล้วกัน ! ”
‘เต้าหลิง’มองไปที่หินสีทองแดงอย่างครุ่นคิด ดูแล้วมันน่าจะมีคุณภาพต่ำที่สุดแล้ว แม้ว่าเมื่อก่อนบิดามันจะเคยบอกว่าห้ามเอาออกไปข้างนอก แต่ถึงอย่างนั้นบิดามันก็ยังพูดต่ออีกว่า หากมันมีความสามารถเพียงพอ หินแร่ทั้งหมดนี้ล้วนตกเป็นของมัน
“ มาดูกันหน่อยเถอะว่าวิชากลืนฟ้าจะแข็งแกร่งถึงเพียงไหน ”
‘เต้าหลิง’นำแร่ทองแดงเก็บไว้ที่ตัว ก่อนจะนั่งลงขัดสมาธิ เปลือกตามันพลันปิดลงเพื่อเตรียมตัวสำหรับการฝึกฝนในช่วงเวลาต่อจากนี้ไป
ที่มา :
(0 votes) 0/5